xs
xsm
sm
md
lg

[Exclusive] ความพยายามไม่เคยทำร้าย “เนย – มิวสิค BNK48” คู่เซนเตอร์โอตะนิยม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online





ดับเบิ้ลเซนเตอร์ ดับเบิ้ลคิ้วท์! “เนย - มิวสิค” สองเมมเบอร์สุดฮอต จาก BNK48 ด้วยคาแรกเตอร์ที่เด่นชัด ประกอบกับได้รับความนิยมเป็นลำดับต้นๆ ของวง ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมทั้งคู่ถูกเลือกเป็นคู่เซนเตอร์เพลง “วันแรก (Shonichi)” ไม่เพียงแค่นั้น พวกเธอยังมาเผยเรื่องราวชีวิต กว่าจะมาเป็นกลุ่มไอดอลที่โด่งดังที่สุดในไทยอย่างทุกวันนี้ บอกเลยว่าเส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ!!





“ความฝันต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา




ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไปดอกไม้จึงบาน


คำว่าพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ”
ท่อนฮุคจังหวะสนุกๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อหาให้กำลังใจคนที่กำลังท้ออยู่จากเพลง “วันแรก (Shonichi)” ถูกถ่ายทอดผ่านสาวๆ วง BNK48 จากบริษัท บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ จำกัด ซึ่งเป็นไอดอลที่กำลังมาแรงที่สุดในขณะนี้

และที่พิเศษไปกว่านั้น ในเพลงนี้ยังได้ “เนย - กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล” และ “มิวสิค - แพรวา สุธรรมพงษ์” 2 เมมเบอร์สุดฮอต มารับตำแหน่งเซนเตอร์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เด่นที่สุดของวงในเพลงคู่กันอีกด้วย ไม่รอช้า ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอคว้าตัวทั้งคู่มาเปิดใจแบบ Exclusive ถึงหน้าที่เซนเตอร์คู่กันในซิงเกิ้ลนี้ รวมถึงเส้นทางการเป็นไอดอลของพวกเธอ ที่จาก “วันแรก” ถึง “วันนี้” ไม่ใช่เรื่องง่าย!

-ดับเบิ้ลเซนเตอร์ คาแรกเตอร์ “จริงจัง”

รู้สึกยังไงกับการได้รับมอบหมายหน้าที่เซนเตอร์คู่ สำหรับซิงเกิ้ลล่าสุด “วันแรก”
เนย : ความจริงตอนที่เขาประกาศชื่อมันตกใจมากกว่า หนูไม่ได้คิดว่าเราจะได้มีโอกาสตรงนี้ เพราะว่าอย่างเพลงคุกกี้เสี่ยงทาย กระแสค่อนข้างที่จะดีมาก เราต่อจากเขาเลย ก็กดดันนิดนึงว่ามันจะเป็นยังไงนะ บางคนจะเปรียบเทียบอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่มาเรื่อยๆ หนูก็ได้เห็นความหมายของเพลง ก็รู้สึกว่าเพลงนี้มันเป็นเพลงของพวกเราจริงๆ ถึงแม้ทำนองหรืออะไรหลายๆ อย่าง มันจะไม่ได้ติดหูหรือว่าชวนเต้นเท่ากับคุกกี้ฯ แต่ว่ามันเป็นเพลงที่ทำให้ใครหลายๆ คน เขารู้จักพวกเรามากขึ้น แล้วก็เป็นเพลงที่ให้กำลังใจคนที่มีความฝันเหมือนกัน หนูว่าก็น่าจะดึงดูดให้คนกลุ่มนี้ฟังมากขึ้นค่ะ
มิวสิค : ของสิคก็รู้สึกดีใจมากเลยค่ะ ในตอนแรกก็จะมีความรู้สึกเหมือนกดดันอยู่ไม่น้อยเลย เพราะว่าจริงๆ แล้วก่อนหน้านี้ก็เคยได้เป็นเซนเตอร์เพลง “อยากจะได้พบเธอ (Aitakatta)” กับเพลง “ก็ชอบ ให้รู้ว่าชอบ (Oogoe Diamond)” ช่วงนั้นก็จะเป็นช่วงที่รู้สึกมีความกดดันหลายๆ อย่าง ถาโถมเข้ามามากเลย พอได้กลับมาเป็นเซนเตอร์อีกครั้ง ก็คิดว่าเราจะกลับไปเครียดเหมือนตอนนั้นหรือเปล่า เพราะว่าตอนนั้นเป็นตอนที่เพิ่งเริ่มวงด้วย ก็เหมือนกฎนี้คนไทยยังไม่ค่อยเข้าใจ แต่ว่าพอได้มาเป็นเซนเตอร์คู่กับพี่เนยด้วย ก็รู้สึกผ่อนคลายไปเยอะเลย มีคนอยู่ด้วยแล้วเลยสบายใจ แล้วก็อยากจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุดเหมือนที่เคยทำเมื่อก่อนค่ะ



ปกติเวลาเลือกเซนเตอร์จะเลือกตามบุคลิกของเมมเบอร์ สำหรับเพลงนี้ สะท้อนความเป็นเนยและมิวสิคยังไง
เนย : ความจริงเพลงนี้หนูว่าทุกคนก็ตรงกับเพลงนี้หมดเลย ถ้าดูตามเนื้อเพลงก็คือเล่ามาจากพวกเราทุกคนเลยจริงๆ ส่วนความเหมาะสม คาแรคเตอร์ หนูไม่แน่ใจ แต่ว่าทางผู้ใหญ่อาจจะมองเห็นในความพยายามของเรา คือหนูเป็นคนที่ศูนย์ตั้งแต่แรก ไม่ร้อง ไม่เต้น ไม่ได้เรียนอะไรเลย เหมือนไม่เคยได้รับโอกาสตรงนี้ด้วย เขาอาจจะมองเห็นในความพยายามของเราในช่วงซ้อมหรืออะไรสักอย่างหนึ่ง เลยให้โอกาสหนูตรงนี้รึเปล่า(ยิ้ม)
มิวสิค : สิคก็ว่ามันก็เหมือนอย่างที่พี่เนยพูดเลย แต่ถามว่าทำไมถึงคิดว่าเขาเลือกพวกเรามาเป็นเซนเตอร์ น่าจะเป็นเพราะหนูเองหนูก็มีพื้นฐานด้านการเต้น แต่พี่เนย สิคจำได้เลย ตั้งแต่วันแรกที่พี่เขาเข้ามา พี่เขาพัฒนาเก่งมาก รู้เลยว่าพี่เขาพยายามมาก กว่าพี่เขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้ สิคก็เลยรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เหมาะกันพี่เนยมาก
เนย : มิวสิคได้เพราะอะไรหนูรู้นะ น้องเป็นคนมีพื้นฐานก็จริง แต่มันจะมีช่วงหนึ่งที่ครูบอกว่าน้องเริ่มตัน คือเต้นเก่งอยู่แล้ว พอเก่งมากมันก็จะอยู่กับที่ จะพัฒนาได้น้อย แต่น้องก็สามารถผ่านตรงนั้นมาได้ จนกลายมาเป็นจากที่สูงอยู่แล้ว ตอนนี้น้องสามารถสูงขึ้นไปได้อีก
มิวสิค : : ไม่ค่อยอวยเลย(หัวเราะ)

