xs
xsm
sm
md
lg

“มิคาเอล เอสเซียง” คนที่ผมเรียกว่าพ่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังการย้ายมาคุมทีมปีศาจแดงเมื่อปีก่อน พร้อมกับประสบความสำเร็จถึง 3 แชมป์ในปีเดียว ทำให้กุนซือจอมอหังการอย่าง “โฆเซ่ มูรินโญ่” ได้มีโอกาสดึงลูกศิษย์เก่าอย่าง “เนมันย่า มาติช” มาร่วมทีมได้สำเร็จ และกลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่ทำให้ทีมปีศาจแดงบินสูงอยู่ในตอนนี้ ด้วยผลงานสวยหรูไม่แพ้ใคร จนอยู่อันดับ 1 ร่วมกับทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนี้

แน่ล่ะว่า “เนมันย่า มาติช” คือ อดีตนักเตะคู่บุญของมูรินโญ่ ที่ดึงตัว “มิคาเอล เอสเซียง” วกกลับมาจากเบนฟิก้า ก่อนจะช่วยกันคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยกันอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะถูกดึงกลับมาในร่วมทัพปีศาจแดงในปัจจุบัน
แต่ก็มีหลายคนสงสัยว่า ถ้ามูรินโญ่มาคุมผีแดงเร็วกว่านี้ นักเตะเชลซีคนใดที่เขาจะดึงมาร่วมทีม สื่อต่างชาติต่างมองว่า คนคนนั้นไม่ใช่ใครนอกจาก มิคาเอล เอสเซียง ที่มูรินโญ่ ร่วมงานด้วย ทั้งในเชลซีและรีล มาดริด

"ในช่วงที่เขาฟิตสมบูรณ์เขาคือ กองกลางที่ดีที่สุดในโลก เป็นหนึ่งในนักเตะมืออาชีพ ที่ผมอยากทำงานด้วยเสมอ"

มูรินโญ่กล่าวถึงกองกลางวัย 34 ปี ที่เล่นอยู่ในอินโดนีเซีย ภายหลังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บรุมเร้า จนไม่สามารถดึงฟอร์มเดิมกลับมาได้ ซึ่งส่งผลให้ช่วงเวลาสูงสุดของเขาจบลงอย่างรวดเร็ว

“เดอะ ไบซัน มิคาเอล เอสเซียง” ย้ายจากลียงมายังเชลซีด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร เขาเกิดในกาน่าในครอบครัวที่ยากจนและต้องดิ้นรนกับการเล่นฟุตบอลเพื่อหาเลี้ยงชีพตัวเอง เอสเซียงโชคดีที่มีฝีเท้าฉกาจตั้งแต่ยังเด็ก

ด้วยการเล่นที่แข็งแกร่ง และการวิ่งมานะไม่หยุด ทำให้เขาได้มีโอกาสไปค้าแข้งที่บาสเตียในฝรั่งเศส ก่อนสร้างผลงานได้ดี จึงมีโอกาสไปค้าแข้งที่ลียง ซึ่งผลงานของเขาทำได้เข้าตาบรรดาทีมใหญ่ในลีคต่าง ๆ รวมทั้ง โฆเซ่ มูรินโญ่ที่อยากได้เขาไปร่วมงานตั้งทำงานกับปอร์โต้แล้ว

"เราจับตาดูเขามาสักพักแล้วตอนปอร์โต้ เขาเป็นกองกลางที่ผมตามหา ทั้งแข็งแกร่ง และมีลูกยิงไกลที่อันตราย ผมไม่เคยเห็นกองกลางที่ดุดันแบบนี้มาก่อน ถ้ามีโอกาสผมจะเซ็นสัญญาเขามาร่วมทีมให้ได้"

