ป่าต้องไม่แหว่งฟรี! ชาวเชียงใหม่พร้อมใจผูกริบบิ้นเขียว ชุมนุมประกาศกร้าว บ้านพักศาล “ต้องรื้อเท่านั้น” ด้านศิลปินคนเมืองเหน็บแรง “เผากงเต๊กให้แทนบ้าน-ไถผมทรงป่าแหว่ง” ขณะที่ภาครัฐยังให้คำตอบไม่ได้ จะรื้อ/ไม่รื้อ ปัดจะให้คำตอบหลังสร้างเสร็จ!
“ตุ๊บขว้าง เตขว้าง เฮาฮักดอยสุเทพ”
อีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงที่สังคมกำลังให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้ คงจะหนีไม่พ้น “โครงการบ้านพักศาล” โครงการถูกกฎหมายสุดอื้อฉาว ที่เป็นสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 รุกล้ำกินพื้นที่ป่าดอยสุเทพ สร้างแผลเป็นขนาดใหญ่บนพื้นที่ป่ากว่า 147 ไร่ ล่าสุด ชาวเชียงใหม่ที่ไม่เห็นด้วย ร่วมกันแสดงจุดยืน รวมตัวหน้าประตูท่าแพ พร้อมใจประกาศกร้าว “ต้องรื้อเท่านั้น”
เสียงตะโกน ตุ๊บขว้าง เตขว้าง ที่แปลได้ว่า “ทุบทิ้ง รื้อทิ้ง” เปล่งมาจากผู้คนทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวกว่า 5,000 ชีวิต ดังกึกก้องไปทั่วบริเวณลานประตูท่าแพ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ในกิจกรรม “วันประกาศเจตนารมณ์ ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ” เพื่อเน้นย้ำจุดยืนเรียกร้อง ให้มีการยุติและยกเลิกโครงการก่อสร้างบ้านพักข้าราชการตุลาการศาลอุทธรณ์ภาค 5 บริเวณเชิงดอยสุเทพ ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
และอีกเหตุผลสำคัญของกิจกรรมนี้ เพื่อเป็นการสื่อสารไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้มีการพิจารณาตัดสินใจแก้ไขปัญหากรณีดังกล่าวนี้ ให้เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนชาวเชียงใหม่ คือต้องการให้รื้อถอนบ้านพักแล้วฟื้นฟูสภาพป่าให้กลับมาดังเดิม
สำหรับจุดยืนของเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพและชาวเชียงใหม่นั้น ธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานงานเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ กล่าวว่า เรียกร้องให้รื้อเท่านั้น ตามข้อเรียกร้องของภาคประชาชนที่ได้เสนอไปเพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา เบื้องต้นขอให้หยุดกิจกรรมทุกอย่างในพื้นที่โครงการ แล้วมาพูดคุยรายละเอียดกันว่าจะดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้มีปัญหาอื่นๆ ตามมา โดยอยากให้นายกฯ ตัดสินใจโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นสัปดาห์หน้าจะมีการจัดกิจกรรมกันอีก
นอกเหนือจากการมารวมตัวกันของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าวแล้ว ภายในงานยังแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ผ่านการใช้ “ริบบิ้นสีเขียว” ที่ผู้ชุมนุมนำมาผูกไว้แทนเครื่องประดับ พร้อมกับโบกธงสีเขียวและช่วยกันถือผ้าสีเขียวผืนใหญ่ เรียกร้องขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพอีกด้วย
ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”
สำหรับการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์นั้น ก่อนหน้านี้ไม่นาน ร้านค้าตามเมืองเชียงใหม่ ได้ขึ้นป้าย “ร้านนี้ไม่ขายของให้คนบาปทำลายป่า เฮาฮักดอยสุเทพของเฮา” และ “ร้านที่ไม่ต้อนรับคนทำลายป่า ร่วมใจทวงคืนผืนป่าดอยสุเทพ” ซึ่งหลังจากที่ภาพร้านค้าดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ก็สร้างความฮือฮาถึงกระแสดังกล่าวไม่น้อย
ขณะเดียวกัน หากใครมีความประสงค์ลงชื่อต่อต้านโครงการดังกล่าว ก็สามารถลงชื่อได้ที่เว็บไซต์ Change.org ผ่านหัวข้อ“ขอให้ศาลอุทธรณ์ ภาค ๕ คืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ๑๔๗ ไร่ ๓ งาน ๔๑ ตร.ว.” เพื่อเป็นการแสดงจุดยืน ไม่เอาบ้านพักศาล เช่นเดียวกับคนในพื้นที่ ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีผู้ลงชื่อเข้าร่วมไปแล้วกว่า 52,500 คน และตัวเลขผู้เข้าร่วมก็ยังขยับขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เผากงเต๊กแทนบ้านพักศาล งานศิลป์แอบกัด “หมู่บ้านป่าแหว่ง”
นอกจากการวมตัวของผู้คนกว่าครึ่งหมื่น ที่ประตูท่าแพ เพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อโครงการนี้แล้ว ขณะเดียวกัน ทางด้านของประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ทางด้านศิลปะ ก็ได้แสดงฝีมือของตนเอง ผ่านผลงานศิลปะเชิงเสียดสี ทั้งบนศีรษะและที่นอนกงเต๊ก!
