xs
xsm
sm
md
lg

ฉีกลุคนางเอกแบ๊ว! “โบว์-เมลดา” ไอ้แสบแห่งวงการบันเทิง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรียกได้ว่าขึ้นแท่นเป็นนางเอกฮอตงานชุกที่สุด โบว์ - เมลดา สุศรี นางเอกสาวหน้าหวานวัย 21 แห่งช่อง 7 เพราะเธอมีละครติดๆกันถึง 8 เรื่อง บวกกับความสามารถรอบด้านทั้งนักร้อง นางแบบ นักแสดง แถมได้ใจแฟนคลับ เพราะความ “เข้าถึงได้”และ “ไม่แบ๊ว-พูดตรง” ฉีกกฎนางเอกหน้าหวาน จนในกองละครและแฟนคลับต่างให้ฉายา “ไอ้แสบ” เพราะสไตล์ยียวนกวนประสาทเฉพาะตัว!

“มีช่วงหนึ่งถ่ายละครติดกันทุกวัน จนหนูถามแม่ว่า แม่ๆตอนนี้น้ำทะเลยังเค็มอยู่รึป่าว” โบว์ เล่าถึงตอนช่วงเวลาที่ทำงานหนักด้วยอารมณ์ขัน

เริ่มต้นวงการ…บทบาทนักร้อง
วัยเด็กตอนอยู่ค่ายกามิกาเซ่ เกิร์ลกรุ๊ปวง Kiss me five
โบว์ เล่าถึงที่มาที่ไปที่ทำให้มาเป็นศิลปิน ด้วยวัยเพียง 14 ปี “ตอนเด็กๆ เป็นคนชอบร้องเพลงจนเคยเกือบโดนรถชน! ด้วยเพลง ด่วนพิศวาส ของแม่ผ่องศรี วรนุช ที่ร้องว่า ….เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย"

“เคยไปฟังเพลงนี้ที่บ้านคุณป้ามา ป้าชอบเปิดเพลงลูกทุ่งตอนเช้า เสียงรถด่วนขบวนสุดท้าย แล้วเสียงสูงมาก เราก็จำมาร้องในรถ ในขณะที่คุณพ่อกำลังขับรถกลับบ้าน พ่อตกใจมากได้ยินเสียงโบว์ เกือบรถชน

จากนั้นคุณแม่กับคุณพ่อรำคาญก็เลยให้ไปเรียนร้องเพลงกับครูไก่ โรงเรียนดนตรีสยามกลการ สาขารามคำแหง

ตอนนี้หาตัวครูไก่ไม่เจอแล้ว อยากจะไปเรียนร้องเพลงกับครูไก่อีก ตอนนี้โบว์ประกาศหาเลยนะ เพราะครูไม่ได้สอนที่เดิมแล้ว เบอร์โทร.ก็ไม่มี ไม่รู้ไปสอนที่ไหน

เพราะครูไก่เป็นผู้มีพระคุณผลักดันให้เราไปประกวดร้องเพลงที่สยามกลการจนได้รางวัลชนะเลิศเลย ครูไก่ส่งเสริมให้เราร้องเพลงทุกอย่าง แต่พอเราได้เริ่มเป็นนักร้องค่ายกามิกาเซ่ก็ไม่ได้เจอครูไก่อีกแล้ว

เริ่มต้นเข้าวงการบันเทิงในวัย 14 จากเป็นหนึ่งในเกิร์ลกรุ๊ปวง Kiss me five ค่าย Kamikaze ในเครือ RS แม้กระแสตอบรับเป็นที่น่าพอใจ แต่ด้วยความที่บรรดาเพื่อนร่วมวงอยู่ในวัยเรียน จึงมีการพูดคุยกับทางผู้ใหญ่และขออนุญาตพักงานเพลงมาศึกษาต่อ และเป็นข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกันของสาวๆ ทุกคนในวง

