xs
xsm
sm
md
lg

จากชีวิตติดหนี้ สู่เศรษฐีเงินล้าน! “กอล์ฟ บ้านแกะปู”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เหมือนได้ชีวิตใหม่! เปิดใจ “กอล์ฟ สราวุธิ” เจ้าของ “บ้านแกะปู” ถึงเส้นทางชีวิต กว่าจะตั้งหลักได้ ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ทั้งออกจากการเรียนเพื่อช่วยครอบครัวปลดหนี้หลักล้าน สูญเงินก่อตั้งธุรกิจนับแสนจนเกือบพับโครงการ แต่สุดท้าย เขากัดฟันสู้พร้อมความตั้งใจที่ว่า “ถ้าไปให้สุด ยังไงก็ไม่ล้ม” จนทุกวันนี้รับทรัพย์เดือนเป็นล้าน และยังเดินสายช่วยเหลือสังคมอีกด้วย!!

2 ปี ปลดหนี้หลักล้านให้แม่

“ผมเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน พ่อแม่แยกทางกัน ทำให้แม่ต้องสู้ชีวิตคนเดียว ทำงานคนเดียว ครอบครัวผมเป็นครอบครัวใหญ่ มีตา ยาย น้า น้องสาว ผม ก็มีแม่เป็นเสาหลัก จนเราเริ่มโต ก็เริ่มรู้ว่าแม่แบกรับภาระต่างๆ โดยที่ไม่มีพ่ออยู่ มารู้อีกทีแม่เป็นหนี้หลักล้านครับ ชีวิตเปลี่ยนเลย ตกเย็นอยู่บ้านไม่ได้แล้ว มีเจ้าหนี้มาทวง พวกมอเตอร์ไซค์เงินกู้นอกระบบ ดอกแพงๆ มาทวง แม่ผมกู้ทุกอย่าง เพื่อจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัว วันหนึ่งแม่ไม่ไหว แม่มาบอกว่าไม่ไหวแล้ว ผมเลยคิดว่า เราต้องช่วย”



“กอล์ฟ - สราวุธิ ก๊อใจ” หนุ่มวัย 26 ปี เจ้าของ “บ้านแกะปู” ธุรกิจขายเนื้อปูนึ่งพร้อมรับประทานและส่งเป็นวัตถุดิบตามร้านอาหาร เล่าย้อนไปถึงช่วงชีวิตวัยเด็กก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นเศรษฐีย่อมๆ อย่างทุกวันนี้ ในตอนนั้นชีวิตของเขาและครอบครัว เผชิญกับความยากลำบาก ในเวลาต่อมาเมื่อเรียนต่อระดับอุดมศึกษา เขาตัดสินใจ “ออก” จากมหาวิทยาลัยกลางคัน เพื่อมารับจ้างทำทุกอย่างที่ทำได้ โดยหวังจะช่วยปลดหนี้ก้อนโตให้ครอบครัว

“ตั้งแต่เด็กผมไม่ได้ใส่ใจเลย จนมารู้ว่าแม่เป็นหนี้หนักตอนอยู่ปริญญาตรีแล้ว เลยตัดสินใจลาออกจากการเรียนตอนอยู่ปี 1 เทอม 2 ครับ เรียนไปได้เทอมเดียว ออกโดยที่ไม่บอกอาจารย์ ไม่ได้ทำเรื่องในมหาวิทยาลัย ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าเราต้องหาเงินมาช่วยแม่ปลดหนี้


ตัดสินใจออกจากการเรียน มาขายมันเกลียวช่วยทางบ้านปลดหนี้

อย่างแรกถ้าผมจะทำอะไรผมต้องศึกษาก่อน ตอนแรกจะไปซื้อเฟรนไชส์มันฝรั่งทอด 30,000 บาท แต่เงินไม่พอ เลยต้องคิดค้นเครื่องทำเอง มีเงินทุนเริ่มต้นทำธุรกิจอยู่ 5,000 บาท ต้องทำให้ได้ ผมตั้งโจทย์ไว้แค่นี้ ดูทำเลดีๆ ยุคนั้นมันเกลียวฮิตมาก ขายตามหลังมหาวิทยาลัย นักศึกษาก็ซื้อ กำไรวันนึงประมาณ 800 บาท วิ่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รับจ้างเก็บร้าน ได้ทำอะไรหลายๆ อย่างครับ เอาเงินมาช่วยที่บ้าน หลังจากนั้นระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี ผมสามารถช่วยแม่ปลดหนี้ได้

ตอนนั้นผมคิดอย่างเดียว จะช่วยแม่ให้ได้ แต่ความฝันแม่คืออยากให้ลูกเรียนจบปริญญาตรี ผมก็เสียใจนะที่ไม่ได้เรียนต่อ แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ผมสามารถช่วยแม่ปลดหนี้ได้ ผมกลับสามารถเรียนต่อทันพร้อมเพื่อน ค่อยๆ เก็บวิชาที่ไม่ได้เรียน จนภายในระยะเวลา 5 ปี ผมสามารถเรียนจบพร้อมเพื่อนและรับปริญญา ได้ถ่ายรูปพร้อมเพื่อน”
เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้ปลดหนี้หลักล้าน และคว้าใบปริญญามาให้แม่ชื่นใจได้แล้ว หนุ่มกอล์ฟตอบว่า ‘โล่งและเหมือนได้ชีวิตใหม่’


กอล์ฟและแม่

“รู้สึกโล่งหมดครับ มานั่งคุยกับแม่ ก่อนหน้าที่เป็นหนี้ แม่ผมเคยพูดตลอดว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งแม่มีเงินนะ แม่อยากพาลูกๆ มานั่งกินร้านอาหารดีๆ ความฝันของแม่ ตอนนั้นแค่คิดว่าหมดหนี้ก็เกินฝันแล้ว พอหลังจากนั้นเหมือนเราได้มีชีวิตใหม่เลย ไม่ต้องมีใครมาตามทวงหนี้ ต่อไปนี้แม่อยากกินอะไรกินเลย อยากเข้าร้านทำผมทำเลย อยากให้แม่พัก แม่กับทุกคนในบ้านเหนื่อยมามากแล้ว ทุกวันนี้ผมเลยไม่ให้ที่บ้านทำงาน ผมเลยบอกทุกคนว่า ความเหนื่อยทั้งหมดที่ทุกคนเคยเหนื่อย ผมขอรับไว้คนเดียว”

ล้มลุกคลุกคลาน กว่าจะเป็น “บ้านแกะปู”

หลังจากที่กอล์ฟเรียนจบและเริ่มตั้งหลักกับชีวิตได้ เขาจึงตั้งต้นประกอบธุรกิจ ด้วยการต่อยอดจากสิ่งที่ครอบครัวได้สร้างไว้ คือการขายอาหารทะเล เขาจับปัญหาของคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลที่แกะยากอย่างปู แต่มักจะแกะไม่เป็น จนนำมาสู่การก่อตั้ง “ธุรกิจเนื้อปูแกะพร้อมรับประทาน” แต่กว่าที่ตั้งหลักได้ ก็เล่นเอาเสียทั้งทุน เสียทั้งเหงื่อ และเสียน้ำตาไปไม่น้อย ...

“ผมมีแผงลอยอยู่ที่สะพานปลาครับ ทีนี้ก็อยากต่อยอดสิ่งที่แม่มี แม่ขายอาหารทะเลสดอยู่แล้ว มีวันหนึ่งผมไปเจอเจ้านึงที่เขาขายเนื้อปูแกะ ผมก็เลยหาข้อมูลว่า เจ้านี้เขารับใครมาขาย ผมได้เบอร์มาก็โทรไปถามเจ้าของโดยตรง บอกไปว่าอยากรับปูมาขาย ก็ต่อรองราคากัน ผมต่อแค่ 10 บาท แต่เขาไม่ลดให้ก็เลยไม่เอา วางสายไป