เนื้อเพลง “วันแรก” มีท่อนไหนที่ประทับใจมากที่สุด
เนย : “คำว่าพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ” มันเป็นแรงเหมือนให้เราฮึด ถ้าเราพยายามนะ สักวันหนึ่งมันต้องเป็นวันของเรา แล้วเหมือนตอนนี้มันเริ่มส่งผล จากที่ตอนแรกหนูเป็นคนที่แทบไม่มีบทบาทใน BNK48 เลย เหมือนเริ่มส่งผลว่าเราพยายามนะ คุณครู ผู้บริหารเขาก็เริ่มเห็นว่าเราพยายาม เลยให้โอกาสเรามาอยู่ตรงนี้ มันก็ทำให้เราคิดว่า ถ้าเราพยายามต่อไป สักวันมันก็ต้องมีคนเห็น
มิวสิค : จริงๆ แล้วมันก็ตรงทั้งเพลงเลย เพราะว่าทุกท่อน ทุกความหมายมันสื่อเป็นตัวเรามากๆ ถ้าเกิดให้สิคร้องนิ่งๆ ก็คงจะร้องไห้ โดยเฉพาะท่อน “ความฝันต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไปดอกไม้จึงบาน” เหมือนเป็นท่อนที่จะบอกว่า ถ้าเกิดเราเหนื่อย ก็ทนเหนื่อยไป แต่สักวันหนึ่งมันต้องมีการตอบแทนที่ทรงคุณค่ากลับมา



ตอนนี้ทั้งคู่ดูสนิทกันมาก แล้วก่อนหน้านี้ สนิทกันมาก่อนไหม
เนย : สิ่งที่เรามีเหมือนกันคือเราพูดน้อยเหมือนกันค่ะ แต่พอเรามารับหน้าที่ตรงนี้ เราต้องพูดเยอะขึ้น อย่างตอนเราเดินสายโปรโมทใช่ไหมคะ แต่เราก็ไปด้วยกันได้แหละ ช่วยๆ กัน(หัวเราะร่วน)
มิวสิค : จริงๆ สิคกับพี่เนยจะเป็นพวกแบบ...ถ้ามีคำถามมาจะชอบเกี่ยงกัน(หัวเราะ) ตอนซิงเกิ้ลแรก สิคไม่ค่อยกล้าคุยกับเมมเบอร์เท่าไหร่ ยังไม่ค่อยสนิทกันขนาดนั้น พอมาคุกกี้เสี่ยงทายและซิงเกิ้ลใหม่ ก็เลยสนิทกันมากขึ้น แล้วก็คุยกันมากขึ้น
เนย : ขนาดเราเป็น 6 คนเดินสายช่วงแรกก็แทบจะไม่ได้คุยกันเลย ส่วนมากหนูจะคุยกับปัญ (ปัญ - ปัญสิกรณ์ ติยะกร กัปตันทีม Blll) หนูไม่ค่อยคุย ปัญจะเป็นคนชวนคุยมากกว่า ให้หนูผ่อนคลายเวลาแสดง กับมิวสิคไม่ค่อยได้คุยกันเลย จะมาคุยก็ช่วงคุกกี้ฯ แล้วก็มีช่วงนี้ค่ะ(หัวเราะ)
มิวสิค : สิคไม่ค่อยกล้าไปคุยกับคนอื่นเหมือนกัน ก็เลยยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่เลย แล้วพี่เนยก็เป็นคนที่อยู่ในชราไลน์ด้วย (ชราไลน์ : กลุ่มเมมเบอร์ที่มีอายุมากที่สุดในวง) สิคจะเป็นคนที่กลัวรุ่นพี่ เลยไม่กล้าที่จะคุยกับพี่เนยในช่วงแรก
เนย : หนูมองน้องเป็นคนที่เก่ง เต้นเก่งมาก เหมือนน้องมาแรกๆ ก็คือปั้ง! เก่งมาเลย เราก็จะมองว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่เราจะต้องศึกษาเพราะเรายังไม่เป็น แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยกล้าคุยมาก ก็จะมองเวลาเขาแสดง เราจะจ้องไปที่เขา
มิวสิค : หลังจากรู้จักกันแล้ว น่าจะเป็นนับถือพี่เขามากขึ้นค่ะ สิคเองก็เคยมีโมเมนต์ที่เต้นเก่งมาก่อน แล้วก็อย่างว่าแหละ ช่วงที่เครียดมากๆ พอมันตันแล้วก็ไปไหนต่อไม่ได้ ยิ่งกับพี่ๆ คนอื่นที่เก่งขึ้นมาเรื่อยๆ พี่เนยอะก้าวกระโดดมากๆ เลย สิคก็เลยเครียดและกดดันมากๆ แต่ว่าตอนนี้เหมือนกับเราได้มาอยู่ด้วยกัน ก็เลยรู้สึกว่าพี่เขาเป็นคนที่เก่งมาก สิคเห็นความพยายามของพี่เขาตลอด ก็เก่งมากๆ เลย แล้วก็นับถือด้วยค่ะ
เนย : หนูมองน้องเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ ปกติมิวสิคจะไม่ค่อยพูดใช่ไหมคะ เวลาออกสื่อน้องจะพูดน้อยมาก แต่หนูอะมองว่า เวลาน้องพูดหรือว่าตอบคำถามที่ไร คำตอบน้องจะดีมาก หลายๆ อย่าง ถ้าน้องได้พูด น้องจะเรียบเรียงคำตอบได้ดีมาก ทำให้มองน้องจากที่ทำไมน้องไม่พูด แต่กลายเป็นว่าน้องมีความเป็นผู้ใหญ่มาก บางทีคำตอบนั้นเป็นผู้ใหญ่กว่าหนูอีก