กลุ่มศิลปินชาวเชียงใหม่ นำโดย ศุภชัย ศาสตร์สาระ ศิลปินและอาจารย์มหาวิทยาลัย ขอใช้ความถนัดของตนเอง รังสรรค์ผลงานในเชิงสัญลักษณ์แกมเสียดสี “โครงการบ้านพักศาล” ด้วยการนำภาพถ่ายทางอากาศของโครงการที่ยื่นเข้าไปในพื้นที่ป่าดอยสุเทพ มาวางทาบบนที่นอนสั่งทำพิเศษ โดยเปรียบเทียบที่นอนนี้เป็นบ้านพักศาล และนำมาผสมรวมกับพิธี “กงเต๊ก” ที่เป็นการทำบุญอุทิศให้คนตายด้วยการสวดและเผาสิ่งของให้
เจ้าของผลงานศิลปะชิ้นนี้ เปิดเผยว่า ผู้คนรู้สึกว่าโครงการนี้เป็นเหมือนบาดแผล ที่มีผลกระทบต่อป่าและระบบนิเวศ จึงได้ถอดแบบแผนที่ของหมู่บ้านออกมา แต่แทนที่จะไปอยู่บนเฟรมภาพ กลับใช้เป็นที่นอนสั่งทำพิเศษแทน โดยเปรียบเป็นบ้านพักศาล และนำผสมผสานแนวความคิดตามพิธีกรรมความเชื่อในเรื่อง “กงเต็ก” ของจีน เสมือนเป็นการส่งไปยังอีกภพหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะบนเส้นผมก็ไม่น้อยหน้า ขอใช้ฝีมือของตัวเอง แสดงจุดยืนผ่านหนังศีรษะของลูกค้าที่มีแนวคิดเช่นเดียวกัน ด้วยการตัดแต่งทรงผมให้เป็นลายแผนที่บ้านพักศาล ประกอบภาพดวงตาที่มีน้ำตาไหลริน
“วุฒิไกร พงศ์ธิ หรือ ช่างอาร์ม” เจ้าของร้าน “ตัดเพลิน” สาขาหนึ่ง ตรงข้ามตลาดสดหางดง ต.หางดง อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ผู้ซึ่งเคยได้รับรางวัลช่างตัดแกะทรงผมมาแล้ว ได้วาดลวดลายลงบนศีรษะของลูกค้า พร้อมกล่าวว่า มีลูกค้าเข้ามาให้แกะลายผมให้เป็นรูปแผนที่โครงการบ้านพักข้าราชการศาล พร้อมดวงตาน้ำตาหยดไหลรินลงมาด้วยเป็นจำนวนหลายราย โดยใช้ภาพจากโซเชียลฯ มาแกะเป็นแบบ
ทางด้านร้าน “เหลาหัว” ที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ของ “ช่างบุ๋ม - นพพร เชื้อประยูร” ก็ไม่น้อยหน้า ขอแสดงฝีมือผ่านใบมีดโกน ออกแบบผ่านการแกะลวดลายผม ให้แก่ลูกค้าที่มีจุดยืนเช่นเดียวกัน ด้วยการออกแบบทรงผมเป็นรูปกำปั้นที่ชูขึ้น ที่ข้อมือผูกริบบิ้นสีเขียวไว้ และที่แขนเป็นแผนที่ของโครงการบ้านพักดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ “ช่างบุ๋ม” ก็ได้เคยแกะลวดลายผม เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ถึงกรณีเรื่องร้องความเป็นธรรมให้แก่ “เสือดำ” มาแล้ว
รื้อไม่รื้อ อีก 2 เดือนรู้ผล!
