อย่าดูถูกต้นทุนชีวิต! เปิดใจ “หยก จุลเทพ” หนุ่มวัย 20 ปี จากที่โหล่ชั้นเรียน ครอบครัวทำการเกษตร ที่หันมาเอาดีด้านการปลูกผักปลอดสาร สู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ “มังกรหยก คุณชายผักสลัด” ยึดสโลแกน “ดูแลผักเหมือนลูก” จนทุกวันนี้รับทรัพย์ต่อเดือนหลักแสน บวกรางวัลการันตีอีกเพียบ!!
ที่โหล่เรื่องเรียน ที่หนึ่งเรื่องผัก!
“ผมเรียนไม่เก่ง แต่ไม่เกเรนะ ได้ที่ 1 ที่ 2 จากท้ายตลอด บางทีก็ได้ที่โหล่(หัวเราะ) ผมอยากเป็นนายร้อย จ.ป.ร. แต่สอบไม่ติด ตอนนั้นที่บ้านก็สนับสนุนครับ พ่อก็พยายามหาเงินให้เรียนพิเศษ ครอบครัวทุ่มเทถึงขนาดส่งมาเรียนจากอ่างทองมากรุงเทพฯ ทุกสัปดาห์ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี หมดเงินไปเยอะมาก สรุปก็สอบไม่ติด”
“หยก - จุลเทพ บุณยกรชนก” หนุ่มวัย 20 ปี เจ้าของธุรกิจ “มังกรหยก คุณชายผักสลัด” แบรนด์ผักสลัดออร์แกนิกชื่อดัง เล่าย้อนไปประมาณมา 3 ปีที่แล้ว ถึงช่วงชีวิตก่อนที่จะก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ เขาต้องเผชิญกับคำสบประมาทว่าเป็น “ที่โหล่” เนื่องจากมีผลการเรียนไม่ดีนัก เมื่อความล้มเหลวและความเครียดสะสม ทำให้เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลและเกือบคิดสั้นมาแล้ว
“เหตุการณ์ตอนนั้นมันพูดได้ว่าช็อกมากกว่า เรียนได้เกรดไม่ค่อยดีมาโดยตลอดแค่ 1.7 คนอื่นเขาอาจจะไปสอบเข้าไปมหาวิทยาลัยได้ ตอนนั้นผมไปสอบก็ไม่มีใครคิดว่าผมจะสอบติด ถามว่าเสียใจไหมก็เสียใจที่เขาประมาณความสามารถของเราต่ำ ทั้งที่ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพัฒนา สรุปผมก็ลบคำสบประมาทเขาไม่ได้
วันที่ประกาศผลสอบว่าไม่ติด ตอนนั้นมันมืดไปหมดเลย เลยคิดว่าไม่ไหวแล้วชีวิตนี้ แล้วที่สำคัญผมไม่มีความสามารถอะไรเลย ผมก็พยายามคิดหลายรอบ ก็เสียใจมาก เข้าโรงพยาบาลแค่ชั่วโมงเดียวเพราะพ่อบอกให้ทำอย่างอื่นต่อ แต่ได้คำพูดของคุณแม่มาเตือนสติในตอนนั้น แม่บอกว่าตอนแม่อายุ 18 แม่ท้องผม แม่บอกว่าแม่ยังไม่ทิ้งผมเลย แล้วตอนนี้ผมจะไปทิ้งเขาไปได้ยังไง ตัวผมตายไปแล้วครอบครัวจะอยู่ยังไง
เริ่มต้นการปลูกผักตั้งแต่เรียนอยู่ชั้น ม.ปลาย
ผมเลยคิดว่ายังไงเราก็ต้องสู้ หลังจากวินาทีนั้น สิ่งที่ผมทำอย่างแรกคือคิด หาทางยังไงก็ได้ให้มีรายได้ในตอนนั้น ในความรู้สึกผมคือคิดว่า ที่บ้านลำบากแล้วนะ ถ้าเรายังมาทำตัวเหลวไหล คนก็ต้องดูถูกเราอีก ตอนนั้นที่ผมคิดคือร้องไห้มันก็ไม่มีเงินออกมา เราก็ลองย้อนกลับมาดูต้นทุนในชีวิตของเราว่ามีอะไร ต้นทุนชีวิตของเราคือครอบครัวที่ทำการเกษตรมาก่อน”
เมื่อนึกถึงคำว่า “ครอบครัว” ขึ้นมา วินาทีนั้นความคิดของหยกก็เปลี่ยนไป กลายมาเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เขาต้องฮึดสู้ และอยากจะหนีจากความจน เมื่อย้อนกลับมาดูต้นทุนชีวิตก็พบว่าที่บ้านทำการเกษตร ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ขาย มีแปลงปลูกผักเพื่อสาธิตว่าปุ๋ยได้ผล เขาจึงคิดต่อยอดจากสิ่งที่มี ตกผลึกมาเป็นการปลูกผักสลัดที่อายุสั้น คนนิยมกิน และสามารถเก็บขายได้รวดเร็ว