-ลิ้นกับฟัน! ครอบครัว “BNK48”


ผู้หญิงอยู่ด้วยกันในวงเยอะๆ มีทะเลาะกันบ้างไหม
เนย : ทะเลาะกันรุนแรงไม่ค่อยมี แต่ว่าจะมีงอนกันเอง ขึ้นเสียงบ้างเล็กน้อยเวลาซ้อม เราก็เหนื่อยกันหมดใช่ไหมคะ มันก็จะมีบางคนที่มีอารมณ์หงุดหงิดนิดนึงแบบ เอ้ยเร็วๆ สิ ซ้อมเร็วๆ สิ แต่เราจะไม่โกรธกันเพราะเราก็จะรู้ว่าทุกคนก็ตั้งใจหมด มันจะมีมุมจริงจังมากกว่ามุมทะเลาะค่ะ
มิวสิค : เหมือนอยู่ด้วยกันแล้วก็เริ่มรู้คาแรคเตอร์ ก็เลยรู้ว่าคนนี้เป็นแบบนี้ แต่สิคนี่ขาประจำ ทะเลาะกับพี่เฌอ(เฌอปราง - เฌอปราง อารีย์กุล กัปตันวง BNK48) บ่อยมาก

มีกฎข้อไหนที่รู้สึกทำตามยากที่สุด
เนย : ของหนูคือถ่ายรูป ตอนแรกๆ ที่เข้ามาหนูมองว่ามันยาก เพราะเราเป็นน้องใหม่มาก แต่ว่าดารารุ่นพี่อย่างพี่ณเดชน์ พี่ญาญ่า เขาระดับท้อปแล้ว แต่เขาสามารถถ่ายรูปกับทุกคนได้ แต่ตอนนี้หนูไม่ได้มองว่ามันยากแล้ว ที่หนูกลัวก็คือคนที่เขาไม่ชินกับกฎนี้ในประเทศไทย เขาจะมองว่าเราหยิ่งรึเปล่า แต่พอเราได้เริ่มโปรโมตออกสื่อเยอะๆ เราก็จะเน้นพูดว่ามันเป็นกฎของทางวงที่เราต้องทำตาม สื่อก็จะโปรโมตให้เรา หลายๆ คน ตอนนี้ก็จะรู้แล้วว่ามันเป็นกฎ ก็จะง่ายขึ้นแล้ว
มิวสิค : ของสิคก็น่าจะคล้ายๆ กับพี่เนย เมมเบอร์ทุกคนต้องรู้สึกอยู่แล้ว เพราะว่าเราก็อยากสนิทกับแฟนคลับให้ได้มากที่สุดใช่ไหมคะ ก็อาจจะมีเรื่องห้ามแตะเนื้อต้องตัวด้วย เพราะบางทีเราเจอแฟนคลับ เขาจะติด...(เอื้อมมือไปจับตัวเนย) อะไรแบบนี้ แต่กลายเป็นว่าเราจะแตะไม่ได้ แล้วสิคเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเลยชอบใส่เครื่องประดับ พวกข้อมือ แหวน เต็มมือไปหมดเลยนะ ช่วงนั้นขาดไปจะกลายเป็นเดินเป๋เลยนะ แต่แฟนคลับเองเขาก็กังวล เราใส่แหวนก็คิด ‘น้องแอบคบกับใครรึเปล่า’ ช่วงนั้นก็เครียดๆ ที่เราต้องถอดออกให้หมด เครียดกับเรื่องเล็กน้อยมาก(หัวเราะ) แต่เพื่อแฟนคลับก็ทำได้