ผมเลยมาหาเรือประมงแถวบ้าน ขอซื้อปูเขา 1 กก. ผมเอามานึ่งแล้วแกะ ผมเปิดยูทูปดูวิธีแกะปู ทำยังไง เลยแกะตาม พอแกะปุ๊บแล้วก็เรียงใส่กล่อง ก็ดูเยอะ ซึ่งกิโลแรกใช้เวลาเกือบครึ่งวัน แล้วคิดว่ากำไรมันดีแน่ๆ ผมเลยตัดสินใจทำเอง หลังจากนั้นผมไปซื้อปูที่เรือ รอบนี้ซื้อ 3 กก. เอามานั่งแกะ เรียงเหมือนเดิม มีน้ำจิ้มใส่ ถ่ายรูปลงโซเชียลฯ ดันมีคนสั่งจริง มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นว่าต้องขายปู

ครั้งแรกผมสั่งปูมาลงประมาณ 80 กก. ก็ลงทุนทำบ่อพักปู ความคิดตอนนั้นแค่เอาน้ำทะเลใส่ เอาออกซิเจนใส่ เอาปูใส่ เสร็จก็ไปนอน เช้ามาปูตายหมดบ่อ ด้วยความที่ผมไม่ได้ศึกษาก่อน หมดเงินลงทุนไปประมาณ 40,000 บาท แม่ก็ถามเข็ดไหม ผมปาดน้ำตา บอกแม่ว่าไม่เข็ด เอาใหม่ อยากลอง ปูที่ตายก็ทิ้ง ไม่เอามาทำส่งลูกค้า”

หลังจากที่ชีวิตเพิ่งจะฟื้นตัวได้หลังปลดหนี้ แต่ต้องมาสะดุดล้มในก้าวแรกของการทำธุรกิจ ทำให้ปูจำนวน 80 กก. และสูญเงินกว่า 40,000 บาท ต้องหายวับไปกับตา แค่นั้นยังไม่พออุปสรรคต่างๆ ได้ถาโถมเข้ามาหาเข้าดั่งคลื่นทะเลอันบ้าคลั่ง แต่ปัญหาต่างๆ นั้น ก็ไม่สามารถหยุดเรือแห่งความพยายามของเขาได้



“หลังจากนั้น ผมก็ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดูว่าการเลี้ยงปูมันมีวิธียังไง สรุปแล้ว มันต้องมีการวัดระดับความเค็มของน้ำทะเล วัดออกซิเจนของน้ำ อัตราความหนาแน่นของปูในบ่อ ซึ่งปูที่ผมรับมา หลักๆ ก็จะมีส่งจากเพชรบุรี จากประจวบคีรีขันธ์ แหล่งนั้นจะเป็นปูใหญ่ เนื้อแน่น ผมเลยนำปูจากฝั่งโน้นข้ามจังหวัดมาส่งถึงอ่างศิลา

สำหรับช่องทางการขายหลักๆ จะมีประมาณ 4 ช่องทาง 1.ค้าปลีก 2.ตัวแทนจำหน่ายตามจังหวัดต่างๆ 3.ขายส่งให้กับร้านอาหารชื่อดังในบางแสน ตอนนี้ประมาณ 20 กว่าร้านแล้วครับ แล้วก็มีหน้าร้านอยู่อ่างศิลาครับ เหตุผลที่ใช้ปูเป็นๆ เพราะของทะเลต้องสดที่สุด ถ้าปูตายเนื้อมันหายหมดแล้วครับ ผมจะมีการคัดปู 3 รอบ รอบแรกคัดจากที่เขามาส่งลงบ่อ 2 รอบ แล้วก็คัดจากที่จะมาทำส่งลูกค้าเป็นรอบที่ 3 ฉะนั้น ปูที่มันไม่สดจะไม่หลุดไปแน่นอน ตามสโลแกนร้าน “สดกว่านี้ ต้องไปกินในทะเลแล้ว” ”

จากเงิน 700 สู่เงิน 7 หลัก!!

“ผมมีงบลงทุนอยู่ประมาณ 200,000 บาท เป็นเงินเก็บก้อนเดียวที่มี แรกๆ ไม่มีใครรู้จักเรา ด้วยความที่เราเป็นน้องใหม่ ก็มีปูมาเรื่อยๆ แต่ไม่รู้จะเอาไปขายใคร โพสต์เฟซบุ๊กก็มีแต่คนกลุ่มเดิมๆ คนไม่ได้กินปูทุกวันอยู่แล้ว จนตอนนั้นเงินเหลือประมาณ 700 ค้างค่าแรงลูกน้องไว้ 3 วันแล้ว พนักงานก็แกะไป แกะแล้วก็แช่ ของไม่กระจายออก เครียดครับ ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว”

เจ้าของธุรกิจหนุ่ม เล่าถึงช่วงแรกที่เริ่มก่อตั้ง “บ้านแกะปู” ว่าต้องเจออุปสรรคมากมาย จากเงินลงทุน 200,000 บาทเพียงก้อนเดียว แต่ร่อยหลอจนเหลือติดตัวเพียง 700 บาท เพราะหาลูกค้าไม่ได้ รับปูมามากมายแต่ไม่มีใครซื้อ อีกทั้งยังค้างค่าจ้างพนักงานอีก หรือว่าธุรกิจกำลังจะเริ่มต้นของเขา ต้องจบลงเสียแล้ว...



“ตอนนั้นทำอะไรไม่ได้ ร้องไห้ นั่งมองสิ่งที่ตัวเองสร้างมา มันต้องปิดลงจริงๆ เหรอ พอวันรุ่งขึ้นผมคิดเลย ต้องหาช่องทางจำหน่ายที่เยอะกว่านี้ ผมเลยบอกพนักงานให้แพ็กปูให้หน่อย พี่จะเอาไปขายลานจอดรถแถวนี้ ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไป พอผมเจอรถตู้ ผมวิ่งใส่เลย รถเปิดมาเจออาม่า ผมก็ยกมือไหว้เขา เขาก็ตกใจ ผมก็บอก ‘มีสินค้ามานำเสนอครับ ฟังผมแป๊บนึง ไม่ซื้อไม่เป็นไรครับ’ ผมก็เปิดกล่องปู เปิดน้ำจิ้ม เขาก็เหมือนลังเล ผมก็ให้ชิม สรุปคันนั้นซื้อไป 4 กล่อง เจอรถบัสผมก็วิ่งใส่อีก

เบ็ดเสร็จแล้ววันนั้นวันเดียวผมขายได้ประมาณ 24,000 บาท แล้วก็เลยมองไปว่ากลุ่มเป้าหมายคงต้องแตกออกไปแล้ว แล้วคิดว่าแถวนี้มีร้านอาหารเยอะ อยากจะให้วัตถุดิบของเราไปขึ้นร้านอาหาร หลังจากขายของเซ็ตนี้ให้แล้ว ความมั่นใจเกิด บอกให้ลูกน้องแพ็กใหม่ จะลองเอาไปส่งร้านอาหาร พอไปที่โรงแรม ก็บอกเขาว่ามีสินค้านำเสนอ ขอคุยกับผู้จัดการ ผมก็ยืนรอ 15 นาทีเขาก็ออกมาแต่เขาไม่เอา ปฏิเสธเราแบบไม่ดูสินค้าเราเลย แต่ก็มากลับมาคิด เราไม่มีความน่าเชื่อถือ

วันแรกเสียใจแต่ไม่ล้มเลิก ผมเลยตั้งปฏิญาณใหม่ วันนี้จะเข้าร้านอาหารให้ได้ 10 ร้าน แล้วดูว่าเขาจะตอบตกลงกี่ร้าน ปรากฏผมเข้าไป 10 ร้าน มีตอบรับประมาณ 2 ร้าน ร้านอื่นไม่ตอบรับ ผมก็จะแอบวางนามบัตรไว้กับเนื้อปูกล่องเล็กๆ อยากให้เขาชิม หลังจากนั้นเชื่อไหม ทุกวันนี้เป็น 20 ร้านอาหารในบางแสนที่ใช้วัตถุดิบจากร้านผม ตอนนี้ยอดขายต่อเดือนน่าจะประมาณ 7 หลักครับ


ทุกวันนี้ “กอล์ฟ” ประสบความสำเร็จจากธุรกิจ “บ้านแกะปู”

