จับกุมให้จริงจัง-ใครตั้งแผงต้องเสียค่าปรับ! ทนายความวิเคราะห์ทางออก 'ตลาดคืนชีพ' ข้างบ้าน 'ป้าทุบรถ' หลังศาลตัดสินรื้อถอน ให้ #ทีมป้า ชนะคดี แต่พ่อค้า-แม่ขายกลับตั้งแผงลอยกันขึ้นมาดื้อๆ ร้อนถึง ผอ.เขตประเวศ รุดแจ้งความหวั่นงานเข้า! ด้านป้าทุบรถดีใจได้ไม่นาน..ต้องลุกขึ้นสู้ไม่จบไม่สิ้น!!
ไม่สน-ไม่ฟัง คืนชีพ “ตลาด Die Hard 2018”
ดีใจกับชัยชนะได้เพียงไม่นาน 'ตลาด' ฟื้นคืนชีพซะงั้น! หลังจากที่ศาลปกครองมีคำพิพากษากคดี 'ป้าทุบรถ' ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการใช้ขวานจามเข้ารถกระบะที่จอดขวางประตูหน้าบ้าน จนเป็นที่พูดถึงอย่างดุเดือดในสังคม โดยให้ทีมป้าเป็นฝ่ายชนะคดี รวมถึงมีคำสั่งให้ทาง กทม.จัดการรื้อถอนตลาดที่อยู่รายรอบหมู่บ้านออกไปให้หมด!
ล่าสุด สังคมโซเชียลฯ งงกันเป็นแถว! เมื่อร้านค้า ร่มผ้าใบ แผงลอยขายของ ผุดตั้งริมฟุตปาธบริเวณตลาดเปิ้ลมาร์เก็ตกันไม่สะทกสะท้านคำตัดสินใดๆ แถมยังมีการจับจ่าย-ซื้อของ-จอดรถกันไม่เกรงกลัวกฎหมายอีกด้วย!
“มันกลับมาแล้วครับ ติดบ้านป้าขวานซิ่งเลย ทนายอนันตชัยออกทีวีตะกี้ว่าเดี๋ยวจะแจ้ง 157 กับ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบตรงนี้ แต่นี่ขนาดศาลตัดสินถึงที่สุดแล้วนะ ป้าขวานซิ่งคงยังต้องสู้กันต่อไปอีกนาน”
เพจดัง Drama-addict โพสต์ข้อความและภาพร้านค้าที่ตั้งแผงขายของติดกับบ้านของ 'รัตนฉัตร แสงหยกตระการ' และ 'ราณี แสงหยกตระการ' ผู้ใช้ขวานทุบรถจนเป็นข่าวโด่งดัง ซึ่งดูเหมือนว่าคดีความที่สู้กันมาอย่างยาวนานจนได้รับชัยชนะ กลับจบไม่สวยอย่างที่คิด
ขณะที่ 'ธนะสิทธิ์ เมธพันธุ์เมือง' ผอ.เขตประเวศ ยอมรับว่าพบผู้ค้ากว่า 70 รายตั้งแผงค้าขายบริเวณตลาดเปิ้ลมาร์เก็ตจริง โดยที่ผ่านมาได้มีการกวดขันอย่างเต็มที่ หลังคำพิพากษาของศาลมีคำสั่งให้ทาง กทม.จัดการปิดตลาดไม่อนุญาตให้มีการค้าขาย แต่กลับพบว่ามีผู้ลักลอบจัดตั้งแผงค้าขายอยู่
เรื่องนี้จึงทำให้ ผอ.เขตประเวศ เดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ที่ สน.ประเวศ เพื่อเตรียมเอาผิดกับผู้ฝ่าฝืนคำสั่งศาลปกครองกลางเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ สังคมออนไลน์กลับมีกระแสวิจารณ์ถึงพฤติกรรมการไม่เคารพอำนาจการตัดสินของศาล โดยความเห็นส่วนใหญ่โจมตีไปทางพ่อค้า-แม่ค้าที่ยังคงตั้งแผงลอยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“นี่เป็นการตอกย้ำให้เห็นชัดเลยว่า นิสัยเอาเปรียบและเห็นแก่ตัวเป็นสิ่งที่ฝังรากหยั่งลึกในสมองมาก สิ่งที่ทำให้คนพวกนี้ไม่มีสำนึกอีกคือ เขาไม่รู้จักเกรงกลัวผู้บังคับใช้กฎหมาย แก้ที่นิสัยไม่ได้ มันก็ต้องให้ผู้บังคับใช้กฏหมายเอาจริงเอาจังกับการจัดการคนพวกนี้นะ”
“ทำไมการฝ่าฝืนกฎหมายในประเทศไทยถึงง่ายดายเหลือเกิน ทั้งๆ ที่อยู่ในเมืองใหญ่ เมืองโต แถมเป็นเรื่องที่โด่งดังแบบนี้ และใกล้ๆ กับหน่วยงานที่สำคัญด้วยนะ”
“เพราะคนไทยไม่เคยถูกปลูกฝังเรื่องการเคารพกฎ!? แม้ศาลจะสั่งแล้ว แต่ก็ยังทำ โดยอ้างเรื่องปากท้อง? แล้วสามารถอยู่เหนือสิทธิและระเบียบสังคมได้? ต้องขบคิดถึงการปลูกฝังและการสั่งสอนจากระบบการศึกษาและระบบครอบครัวแล้วละครับ ทั้งหน่วยงานรัฐก็อ่อนด้อย ไม่สามารถสร้างความยำเกรง และบังคับใช้กฎระเบียบได้ คนไทยไม่สนอะไร สนแต่ตัวเอง”
อย่างไรก็ตาม ด้าน 'รัตนฉัตร' หนึ่งในทีมป้าทุบรถได้ให้ความเห็นกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องดังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้คนในหมู่บ้านได้ส่งข่าวบอกต่อกัน ซึ่งบางบ้านมีรถมาจอดขวางทำให้เดินทางเข้า-ออกลำบาก
ถึงแม้จะมีคำสั่งศาลให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อยู่อาศัยก็ตาม แต่ทางตลาดยังกลับมาตั้งร้านขายของโดยไม่สนใจคำตัดสินของศาล ซึ่งด้านเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นมาสู้ต่ออย่างแน่นอน!