“แม่อยากให้ไปออดิชั่น ไม่เคยคิดว่าจะได้ แต่ก็ได้ ตอนแรกก็เต้นไม่เป็น แต่ให้พี่ที่โรงเรียนสอนเต้นให้ โคฟเวอร์เพลงของวงเกิร์ลเจเนเรชั่น ใส่กางเกงชมพูสีรุ้งด้วยนะ”

โบว์เล่าว่า เป็นโปรเจคต์ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยเธอก็เป็นหนึ่งในสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ป Kiss me five มีเพลงติดหูที่ชื่อ 'แอ๊บ'

เป็นศิลปินอยู่ 2 ปีเต็ม ขณะเดียวกัน ต้องรับผิดชอบเรื่องการเรียนไปพร้อมๆ กัน ท้ายที่สุด ก็มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจยุบวง

“คือมีพี่ในวงไปเรียนต่างประเทศแล้วขอคืนสัญญาเพื่อจะไปเรียนต่อ พี่เขาเรียนหนักเลยไม่ไหว ทำงานไปไม่มีเวลาเรียน ค่ายก็เข้าใจนะคะ ถ้าเป็นเรื่องเรียน

โบว์ก็อยากเรียนด้วย เป็นข้อตกลงของทั้งวงแล้ว สรุปกันว่าไปเรียนนะ เสียดายนะคะ จริงๆ โบว์ก็ชอบร้องเพลงด้วย แต่ก็ไม่เป็นไร ออกมาเรียนเป็นหลักดีกว่า”

นั่นคือจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงของเธอ

บทบาทนางแบบ
ประกวด Thai Supermodel Contest 2013
แม้บทบาทในการนักร้องของเธอจะต้องยุติลง แต่บทบาทของ “นางแบบ” กำลังเริ่ม เธอเล่าถึงการเข้ามาประกวดในเวที Thai Supermodel Contest 2013 ว่ามีคุณแม่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จ

“คุณแม่เป็นคนผลักดัน โดยหลอกโบว์ว่า จะพาไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่ก็แปลกใจว่า ทำไมให้ใส่เสื้อกล้าม และกางเกงยีนส์ขาสั้น แต่แม่ให้สวมกระโปรงทับอีกชั้น

สุดท้ายก่อนจะกินข้าวแม่บอกว่า นี่ๆเขามีประกวดไทยซูเปอร์โมเดลชั้นบนลองขึ้นไปดูมั้ย เราก็ลองขึ้นไปดูก็ได้ ตอนแรกก็ไม่อยากประกวดเลยนะ เพราะกลัวว่าถ้าจะชนะคนจะหาว่าเป็นเด็กเส้นเพราะเราเป็นนักร้องมาก่อน แต่ถ้าไม่ได้คนจะมองว่าอ่อน

สุดท้ายเธอตัดสินใจลงประกวดไทยซูเปอร์โมเดล ปี 2013 และพบว่าเวทีนี้ไม่มี”เส้น” อย่างที่คิด

“ไม่ได้คิดว่าจะชนะเลยนะคะ เพราะคิดว่าพี่อีกคนจะได้ คิดด้วยซ้ำว่าเวทีนี้ต้องมีเส้น เพราะเราคิดว่าทุกเวที “มีเส้น”

ปรากฏว่า เวทีนี้ไม่มีเส้นนี่ เพราะเราชนะ

หายเหนื่อยเพราะซ้อมหนักมาก 7 วันไม่ให้ถอดรองเท้าส้นสูงเลย พอได้กลับบ้านรู้สึกโล่งสบาย ”

เธอเล่าย้อนถึงวัยเด็กกับการใส่รองเท้าส้นสูงครั้งแรก

“ตอนเด็กๆ โบว์อยู่คอนโด แล้วพวกพี่ๆ ในคอนโดเค้าชอบเอารองเท้าส้นสูงมาทิ้ง โบว์เห็นก็แบบ สวยจัง..ก็เอามาเดินใส่ เห็นแล้วก็ไปเอามาลองใส่ (ยิ้มก่อน..พูดต่อด้วยเสียงอ้อนๆ) “หนูขอเล่นหน่อย”

บทบาทนักแสดง

ช่วงก่อนหน้านี้เรามักจะเห็นหน้าหวานๆเธอ ติดต่อกันรวด 5 วัน เพราะละคร 2 เรื่องออกอากาศไล่เลี่ยกัน ทั้ง หงส์เหนือมังกร และ คุณชายไก่โต้ง

เธอผ่านงานแสดงมาแล้วกับเรื่องใยกัลยา คาดเชือก โนห์รา กระทั่งตอนนี้ก็ยังมีเรื่องสกาวเดือน ที่กำลังออนแอร์ นอกจากนี้ ยังมี เรื่องพชรมนต์ตรา และ มนตร์กาลบันดาลรัก ที่กำลังถ่ายทำอยู่

มีผลงานให้ชมตลอด สรุปรวม 8 เรื่องในเวลาเพียงไม่กี่ปี ทุกเรื่องฟีดแบ็กดีเยี่ยม

“สำหรับเรื่องที่ท้าทายมากที่สุดคิดว่าเป็นหงส์เหนือมังกร เป็นละครเรื่องแรกที่เล่นแล้วเครียด ตั้งแต่นักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ เพราะเราต้องอยู่ในคาแรกเตอร์นั้นอยู่ตลอดเวลา ขนาดนอนหลับยังเครียดเลยเรื่องนี้ ถ้าจะผ่อนคลายได้คือตอนแต่งหน้า แต่งตัว

เรามาแสดงเรื่องนี้ทำให้รู้เลยว่า ผลงานที่ผ่านมาเป็นครูเราได้เยอะมากความโชคดีจากละครเรื่องคุณชายไก่โต้ง จึงได้มีโอกาสไปเรียนการแสดงกับหม่อมน้อย เพื่อจะเล่นได้แบบธรรมชาติมากขึ้น หลังจากไปเรียนมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น เพราะหม่อมน้อยสอนให้เรามีสมาธิในการแสดงมากขึ้น

ส่วนเรื่องไหนที่เป็นตัวเองมากที่สุด คิดว่าเป็นเรื่องคาดเชือก เพราะไม่เครียดสุด ดูเป็นเด็กชาวบ้าน เหมือนเป็นละครที่มีตัวตนจริงๆ เรื่องคาดเชือก ทำให้โบว์สามารถขับรถ พายเรือ และขับเรือเป็น สนุกมาก

แต่ก็ไม่เคยเล่นเป็นตัวเองนะ เพราะเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดอยู่เสมอว่า เราจะเล่นเป็นตัวเองไม่ได้ เพราะแม่เราไม่ได้ชื่อนางช้อย พ่อเราไม่ได้ชื่อแช่ม จะคอยพูดกรอกหูเราตลอด ว่าไม่ให้เป็นตัวเองมากที่สุด

และการที่เราแสดงละคร หากเรายังเครียดติดกลับบ้านมา หรือถ้าเวลาเข้าบทแล้วมีฉากร้องไห้แล้วหยุดร้องไม่ได้ ผู้ใหญ่บอกว่า ไม่เก่ง ยังไม่สามารถถอดตัวละครได้

อย่างนักแสดงที่เขาเก่งๆ ก่อนเข้าฉากเขายังหัวเราะอยู่เลย แต่พอเข้าฉากปุ๊บ 5 4 3 2 1 น้ำตาไหลทันที หรือดีดนิ้วแล้วร้องไห้เลย ดังนั้นเราต้องสลัดความเครียดในตัวละครนั้นๆออกไปให้หมด แต่ตอนนี้โบว์ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังต้องฝึกอีกเยอะ”

นอกจากนี้ เธอยังบอกว่า อยากลอง “บทนางร้าย” หรือ “นางเอกแอบร้าย” อยากพลิกคาแร็กเตอร์

“อยากเล่นเป็นนางร้ายเหมือนกันนะ หรือเป็นนางเอกที่ร้าย เพราะส่วนใหญ่เล่นเป็นนางเอกแสนดีตลอด”

