xs
xsm
sm
md
lg

กร่างยกครัว-ป่วนทั่วไทย “พ่อ-แม่วัยใส” สปอยล์ลูกจนเสียคน!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรื่องดราม่าไว้ใจนักสืบออนไลน์! รวมพลังขุดวีรกรรมแสบครอบครัวกร่างตำรวจ..ไม่ใช่ครั้งแรก!! โผล่ทั่วไทยป่วนทั่วเมือง ล่าสุด สังคมโซเชียลฯ มอบตำแหน่งฉาว #ครอบครัวกร่าง 2018 แถมตั้งคำถามพ่อ-แม่อายุน้อย ลูกมีแนวโน้มนิยมรุนแรงหรือไม่!? 'จิตแพทย์' สะท้อนมุมมองพ่อ-แม่วัยใส ทำลูกเสี่ยงพฤติกรรมก้าวร้าวมีหลายปัจจัย!

“ป่วนทั่วไทย-วีรกรรมเพียบ” #ครอบครัวกร่าง 2018

นักสืบออนไลน์ยัง 'ล่า' ไม่หยุด! หลังคลิปวิดีโอครอบครัวโชว์กร่างทะเลาะเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างดุเดือด ถูกเผยแพร่ทั่วโซเชียลฯ ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ พ่อ-แม่-ลูก ถูกเขียนใบสั่งเนื่องจากจอดรถในที่ห้ามจอด แต่กลับมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด จ.ระยอง ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง

แถมยังเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตาซ้ายขณะปฏิบัติหน้าที่ ภายหลังพบว่ามีคลิปฯ ที่สองแม่-ลูกพร้อมพวกเคยด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางศรีเมือง บริเวณตลาดมณียา จ.นนทบุรี อีกด้วยเช่นกัน

ขณะที่เจ้าตัวได้เดินทางไปแจ้งความเอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด อ้างถูกทำร้าย ผลัก-บีบคอ-ปวดท้องครรภ์ บาดเจ็บไม่ต่างกัน ทว่า คู่กรณีทั่วไทยติดแฮชแท็ก #ครอบครัวกร่าง 2018 พากันขุดภาพออกมาแฉวีรกรรมแสบของบ้านนี้กันอย่างถล่มทลาย!

“ซัดกับมันมารอบหนึ่งแล้วค่ะพี่ หน้าบ้านหนูเลย ปัญหาที่จอดรถ! บ้านมันไม่มีที่จอด มาจอดบ้านหนู”

“ช่วงสงกรานต์ที่สุโขทัย นางก็มายืนว่าตำรวจแบบนี้แหละค่ะ เราไปตรวจด่าน เจอพอดี โวยวายไม่ฟังอะไร”

“เคยมาโวยวายกับน้องที่รู้จักกันที่ห้างใน จ.ตาก หาว่าน้องถอยรถไปเหยียบเท้า โวยจะเรียกร้องค่าเสียหาย แบบนี้เป็นมิจฉาชีพหรือเปล่าครับ”

“มันไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกคนตระกูลพี่เขาทำ กลับไปอยู่บ้านของพวกพี่ๆ เถอะครับ เป็นภัยต่อชาวระยอง”


ภาพจาก FB: Red SkullPhattalung
 
ดูเหมือนว่าวีรกรรมแสบสะท้านของครอบครัวนี้ ยังคงมีออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักสืบเฟซบุ๊กก็ไม่น้อยหน้า งัดหลักฐานทะเบียนนักศึกษาสู้จนต้องหงาย หลังจากที่พบว่าสาวรายนี้อ้างตัวว่าจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ล่าสุด ตรวจสอบจากทะเบียนนักศึกษา กลับไม่พบรายชื่อดังกล่าว

อีกทั้ง ยังมีการทำภาพล้อเลียนจากพ่อค้าหัวใส แห่แซวขายเคสโทรศัพท์แบบเดียวกับผู้เป็นแม่ใช้ รวมถึงขายเสื้อใส่แล้วกร่าง จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงปนขำขันในสังคมออนไลน์

แม้สังคมออนไลน์จะมีการพูดถึงกรณีข้างต้นนี้ไปในเชิงตลกขบขัน แต่หากมองให้ดีและวิเคราะห์จากในหลายกรณีที่ครอบครัวนี้เป็นตัวละครสำคัญในการดำเนินเรื่อง ถือว่าเป็นประเด็นที่ควรให้ความสนใจในแง่ของการกระทำผิดซ้ำซากในรูปแบบเดิมๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก

เช่นเดียวกับเพจดังอย่าง 'อีเจี๊ยบ เลียบด่วน' ได้พูดถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ซึ่งมีใจความสำคัญโดยอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและสังคมช่วยกันตรวจสอบเคสอื่นๆ จัดหนักให้เข็ด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้อีกในอนาคต

“ลองคิดดูนะว่าคุณยังจะขำ จะตลกอยู่ไหม ถ้าแม่คุณ พ่อคุณ เมียคุณ ลูกคุณ มาคนเดียว ต้องมาเจอพวกนี้เข้าตามตลาด ในที่จอดรถ หรืออยู่ข้างๆ บ้าน เกิดไปทำอะไรขัดใจ กระทบกระทั่งเล็กๆ น้อยๆ แล้วพวกมันรุมกรูเข้ามา แหกปาก โวยวาย จ่อหน้าเข้ามาจนชิด ถ่ายคลิป ข่มขู่ ล้อมรอบคุณ หรือคนที่คุณรัก คงไม่ตลกแน่!

อยากให้คุณตำรวจ ดูกรณีนี้เป็นพิเศษหน่อยเถอะครับ ไล่ดูประวัติ ดูที่พวกมันเคยทำอะไร กับใครมาบ้าง
แล้วช่วยจัดการให้เข็ดหลาบ ให้สำนึกว่าทำแบบนี้ในสังคมไม่ได้ ทั้งตำรวจ และสังคมต้องช่วยกัน อย่าให้พวกนี้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีกเลย เพราะวันหนึ่งคนในคลิปฯ ของคนแม่ อาจเป็นคุณ หรือครอบครัวคุณก็ได้”
ภาพจาก นสพ.ท้องที่ระยอง
“พ่อ-แม่” วัยใสทำลูก “เสี่ยง” พฤติกรรมรุนแรง!?

“พ่ออายุ 32 แม่อายุ 35 ลูกอายุ 18 เท่ากับตอนมีลูก แม่มีอายุเพียง 17 ปี”

กลายเป็นประเด็นสังคมที่กำลังถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในสังคมออนไลน์ ถึงกรณีพ่อ-แม่-ลูก กร่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังมีคนเชื่อมโยงประเด็นด้านการดูแลเลี้ยงดูในระบบครอบครัวว่ามีความเกี่ยวข้องและส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมความก้าวร้าวรุนแรงของเด็กหรือไม่ หากพ่อ-แม่ไม่มีความพร้อมในการมีบุตร

“มันมีงานวิจัยชัดเจนมากว่า การเป็นพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยๆ คือมีลูกตอนยังไม่พร้อม มันมีผลกระทบต่อสังคมและทั้งตัวพ่อแม่และเด็กสูงมาก เริ่มตั้งแต่ผลกระทบต่อตัวพ่อแม่ ที่ต้องสูญเสียโอกาสทางการศึกษา สูญเสียโอกาสที่จะมีหน้าที่การงานที่ดี ไปจนถึงวุฒิภาวะในการประคองชีวิตคู่ให้ตลอดรอดฝั่ง

รวมถึงการเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดีของสังคม นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยว่า พ่อแม่ที่เป็นวัยใส มีโอกาสที่ลูกสาวในรุ่นถัดไป จะมีโอกาสเป็นแม่วัยใสเหมือนกันสูงกว่ากลุ่มประชากรอื่นถึง 33% และลูกชายที่เกิดจากแม่วัยใส ก็มีโอกาสที่จะมีประวัติทางอาชญากรรมสูงกว่าลูกชายที่เกิดจากพ่อแม่ที่มีลูกเมื่อพร้อมถึง 2 เท่าตัว”

