“เร้นลับ-ซับซ้อน-อันตราย” พิธีกรนักสำรวจคนดัง เปิดประสบการณ์ระทึก หลังลงพื้นที่จริงสำรวจ 'ถ้ำหลวง' แทบขาดอากาศหายใจ-เส้นทางซับซ้อนไม่ต่างจากเขาวงกต! ทีมข่าวตรวจสอบย้อนหลัง กรณีคนหลงถ้ำ..ไม่ใช่ครั้งแรก ทว่า ติดอยู่ในถ้ำนานสุด 3 เดือน แต่กลับออกมาได้อย่างปลอดภัย
สำรวจ “ถ้ำหลวง” ไม่ต่างจาก “เขาวงกต”
“จากประสบการณ์ของผมที่ได้ไปสำรวจ การลงพื้นที่แต่ละครั้งต้องมีเจ้าหน้าที่ไปด้วย เพราะอันตรายมาก สิ่งที่เป็นอุปสรรคที่สุดขณะเดินสำรวจถ้ำหลวงครั้งนั้น คือ อากาศหายใจและทางที่ซับซ้อน แทบไม่ต่างจากเขาวงกตเลย”
'ต้นกล้า-ชัยอนันต์ ปันชู' ผู้ดำเนินรายการกล้าลองกล้าลุย เปิดใจกับทีมข่าว ผู้จัดการ Live ถึงประเด็นความยิ่งใหญ่-ลึกลับของ “ถ้ำหลวง” ซึ่งได้รับการยืนยันจากนักธรณีวิทยาแล้วว่าเป็นถ้ำที่ยาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย!
“จุดเด่นของถ้ำแห่งนี้ สำรวจกันมาหลายปีก็ยังไม่แล้วเสร็จ เพราะด้านในสลับซับซ้อน มีระยะทางเกือบ 10 กิโลเมตร ขนาดคนในพื้นที่ยังเคยเดินหลง ติดอยู่ภายในถ้ำมาแล้ว จากปากถ้ำกว้างๆ เมื่อเราเข้ามาด้านใน ทางจะแคบลงเรื่อยๆ ซึ่งช่วงหน้าฝน จำเป็นต้องปิดถ้ำ ห้ามใครเข้ามาเด็ดขาด
เพราะนี่คือทางผ่านของน้ำ อาจถูกน้ำป่าพัดไปติดอยู่ด้านใน อันตรายอย่างมาก ดังนั้น ร่องรอยของน้ำป่าในถ้ำยังมีให้เห็นตลอด ทั้งทราย ดินโคลนเละๆ จะเข้าไปสำรวจด้านในได้ก็ต้องหมอบ ต้องคลาน ค่อยๆ เดินเข้าไปเท่านั้น ซึ่งด่านที่ต้องลอดผ่านช่องเล็กๆ แคบๆ ถือเป็นด่านวัดใจ จากที่หายใจกันได้สะดวก ด้านในเริ่มรู้สึกอึดอัด
ยิ่งเดินเข้าไปลึก อากาศก็ยิ่งน้อย แถมทางในถ้ำ ทั้งลื่น ทั้งแฉะ อีกด้วย ซึ่งผมเดินได้ 1-2 กิโลเมตรแรกยังไม่เท่าไหร่ วันนั้นผมตั้งเป้าไว้ว่าจะเดินกัน 8 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้อธิบายเราว่าแต่ละจุดได้มีการสำรวจมาแล้ว แต่ก็ยังจำไม่ได้ว่าตรงไหนมันทะลุไปทางไหน
เพราะข้างในถ้ำมันซับซ้อนมาก พอเราเดินเข้าไปช่วงกิโลเมตรที่ 2 เริ่มลำบาก มันเป็นแอ่งลงไปเรื่อยๆ มันจึงยากลำบาก อุปสรรคที่สุด คือ เรื่องอากาศหายใจครับ เข้าไปแล้วรู้สึกเลยว่าแน่นหน้าอก หายใจได้ไม่สุด พื้นแฉะตลอด ผมคิดว่าถ้ายิ่งเข้าไปลึกกว่านั้นเราจะหายใจได้ลำบากขึ้น
ส่วนอุปสรรคหลักๆ ที่เห็นได้ชัดเจน คือ เรื่องของน้ำที่ท่วมสูงอยู่ในถ้ำ และเส้นทางที่ซับซ้อน ต้องบอกเลยว่าทางที่เดินเข้าไป เมื่อหันหลังกลับมาดูทางอีกทีแทบจำไม่ได้ มันซับซ้อนมาก เหมือนเขาวงกตเลยเมื่ออยู่ข้างใน มันยิ่งใหญ่และซับซ้อนมาก เพราะแบบนั้นคนจึงเรียกว่า ถ้ำหลวง เพราะมันใหญ่จริงๆ”
แม้ดูแล้วจะมีอุปสรรคอยู่มาก แต่อดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะเหตุใดถ้ำแห่งนี้ จึงถือว่าเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวต่างเข้ามาเยี่ยมชมกันอยู่บ่อยครั้ง ซึ่ง 'ต้นกล้า' นักสำรวจขาลุยได้ยืนยันคำตอบเอาไว้ว่า เพราะถ้ำแห่งนี้มีความยาวติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย จึงเป็นสถานที่ที่สร้างความตื่นเต้น-ท้าทายให้กับเหล่านักสำรวจ
“ด้วยความที่ถ้ำแห่งนี้ติดอันดับว่าเป็นถ้ำที่ยาวอันดับต้นๆ ของบ้านเรา โดยเฉพาะข้างในเองที่ยังเหลือการสำรวจอีกมาก ยิ่งเข้าไปข้างในลึก มันจะมีความสวยงามเป็นโถง มันท้าทายนะสำหรับคนที่ชอบสำรวจถ้ำ ยิ่งพอรู้ว่าถ้ำแห่งนี้มันยาวและไปได้สุด หลายคนก็อยากจะรู้ว่ามันจะสุดทางไหนบ้าง
แต่ลึกๆ ผมก็กลัวอยู่ในใจว่าถ้าไปแล้วเราหลงจะทำยังไง ก็พยายามเกาะติดกันตลอดครับ มีการเปิดแผนที่ดูกันตลอดทางว่าเราอยู่จุดไหนแล้วบ้าง ผมคิดว่าคนทั่วไปเข้าไปได้คงแค่ 1-2 กิโลเมตรแรก หลังจากนั้นจะเริ่มยากแล้ว
ตอนนั้นที่เราไปสำรวจ เราไปเพื่ออยากทราบว่ามันจะไปทะลุโผล่ทางไหนและข้างในนั้นมีอะไรอีกบ้าง แต่สำรวจได้ไม่หมดเพราะว่ามันลึกเกิน ทีมงานเราสำรวจกันได้ถึงกิโลเมตรที่ 4 จากนั้นตัดสินใจกลับออกมา
แต่จากที่ผมทราบจากพี่ๆ เจ้าหน้าที่จากวนอุทยานบอกว่า ยิ่งสำรวจเข้าไปด้านในลึกมากเท่าไหร่ จะเจอหินงอกหินย้อยที่สวยงาม แปลกตา บางจุดแทบจะมีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น ที่เห็นสวยงามแบบนี้ เนื่องจากในถ้ำลึกๆ มีคนเข้ามารบกวนน้อย หินงอกหินย้อยจึงเกิดเยอะมาก”
ในฐานะผู้ที่เคยได้ลงพื้นที่เข้าสำรวจถ้ำหลวง ต้นกล้า ผู้ดำเนินรายการคนดังกล่าวได้ฝากทิ้งท้ายถึงนักท่องเที่ยวที่สนใจเดินเที่ยวชมถ้ำหลวง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนอีกด้วยว่าควรปฏิบัติตามกฎของเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัย
“ฝากถึงคนที่จะไปเดินในถ้ำในช่วงหน้าฝน เจ้าหน้าที่จะมีป้ายติดเอาไว้ชัดเจนว่าอย่าเข้าไปเด็ดขาด ซึ่งช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่อันตรายมาก เวลาที่เราอยู่ข้างในถ้ำจะไม่รู้เลยว่าฝนตกอยู่ข้างนอก หรือเกิดน้ำป่าไหลหลาก ยิ่งเฉพาะในภาคเหนือเวลาที่ฝนตกน้ำไหลบ่ามาแรงและเร็ว อยากให้ระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยของทุกคนครับ”
ไม่ใช่ครั้งแรก! “พ่อค้าหลง-อดีตครูหายตัว”
จากกรณีการค้นหานักเตะเยาวชนทีม “หมูป่า” พร้อมผู้ฝึกสอนหรือโค้ช รวม 13 ชีวิต พลัดหลงอยู่ภายในถ้ำหลวง เขตวนอุทยานถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน ทีมข่าว ผู้จัดการ Live ได้ตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังพบว่า เหตุการณ์นักท่องเที่ยวเข้าไปติดอยู่ในถ้ำไม่ใช่ครั้งแรก ซึ่งจากข้อมูลพบว่ามีผู้ที่เคยติดอยู่ในถ้ำแห่งนี้นานสุดเป็นเวลากว่า 3 เดือน!