ไม่เพียงแค่คนในพื้นที่เท่านั้นที่ต่อต้านบ้านพักศาลนี้ ทางด้าน “นิด้าโพล” ยังเผยผลสำรวจล่าสุดออกมา พบว่า ผู้คนกว่า 85% จากทั่วประเทศ ก็ขอค้านโครงการดังกล่าวเช่นเดียวกัน
จากการสำรวจของ นิด้าโพล ในหัวข้อ “คนไทยคิดอย่างไร กับโครงการสร้างบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพ” จากคำถาม ถึงความเหมาะสมในการสร้างบ้านพักตุลาการศาลบริเวณดอยสุเทพ พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 85.20 ระบุว่าไม่เหมาะสม เพราะ เป็นการทำลายป่าไม้ ทำลายธรรมชาติและระบบนิเวศ สิ้นเปลืองงบประมาณ ควรนำงบประมาณไปใช้ทำอย่างอื่นที่ก่อให้เกิดประโยชน์กับคนในพื้นที่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรมีสิ่งปลูกสร้าง ขณะที่บางส่วนระบุว่า บ้านพักควรสร้าง ในเมืองน่าจะดีกว่า
รองลงมา ร้อยละ 14.56 ระบุว่าเหมาะสม เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นการบุกรุก หรือรุกล้ำพื้นที่ป่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงจะพิจารณาตามความเหมาะสมมาอย่างดีแล้ว และเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่ที่มาปฏิบัติงาน และร้อยละ 0.24 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
สำหรับความคิดเห็นเกี่ยวกับการรื้อถอนบ้านพักตุลาการฯ ออกทั้งหมด พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.84 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ จะได้คืนผืนป่าให้กลับมาอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม และจะเป็นการช่วยอนุรักษ์ผืนป่าเอาไว้ รองลงมา ร้อยละ 43.68 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะ จะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณในการรื้อถอน และเสียดายงบประมาณที่ใช้ไป ขณะที่บางส่วนระบุว่า ยังสามารถใช้ทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีก และร้อยละ 2.48 ไม่ระบุ/ไม่แน่ใจ
ล่าสุด ความเคลื่อนไหวจากทางฝั่งรัฐบาล วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีประชาชนชาวเชียงใหม่ชุมนุมเรียกร้องให้รื้อถอนบ้านพักตุลาการบริเวณเชิงดอยสุเทพว่า นายกฯ ได้ยกตัวอย่างเรื่องบ้านตุลาการว่าถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้รับการยอมรับ จึงต้องคิดเรื่องอื่นมาประกอบด้วย จะเอาแต่กฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ พร้อมทั้งขอให้ทุกคนช่วยกันคิด
รองนายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า ประชาชนเหมือนจะยอมรับว่าการก่อสร้างดังกล่าวถูกกฎหมาย แต่ไม่ถูกต้องกับความรู้สึก ส่วนทางออกจะเป็นอย่างไรนั้นยังคิดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไร ข้อเรียกร้องที่ให้รื้อถอนนั้นเป็นสิ่งที่ต้องคิดหลายตลบ เพราะการทุบบ้านทิ้งผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นทรัพย์สินราชการ ใช้งบประมาณไปกว่าพันล้านบาท หากจะรื้อทิ้งอำนาจนั้นมาจากไหน ผู้ชุมนุมเองทราบ จึงมีความคิดเห็นแตกเป็นหลายฝ่าย ทั้งให้รื้อและให้นำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น
“ไม่เคยมีการพูดว่าจะใช้มาตรา 44 ในการแก้ไข นายกฯ เพิ่งกล่าวย้ำว่ามีคนมาขอให้ใช้ แต่นายกฯ คิดว่าไม่ต้องถึงขนาดนั้น จะใช้บ่อยๆ ทำไม วันนี้พยายามเลี่ยงใช้เท่าที่จำเป็น เพราะถ้าต่อไปไม่มีมาตรา 44 จะทำอย่างไร” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
ด้าน พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ก็ได้ระบุว่า การเจรจาว่าตกลงแล้ว จะรื้อหรือไม่ ระหว่างฝ่ายต่างๆ จะเกิดขึ้นหลังจากการก่อสร้างบ้านพักแล้วเสร็จ ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.
ท้ายที่สุดแล้วนั้น การต่อสู้เพื่อพื้นที่ป่ายาวนานกว่า 3 ปีของชาวเชียงใหม่ จะมีข้อสรุปเป็นไปในทิศทางใด จะรื้อทิ้งตามที่ผู้ชุมนุมต้องการ หรือหรือดำเนินการสร้างต่อไปจนจบโครงการ และเรื่องก็เงียบหายไปกับสายลม คงต้องติดตามกันต่อไป ...
ขอบคุณภาพบางส่วน : เพจเฟซบุ๊ก “ขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ”