xs
xsm
sm
md
lg

ครูดอยหัวใจแกร่ง หอบข้าว-ลุยโคลน ให้เด็กกิน เศร้า!! ขนมจีนคลุกน้ำปลา ทำได้ไง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สุดยอดครู!! น้ำใจที่ยิ่งใหญ่ แบกกระสอบอาหาร ส่งข้าวถึงมือเด็ก โลกโซเชียลฯ แห่ชื่นชม แถมกระหน่ำซ้ำ ผอ.ที่โกง “งบอาหารกลางวันเด็ก” ให้กินขนมจีนคลุกน้ำปลา ใช้เด็กเป็นเครื่องมือโกงกิน ควรดู “ครูหัวใจแกร่ง” คนนี้เป็นตัวอย่าง

หัวใจของความเป็นครูที่แท้จริง
 
มีกี่คนที่ยอมลำบากเพื่อคนอื่น…อาจจะพบได้ไม่บ่อยนักที่ใครสักคนจะยอมทิ้งความสุขสบายในเมือง เข้าไปอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ แต่เขาคนนี้ คือหนึ่งในไม่กี่คน ที่ยอมทุ่มเทเพื่อคนอื่นด้วยหัวใจนักสู้อย่างแท้จริง สองมือแบกกระสอบอาหาร ด้วยสภาพเส้นทางที่เต็มไปด้วยโคลนตลอดสาย ทำให้การเดินทางของเขาเป็นไปอย่างทุลักทุเล มีเพียงมอเตอร์ไซค์สีน้ำเงินคู่ใจที่จะพาเขาไปสู่จุดหมาย

 
สภาพเส้นทางระหว่างแบกอาหารขึ้นดอย

ถึงแม้ว่าสุดท้ายรถคู่ใจจะติดหลุ่ม เดินทางต่อไม่ไหว ก็ไม่หวั่น พยายามดั้นด้นเดินขึ้นไปให้ได้ เพราะเขาแบกความหวังเด็กๆ ขึ้นไปด้วยกระสอบถุงปุ๋ยสองใบ เพื่อนำอาหารกลางวันไปให้เหล่าเด็กนักเรียน
ในตอนนี้ชื่อของ ครูอ๋อ-ปุญญพัฒน์ วนาสินสมบูรณ์ เรื่องราวสุดสะท้อนสังคม ที่ได้รับการเผยแพร่จากผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Punyapat Pun ได้โพสต์ภาพขณะที่เขากำลังนำสิ่งที่เรียกว่า “อาหารกลางวัน” ไปให้เหล่าเด็กนักเรียนที่อยู่บนพื้นที่ห่างไกลความเจริญ จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ครูหนุ่มวัย 27 ที่จบการศึกษาจากราชภัฏเชียงราย คณะครุศาสตร์ เอกพลศึกษา ผู้ที่คอยอยู่เบื้องหลังความกินอิ่ม นอนหลับ และผู้ที่เป็นความหวังของนักเรียนโรงเรียนปางตองประชาสรรค์ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน และเป็นมาตรฐาน “แม่พิมพ์ผู้เสียสละ” ที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อลูกศิษย์



“หน้าที่ความรับผิดชอบก็เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นครู ผมจะไม่ทำก็ได้ แต่ผมสงสารเด็ก กลัวว่าเขาจะไม่มีอะไรกิน ทุกวันอาทิตย์ผมจะต้องขนอาหารขึ้นไปบนดอย ซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อไก่ เพียงเพราะต้องการให้เด็กได้กิน และให้ได้รับคุณค่าทางโภชนาการอย่างเต็มที่ เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี นอกจากนี้ยังต้องซื้อน้ำแข็งขึ้นไปด้วย เพื่อต้องตุนอาหาร ไม่ให้หมูเน่าเสี


 
ครูอ๋อเตรียมพร้อมก่อนขึ้นดอย

นี่คือความรู้สึกของ “ครูดอยหัวใจแกร่ง” ผู้ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เด็กได้กินอาหารอย่างเต็มที่ ได้บอกกับผู้สัมภาษณ์เอาไว้ และเมื่อถามถึงว่าครูได้อะไรที่มาทำเพื่อเด็กๆ ขนาดนี้ ครูก็ได้แต่หัวเราะและตอบกลับมาว่า ถ้าเราไม่ขนขึ้นไปให้เด็กๆ พวกเขาก็จะไม่มีอะไรกิน ผมไม่ต้องการอะไร แค่อยากสะท้อนให้เห็นว่ายังมีชุมชนเล็กๆ มีเด็กนักเรียนที่อยู่ในความลำบาก ผมสงสารเพราะเด็กๆ ก็อยากเรียนหนังสือ และผมรู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นรอยยิ้มของพวกเขาเมื่อผมแบกอาหารขึ้นไปให้