หลังมูรินโญ่มาทำงานกับเชลซีในรอบแรก เขาไม่รอนานนักให้ “เสี่ยหมี โรมัน อบราโมวิช” ซื้อตัวของ เดอะ ไบซัน มาร่วมทีมทันที ซึ่งเจ้าตัวก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็ว ด้วยการช่วยทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ แถมยังกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ดังของกาน่า ที่มีแฟนๆ คลั่งไคล้อย่างมาก โดยเฉพาะเด็กๆ ที่มองเขาเป็นฮีโร่

"ผมดีใจที่เด็กๆ มองผมเป็นฮีโร่ พวกเขาควรมีคนที่เป็นต้นแบบ ผมเองก็เคยเป็นแบบนั้นมาก่อน และเข้าใจพวกเขา ดังนั้น ผมจะทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อแฟนๆ เหล่านั้น"

ทว่า การเล่นที่ดุดันนั้นก็เหมือนดาบสองคม เมื่อเอสเซียงประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยครั้ง จนถึงขั้นลงสนามไม่ได้หลายเดือน ยิ่งหลังมูรินโญ่ถูกไล่ออกจากเชลซี และแทนที่ด้วยผู้จัดการคนอื่นๆ ความสำคัญของเขาก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลายเป็นส่วนเกินในทีมสำรอง แถมยังไม่มีใครยืมไปใช้งานเพราะ ค่าเหนื่อยของเขามากเกินกว่าทีมเล็กจะรับไหว

และก็เป็นมูรินโญ่อีกนั่นเอง ที่ตัดสินใจดึงลูกศิษย์ของเขากลับไปร่วมงานที่มาดริดอีกครั้ง เพื่อเป็นแสตนบายแดนกลาง ซึ่งทำให้เอสเซียงสำนึกบุญคุณของแดดดี้คนนี้เหลือเกิน

"เขาเหมือนพ่อของผม ผมเรียกเขาว่า แดดดี้ เขาโทรมาหาผมแล้วบอกว่า สนใจจะตามเขาไปที่มาดริดไหม เราอยากได้นายมาแสตนบายให้กับพวกกองกลางในทีม ผมบอกเขาเลยว่า ไปครับ ไม่ต้องคิดลังเลเลย เพราะการเล่นให้เขา และในทีมอย่างมาดริดเป็นสิ่งที่สุดยอดมาก"

ทว่า อาการบาดเจ็บยังคงกลับมาเล่น เดอะ ไบซัน คนนี้อีกหน ทำให้สุดท้ายแล้วเขาไม่รับสัญญาถาวรจากมาดริด และ ถูกปล่อยตัวไปยังมิลานแบบฟรีๆ พร้อมกับมูรินโญ่ที่ออกจากมาดริดไปเหมือนกัน

"ผมขอบคุณเขาที่ยื่นโอกาสนี้ให้ผม ผมจะไม่มีวันลืมบุญคุณของเขาที่ช่วยให้ผมกลับมาได้ หากเขามีอะไรให้ผมช่วย ผมจะไปช่วยเหลือเขาโดยไม่อิดออดใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงเขาบอกมาเท่านั้น"

ส่วนมูรินโญ่ก็บอกถึงลูกศิษย์คนนี้ ที่กำลังอยู่ในช่วงปลายอาชีพว่า

"ผมทำงานกับนักเตะดีๆ หลายคน เอสเซียงเป็นหนึ่งในนั้น เขาแข็งแกร่งมุ่งมั่น และจริงจังกับงานที่ได้รับเสมอ ผมเสียดายที่การเล่นแบบมุ่งมั่น ทำให้เขาบาดเจ็บบ่อยๆ แต่ถ้าพูดถึงความยอดเยี่ยม ผมบอกว่าเขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งที่ผมเคยทำงานมาเช่นกัน"

นี่คือเรื่องราวอันแสนประทับใจของมูรินโญ่ และกองกลางโคตรจอมพลังแห่งกาน่า ที่ผูกผันกันไม่ต่างกับพ่อลูกแม้ปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น