จริงจังแต่แรก “ปัญหา” คงไม่ยืดเยื้อ!
“ผมมองว่าเคสของคุณป้ามันอยู่ตรงที่ปัญหาของการบังคับใช้กฎหมาย หมายถึงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีการจับกุมอย่างจริงจัง ใครมาขาย โดนจับ ถ้าแบบนี้ตลาดก็จะปิดไปเอง สิ่งที่มันเกิดขึ้นวันนี้ที่เป็นปัญหาคาราคาซัง อาจต้องกลับไปถามทางผู้กำกับใน สน.ท้องที่ ถามผู้อำนวยการเขตว่า ทำไมถึงไม่จับกุมเปรียบเทียบปรับเสียที!?”
'รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์' ทนายความชื่อดัง ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมให้สังคม วิเคราะห์กรณีพิพากษ์ตลาดฟื้นคืนชีพขัดคำสั่งศาล ไว้กับทีมข่าว ผู้จัดการ Live โดยย้ำชัดเจนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับกรณีป้าทุบรถ นั่นคือ การบังคับใช้กฎหมายที่ยังมีการอ่อนข้อแก่ผู้ทำผิด
“ต้องบอกก่อนว่าทาง กทม.ได้ออกคำสั่งห้ามใช้พื้นที่อาคารแล้ว ตาม พรบ.ควบคุมอาคารเกี่ยวกับอาคารก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีคำสั่งให้งดการใช้จากเหตุที่ว่ารอการตรวจสอบ หรือแบบแปลนไม่เป็นไปตามที่แจ้ง ทาง พรบ.ควบคุมอาคาร เมื่อ กทม.สั่งห้ามก็คือห้ามใช้งาน ต้องมีการล้อมรั้วปิด
แต่ปัญหาที่ผมเห็น คือ ร้านค้าบางส่วนไม่ได้ตั้งในตัวอาคารอย่างเดียว แต่ตั้งมาที่ริมฟุตปาธ ทีนี้เมื่อตั้งริมฟุตปาธ มันก็จะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับ พรบ.จราจรทางบก พรบ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ตรงนี้ผมมองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ เทศกิจ สำนักงานเขต สามารถนำตัวมาเปรียบเทียบปรับได้เลย หากคุณอยากขาย ก็ต้องจ่ายค่าปรับในอัตราสูง”
เมื่อรู้ว่าผิดกฎหมาย แต่ทำไมตลาดยังคงเปิดกันอยู่? นี่คือคำถามที่สังคมยังคงแคลงใจและดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้รับคำตอบต่อความเพิกเฉยไม่สนใจของคนบางกลุ่ม ที่ใช้เหตุผลที่ว่า 'พื้นที่ตรงนี้คือแหล่งทำมาหากิน' มาสนับสนุนการกระทำของตนมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ด้าน ทนายความ อธิบายกับทีมข่าวว่าคำตอบของประเด็นนี้ยังคงเป็นเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ ที่สำคัญหากเจ้าหน้าที่ของรัฐมีความเข้มงวดต่อการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำผิดมากกว่าที่เป็น ตลาดสดผิดกฎหมายคงไม่สามารถค้าขายมาได้จนถึงทุกวันนี้
“คำตอบก็คือ เรามีปัญหาเรื่องการบังคับใช้กฎหมายครับ กฎหมายบังคับเอาไว้ว่าการกระทำเปิดตลาดข้างบ้านเป็นความผิดจริงอยู่ ผิดพรบ.ควบคุมอาคาร และเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งถ้าแม่ค้าไม่ปฏิบัติตาม กทม.ก็ต้องไปฟ้องศาล ซึ่งเมื่อฟ้องและชนะคดีเสร็จสิ้นแล้ว ต้องเอาหมายศาลมารื้อถอนตลาด
สิ่งที่เกิดขึ้นมาก็ต้องสอบถามไปยังเทศกิจของสำนักงานเขตในพื้นที่ รวมทั้งตำรวจจราจรว่าเห็นชาวบ้านกระทำผิดกฎหมายตั้งแผงร้านขายริมถนน เหตุไฉนจึงไม่จับกุมดำเนินคดี เพราะมันเป็นการกีดขวางการจราจรอย่างหนึ่ง สามารถดำเนินคดีได้เลย ไม่เห็นต้องรอให้เขาไปฟ้องศาลอีกรอบเลย
สุดท้าย ผมอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า หากใครทำอะไรไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย ควรจะทำให้มันถูกต้องตามกฎหมายเสีย อย่าให้เขาตำหนิว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐมีส่วนเอี่ยวในการกระทำผิดกฎหมาย หรือการละเมิดต่อกฎหมายซึ่งไปกระทบสิทธิ์คนอื่นเขา หากคุณดำเนินคดีจริงจังตั้งแต่แรก ตลาดก็คงไม่มีคนมาเดินเยอะขนาดนี้”
ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพ Debbie Saengyoktrakarn