ทุกวันนี้ ธุรกิจของกอล์ฟ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและครอบครัวก็มีความสุขมาก สมดังประโยคที่ว่า ‘ฟ้าหลังฝนย่อมมีสดใสเสมอ’ แต่เป้าหมายของเขาไม่จบแค่นั้น เขาอยากแบ่งปันความสุขให้แก่คนที่ยังขาด ดังนั้นเมื่อหักค่าใช้จ่ายสำหรับที่ร้านและที่บ้านแล้ว เขาจึงได้กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับ “ช่วยเหลือสังคม” อีกด้วย

“เมื่อก่อนอผมท้อกับชีวิต ด้วยความที่เป็นหนี้มา จนผมไปเจอเฟซบุ๊กของ พี่เมศ(เมศ เจ้าชายน้อย) กับพี่บิณฑ์(บิณฑ์ บันลือฤทธิ์) ที่ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งผมก็มานั่งคิดว่าคนเหล่านี้ ประสบปัญหายิ่งกว่าผมอีก ตัวเองมีครบ 32 จะท้อกับชีวิตหรอ ผมเลยปฏิญาณกับตัวเองว่า ถ้าวันใดวันหนึ่งผมลืมตาอ้าปากได้ ผมจะทำแบบพี่เขา ทำเท่าที่กำลังผมจะมี

หลังจากที่ผมจ่ายพนักงาน ให้ที่บ้าน ผมจะหักเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนยากไร้ หรือมีคนแจ้งมาว่าคนนี้ต้องการความช่วยเหลือ ต้องการอุปกรณ์พยาบาล อะไรที่ผมช่วยได้ก็จะยื่นมือไปช่วย อย่างตอนนี้ผมก็ให้ความช่วยเหลือคุณตาท่านหนึ่งอยู่ เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงกว่า 10 ปี ก็จะช่วยเหลือเรื่องแพมเพิร์ส นม ช่วยเป็นสิ่งของที่พอจะช่วยได้ครับ”
เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามว่า เสียดายไหมหากล้มเลิกความตั้งใจไปตั้งแต่วันที่เหลือเงินเพียง 700 บาท เจ้าของธุรกิจหนุ่มวัย 26 ปี ตอบกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มว่า “ถ้าผมไปให้สุด ผมว่ายังไงก็ไม่ล้มครับ”


เดินสายช่วยเหลือสังคมตามโอกาสต่างๆ

“ด้วยความที่ผมเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของผม แล้วผมหันมาดูพนักงานทุกคน อีกหลายชีวิตที่ผมต้องดูแล ฉะนั้นผมล้มเลิกไม่ได้ ต้องไปให้สุด ผมเชื่อแล้วว่าสินค้าผมดี ทีมงานผมดี ทุกอย่างมันดีหมดแล้ว อยู่ที่ตัวผม ว่าผมจะกล้าสู้ กล้าเผชิญ กล้าไปลุยกับลูกค้า กล้าประชาสัมพันธ์ขนาดไหน ฉะนั้นถ้าผมไปให้สุด ผมว่ายังไงก็ไม่ล้มครับ”

ชีวิตคนเรา มีขึ้นก็ต้องมีลง ในทางกลับกัน มีลงก็ต้องมีขึ้นได้ โดยเฉพาะเรื่องราวของ “กอล์ฟ” เขาไม่ได้เพียงแค่ต่อสู้เพื่อตัวเขาเพียงคนเดียว แต่เพื่อแม่ เพื่อครอบครัวที่เขารัก เขายอมทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนมีความสุขขึ้นมาได้และเขาก็ทำได้สำเร็จด้วยความพยายามของตนเอง ไม่ใช่เพราะโชคช่วย และยิ่งกว่านั้นคือ ใจและมุมมองความคิดที่กล้าแกร่งของกอล์ฟเอง เป็นสิ่งสำคัญทำให้ธุรกิจ “บ้านแกะปู” ประสบความสำเร็จดังเช่นทุกวันนี้

ติดตามรับชมรายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ” ได้ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-09.30 น. ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)

สัมภาษณ์ : รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียง : ทีมข่าวผู้จัดการ Live


กำลังโหลดความคิดเห็น