มาแรงแซงทางโค้ง กระแสเทรนด์สุขภาพที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง ตัวเลือกใหม่ของ โคคา-โคลา ที่จะมาตอบโจทย์คนรักสุขภาพ เพิ่มความสดชื่น คงความซาบซ่า พร้อมกับการครีเอทสูตรม็อกเทลสุดพิเศษเป็นที่แรก
ลดอ้วนซาบซ่า! “โคคา-โคลา” ส่ง ตัวเลือกคนรักสุขภาพ
ไม่เคยเก่าสำหรับ “โคลา-โคลา” แบรนด์ที่อยู่มานานกว่าร้อยปี กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคน ขณะที่เครื่องดื่มโค้กนั้นก็ยังคงความหลากหลาย เพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แตกต่างกันไปของกลุ่มผู้บริโภคด้วยเช่นกัน และเพื่อให้ผู้บริโภครู้จักโคคา-โคลามากยิ่งขึ้น จึงจัดเวิร์คช็อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ บอกเล่าการเดินทางอันยาวนานที่ยึดถือผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และผลิตภัณฑ์ยังมีหลากหลายประเภท ที่จะมาตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต
เริ่มต้นกันด้วยเครื่องดื่มโค้กรสชาติพิเศษ ที่ควรไปลิ้มลอง ก็คือ “โค้กพลัส คอฟฟี่” (Coke Plus Coffee) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดกับเครื่องดื่มโค้กผสมกาแฟโรบัสต้าแท้ แถมน้ำตาลยังน้อยลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์อีกด้วย
จุดเด่นของ “โค้กพลัส คอฟฟี่” หรือ “โค้กกาแฟ” คงหนีไม่พ้น เรื่องของกลิ่นกาแฟจางๆ ที่ผสมกับโค้กไว้อย่างลงตัว และยังเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
ไม่เพียงแค่นี้ เมื่อพูดถึงเครื่องดื่มโค้กที่หลายคนอาจจะคิดว่ายังมีน้ำตาลเยอะอยู่ จนไม่กล้าดื่มในปริมาณมากๆ ทำให้ทาง “โคคา-โคลา” เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชนิดใหม่ โคคา-โคล่า พลัส (Coca-Cola Plus) ในตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นนวัฒกรรมน้ำอัดลมที่มีคุณสมบัติเฉพาะ เป็นเครื่องดื่มปราศจากน้ำตาลและไม่มีแคลอรี่ เอาใจคนชอบน้ำอัดลม แต่ยังกลัวอ้วนอยู่ และยังลดการสะสมของไขมันได้ด้วย ถือว่าตอบโจทย์คนรักสุขภาพเลยก็ว่าได้
ส่วนเครื่องดื่มที่จะมาเติมเต็มความสดชื่น อย่าง “อควาเรียส” กลิ่นเกรปฟรุ๊ตและกลิ่นซิตรัส ก็เป็นผลิตภัณฑ์โฉมใหม่ที่ผสมสารสกัดจากผักและผลไม้ 8 ชนิด ได้แก่ เลม่อน ส้ม แครอท เรดบีท กีวี่ เสาวรส แอปเปิ้ล และบลัดออเรนจ์ สามารถเติมความสดชื่นที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี ในส่วนของน้ำตาลก็มีปริมาณที่น้อย จึงได้รับรองสัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” ด้วยเช่นกัน และยังมีเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว 100 เปอร์เซ็นต์ ในชื่อ “ซิโค่” ที่ไม่มีการเจือปนสารใดๆ
และแบรนด์น้ำผลไม้อันดับ 1 ของโลก อย่าง “มินิทเมด” ได้มองเห็นถึงกระแสรักสุขภาพที่กำลังมาแรง จึงได้เสนอทางเลือกที่มากขึ้นด้วยเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ก็คือ “มินิทเมด ออเร้นจ์ ไฟเบอร์” เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพด้วยประโยชน์จากไฟเบอร์ และวิตามินซี ซึ่งจะมาเติมเต็มน้ำผลไม้ที่เต็มไปด้วยวิตามินซี อีกรสชาติหนึ่ง ก็คือ “มินิทเมท ฮันนี่ เลมอน”
นอกจากนี้ บริษัทโคลา-โคลายังมีเครื่องดื่มชา แบรนด์ “Ayataka” และ “Sokenbicha” จากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นต้นตำรับชาแท้ๆ เพื่อสุขภาพ ไม่ใส่น้ำตาลหรือสารให้ความหวาน และยังมี “Fuze Tea” อีกหนึ่งแบรนด์ยอดนิยม ที่สามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ถึงพันล้านเหรียญอีกด้วย
สำหรับผลิตภัณฑ์อีกอย่าง ของโคคา-โคลา อย่าง “จอร์เจียคอฟฟี่” ก็เป็นแบรนด์ยอดฮิตในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่มาในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม และยังขึ้นชื่อที่สุดในพอร์ตโฟลิโอกาแฟของโคคา-โคลา
ส่งมอบความสดชื่นด้วยสูตรม็อกเทลใหม่!!
ในยุคปัจจุบันที่ทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย เทรนด์สุขภาพเพิ่มความสำคัญมากขึ้น โคคา-โคลาก็ได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์เหล่านี้ ด้วยการเริ่มลดปริมาณน้ำตาลในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มกว่า 500 แบรนด์ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ด้าน คลาวเดีย นาวาร์โร ผู้อำนวยการการตลาด บริษัท โคคา-โคลา ประจำประเทศไทย กล่าวถึงการจัดเวิร์คช็อปในครั้งนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดที่เราค้นพบว่าผู้บริโภคส่วใหญ่ไม่รู้ว่าเครื่องดื่มที่ดื่มเป็นประจำนั้นอยู่ภายใต้แบร์นดของโคคาโคล่าประเทศไทย โดยผู้บริโภคคือหัวใจสำคัญของโคคาโคล่า โคคาโคล่าเองได้รับฟังความต้องการของผู้บริโภค มุ่งมั่น พัฒนา นวัฒกรรม ผลิตภัณฑ์ที่ทั้งมอบความสดชื่นที่เป็นทั้งประโยชน์ให้กับผู้บริโภคมีความต้องการ และไลฟ์สไตที่แตกต่างกันไป
แม้ความต้องการและเทรนด์ผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปไว และไม่เคยหยุดนิ่ง โคคา-โคลาก็พร้อมที่จะสานต่อการเดินทางอันยาวนานของแบรนด์ที่พร้อมเปลี่ยนความท้าทายต่างๆ เพื่อส่งมอบความสดชื่น สร้างความสุข แรงบันดาลใจ ให้กับผู้บริโภคในทุกช่วงเวลาของชีวิต และจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ เราจะเดินหน้าพร้อมรับฟังเสียงของผู้บริโภคในทุกๆ วันเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัท เครื่องดื่มที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
ต่อด้วยการเวิร์คช็อปผสมม็อกเทลจากผลิตภัณฑ์ของโคลา-โคลา อาทิ “ชเวปส์ มะนาว โซดา” “ชเวปส์ ดราย จิงเจอร์เอล” “ชเวปส์ โทนิค วอเตอร์” และ “โค้ก” จากมิกโซโลจิสท์ชื่อดังอย่าง หนึ่ง - รณภร คณิวิชาภรณ์ และยังเป็นบาร์เทนเดอร์เจ้าของรางวัล Diageo World Class ประจำปี 2017 และหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลัง Backstage Cocktail Bar หนึ่งในบาร์จากประเทศไทยที่ได้อันดับสูงที่สุดจากรางวัล Asia’s 50 Best Bars 2017 ที่จะมาสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มให้มีความหลากหลายมากขึ้น โดยจะมาครีเอทเป็นสูตรม็อกเทลใหม่เอี่ยมเป็นที่แรก
สูตรแรกชื่อว่า Afternoon Picnic (อาร์ฟเตอร์นูนปิกนิก) เป็นสูตรง่ายๆ สามารถทำได้ที่บ้าน โดย มีส่วนผสมคือ 1.น้ำลิ้นจี่ 2.แอปเปิลแพร์ไซรัป 3.ชเวปส์ มะนาวโซดา 4.ฟลาวเวอร์ไซรัป 5.ชเวปส์ โทนิค วอเตอร์
สูตรนี้เริ่มจาก น้ำลิ้นจี่ จากนั้นตามด้วย แอปเปิลแพร์ไซรัป เติมความหวานนิดหนึ่งด้วยน้ำเชื่อม อย่าง ฟลาวเวอร์ไซรัป คนให้เข้ากันแล้วชิม ตามด้วยใส่น้ำแข็งจากนั้นตามด้วยพระเอกของเราอย่าง ชเวปส์ โทนิค วอเตอร์ จากนั้นเพิ่มความเปรี้ยวด้วย ชเวปส์ มะนาวโซดา
สำหรับเทคนิคในสูตรนี้ เหมาะกับการออกไปพักผ่อนในช่วงบ่าย จะช่วยความซาบซ่า บวกกับรสหวาน รสเปรี้ยวของตัวชเวปส์ ให้มีรสชาติกลมกล่อมของส่วนผสมต่างๆ และยังเพิ่มความสดชื่นจากแอปเปิลแพร์ไซรัปอีกด้วย หากมีติดไปด้วยในวันพักผ่อนช่วงเวลาสั้นๆ รับรองว่าช่วยให้วันพักผ่อนของเราเป็นวันที่ดีๆ อีกวันแน่นอน
มาต่อกันด้วยเมนูที่สอง ที่มีชื่อว่า Dusk Together (ดัสทูเก็ทเตอร์) สูตรนี้ก็ทำได้ง่ายๆ ไม่แพ้สูตรแรกกันเลยทีเดียว ก่อนอื่นมาดูส่วนผสมกันก่อนว่ามีอะไรกันบ้าง 1.มินิดเมด ออเรนจ์ไฟเบอร์ 2.น้ำเกรปฟรุ้ต 3.น้ำเชื่อม 4.เรดไวน์สไปซ์ไซรัป (ไม่มีแอลกอฮอล์) 5.ชเวปส์ จินเจอร์ เอล
สำหรับสูตรเหมาะกับเวลาในช่วงเย็นๆ เริ่มจากการใช้มินิดเมด ออเรนจ์ไฟเบอร์ ความพิเศษของตัวนี้ คือความหวาน เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะรู้สึกถึงความสดชื่น เพราะไม่ได้หวานมาก มินิดเมดสูตรนี้มีน้ำตาลน้อย มีไฟเบอร์ช่วยในระบบขับถ่ายจากนั้นตามด้วย น้ำเกรปฟรุ้ต เพิ่มความหวานด้วยน้ำเชื่อม และตามด้วย เรดไวน์สไปซ์ไซรัป (ไม่มีแอลกอฮอล์) จากนั้นตามด้วยน้ำแข็งบด แล้วตามด้วยพระเอกอย่าง ชเวปส์ จินเจอร์ เอล สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ใช้ได้ตามที่ต้องการได้เลย ส่วนรสชาติที่ละมุนลิ้นนี้บวกกับช่วงเวลาที่ได้สัมผัส เมื่อได้ดื่มอะไรอร่อยและหอมหวานทำให้สดชื่น ทำให้มีพลัง
มาถึงเมนูที่สาม ที่มีชื่อว่า Night to Meet You (ไนท์ทูมีสยู) สูตรนี้มีส่วนผสมอยู่ 5 อย่างด้วยกันคือ 1.ชาดำ 2.เชอร์รี่ไซรัป 3.น้ำเลมอน 3.ผงชาโคล 4.ไข่ขาว 5.โค้ก ออริจินอล ซึ่งเหมาะกับช่วงค่ำๆกันบ้าง สักประมาณ 3 ทุ่ม
เมนูนี้เริ่มจากตัว ชาดำ ตามด้วย น้ำเลมอน เพื่อเพิ่มความเปรี้ยว จากนั้นตามด้วย ผงชาโคล แล้วก็ ไข่ขาว สูตรนี้เทคนิคอยู่ที่การราเช้ง คือ การที่ขยับตัวเครื่องดื่มกับไข่ขาวให้เข้ากันก่อน เหมือนกับการตีไข่ให้มันฟูขึ้นมา ทำให้เครื่องดื่มเกิดเป็นฟอง หลังจากนั้นตามด้วยน้ำแข็ง และตัวพระเอกของสูตรนี้คือ โค้ก เพื่อความสดชื่น
มาถึงเมนูสุดพิเศษสุดๆ ในครั้งนี้ ที่มีชื่อว่า Rise of Life (ไลฟท์ออฟไลฟ์) เป็นเมนูที่เหมาะกับช่วงเช้า สูตรนี้มีความเป็นไทยเข้ามาด้วย เนื่องด้วยส่วนผสมในสูตรนี้คือ 1.ชาไทย 2.น้ำเชื่อมกลิ่นมะลิ 3.น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำเลมอน คั้นสด 4.ไข่ขาว5.ครีม 6.ชเวปส์โซดา สูตรนี้จะได้ความหอมจากตัวเลมอน ความหวานของครีม สูตรเด็ดของตัวนี้คือตัวกระเอกของชเวปส์โซดา ทั้ง 7 ชนิดเข้าไว้ด้วยกันในแก้วเดียว
สุดท้าย หนึ่ง มิกโสโลจิสท์ชื่อดัง ยังบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นเบียร์ หรือร้านอาหารชั้นนำของเอเชีย หรือแม้กระทั่งของโลก ก็นำเอาผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาใช้ด้วยเช่นกัน หากใครมีโอกาสก็อยากให้ลองผลิตภัณฑ์โคคาโคลาไทยแลนด์ เพราะว่าก็อยู่คู่คนไทยมายาวนาน และผลิตภัณฑ์ก็คงออกมาเรื่อยๆ ไม่ให้เบื่อกัน
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live