สำหรับกระแสข่าวที่ว่าเธอขึ้นแท่นเป็น “นางเอกลูกรัก” เธอย้ำว่า เป็นแค่คนทำงานที่ช่อง 7 คนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ถูกประคบประหงมขนาดนั้น

ฟีดแบ็กของละครทุกเรื่องล้วนดีงาม จนคอละครบอกเป็นเสียงเดียวว่าตีบทแตกทุกเรื่อง

“ดีใจมากเลยค่ะ ที่มีคนชมเราขนาดนี้ หายเหนื่อย ทำให้เรารู้สึกว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่เขาเห็นในความพยายามที่เราทำเต็มที่มีคนมองเห็นด้วย

จริงๆแล้วงานที่ประสบความสำเร็จก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับนักแสดงทุกคน พี่ทีมงานทุกคน ที่ทำให้ตัวละครหนึ่งตัวกลมขึ้น

เคมีสาธารณะ คู่จิ้นเพียบ
พระเอกคู่จิ้นไมค์-ภัทรเดช
ในฐานะที่มีแฟนละครจับคู่จิ้นให้เพราะดูละครแล้วอินฟิน เพราะมีเคมีสาธารณะ จึงทำให้พระเอกที่ได้ร่วมงานกับเธอ ล้วนถูกจับคู่ให้รักกันนอกจอ เช่น ไมค์-ภัทรเดช สงวนความดี คู่จิ้นจากละคร โนห์รา แต่เธอยืนยันว่า นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คนดูอยากให้เป็นเท่านั้น

ส่วนพระเอกที่เธอเคยร่วมงานด้วยนั้น ชอบร่วมงานกับพระเอกคนไหนมากที่สุด เธอบอกว่า

“ชอบพี่นิว - วงศกร ปรมัตถากร (พระเอกคู่กับโบว์เรื่องสกาวเดือน) เป็นคนที่ทำงานด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ พี่นิวสามารถเป็นที่พึ่งทางใจได้ เพราะพี่เขาบวชมาแล้ว เป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ
(ซ้าย)นิว วงศกร พระเอกสกาวเดือน ที่โบว์นับถือ (ขวา)พระเอกคู่จิ้น โดนัท-ภัทรพลฒ์
และพระเอกอีกคนที่ทำงานด้วยแล้วสบายใจ คือ โดนัท- ภัทรพลฒ์ เดชพงษ์วรานนท์ (พระเอกคู่กับโบว์จากละครคุณชายไก่โต้ง) ร่วมงานด้วยแล้วแฮปปี้ ไม่ต้องคิดเยอะ

นอกจากนี้ ยังมีพี่เวียร์ - ศุกลวัฒน์ คณารศ ทำงานร่วมกับพี่เวียร์ แล้วรู้สึกว่าเขามีความโปรเฟสชันนัล”

สาวติสต์ รักศิลปะ

ปัจจุบันโบว์ กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิเทศศาสตร์ ส่วนช่วงมัธยมเธอเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง

โดยเลือกเรียน สาขาศิลป์-ภาษาญี่ปุ่น ก็เพราะได้รับอิทธิพลมาจากครอบครัว เพราะคุณพ่อเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นให้คนไทย ส่วนคุณแม่ก็เคยได้ทุนไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น เธอจึงตัดสินใจเรียนภาษาญี่ปุ่นบ้างนั่นเอง

เธอเล่าว่า หลังเรียนจบ ม.6 มีความใฝ่ฝันว่าจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยอยากเรียนสถาปัตย์ และคณะศิลปกรรม เพราะชอบการวาดรูป มาตั้งแต่เด็ก แต่ต้องหยุดความฝันไว้เพราะเธอคิดว่าเมื่อหากเรียนต่อด้านนี้ต้องทุ่มเวลาการเรียนทั้งหมด ซึ่งเมื่อเธอเลือกรับงานแสดงจึงไม่สามารถมีเวลามากเท่าที่ควร

