xs
xsm
sm
md
lg

โถ..มาตรฐานทีวีไทย อนุญาตให้ด่า “เ_ี้ย” แต่เซ็นเซอร์เท้าการ์ตูน !?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เลี้ยวกลับแทบไม่ทัน! กสทช. กลับลำ กรณีซิตคอม เรต “ทั่วไป” พูดคำหยาบได้ ชี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด โลกโซเชียลฯ แซะ จัดเรตไม่ตรงเนื้อหา ทีการ์ตูนเด็กทำไมเซ็นเซอร์ เอาไงแน่ กสทช. !?

เตือนแล้วนะ! เรตทั่วไป ห้ามใช้ “เ_ี้ย”,“กู”,“มึง”

กลายเป็นประเด็นฮือฮาสนั่นโลกโซเชียลฯ หลังจากที่เฟซบุ๊ก “Warat Karuchit” ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์การ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) เผยแพร่หนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) แจ้งผลการพิจารณา กรณีที่ละครเรื่อง บางรักซอย 9/1 ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง ONE 31 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 60 ที่เขาร้องเรียนไปว่ามีการใช้ภาษาและคำพูดที่ไม่เหมาะสม



ตัวอย่างเช่น ตัวละครที่ชื่อ ชัดแจ้ง พูดว่า “พี่คิดว่าผมเป็นผู้ชายเ_ี้ยๆ คนนึงก็พอ” และตัวละครที่ชื่อ เอิร์ธ พูดว่า “กูคงให้ไอซ์ไปคบกับไอ้เ_ี้ยทอมแทน” นอกจากนี้ ยังมีการใช้คำพูดว่า “กู” และ “มึง” อยู่หลายครั้ง ไม่สอดคล้องกับการจัดระดับความเหมาะสมของรายการไว้ที่ระดับ “ท” คือทั่วไป เป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกเพศทุกวัย

แต่ทาง กสทช. กลับพิจารณาว่า การใช้คำพูดที่ไม่สุภาพในบางครั้ง ซึ่งไม่ใช่บริบทที่พบบ่อยในการนำเสนอ จึงเห็นว่าเป็นเนื้อหาที่สอดคล้องกับการจัดระดับความเหมาะสมไว้ที่ระดับ “ท”




หลังจากที่หนังสือตอบกลับดังกล่าว ได้เผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชียลฯ ก็นำมาซึ่งความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างดุเดือดเผ็ดร้อน ตำหนิไปยัง กสทช. ถึงคำพิจารณาที่ดูจะไม่รับผิดชอบต่อสังคม จนทั้งโลกออนไลน์ในขณะนั้น เต็มไปด้วยคำหยาบที่เป็นประเด็น คือคำว่า เ_ี้ย เป็นจำนวนมาก

“ตั้งแต่เปลี่ยนเป็นระบบดิจิทัล มีช่องทีวีเยอะขึ้น รู้สึกว่าการจัดเรต ไม่ตรงกับเนื้อหาเยอะเลย ไม่ใช่แค่เรื่องนี้”
“คำหยาบคายไม่ต้องใช้ออกสื่อก็ได้ เดินไปทางไหนก็ได้ยิน อย่าสร้างความไม่มีมารยาทให้เด็กยุคใหม่เลย เราเคยว่าคนจีนมาเที่ยวบ้านเราไม่มีมารยาท บ้านเราก็ใกล้เข้าไปทุกทีแล้ว ถ้าสื่อยังเป็นแบบนี้”
นี่เราจะเรียนระดับภาษากันไปทำไมวะ ในขณะที่ในหนังสือเรียนก็บอกอยู่ คำหยาบคาย คำคะนองมันนำมาใช้สื่อสารกันแต่ในเฉพาะกลุ่มที่สนิทๆ กัน แบบไม่ทางการ นี่เล่นใช้เผยแพร่ผ่านทีวีสาธารณะกันขนาดนี้เลยหรอ ละถ้าจะมาบอกว่า ก็ละครมันก็ต้องสมจริง ชีวิตจริงเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็พูด เ_ี้ย กัน เดี๋ยวนะ ลืมคำว่า กาลเทศะ กันไปแล้วเหรอ”