“ตอนนั้นก็คิดว่าผมจะไปเรียนอะไรได้ เกรดมันน้อย สมัครที่ไหนก็ไม่ได้ เมื่อเกือบ 3 ปีที่แล้ว ผักสลัดมันเป็นผักที่คนนิยมกิน อายุแค่ 50 วัน มันเก็บเกี่ยวได้ ได้ราคาดี ก็เลยลองปลูกผักสลัดมาก่อน แต่จริงๆ พ่อปลูกได้อยู่แล้วด้วย คือในชีวิตผมมีความโชคดีกว่าเด็กคนอื่น คือทางพ่อมีต้นทุนชีวิตในการทำการเกษตรอยู่ อีกอย่างคือผมไม่ได้ดูถูกต้นทุนในชีวิตตัวเอง
คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่าเกษตรกรจนรึเปล่า ทั้งๆ ที่พัฒนาขึ้นมาได้
ตอนนี้ผมเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะนวัตกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยรังสิต ก็เรียนตรงกับสิ่งที่ต้องการ เพราะอยากทำด้านเกษตรอยู่แล้วด้วย เป็นความรู้ในภาคทฤษฎีมากกว่า แต่การปฏิบัติก็ไปทำที่บ้าน เริ่มต้นจากที่บ้านก็ทำการเกษตรมาก่อน ผมเลยมีพื้นฐานด้านการเกษตรมาบ้าง”
ดูแลผักเหมือนลูก หัวใจของ “มังกรหยก”
ย้อนไป 3 ปีที่แล้ว หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะเดินไปทางใดต่อ เขาจึงตั้งต้นประกอบธุรกิจ ด้วยการต่อยอดจากสิ่งที่ครอบครัวได้สร้างไว้ คือการเป็นเกษตรกร และเริ่มทดลองปลูกผักสลัด เมื่อได้ผลผลิตมาก็ออกเดินเท้าเร่ขายไปตามริมถนนใน จ.อ่างทอง ด้วยความคิดเพียงอย่างเดียวในตอนนั้นคือ “อยากตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่ตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่”
“โชคดีที่ผมได้ความรู้การปลูกผักมาจากพ่อ แต่การทำการตลาด ผมก็ไม่มีความรู้ คิดแต่ในหัวว่าต้องเอาไปเดินขาย ไปเร่ขาย เลยเอาผักสลัดใส่เป็นถุง 1 ถุง 3 ขีด ขาย 30 บาท หิ้วไปขายวันนึงประมาณ 2 กิโลฯ ไปตามริมถนนในอ่างทอง พอเจอคนก็พูดว่า สวัสดีครับ วันนี้ผักสลัดมาขาย สนใจไหมครับ คนเห็นก็ตกใจ บางทีก็ทำหน้างง บางทีก็ซื้อเพราะตัดความรำคาญ คนที่ไม่ซื้อก็ไม่ผิดหรอก เขาก็ได้สอนเราด้วยว่าเราควรจะเข้าหาลูกค้ายังไง
เราไม่มีเวลาในการทำอะไรเยอะแยะเพราะทำคนเดียว พอกลับมาถึงบ้านก็มานั่งคิดดูว่า เราต้องหาอะไรที่เป็นออเดอร์ประจำ ก็คิดเสตปต่อมาว่า ต้องเป็นร้านอาหาร ร้านสลัด พอคิดได้ตามนี้ก็เลยไปเสนอร้านอาหาร แต่ผมไปเสนอเขาในลักษณะที่เดินดุ่มๆ เข้าไป พนักงานเขาก็งง เขาก็บอกว่าไม่เอา ก็กลับมาคิดที่บ้านว่าเขาไม่เอาเพราะอะไร ก็ลองมานั่งคิด ถ้าเราเป็นเจ้าของร้าน แล้วมีใครมาขาย แถมเป็นเด็ก มันก็ไม่มีความน่าเชื่อถือ
จากตอนนั้นก็คิดว่าจะทำยังไงให้มีคนมาซื้อ เราก็เอาใจของเราเป็นเจ้าของร้าน ผมก็เลยทำแผนการปลูกขึ้นมา สมมติถ้าสั่งตามนี้เราจะมีผลผลิตออกไป 5 กิโลต่อสัปดาห์ เราก็ยืนยันกับเขาว่าเราทำให้ได้ พอเราส่งร้านแรกได้เงิน 600 บาท คิดเป็นวันนึงได้ประมาณ 90 บาท อาจจะไม่เยอะ แต่มันเป็น 90 บาทที่เราหามาด้วยตัวเอง มันมีคุณค่า เราทำด้วยตัวเอง ก็ดีใจครับ"