“อยากเข้าคณะศิลปกรรมฯ ของจุฬาลงกรณ์ สาขานฤมิตศิลป์ เพราะชอบวาดรูป ออกแบบ โบว์อยากเป็นนักออกแบบ
แต่เมื่อเราเลือกงานแสดงเลยไม่สามารถเรียนได้ เพราะต้องมีเวลาส่งการบ้านอาจารย์ แต่เราทำงานจนถึงเช้า เมื่อเราหันชีวิตมาเป็นนักแสดงจึงไม่สามารถทำตรงนั้นได้ จึงเลือกที่จะเรียนรามฯ”

เธอเล่าย้อนวัยเด็กว่าชอบการวาดรูปมาก ขนาดซื้อหนังสือการ์ตูนมาดูแต่รูป และวาดตาม

“ชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่โบว์เป็นลูกคนเดียว แม่เลยจับให้นั่งแล้วเอาปากกายัดใส่มือ แล้วยื่นกระดาษให้

โบว์ชอบซื้อการ์ตูนขายหัวเราะ หรือการ์ตูนภาพสวยๆ แต่ไม่อ่านนะ นั่งดูแต่ภาพ อย่างเด็กคนอื่นๆจะชอบใช้กระดาษลอกลาย แต่ของโบว์ใช้ดินสอวาดตามเองเลย และตอนประถมฯ เคยประกวดได้รับรางวัลประกวดวาดรูปชนะเลิศวันแม่ด้วย”

สำหรับอนาคตเธอบอกว่า อยากจะเรียนต่อปริญญาโท ด้านศิลปะ การออกแบบ เพื่อสานฝันในวัยเด็ก
สาวแสบ แห่งกองละคร

สาวแสบ แห่งกองละคร

หลายคนเล่าลือกันว่าเธอเป็นสาวสองบุคลิก

“คือถ้าวันไหนดีด โบว์ก็จะดีดนะ ก็จะชอบแซวคนนั้นคนนี้ กวนๆ ขนาดละครที่เครียดๆก็พยายามทำตัวไม่เครียด แต่บางครั้งที่นิ่งๆ เพราะน้ำตาลในเลือดหมด ก็จะเงียบๆเฉยๆ

พี่นิว วงศกร หรือแฟนคลับก็ยังบอกเลยว่าหนูเป็น “ไอ้แสบ” บางคนก็บอกว่า “มันกวนทีน” เพราะเราชอบแซว
อย่างเวลาปิดกอง จะรู้เลยว่าโบว์จะต้องขึ้นเวทีไปร้องเพลง

แต่ถ้าสนิทนะ จะรู้เลยว่า เป็นคนนิ่งๆ หรือพูดง่ายๆตามภาษาชาวบ้านว่า เป็นคนกวนตีน

ถ้าคนไม่รู้จักเราจะเห็นเราหน้าบึ้ง เพราะปากเราคว่ำไง แก้มเยอะ เลยดูไม่ยิ้ม อย่างที่แฟนละครเจอเราข้างนอก ไม่กล้ามาถ่ายรูปด้วย เราจะบอกเองเลยว่า มาถ่ายรูปได้เลยค่ะ หรือบางคนไม่แน่ใจว่าเราเป็นดาราหรือเปล่า ถามเพื่อนเขาเบาๆว่า คนนี้ดาราป่าวอ่ะ เราจะพูดดังๆเลยว่า เป็นดาราค่ะ ถ่ายรูปได้นะ”

สาวแสบแซบ ตีเนียนจีบหนุ่ม

เมื่อยิงคำถามเรื่องแฟน เธอตอบชัดว่า ตอนนี้ยังไม่มี แต่มีคนแอบชอบ ชี้สมัยนี้จีบผู้ชายก่อนไม่แปลก!

“ตอนนี้ยังไม่มีแฟน แต่มีคนคุย แอบชอบ ทั้งเราชอบเขา และเขาชอบเรา เพราะเป็นเรื่องปกติของมนุษย์
สเปกเราชอบคนตาไม่มีชั้น ผิวขาว หรือแทน คิ้วเข้ม แต่สุดท้ายก็ไม่เคยเจอ หรือมีแต่ไม่ครบสเปก สุดท้ายก็มองที่นิสัย บางครั้งหน้าตาดีมาก แต่นิสัย โอ้ คุณพระ!

