xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องรักๆ ของ “James Camaron”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าพูดถึงผู้กำกับหนัง ที่เรียกตัวเองว่า “King of The World” นั้น คงไม่มีใครนอกจาก “เจมส์ คาเมรอน” ผู้สรรค์สร้างบรรดาหนังที่เปลี่ยนโลกใบนี้ไปตลอดกาล อาทิ หุ่นเหล็กอย่าง Terminator, ชู้รักเรือล่มบนเรือ Titanic หรือกระทั่งพาทุกคนกระโจนไปยังโลกต่างดาว Pandora ใน Avatar

หนังทุกเรื่องของเขาทำเงินมหาศาล จนครองอันดับ 1 บน Box office อย่างอมตะ และแน่นอนว่า คงไม่มีใครยิ่งใหญ่บนโลกนี้ไปกว่าเขาแล้ว

กระนั้นเอง อีกเรื่องที่เรียกว่าน่าสนใจสำหรับผู้กำกับคนนี้คือ เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเขา ที่มีต่อสาวๆ รอบตัว และสาวๆ พวกนี้ คือแรงบันดาลใจที่ทำให้มีหนังเรื่องต่างๆ ของเขาด้วย

คาเมรอนแต่งงานครั้งแรกในปี 1978 กับ “ชารอน วิลเลี่ยม” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยของเขา และทำงานเป็นสาวเสิร์ฟอีกด้วย ซึ่งเธอเป็นแรงบันดาลใจให้กับคาเมร่อน ในการเขียนบทตัวละครหญิงแกร่งในหนังเรื่อง Terminator อย่าง “ซาร่า คอนเนอร์” ที่เป็นสาวเสริ์ฟเหมือนกัน

ความสัมพันธ์ของพวกเขาในช่วงแรกค่อนข้างราบรื่น คาเมร่อนในตอนนั้นเพิ่งทำงานในกองเอฟเฟ็กต์ของ “โรเจอร์ คอร์แมน” อยู่ และช่วงนั้นชีวิตของพวกเขาก็อัตคัด เพราะอาชีพช่างเอฟเฟกต์ได้เงินไม่มากนัก และตัวของคาเมรอนก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านนัก ทำให้ชีวิตคู่ของทั้งสองคนห่างเหินกัน

ทั้งตอนที่คาเมรอนไปกำกับหนังเรื่องแรกของเขาอย่าง “Piranha 2” ถึงกรุงโรม ประเทศอิตาลี และใช้ชีวิตเหมือนยาจก เนื่องจากโดนสตูดิโอไล่ออกจากหนัง และได้ค่าตัวเพียง 5,000 ดอลลาร์ ที่เป็นครึ่งเดียวของค่าจ้างเท่านั้นเอง นำไปสู่ความระหองระแหงระหว่าง เขากับเธอ

แต่ฟางเส้นสุดท้ายทำให้เธอเลิกกับเขาคือ ในช่วงทำหนังเรื่อง “Terminator” ที่คาเมรอนกับผู้ช่วยของเขาอย่าง “เกล แอนน์ เฮิร์ต” ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันและกัน ทำให้ชารอนตัดสินใจหย่ากับคาเมร่อน และนำไปสู่การแบ่งทรัพย์สินระหว่างนั้น

ซึ่งตัวคาเมร่อนยอมรับว่า ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิตของเขา เพราะนอกจากปัญหาเรื่องครอบครัวแล้ว เรื่องหนังก็พาเขาเครียดเหมือนฝันร้าย นำไปสู่การมีอะไรกับผู้ช่วยสาวของเขา ที่มีความฝันอยากเป็น “เดบรา ฮิลล์” (ภรรยาและโปรดิวเซอร์ของ “จอห์น คาร์เพนเตอร์”) เหมือนกัน ซึ่งเขายอมรับว่า ความสัมพันธ์ของเขากับเธอเป็นแบบนั้น