แม้กระทั่ง เกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ก็ยังออกมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า “คำว่า "ไอ้เ_ี้ย" ศาลฎีกา วินิจฉัยว่า เป็นคำพูดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 393 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับ ไม่เกิน10,000 บาท แต่ กสทช. ยืนยันว่า ดารา พิธีกร สามารถพูด คำว่า "ไอ้เ_ี้ย” ในรายการวิทยุ โทรทัศน์ ได้ ถ้าไม่บ่อย ( แบบไหนถึงจะเรียกว่าไม่บ่อย) ในรายการ ประเภท ท. คือ ทุกเพศ ทุกวัย ขนาดศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คำพูดเหล่านี้ ผิดกฎหมาย แต่ กสทช. บอกว่า ไม่เป็นไร”

ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายไปมากกว่านี้ ในเวลาต่อมา พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ก็ได้รีบออกมาชี้แจงว่า กรณี กสทช. อนุญาตให้ใช้คำหยาบคายออกอากาศได้นั้น เป็นการเข้าใจผิด เพราะ กสทช. มีกฎหมายที่กำหนดและข้อบังคับและได้เชิญบริษัทผู้ผลิตละครดังกล่าว เข้าชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อทำความเข้าใจ ซึ่งได้ยอมรับข้อผิดพลาด และพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไขฉากที่มีการใช้คำพูดไม่เหมาะสมออก


พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการ กสทช.

“รายการตลกจะไปใช้คำหยาบไปบ้าง เราไม่ได้บอกว่ามันผิดแต่เป็นความผิดที่ตักเตือนได้ ต้องเปลี่ยนระดับเหมาะสมไม่ให้ออก ท. และให้ลดคำพูดที่ไม่สุภาพลง ถ้าพบการกระทำผิดจะตักเตือนเพื่อให้ช่องกลับไปแก้ไขก่อน ถ้ายังพบปัญหาอยู่อีก จะเพิ่มระดับโทษเป็นการปรับเงิน พักใช้ใบอนุญาตและโทษสูงสุดคือ เพิกถอนใบอนุญาต” กรรมการ กสทช. กล่าว

ล่าสุด ทางด้าน ผศ.ดร.วรัชญ์ ผู้ที่ยื่นเรื่องร้องเรียน เล็งที่จะทำเรื่องอุทธรณ์ถึงเรื่องการใช้คำหยาบคายในเรต “ท” เพื่อให้ได้รับคำชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรที่ชัดเจน ถึงแนวทางกำกับดูแลเนื้อหาทางโทรทัศน์ของ กสทช. ต่อไป

พูดหยาบได้ แต่การ์ตูนกลับเซ็นเซอร์!?

จากกรณีที่ละครซิตคอมหลุดคำหยาบตัวเงินตัวทอง และสรรพนามสมัยพ่อขุนรามฯ ออกมาหลายครั้ง แต่กลับได้ เรต “ท” คือรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมทุกวัย ทางด้านของการ์ตูนสำหรับเด็ก ที่ได้เรต “ท” เช่นเดียวกัน กลับมีการเซ็นเซอร์บางฉากบางตอนหรือตัดทอนเนื้อหาบางส่วน ที่อาจจะสื่อถึงความล่อแหลมออก จนบางครั้งถึงขนาด “ดูไม่รู้เรื่อง” ก็มี

ฉากของการ์ตูนที่แสดงถึงความล่อแหลมที่ว่า เช่น ตัวละครที่แต่งกายโป๊ ภาพการใช้ความรุนแรง หรือการใช้อาวุธ ก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่ต้องเซ็นเซอร์ แต่บางในครั้ง ฉากที่ตัวการ์ตูนมีการยกเท้าเข้าใกล้จอ ตัวการ์ตูนผู้หญิงที่สวมเสื้อกล้ามแบบไม่โป๊ หรือการที่ตัวการ์ตูนผู้ชายไม่สวมเสื้อผ้าท่อนบน กลับมีการเบลอภาพและตัดทอนภาพบางส่วนออก ทั้งที่ไม่ได้สื่อถึงความรุนแรงและเรื่องที่ไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย ทำให้ผู้ชมจำนวนมากถึงกับออกอาการงงเป็นไก่ตาแตกว่าจะเซ็นเซอร์ไปทำไม เพราะทำให้เสียอรรถรสในการชมไปมาก



ส่วนรายการหรือละครหลังข่าว ที่มีการจัดเรตในประเภท น ๑๓ คือรายการที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี และ น ๑๘ คือรายการที่ผู้ใหญ่ควรให้คำแนะนำแก่ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งมีการออกอากาศในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. เป็นต้นไป ก็ยังมีการหลุดคำพูดติดตลกผสมหยาบคายออกมา ก็เซ็นเซอร์ทันบ้าง หรือไม่เซ็นเซอร์ก็มี