แฟนคนแรกของโบว์ก็เจ้าชู้นะ พอเลิกกันแล้วก็จะมีคนเริ่มมาบอกว่าเขาเป็นแบบนี้ เหมือนความรักทำให้คนตาบอด เพราะตอนรักเราก็ไว้ใจ

ไม่เคยกลัวความรัก เพราะเคยมีพี่ที่รู้จักเล่าว่า ถ้าเราเจอคนไม่ดีมาก่อน คนต่อไปของเราก็จะเป็นคนดี เพราะคนก่อนหน้านี้เหมือนเราได้ทำบุญให้เขาไง คนต่อไปเราก็จะได้คนดีๆเข้ามา

สมัยนี้จีบผู้ชายก็เป็นเรื่องปกติ เคยจีบผู้ชายก่อนเหมือนกัน แต่ต้องเนียนๆ นะไม่ออกตัวแรง ก็แอ๊วๆ ไป แต่พอได้รู้จักจริงๆ ก็คิดว่า เออ..เป็นเพื่อนกันดีกว่า”

สวยผิวใสด้วยน้ำแร่

สำหรับเคล็ดลับความงามเธอแนะนำว่า กินวิตามินอี ซี บี ซิงค์ อีฟนิ่งพริมโรส นมผึ้ง ส่วนพวกวิตามินผิวขาวผสมกลูตาไธโอน จะไม่กินเลย เพราะกลัวเจาะเลือดมาเป็นสีขาว นอกจากนี้ เธอยังชอบกินน้ำแร่ เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบกินน้ำอัดลม เพราะจะทำให้น่องใหญ่ น้ำตาลสูง

“เลี่ยงของมัน ทอด น้ำอัดลม เป็นคนกินอาหารคลีนนะ คือเกลี้ยงจานเลย(หัวเราะ)

เราไม่มีเวลาออกกำลังกายมาก จึงต้องกินวิตามินเสริม ส่วนที่ชอบกินน้ำแร่ เพราะรู้สึกว่าอร่อย ชอบกินจนตอนเด็กๆแม่ให้ของขวัญวันเกิดเป็นน้ำแร่ขวดใหญ่ ชอบมากเลย

นอกจากนี้ เธอยังย้ำว่า ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน เพราะเคยเห็นมาแล้ว ไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจ

เพราะเคยสัมผัสไปมาหมดตามที่ผู้ใหญ่เขาชอบไปกันในตอนเป็นนักร้องในวัยเด็ก ทำให้เราไม่ได้โหยหา เราเห็นมาหมดแล้ว ทำให้รู้สึกว่าก็ไม่ได้มีอะไรนี่

เพราะเราเห็นตอนที่สถานที่นั้นๆยังไม่ได้กวาดพื้น บนเวทียังไม่ได้มีแสงสีเสียง ก็ไม่เห็นน่าเดินน่านั่งเลย สามารถปาร์ตี้ เต้นกับเพื่อนได้ อย่างถ้ามีงานเลี้ยงปิดกล้อง เราจะเป็นคนหนึ่งที่จัดเต็มมาก

สุดท้ายในการสนทนา เราโยนคำถามไปว่า ชอบบทบาทไหนที่สุดไม่ว่าจะเป็นนักร้อง นางแบบ นักแสดง เธอตอบว่า ชอบทุกบทบาท เพราะทำตามใจคุณแม่

โบว์เชื่อเสมอว่า “เชื่อฟังพ่อแม่แล้วจะเจริญ”
โบว์กับคุณแม่


สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Live


เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร

ขอบคุณภาพจาก แฟนเพจเฟซบุ๊ก โบว์ เมลดา สุศรี -Bow Maylada FC และ อินสตาแกรม @bow_maylada


กำลังโหลดความคิดเห็น