ทว่าชีวิตการอยู่กับ “เกล แอนน์ เฮิร์ต” ก็ไม่ได้ยืดยาวนัก เมื่อทั้งสองคนมีปัญหาส่วนตัวอย่างหนัก ทั้งเรื่องส่วนแบ่งของหนังเรื่อง “Alien 2” และ “Terminator” ที่เจ้าตัวขายสิทธิหนังให้กับอดีตภรรยาไป เพื่อแลกกับการกำกับหนังเรื่องนี้ รวมทั้งปัญหาที่คาเมรอนไปมีความสัมพันธ์สวาท กับผู้กำกับหญิงหน้าใหม่อย่าง “แคททอลีน บิกาโลว์” ยิ่งทำให้ทั้งคู่จบความสัมพันธ์ 4 ปีไปอย่างรวดเร็ว

แคทอลีนกับคาเมรอนคบหากันได้ไม่นานนัก ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง “Terminator 2 : Judment Day” ภาคต่อของ Terminator นั้น ตัวของราชาของโลกก็ได้ไปมีความสัมพันธ์กับ “ลินดา แฮมิลตัน” ด้วยการแอบไปไม่มีอะไรกันหลายต่อครั้ง

โดยลินดากล่าวในการสัมภาษณ์ว่า คาเมรอนไม่เคยบอกอะไรเธอ ทั้งที่นอนด้วยกันแทบทุกคืน (ซึ่งหมายถึงการตัดฉากเกี่ยวกับความฝันของ “ไคส์ รีส” ออกไป ทั้งที่มันมีฉากเลิฟซีนระหว่างเธอกับ “ไมเคิล บีนห์” ด้วย)

ความสัมพันธ์นี้ถูกเปิดเผยในภายหลัง ทำให้ผู้กำกับหญิงที่ต่อมาจะได้ออสการ์จากหนังอย่าง “The Hurt Locker” ตัดสินใจหย่ากับคาเมรอน เปิดทางให้เขาคบหากับดาราหญิงแกร่งคู่บุญคนนี้ตามสะดวก

กระนั้นเอง ลินดาก็ไปไม่รอด เธอหย่าขาดกับคาเมรอนด้วยเหตุผลส่วนตัวนั่นคือ ผู้กำกับคนนี้มักมีโลกส่วนตัวสูงและบางครั้งก็อารมณ์ร้ายจนตามไม่ทัน ชีวิตคู่ของพวกเขาอยู่ได้เพียงแค่ 2 ปี (และมีทายาทคนแรกอย่าง “โจเซฟฟิน” ด้วยกัน)

แถมร้ายกว่านั้นคือ คาเมรอนก็ไปมีสัมพันธ์สวาทกับ “ซูซี่ อามิส” นักแสดงสาวจากเรื่องไททานิค ที่ทั้งคู่สนิทสนมกันในกองถ่าย ก่อนจะลอบมีความสัมพันธ์กัน ทำให้ลินดาฟ้องหย่าเขา และได้รับเงินชดเชยจากราชาแห่งวงการหนังมาถึง 50 ล้านเหรียญทีเดียว

แน่นอนว่า “ซูซี่ อามิส” ซึ่งรับบทเป็นหลานของ “โรส ดอว์สัน” ในหนังเรื่อง Titanic ที่ส่งให้คาเมรอนคว้ารางวัลออสการ์ และบัลลังก์ของหนัง Box office โลก เป็นภรรยาคนที่ 4 ของเขา และเป็นคนที่คบหากับคาเมรอนนานที่สุดกว่า 18 ปี และมีลูกด้วยกัน 3 คน

ทำให้ตำนานความรักของผู้กำกับคนนี้จบลงเพียงเท่านี้ โดยคาเมรอนกล่าวถึงผู้หญิงที่เขาคบหาทุกคนว่า เป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครของเขาในหนังของเขา

“ผมไม่ปฏิเสธเลยว่า หนังของผมมีพวกเธออยู่ ผู้หญิงของผมได้แรงบันดาลใจจากพวกเธอ ความแข็งแกร่ง ความอ่อนโยน และสิ่งที่ซ่อนอยู่ ทำให้ผมสร้างหนังขึ้นมา โดยมีพวกเธอจุดศูนย์กลางเสมอ


กำลังโหลดความคิดเห็น