ข้อความจากเพจดัง 'Drama-addict' หยิบยกเอกสารอ้างอิงงานวิจัยจาก UNFPA สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบต่อสังคมและตัวพ่อ-แม่-ลูก เมื่อตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่มีความพร้อม ขณะที่อีกกระแสได้ตีกลับความเห็นด้วยเช่นกันว่าเรื่องแบบนี้อาจขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูและปัจจัยสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน


 
เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจน ทีมข่าว ผู้จัดการ Live ติดต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ด้านสุขภาพจิต 'พญ.พรรณพิมล วิปุลากร' รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสะท้อนมุมมองถึงประเด็นดังกล่าว

ทั้งนี้อาจไม่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีล่าสุดโดยตรง แต่หมายรวมไปถึงกรณีอื่นๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างพ่อ-แม่วัยใส และพฤติกรรมบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเด็กที่เติบโตมา

ด้าน พญ.พรรณพิมล ให้ความเห็นกับทีมข่าวถึงปัจจัยที่มีผลกระทบกับเด็กที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมความรุนแรงก้าวร้าว ไม่ได้เกิดขึ้นจากสาเหตุการมีลูกก่อนวัยอันควรเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ยังรวมไปถึงปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจและพฤติกรรมได้เช่นกัน

“พ่อ-แม่มีลูกตอนอายุยังน้อย จริงๆ แล้วมันยังไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็กโดยตรง มันมีปัจจัยการเลี้ยงดูบุตรเข้ามาประกอบด้วยเหมือนกัน เรื่องอายุของพ่อ-แม่ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น มันไม่ใช่ตัวปัจจัยเดียว ซึ่งการเติบโตของเด็ก มันมีปัจจัยร่วมกันกับตัวสิ่งแวดล้อม ครอบครัว และอื่นๆ อีกด้วย

ทั้งนี้ยังมีงานศึกษาที่บอกไว้ว่ามันไปกระทบกับโอกาสของพ่อ-แม่ในเรื่องการใช้ชีวิต ถ้าระบบโดยแวดล้อมมันยังส่งเสริมเรื่องการใช้ชีวิตของเขาได้ มันก็ลดผลกระทบด้านนี้ลงไป ซึ่งผลกระทบหลักๆ ที่เห็นได้ชัดคือ การขาดโอกาสทางการศึกษา เมื่อเด็กมีการตั้งครรภ์ระหว่างการเรียน ผลกระทบมันมีระยะยาวมากกว่า 9 เดือนแน่นอน

 
ส่วนปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งระบบครอบครัวเองที่มีตัวสนับสนุนเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ตัวปู่ ย่า ตา ยาย เราไม่สามารถเอาปัจจัยเดียวไปตอบรูปแบบพฤติกรรมได้ เพราะมันจะเป็นการตัดสินที่เร็วไปหน่อย เช่นเดียวกับที่มีเคสพ่อ-แม่อายุน้อย แต่ลูกมีพฤติกรรมดีก็มี”

อย่างไรก็ดี พญ.พรรณพิมล ยังทิ้งท้ายถึงประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ด้วยว่าอยากให้สังคมไทยชัดเจนกับแนวทางการไม่ยอมรับความรุนแรงทุกรูปแบบ รวมถึงอยากให้เกิดความตระหนักรู้ว่าพฤติกรรมความรุนแรงไม่ใช่เรื่องปกติในสังคม

“ตอนนี้เรามาถึงจุดที่ในสังคมเราเห็นร่วมกันหมดว่าเราไม่อยากเห็นความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม โดยสังคมเราอาจต้องกลับมายืนหยัดให้ชัดเจนว่า เราทุกคนจะเป็นส่วนหนึ่งของการไม่ยอมรับความรุนแรง

จริงๆ มันก็ถึงเวลามานานแล้ว เรื่องความขัดแย้งบางอย่าง เราตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงใช้ความรุนแรงกันช่างง่ายดายและทันที แต่กลับสร้างความยอมรับว่าเรามีสิทธิ์ที่จะใช้ความรุนแรงนั้น ทั้งที่ไม่มีใครควรใช้ความรุนแรงกับใคร”

ข่าวโดย ทีมข่าวผู้จัดการ Live


กำลังโหลดความคิดเห็น