การเดินทางของครูค่อนข้างลำบาก อาทิตย์ไหนที่รถติดโคลนหนักๆ ก็ต้องแบกของขึ้นไปไว้ก่อน แล้วลงมาเข็นรถขึ้นไปทีหลัง ยิ่งถ้าฝนตกต้องใช้เวลานาน 5-6 ชั่วโมง กว่าจะถึงโรงเรียน แต่ถ้ารถไม่ติดโคลนหรือฝนไม่ตกจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะถ้าไม่แบกอาหารขึ้นไปให้ เด็กก็จะกินเพียงข้าวกับน้ำพริกเพียงเท่านั้น

โรงเรียนแห่งนี้ไม่เพียงลำบากเรื่องอาหารกลางวันเท่านั้น ไฟฟ้าในหมู่บ้านก็เข้าไม่ถึง จะใช้ไฟได้ก็ต่อเมื่อใช้จากแผงโซลาร์เซลล์เท่านั้น ส่วนน้ำดื่มน้ำใช้ ก็เป็นน้ำจากประปาภูเขา เด็กๆ จะดื่มน้ำจากน้ำก๊อก ส่วนน้ำฝนจะได้ดื่มบ้างเป็นบางครั้ง


 
โรงเรียนปางตองประชาสรรค์

เนื่องจากเป็นชุมชนขนาดเล็ก ที่ถือว่าเป็นหย่อมหมู่บ้าน ไม่สามารถตั้งเป็นหมู่บ้านได้ เพราะจำนวนประชากรไม่ถึง 120 คน และโรงเรียนแห่งนี้มีจำนวนนักเรียนเพียงแค่ 31 คน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในเขตพื้นที่ของ จ.แม่ฮ่องสอน


 
ห้องเรียนเด็กดอย

หลังจากเรื่องราวของครูอ๋อ ถูกเผยแพร่สู่โลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตหลายคนเข้ามาคอมเมนต์ให้กำลังใจและชื่นชม เป็นจำนวนมาก

“ตายๆ พื้นที่กันดารแบบนี้ อยากให้มีคนไปดูแลจัง เด็กๆ ลำบาก คุณครูก็ลำบาก ถ้าไม่เห็นภาพนี้ก็ไม่เชื่อเลยว่าทุรกันดาร เป็นเช่นไร ยังคงมีคนลำบากกว่าเราอีก สู้เด้อคุณครูทุกท่าน ขอกราบหัวใจครูบนดอย
นี่สินะ เขาเรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ ความเสียสละที่เห็นไม่ได้บ่อยในครูหลายๆ คน เชื่อว่ามันคือบุญกุศลของเด็กที่ได้ครูดีอย่างคุณ

ขอบคุณในความพยายามของครู ที่เป็นผู้ให้ทั้งชีวิตและจิตใจ เป็นครูที่มีเกียรติ สุดยอดแม่พิมพ์ของชาติ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ ถ้าครูไม่เอาอาหารไปให้ เด็กๆ จะได้กินหรือ ขอบคุณค่ะ ที่มีจิตเมตตาต่อเด็ก ถ้าไม่รักคงไม่ทำขนาดนี้ คุณเป็นครูด้วยจิตใจ และวิญญาณ นับถือเลยครับ ขอให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตและครอบครัว ขอบคุณแทนเด็กๆ ที่ครูไม่ทอดทิ้ง”



สังคมกระหน่ำยับเปรียบเทียบ ผอ.โกงงบอายบ้างไหม?
 
ขณะที่กระแสเรื่องการโกงงบค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ที่แพร่สะพัดออกไป ทำให้คนในสังคมต่างออกมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องอาหารกลางวันของเด็กนักเรียนมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเด็กๆ นั้นมีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง ด้านครูอ๋อ ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ว่า ไม่ควรที่จะนำงบส่วนกลาง มาใช้เป็นเงินส่วนตัว

“น่าสงสารนะครับ!! เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา ทั้งที่เป็นโรงเรียนที่อยู่ในความเจริญ มีความพร้อมทุกอย่าง ผอ.กลับ เอาความโลภมาเป็นของตัวเอง ทำไมไม่รักลูกศิษย์ ทำไมไม่ให้เขากินของที่ดีๆ เมื่อเทียบกับเด็กในถิ่นทุรกันดารแล้วนั้นช่างลำบากยิ่งกว่า การเดินทางของครูลำบาก การคมนาคมขนส่งทุกอย่างลำบากไปหมด และเด็กๆ เองไม่ค่อยได้ออกไปเจอโลกภายนอก

ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นที่โรงเรียนผมสอนอยู่ เราก็จะคุยกันตรงๆ ถึงจะโดนตำหนิหรืออ้างว่าจะไม่ได้เลื่อนขั้นหรือเลื่อนตำแหน่งใดๆ ผมก็ไม่สนใจ ในเมื่อทำไม่ถูกต้อง ก็ควรได้รับโทษไป สำหรับเรื่องนี้ไม่ควรอย่างยิ่ง เพราะมันเกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย เกี่ยวกับโภชนาการ การเจริญเติบโตของเด็กๆ ด้วย มันคือสิทธิ์ของเด็กที่ควรจะได้รับ

ทุกวันนี้ ที่โรงเรียน ผมให้เด็กนักเรียนได้กินอย่างเต็มที่ ถึงเราจะขนอาหารขึ้นมาลำบากแค่ไหนก็ต้องทำ ให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลา เด็กจะได้อะไรในเรื่องคุณค่าอาหาร ในเมื่อมีการจัดสรรงบมาให้แล้ว ควรที่จะให้เด็กกินของที่ดี ไม่ควรจะเอาเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว”

นอกจากเสียงชื่นชมครูอ๋อ ก็มีเสียงวิจารณ์อย่างกระหน่ำ โยงถึงการทุจริตเงินโครงการอาหารกลางวัน ที่กลายเป็น  เรื่องฉาวในแวดวงการศึกษา หลังโลกโซชียลฯ แชร์คลิปเด็กนักเรียนอนุบาลโรงเรียนบ้านท่าใหม่ ต.ประสงค์ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ต้องกินขนมจีนคลุกน้ำปลามานานกว่า 3 ปี ที่ผอ.มีเอี่ยวทุจริตงบประมาณอาหารกลางวันเด็กในครั้งนี้ด้วย

“ผมอยากให้ไอ้คนที่ให้เด็กกินขนมจีนคลุกน้ำปลามากราบตีนครูจริงๆ ครูทำดีมีอยู่ทั่วประเทศ ขนมจีนคลุกน้ำปลาโรงเรียนเดียวพาให้เสียชื่อหมด ใครทำให้วงการครูเสียภาพพจน์ ไล่ออกให้หมด
ครูตั้งใจทำงานเสียสละแบบนี้จะมีคนเห็นใจให้กำลังใจครูบ้างไหมหนอ หรือมองเห็นแค่ขนมจีนคลุกน้ำปลา สู้ๆ นะครับ อย่าให้เด็กๆ ต้องกินขนมจีนคลุกน้ำปลา”


 
น้ำใจที่ยิ่งใหญ่ แม่พิมพ์ผู้เสียสละ

เรื่องขนมจีนคลุกน้ำปลา เห็นทีจะไม่จบเพียงเท่านี้ หลังส่อทุจริตโรงเรียนอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.ตะพานหิน จ.พิจิตร,จ.ลพบุรี,จ.สระบุรี,จ.ยะลา,จ.ขอนแก่น ก็ไม่รู้ว่าการทุจริตในครั้งนี้ ถ้าตรวจสอบทั่วประเทศ จะเกิดปรากฏการณ์ทุจริตเหมือนครั้งเงินคนจน ที่แผ่วงกว้างออกไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศไทยรึเปล่า

ยอดครูตัวอย่างของเด็กดอย
 
“เส้นทางความเป็นครูของผม เริ่มมาจากเมื่อตอนเด็กๆ เคยฝันว่าอยากจะเป็นครูดอย เพื่อที่จะมาสอนเด็กๆ ในถิ่นทุรกันดาร ที่หลายคนอาจมองไม่เห็น และความฝันนั้นก็เป็นจริงในวันนี้ ได้เป็นครูดอยสมใจอยาก ดีใจและประทับใจมากที่ได้กลับมารับใช้บ้านเกิดของตนเอง



ต้องบอกก่อนว่าผมจบครูเอกพลศึกษา แต่ผมต้องมาสอนเกือบทุกวิชา เพราะผมเป็นครูคนเดียวที่มาบรรจุที่นี่ แต่ก็มีคนในชุมชนที่แวะเวียนมาช่วยสอนเด็กๆ บ้าง หลักๆ ก็จะสอนวิชาคณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ”

“ครูอ๋อ” บอกเล่าถึงที่มาของการเป็นครู ไม่ได้มาง่ายๆ เส้นทางที่ไม่ได้สวยหรูเหมือนเดินในทุ่งลาเวนเดอร์ ลำบากแค่ไหนก็ต้องไป และการที่ครูคนหนึ่งจบเอกวิชาพลศึกษา แล้วต้องมาสอนนักเรียนในวิชาที่ตัวเองไม่ถนัด เพราะไม่ได้จบมาโดยตรง เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลยสำหรับหน้าที่และความรับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้

ส่วนนอกเหนือจากงานสอน ครูอ๋อ มีกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายจากสิ่งที่ทำให้เหน็ดเหนื่อยในแต่ละวัน ให้ผ่านพ้น ไปอย่างสนุกและมีความความสุข นั้นก็คือการออกกำลังกาย เพื่อเรียกเหงื่อ ที่ถือเป็นยาวิเศษณ์ให้แต่ละคืนนอนหลับสบายอีกด้วย


 
เวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกัน

“นอกเหนือจากการสอน ส่วนตัวก็เป็นคนชอบออกกำลังกาย ชอบวิ่ง ตอนเย็นถ้าว่าจะสอนวอลเลย์บอล พาเด็กๆ ปลูกผักทำสวนครัว ทำกิจกรรมกับเด็กๆบ้าง อย่างเช่นการช่วยทำแปลงผัก เรียนรู้เกี่ยวกับการพอเพียง ตามคำสอนของพ่อหลวง ช่วยกันปลูกผัก สอนให้เขาเรียนรู้หน้าที่ของตนเอง มีระเบียบวินัย ตื่นเช้ามารดน้ำผัก เรามาเติมเต็มสิ่งที่เขาไม่เคยรู้”


 
แปลงผักที่นักเรียนช่วยกันปลูก

แม้ว่าเส้นทางนี้อาจจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อาจจะโรยด้วยโคลนตมที่เป็นเครื่องวัดความอดทน และวัดหัวใจความเป็นครูของเขา เขาก็ไม่เคยย่อท้อต่อความยากลำบาก เพราะเขายึดหลักคำสอน จากพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ยึดมั่นเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต

“พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทำให้ผมอดทนมาจนถึงทุกวันนี้ การดำรงชีวิต ต้องปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลา มีความเพียร ความอดทนเป็นที่ตั้ง ถ้าเราไม่อดทน เราก็อาจจะท้อได้ ปรับปรุงตัวเองให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่กับชุมชนกับนักเรียน ต้องปรับปรุงตัวให้ได้ เพราะว่าเด็กๆ ต้องการกำลังใจจากคุณครู”

ไม่เพียงเท่านี้ “ครูอ๋อ” มีเป้าหมายอีกหนึ่งอย่าง ที่ทำให้ตัดสินใจมาเรียนครู อีกหนึ่งความฝันที่ยังไม่ได้ทำให้สำเร็จ นั้นก็คือ ความฝันที่อยากจะมีทีมกีฬาเป็นของตนเอง เพราะสิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเลือกเรียนพละศึกษา คืออยากทำทีมกีฬา

“ผมเริ่มเป็นครูสอนที่โรงเรียนปางตองประชาสรรค์ เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2560 วันแรกที่ผมได้ย่างกายเข้ามาในโรงเรียนแห่งนี้ ผมตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า “ผมเข้ามาทำอะไรที่นี่” เพราะวันแรกที่เข้ามา ผมสัมผัสได้ถึงความลำบากเหลือเกิน คือเข้ามาตั้งแต่บ่ายโมงแต่มาถึงโรงเรียนตอนหนึ่งทุ่ม จนถึงทุกวันนี้ก็มีท้อแท้ สิ้นหวัง คิดถึงบ้าน อยากจะกลับบ้าน แต่ผมจำภาพเด็กในวันแรกทีผมมาประจำที่นี่ เขาดีใจกันมาก เหมือนผมเป็นความหวังของพวกเขา เข้ามาสวัสดี มากอดเรา ทำให้ไม่กล้าที่จะปล่อยให้เขาลำบาก ผมต้องอดทน ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี่

เพราะความเป็นครูของผม คือแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน ผู้ที่ให้ทั้งความรู้ ทั้งจิตวิญญาณความเป็นครู ทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ ถึงงานจะหนักแต่ก็ต้องสู้ เพื่อให้ลูกศิษย์ทุกคนมีอนาคตที่ดี”

ภาพของคุณครูท่านนี้ อาจจะสะท้อนให้ผู้ใหญ่หลายคนคิดว่า ยังมีเด็กๆ อีกมากมายที่ยังไม่ได้รับสวัสดิการเท่าที่พวกเขาสมควรจะได้รับเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ในสังคมหรือไม่?

สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Live
เรื่อง: พัชรินทร์ ชัยสิงห์
ขอบคุณภาพ: เฟซบุ๊ก punyapat pun


กำลังโหลดความคิดเห็น