เอกลักษณ์ของธุรกิจที่ทำให้ลูกค้าหันมาให้ความเชื่อมั่นในผักสลัดของมังกรหยก นอกจากผักที่มีความสดและปลอดภัยแล้ว อีกหัวใจสำคัญคือ ความซื่อสัตย์ในการค้าขาย ที่หยกมอบให้แก่ลูกค้าในทุกออเดอร์
“ตอนนั้นมันต้องทำครับ ถ้าจะบอกว่าพ่อแม่ทำให้ลูกลำบากมันไม่จริง ผมก็เข้าใจสภาพครอบครัวดี ตอนนั้นมันไม่มี ผมเป็นลูกก็ต้องช่วยเหลือพ่อแม่ด้วย ผมก็มีความคิดว่าทำไมต้องไปตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ตอนที่เงินเดือนเดือนแรกออก แค่นั้นเอง ตอนนี้เรายังมีโอกาสอยู่ ตอนที่เขายังมีชีวิตยังจะดีซะกว่า
สลัดพร้อมทาน ราคาชุดละ 50 บาท
เรื่องการขาย ต้องมีความซื่อสัตย์กับลูกค้า พอร้านแรกได้ ก็มีร้านอื่นติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ ไม่ว่าคนนั้นจะเสนอเงินให้เท่าไหร่ก็ไม่เอา สมมติว่าผมส่งร้านแรก 5 กิโลฯ ผมมีพื้นที่การปลูกแค่ 5 กิโลฯ อีกร้านมาขอแบ่ง 2 กิโลฯ ต่อสัปดาห์ ถ้าผมรับออเดอร์ ผมก็ต้องไปหักจากร้านแรก มันเป็นการไม่ซื่อสัตย์กับลูกค้า ก็เลยไมรับเพิ่ม ถ้าจะเข้ามาก็รอก่อน แล้วถึงจะทำให้ จนตอนนี้ผมมีพื้นที่ประมาณ 2 ไร่
ส่วนการทำผัก แต่ละคนก็มีทฤษฎีที่แตกต่างกันไป สำหรับผมคือเรื่องของการรดน้ำตอนกลางวัน ไม่ให้ผักเหี่ยว เพื่อที่จะทำให้รสชาติมันดีขึ้น ถ้าเราปล่อยให้เหี่ยว มันจะขม ป้องกันแมลงโดยใช้สมุนไพรที่ไม่เป็นอันตราย พริก สะเดา บอระเพ็ด เป็นผลผลิตจากธรรมชาติที่ปลูกไว้อยู่แล้ว อีกอย่างคือว่าเราดูแลมัน 3 เวลา เรารดปุ๋ยให้มันทุกวัน เราป้องกันเชื้อรา เราไล่แมลงให้มัน ผักที่คุณกินไป เราดูแลมา 50 วัน ดูแลเหมือนลูก เลยเป็นสโลแกนคือ “สิ่งที่อยู่ในมือคุณ คือชีวิตของเรา””
สุดภูมิใจ รางวัล เยาวชนคนต้นแบบรางวัล "คนค้นฅน อวอร์ด"
ด้วยเหตุนี้ ผักสลัดของหยก จึงได้รับตราตรารับรอง Organic Thailand หรือระบบการรับรองมาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ จากกรมวิชาการเกษตร ในขณะที่ยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมฯ และเป็นที่มาที่ทำให้ คุณชายสลัดผัก ถูกเลือกให้เป็นเยาวชนคนต้นแบบรางวัล "คนค้นฅน อวอร์ด" ครั้งที่ 8 เมื่อปลายปี 59 อีกด้วย
“ที่ผมได้รางวัลนี้ สำหรับผมคิดว่า อาจจะเป็นลักษณะที่ทำธุรกิจและการเลี้ยงดูพ่อแม่ ทางรายการเขาสนใจแล้วติดต่อมา พี่เช็ค(สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ) เคยพูดว่า ผีเสื้อไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นเหยี่ยว ผมก็คิดในใจกลับไป เหยี่ยวก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นผีเสื้อเหมือนกัน แสดงว่าความสามารถของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แล้วผมก็ไม่เคยไปดูถูกใคร”
แค่ผักสลัดก็ทำเงินหลักแสน!!