ย้อนกลับไปเหตุการณ์การหายตัวลึกลับของอดีตอาจารย์ที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อ 2 ปีก่อน จากรายงานแจ้งว่ามีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งลักษณะคล้ายคนจีนหรือคนญี่ปุ่น อายุราวๆ 50-60 ปี ได้ปั่นจักรยานมายังถ้ำทรายทอง ซึ่งเป็นถ้ำที่เชื่อมต่อกับถ้ำหลวง
โดยชายคนดังกล่าวแจ้งกับพ่อค้า-แม่ค้าบริเวณนั้นว่า ตนเดินทางมานั่งสมาธิ 2-3 วัน จึงได้ฝากจักรยานเอาไว้ แต่เมื่อผ่านไปแล้ว7 วัน ยังไม่มีใครเห็นชายคนดังกล่าวกลับออกมา จึงได้มีการแจ้งเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่เพื่อค้นหาตัวชายดังกล่าว ซึ่มทีมกู้ภัยจากมูลนิธิสยามรวมใจแม่สายได้มีการเข้าสำรวจภายในถ้ำลึกถึง 2 กิโลเมตร แต่ไม่พบ
จนล่วงเข้าเดือนที่ 3 มีการพบตัวชายคนดังกล่าว มีท่าทางอิดโรย มีรอยข่วนและแผลตามร่างกาย ตรวจสอบจึงพบว่าเป็นอดีตอาจารย์สอนพิเศษภาษาจีนอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ไม่ใช่นักท่องเที่ยวต่างชาติแต่อย่างใด
ส่วนเหตุผลที่เข้าไปในถ้ำ เจ้าตัวแจ้งว่าได้เดินทางไปเพื่อนั่งสมาธิจริง แต่น้ำท่วมถ้ำจึงขึ้นเขาและย้ายไปนั่งสมาธิตามจุดต่างๆ เมื่อน้ำและอาหารที่เตรียมไว้หมด จึงตัดสินใจลงจากเขาก่อนกลับขึ้นไปใหม่ กระทั่งกระเป๋าเงินหายจึงลงมาขอความช่วยเหลือ ทำให้เจ้าหน้าที่พบตัวหลังค้นหามานานกว่า 3 เดือน!
เช่นกันกับกรณี 'พ่อค้า' ชาวเชียงรายเคยหลงอยู่ในถ้ำหลวง ได้เล่าประสบการณ์แสนระทึกของตนเมื่อ 25ปีก่อน ว่าตนเข้าไปเที่ยวเล่นในถ้ำร่วมกับคนอื่น ราวๆ 6-7 คน แต่กลับหาทางออกไม่เจอและได้ติดอยู่ข้างในนั้นกว่า 2 ชั่วโมง แต่กลับออกมาได้เพราะมีคนเข้ามาในถ้ำ จึงเดินตามแสงไฟจากตะเกียงออกมาภายนอกได้สำเร็จ
ขณะที่อดีตผู้ใหญ่บ้าน 'บ้านจ้อง' ต.โป่งผา เปิดเผยกับสำนักข่าวแห่งหนึ่งว่า เมื่อปี 2529 ได้มีชายชาวต่างชาติหลงเข้าไปติดอยู่ในถ้ำหลวงแห่งนี้ด้วยเช่นกัน โดยชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ช่วยกันค้นหาติดตามกว่า 7 วัน จึงสามารถช่วเหลือออกมาได้อย่างปลอดภัย
ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live