มาถึงตอนนี้ก็ได้ทำงานในวงการบันเทิงหลายอย่างมาก อย่างของมิวสิคก็ได้พากย์การ์ตูนด้วย แล้วมีอะไรที่อยากทำอีก
เนย : คือตอนนี้เราได้ถ่ายแบบ ได้ร้อง ได้เต้นใช่ไหมคะ หนูอยากแบบว่า...ลองเล่นซีรีย์ แนวแบบน่ารักตลก ไม่ได้ดรามา มีมุมตลก มีมุมให้จดจำ หนูอยากลองอะไรที่ไม่เคย จะได้รู้ว่าตรงนี้เราทำได้ไหม
มิวสิค : ก็น่าจะเป็นแนวนั้นเหมือนกัน อยากลองเล่นซีรี่ย์สักครั้ง แต่ไม่อยากได้ตัวเอกนะ อยากเป็นตัวประกอบ

อยากให้พูดถึงข้อดี/ข้อเสียของตัวเองให้ฟังหน่อย
เนย : ข้อเสียก่อนเลย ง่าย(หัวเราะ) หนูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง อย่างวันนี้หนูแต่งตัวแบบนี้มา แต่งหน้าทำผมแบบนี้ จะต้องถามคนอื่นว่ามันโอเคไหม ถ้าได้รับฟีดแบคจากคนอื่นว่าโอเค หนูถึงจะมั่นใจ อย่างการพูดออกรายการ กล้องจับเมื่อไหร่ก็จะเริ่มประหม่า ส่วนข้อดีของหนูหรอ(คิด) หนูเป็นคนยิ้มง่าย คือยิ้มง่ายจนเวลาถ่ายรูปเขาบอกให้ทำหน้าไม่ยิ้ม หนูทำไม่ได้นะ จะเกร็งมาก ยิ้มไม่เห็นฟันทำไม่ได้ แล้วก็เป็นคนใจดีในระดับหนึ่ง ใจร้ายบ้างบางครั้ง ถ้าหนูเจอสถานการณ์ที่ทำให้ไม่ชอบจริงๆ จะเกลียดไปเลย คือเป็นคนไม่ค่อยเกลียดใคร แต่ถ้าเกลียดคือมันฝังใจ ไม่อยากยุ่ง แต่จะไม่ค่อยมี
มิวสิค : สิคไม่มั่นใจในข้อดีของตัวเองสักเท่าไหร่ สิคจะเป็นคนที่ขี้อายมาก บางทีเวลาเจอแฟนคลับแล้วเรียก “มิวสิคๆ” แต่สิคไม่ยอมหันไปมองเพราะเขิน คือสิครู้สึกผิดต่อเขามากเลย เขาเรียก เขาอยากให้เราหันไป แต่ สิคไม่กล้าหันไปมองเขา(หัวเราะ) ก็เลยจะเก็กแบบไม่ได้ยิน จริงๆ ก็อยากบอกแหละว่าได้ยิน แต่เก็กว่าไม่ได้ยิน(หัวเราะ) แล้วก็เป็นคนที่คิดมาก มากจนเกินไป มีอะไรก็เก็บไปคิดไปหมดเลย ช่วงนี้ก็เลยต้องพยายามปล่อยวาง ข้อดีหรอ…(นิ่งคิด)
เนย : ที่หนูเห็นชัดๆ เลย การแสดงของน้องบนเวทีมันดีมาก คือน้องเป็นคนเต้นแบบจัดเต็มมาก คือไม่ได้ดูล้นนะคะ เป็นการเต้นจัดเต็มที่ดูสวย ทุกการแสดงของน้องจะใส่เต็มที่เพื่อส่งให้แฟนคลับ อันนี้ที่เห็นชัดๆ
มิวสิค : แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เหมือนเวลาเต้นบางทีเรารู้สึกเหนื่อย แบบไม่ไหวแล้ว แต่ทุกครั้งมันจะมีแรงฮึดแบบฮึดสุดท้าย แล้วมันก็จะพุ่งออกมาอีกทีตอนสุดท้าย ส่วนฉายามิวสิคร้อยมีม จริงๆ ภาพลักษณ์สิคตอนแรกที่เข้ามาจะดูเป็นคนร่าเริง พอมีมุมจริงจังมาด้วยก็เลยขัดๆ หน่อย แล้วสิคก็เป็นคนพูดไม่ค่อยเก่ง ก็เลยเน้นแสดงสีหน้ามากกว่า
เนย : คือน้องเป็นคนแสดงสีหน้าที่เป็นธรรมชาติค่ะ ไม่เกี่ยวว่าตอนนี้มีกล้องถึงทำ ไม่ว่าน้องจะตกใจอะไร สมมติแค่คุยกัน น้องก็จะหน้าไปแล้ว บางทีคุยกันเป็นเรื่องตกใจ เราก็ตกใจประมาณนึงแบบโห แต่น้องจะ โห้ววววว (หัวเราะ)


ฉายามิวสิคร้อยมีม ไม่ได้มาเล่นๆ

เอกลักษณ์ประจำตัวของแต่ละคนคืออะไร
เนย : ของหนูที่เห็นชัดๆ น่าจะเป็นเรื่องยิ้มค่ะ ที่แฟนคลับชอบให้หนูยิ้ม จะเป็นเอกลักษณ์ เป็นคนยิ้มเต็มที่
มิวสิค : น่าจะเป็นแก้มค่ะ เมมเบอร์ในวงก็จะบอกสิคเป็นคนที่น่าบีบ
เนย :น้องจะเป็นคนตัวนุ่มนิ่ม เห็นแล้วหมั่นเขี้ยว(หัวเราะ)

สำหรับรุ่น 2 ที่กำลังออดิชันอยู่ ในฐานะที่เป็นรุ่น 1 รู้สึกกังวลไหมกับคลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะมา
เนย : ยอมรับเลยนะว่าตอนแรกกังวล เหมือนเรารุ่น 1 ก็เพิ่งมาได้ปีกว่าๆ ก็ยอมรับว่าเราได้รับความสนใจมากขึ้น แต่เหมือนรากฐานเราก็อยากให้มันแข็งแรงมากกว่านี้ค่ะ หลายๆ คนอาจจะมองว่าแค่กระแสที่เราเพิ่งจะขึ้นมารึเปล่า เป็นความแปลกใหม่ในประเทศไทย หนูก็อยากให้มันแข็งแรงกว่านี้
พอรุ่น 2 มา ตอนแรกเลยรู้สึกว่าเร็วไปรึเปล่า แต่พอน้องจะเข้ามา หลายกิจกรรมก็น่าจะสมควรแล้วที่รุ่น 2 ได้เข้ามา ที่รู้สึกกังวลก็คือ หนูเป็นคนค่อนข้างหวงความรัก คือหวงแฟนคลับด้วย น้องเข้ามาแล้วแบบ...ไม่ใช่แค่แฟนคลับนะคะ คุณครู พี่เออาร์ คิดไปเยอะมาก แต่ช่วงนี้ก็ตื่นเต้นแทน อยากเจอ ถามว่ากังวลไหมก็ยังมีอยู่บ้าง เมื่อวานก็เพิ่งแซวครูไป “แหมครู รีบไปอะดิ พวกหนูมันเก่าแล้ว” (หัวเราะ)
มิวสิค : ก็มีน้อยใจบ้างจริงๆ นะ อย่างครูก็ชอบแกล้ง บอกจะไปหารุ่น 2 แล้ว แล้วก็มีความรู้สึกกังวลด้วยที่เรารุ่น 1 กว่าจะสนิทกันมันยากมาก อยู่กันมาปีนึงสิคเพิ่งจะมาเริ่มสนิทกันเอง แล้วรุ่น 2 มา เราก็ต้องปรับตัวเข้าหาเขาอีก แล้วไม่รู้ว่าเขาจะอยู่กับเราได้นานขนาดไหน เพราะวงนี้มันเหนื่อยมากจริงๆ เมมเบอร์ที่ออกไป เข้าใจเลยว่าเขาท้อขนาดไหน พวกเราที่อยู่ตรงนี้ได้ก็ท้อกันมามาก แต่เหมือนมันยังมีอะไรสักอย่างที่ทำให้เราฮึดสู้ได้ อย่างแฟนคลับทำให้เราฮึดสู้ได้ต่อ แต่เมมเบอร์ที่เขาออกไป เขาก็อาจจะเจอทางที่ใช่มากกว่า สิคก็ไม่รู้ว่ารุ่น 2 เขาจะทนได้รึเปล่ากับเหตุการณ์ที่จะต้องเจอ
เนย : ขอคนที่ทัศนคติตรงกัน มันจะทำงานกันง่ายค่ะ

-เบื้องหลัง “ไอดอล” ความฝัน หยาดเหงื่อ และน้ำตา


นิยามคำว่า “ไอดอล” สำหรับทั้งคู่คืออะไร
เนย : คำว่าไอดอลคงประมาณว่าเป็นแบบอย่างให้คนอื่นใช่ไหมคะ แต่สำหรับหนู หนูเข้ามาเป็นไอดอลตรงนี้ อย่างแรกเพียงแค่เพราะความชอบ หนูไม่ได้คิดเลยว่าตอนแรกหนูจะมาเป็นไอดอลเพราะว่าได้มาทำประโยชน์หรือทำอะไรให้ใคร แค่รู้ว่าตัวเองชอบเต้นก็มา
แต่พอได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ พอได้เต้นแล้วได้เห็นรอยยิ้มของทุกๆ คน เราอยู่บนเวที แต่ทุกคนยิ้ม ตบมือให้เรา หนูมีความสุขมากที่หนูทำให้เขายิ้มได้ หนูว่านี่คือไอดอลของหนูที่สามารถทำให้เขามีกำลังใจ จากหลายๆ คนที่บอกว่า เครียดนะ แต่พอเห็นเรายิ้ม เห็นเราแสดง เขามีความสุข เขามีกำลังใจ อันนั้นหนูก็รู้สึกว่า เราประสบความสำเร็จที่ทำตรงนี้ในส่วนที่เราทำ
มิวสิค : ไอดอลจะไม่ได้เป็นแบบอย่างของสังคมในขณะนั้น เราอาจจะเป็นกระบอกเสียงให้ได้ในหลายๆ เรื่อง แต่ว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ ณ ตอนนี้คือแรงบันดาลใจค่ะ เหมือนเป็นคนที่สามารถทำให้คนอื่นมีกำลังลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างที่อยากจะทำจริงๆ