หลังจากนั้นก็มีการพัฒนานวัตกรรม สร้างโรงเรือน ขยายพื้นที่ปลูก เจ้าของธุรกิจวัย 20 ปี ยังคิดพัฒนามาตรฐานของผัก ซึ่งนอกจากตรารับรอง Organic Thailand แล้ว เขายังได้ มาตรฐาน Earth safe ที่ยืนยันว่าผักของเขาปราศจากสารเคมี และยังนำศาสตร์พระราชามาประยุกต์ใช้ด้วย
“ในตอนนั้น Organic Thailand ที่ทำให้ลูกค้าเชื่อถือ แล้วก็ได้อีกมาตรฐานนึงคือมาตรฐาน Earth safe ที่เป็นรากเหง้าของคนไทยจริงๆ ถึงมีเทคโนโลยีเข้ามา แต่ความเป็นไทยมันก็ต้องมีอยู่ ผักของผมตอนนี้ที่จำหน่ายปัจจุบัน ส่วนใหญ่เป็นร้านอาหารครับ ผมได้รับโอกาสจากพี่ไก่(สัณหจุฑา จิราธิวัฒน์) ที่เป็นเจ้าของ Top supermarket ได้ให้โอกาสผมในการ ให้มาตรฐาน Earth safe อินทรีย์วิถีไทย ที่ใช้ศาสตร์พระราชา
อบรมหลักสูตร “พิชัยยุทธพิชิตผัก อินทรีย์วิถีไทย” ด้วยตนเอง
ผมกำลังผลักดันให้ต่างชาติยอมรับด้วย เป็นมาตรฐานที่ใช้เหมือนกับเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ ๙ เข้ามา คือกินผลผลิตที่เราปลูกก่อน แล้วค่อยเอาไปขาย เท่ากับเราไม่ต้องเสียเงินซื้อของข้างนอก ซึ่งแบรนด์มังกรหยก กำลังเข้าไปขายใน Top อีกประมาณ 2-3 เดือน
เราจะไม่เรียกว่าเป็นแค่ผักอินทรีย์ครับ แต่เป็นผักอินทรีย์วิถีไทย ที่รักษาความเป็นไทย ไม่ใช่ว่าไม่เอานวัตกรรมเข้ามา อะไรที่มันดั้งเดิม อาจจะมีคงอยู่ไว้บ้าง อย่างการทำนา ทำขวัญข้าวไม่ทิ้งรากเหง้าความเป็นไทย ประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิมดีอยู่แล้ว ก็รักษาเอาไว้”
ไม่เพียงแค่การคิดวิธีการปลูกผักสลัดเองเท่านั้น เขายังแบ่งปันความรู้ในการเกษตรของตัวเองแบบไม่หวงวิชา ผ่านการอบรบและบรรยายเองทุกรุ่น โดยใช้ชื่อหลักสูตรว่า “พิชัยยุทธพิชิตผัก อินทรีย์วิถีไทย” พร้อมทั้งยังเผยรายได้จากการปลูกผัก ที่ต่อเดือนนั้น รับกันไปเหนาะถึง 6 หลักเลยทีเดียว
“รายได้ของผมในปัจจุบัน ถ้ารวมทุกอย่างที่ผมทำอยู่ ประมาณ 250,000 บาท ไม่ได้มีแค่ผักครับ มีการอบรมด้วย มีเรื่องของผักด้วย เรื่องของการสร้างโรงเรือนด้วย รวมๆ กัน กำไรก็จะเหลือประมาณ 200,000 - 250,000 บาท การอบรมมีที่ผมเก็บค่าใช้จ่ายด้วย แต่ค่าใช้จ่ายพวกนี้ ผมเอาไปช่วยสังคมต่อ คือไปช่วยเด็กตามชนบท ที่ผมเก็บค่าใช้จ่ายเพราะมันจะมีค่าที่พัก ค่าของที่แจกกลับไป แต่ว่ากำไรจากการอบรมของผม เก็บ 3,000 เหลือยังไม่ถึง 500 เลย ผมเอาไปช่วยเด็กบนดอยอีก ถ้าใครมีแปลงผักอยู่แล้ว ก็ไปแค่ตัว ไปสอนเขาถึงที่ ไม่ต้องมาอบรมที่บ้านผมอย่างเดียว ผมก็สนับสนุนปุ๋ยกับเมล็ดพันธ์ุให้ ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย
สุดท้ายนี้ หยกได้กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์มังกรหยกเติบโตอย่างทุกวันนี้ มาจากต้นทุนชีวิตที่ครอบครัวทำอาชีพเกษตรกรมาก่อน แม้จะที่โหล่ในชั้นเรียน แต่หากเราค้นหาความสามารถอื่นจนพบ ก็จะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
“ผมต้องบอกก่อนเลยว่า ที่ผมเติบโตขึ้นมาได้ เพราะผู้ใหญ่ให้โอกาสมาโดยตลอด อย่างผู้ใหญ่ทางร้านอาหาร ทางสื่อมวลชน โดยเฉพาะพี่ไก่ สัณหจุฑา ท่านให้โอกาสผม แต่เราอย่าใช้โอกาสเปลือง สิ่งที่ผมจะฝากคือ ส่วนตัวผมไม่ใช่คนเรียนเก่ง แต่ก็ไม่เกเร ผมก็ไม่อยากให้เด็กทุกคนคิดว่า ในเมื่อเราเรียนไม่เก่ง เราก็ไปทำอย่างอื่นก็ได้ แต่คุณต้องมองด้วยว่าคนอื่นที่เขาเรียนไม่เก่งแต่ประสบความสำเร็จ เขาสำเร็จจากความสามารถอะไร ถ้าคุณนั่งแต่เกมทั้งวันแล้วไม่ทำอะไร มันไม่มีทาง
คนเราจะประสบความสำเร็จถ้าเรียนไม่เก่งก็ต้องมีอย่างอื่นที่เราเข้าใจมันอย่างดี ต้องเชี่ยวชาญ มันเรียนรู้กันได้ แต่สำหรับคนที่เรียนเก่งก็ดีอยู่แล้ว แต่เพียงผมเน้นว่าถ้าใครเรียนไม่เก่ง ให้ลองหันมามองตัวเองว่ามีความสามารถอะไร มันทำให้เราเหมือนกับมองย้อนกลับมา เราไม่รู้จะทำอะไร เลยกลับมาทำอาชีพที่บ้านเราทำเอาไว้ ไม่ได้ดูถูกอาชีพที่เลี้ยงเรามา ต่อให้สมมติพ่อแม่ผมทำนา ตอนนี้ผมอาจจะไถนาอยู่ก็ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้ว ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะรวยได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวนาหรือใครก็ตาม เพียงแค่คุณสร้างคาแรกเตอร์ สร้างตัวตน มองเห็นคุณค่าของมันก่อน”
จากเด็กหลังห้อง กลายมาเป็นเจ้าของธุรกิจ ถึงแม้เขาอาจจะไม่ประสบผลสำเร็จด้านการศึกษา แต่สักวันหนึ่ง เมื่อถึงเวลา เมื่อถึงโอกาสและจังหวะที่เหมาะสม เราก็สามารถอาศัยต้นทุนชีวิต ผลักดันตัวเองให้ขึ้นมาอยู่แถวหน้า และประสบความสำเร็จในชีวิตได้เหมือน “มังกรหยก คุณชายผักสลัด”
ติดตามชมรายการ ติดตามชมรายการ พระอาทิตย์LIVE ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 10.00 - 11.00 น. ทางช่อง NEWS1
สัมภาษณ์โดย : รายการ พระอาทิตย์LIVE
เรียบเรียง : ทีมข่าวผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “มังกรหยก คุณชายผักสลัด”