ในขณะเดียวกัน บางรายการก็เป็นรายการสด ซึ่งไม่ได้มีการบันทึกเทปหรือตัดต่อเอาไว้ล่วงหน้า ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รายการลักษณะนี้ ยากที่จะควบคุมเรื่องคำพูดและภาษาที่ใช้ ก็ต้องอาศัยการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันไปเนียนๆ
เกี่ยวกับเรื่องคำหยาบคายในสื่อนั้น ทางด้านของ ราชบัณฑิตยสถาน ก็เคยได้แสดงความเป็นห่วงมาแล้ว โดยเมื่อกลางปี 57 โดย กนกวลี ชูชัยยะ เลขาธิการราชบัณฑิตสถาน ได้เปิดเผยว่า ราชบัณฑิตยสถาน มีความเป็นห่วงเรื่องการใช้ภาษาไทยในสื่อโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเฟซบุ๊ก ซึ่งพบว่าปัจจุบันมีการใช้คำหยาบ คำรุนแรงกันมาก



ทั้งนี้ ไม่ใช่เฉพาะในโซเชียลมีเดียเท่านั้น แม้แต่ในรายการโทรทัศน์ หรือละครก็มีการใช้คำหยาบเพิ่มขึ้น เช่น ตัวละครพูดคำสบถ หรือพิธีกรในบางรายการก็เผลอนำคำสบถที่พูดหยอกล้อในหมู่เพื่อนมาพูดในรายการ เพราะฉะนั้น ราชบัณฑิตฯ จึงเป็นห่วงว่าหากมีการใช้คำหยาบกันบ่อยๆ ก็จะเห็นคำเหล่านี้เป็นคำธรรมดาและพูดกันจนเคยชินในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชนที่ปัจจุบันก็มักใช้คำหยาบคายพูดคุยกันในหมู่เพื่อนค่อนข้างมาก

แต่ก็ไม่ใช่ว่าเหตุการณ์ในลักษณ์นี้จะไม่เคยมีการลงโทษ โดยเมื่อกลางปีที่แล้ว กสทช. มีบทลงโทษ หลังมีการร้องเรียน “รายการตื่นมาคุย” กรณีเนื้อหารายการส่งผลกระทบต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีผลต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจของประชาชนอย่างร้ายแรง เป็นเงิน 50,000 บาท และปรับ ช่อง ไบร์ท ทีวี หลังมีการร้องเรียน “รายการคันปากอยากคุย” ออกอากาศโดยใช้ถ้อยคำที่หยาบคายในเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสม ขัดต่อจารีตประเพณีไทย เป็นเงิน 50,000 บาท โดยทั้งหมดเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 37 แห่งพ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551



จากสิ่งที่ราชบัณฑิตยสถาน แสดงความเป็นห่วงในวันนั้น จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 4 ปี ก็คงเห็นได้ชัดแล้วว่า ยังไม่มีแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในทิศทางจะดีขึ้น ซ้ำยังออกแนวถอยหลังเข้าคลองอีก ก็ได้แต่หวังว่าการลุกขึ้นมาเดินหน้าให้เกิดความเปลี่ยนแปลง เรื่องเลือกใช้คำให้เหมาะสมกับเรตของรายการ ของ ผศ.ดร.วรัชญ์ ครั้งนี้ จะเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลโดยตรง จัดการเรื่องนี้อย่างเห็นรูปธรรม

รวมไปถึงบริษัทผู้ผลิตสื่อซึ่งเป็นต้นทางของการเผยแพร่ ก็ควรจะดูความเหมาะสมของภาษาก่อนนำมาเผยแพร่ ก็คงได้แต่รอดูกันว่า ต่อจากนี้ จะมี “เ - ย” ,“กู” “มึง” หรือคำหยาบคายอื่นๆ หลุดออกมาว่อนสื่อโทรทัศน์อีกหรือไม่ หรือต่อไปในอนาคต เรต “ท” อาจจะมีการปลดล็อกอีกหลายคำให้ใช้ได้ ก็ไม่แน่ …

ขอบคุณภาพบางส่วน : เฟซบุ๊ก “Warat Karuchit”


กำลังโหลดความคิดเห็น