เด็กน้อยวัยประถมที่แม่เสพยาอย่างหนัก และพ่อเป็นคนขายยาให้แม่ ภารกิจหลักของเขาไม่ใช่เวลาเสียใจให้กับชะตาชีวิต แต่เขามุ่งเป้าไปที่การชกมวย มวยเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบตั้งแต่ตอนเด็ก อาจจะเพราะด้วยความที่พ่อเคยเป็นนักมวย การถูกอุ้มของเขาทุกครั้งไม่ใช่การอุ้มมาเล่น แต่เป็นการอุ้มเพื่อให้ชกกับเป้าถึง
เขาตั้งใจฝึกซ้อมมาก ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเที่ยวตามสวนสาธารณะ สวนสนุก หรือดูหนังเหมือนเด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆ จนในปี 1993 เขาอายุได้ 17 ปี เส้นทางนักมวยของเขากำลังจะเริ่มขึ้น ในขณะที่พ่อและแม่โดนจับในข้อหาขายและเสพยาเสพติด
เขามุ่งเป้าไปที่การชกมวยเพื่อลืมปัญหาของทางบ้าน ด้วยสไตล์การชกที่รวดเร็ว แม่นยำ ส่งผลให้เขาคว้าแชมป์ Golden Gloves ในตอนนั้นได้สามสมัย ในปี 1993 1994 และ 1996
ในปี 1996 เขาได้เหรียญทองแดงจากการแข่งชกมวยในโอลิมปิกที่แอตแลนต้า จากนั้นเขาเริ่มเข้าสู่วงการชกมวยอาชีพ และได้คว้าเข็มขัดแชมป์โลก โดยชนะนักมวยผู้มีชื่อเสียงหลายคนทั้งชนะน็อกและชนะคะแนน ไม่ว่าจะเป็น ออสก้า เดอลาโฮย่า, แมนนี่ ปาเกียว, ริกกี้ ฮัตตัน, ฮวน มานูเอล มาร์เกวซ, อาร์ตูโร กัตติ
ความสำเร็จของเขา ทำให้รายได้ในกระเป๋าเขาฟู่ฟ่ามาก ในปี 2010 เขาติดอันดับนักกีฬาอาชีพที่มีรายได้มากสุดเป็นอันดับสามของโลก ด้วยรายได้ 60 ล้านเหรียญสหรัฐ และการชกครั้งหยุดโลกที่เขาชกกับปาเกียว และชนะไปทำให้เขามีรายได้จากการชกครั้งนั้นถึง 240 ล้านเหรียญสหรัฐ
ปัจจุบันเขาทำเงินไปทั้งหมดมากกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 24,500 ล้านบาทไทย และเขาได้แขวนนวมไปแล้ว เขาใช้ชีวิตแบบอวดรวยให้ใครๆ อิจฉาชีวิตของเขา
เขาทำสถิติไร้พ่าย 50 ไฟต์ ทำลายสถิติของร็อกกี้ มาร์เซียโน่ (Rocky Marciano) ตำนานนักชกชาวอิตาเลียนได้ หลังการชกเขาได้ไปฉลองจัดเต็มที่คลับในลาสเวกัสซึ่งเป็นคลับของนักเต้นสาวเปลื้องผ้า พร้อมโปรยเงินแจกสาวๆ ในค่ำคืนนี้ ไปประมาณ 70 ล้านบาทไทย
และล่าสุดหลังจากที่เจ้าตัวไปงานอีเวนต์ที่จีน ก็ได้แวะมาที่ประเทศไทยเยี่ยมชมบรรยากาศน้ำทะเลใสงามสะพรึง เขานั่งเรือยอร์ชไปที่เกาะเจมส์บอนด์ หรือเกาะตะปู บริเวณอ่าวพังงา ก่อนจะนั่งเรือคายักชมทัศนียภาพรอบๆ เกาะสูดบรรยากาศแสนจะสดชื่น จากนั้นเจ้าตัวก็ได้โพสต์รูปภาพลงในอินสตาแกรมของตัวเอง เพื่อยืนยันถึงการมาเยือนครั้งนี้
และนี่คือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ ราชากำปั้นชาวมะกันผู้ไร้พ่าย และเจ้าพ่อปาร์ตี้ตัวจริงเสียงจริง