อยากให้เล่าความเปลี่ยนแปลงของตัวเองจาก “วันแรก” จนถึงวันนี้
เนย : อย่างแรกหนูเป็นคนกล้าพูดมากขึ้น ปกติหนูจะพูดน้อยมาก แทบจะไม่พูดเลย เหมือนตอนนี้ต้องพูดแล้ว ยังไงก็ต้องพูด หนูรู้สึกว่าเราสามารถเรียบเรียงหรือพูดได้ดีขึ้น สามารถใช้ชีวิตด้วยตัวเองมากขึ้น เพราะปกติตอนเด็กๆ แค่ไปเข้าห้องน้ำ หนูก็จะให้เพื่อนไปด้วย คือเป็นคนที่ต้องมีคนอยู่ด้วย แต่พอมาใช้ชีวิตตรงนี้ก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ไปไหนมาไหนเองได้ แต่ถ้าจากคนภายนอก อยากแรกก็คนรู้จักเรามากขึ้น แต่ว่าก็ยังเหมือนเดิม
มิวสิค : ของสิคก็เหมือนอย่างการเข้ามาอยู่ใน BNK48 แค่ปีนึง ยิ่งกว่าบทเรียนทั้งชีวิตสิคอีก(หัวเราะ) รู้สึกเหมือนเจออะไรทุกอย่าง ทั้งดีแล้วก็ร้าย แต่ก็เหมือนแบบ...เพราะว่าเราได้มาอยู่กับเมมเบอร์ที่เจออะไรเหมือนๆ กัน เขาก็เลยช่วยแบ่งเบาความรู้สึกเราไปได้ด้วยครึ่งหนึ่ง เวลาไม่สบายใจก็กล้าที่จะปรึกษา
ล่าสุดก็ปรึกษาพี่เนยไป แบบว่าเราไม่ได้รู้สึกคนเดียวนะ ยังมีคนที่รู้สึกแบบเดียวกับเรา แล้วก็ก่อนหน้านี้สิคเรียนโรงเรียนประจำ ไหนจะเรื่องการใช้เงินหรือการดำเนินชีวิต ทุกอย่างของสิคมันก็เลยเปลี่ยนไปหมดเลย สิคก็เลยต้องฝึกที่จะออกมาใช้ชีวิตข้างนอกคนเดียว แล้วก็เรื่องการพูดจาด้วย บางทีที่เราพูดตรงเกินไปหรือพูดไม่ทันคิด มันกลายเป็นอะไรที่ทำให้เราถูกทำลายจากโซเชียลมีเดียได้เลยภายในคืนเดียวก็มี ก็รู้สึกว่ามันทำให้เราโตขึ้นมาก แล้วก็กล้าที่จะพูด แสดงออกอะไรมากขึ้นเยอะเลย

มีไอดอลของตัวเองไหม
เนย : มีค่ะ(ยิ้มหวาน) หนูชอบ พี่บอย ปกรณ์ หนูรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่...แค่มองเขาเล่นละคร หรือว่าได้ดูเบื้องหลังของเขา เขาจะเป็นคนที่ทำให้เรายิ้มได้ หนูอยากเป็นแบบนั้น คือไม่ว่าใครจะอยู่กับหนู หนูอยากให้เขายิ้มได้ เหมือนเป็นคนที่มีพลังบวกเยอะ ใครอยู่ด้วยก็สบายใจ
มิวสิค : เหมือนก่อนหน้านี้สิคติดตามทางไอดอลญี่ปุ่นมาก่อน ก็เลยจะเป็นไอดอลของทางญี่ปุ่นซะมากกว่า ถ้าเกิดไอดอลของไทย ล่าสุดก็คงจะเป็น “พี่นิว - ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์” กับ “พี่โย่ง - พรรษา เหมวิบูลย์” ที่เป็นนักฟุตบอล เพราะว่าไปเชียร์ทีมชาติไทยมาใช่ไหมคะ อินจัด อารมณ์ค้างอยู่(หัวเราะ)



เมื่อมาเป็นไอดอลแล้ว มีบทเรียนอะไรที่หากย้อนกลับไปได้ จะขอแก้ไขตรงนั้นอีกครั้ง
เนย : ที่หนูเคยเจอเรื่องหนักๆ เป็นเรื่องโซเชียลฯ เหมือนกับว่าหนูลืมปิด Ask.fm ที่เขาเล่นกันแต่ก่อน นานมากตั้งแต่หนูอยู่ ม.ปลาย พอเข้ามาตรงนี้ ตอนหนูอยู่ปี 1 ปี 2 หนูก็ลืมไปแล้วว่าเคยเล่น เผอิญว่ามีคนเข้าไปขุดไปเจอมา แล้วคือตอนนั้นเราคุยกับเพื่อนค่ะ มันก็เป็นคำที่แบบ...ก็หยาบ(หัวเราะ) สำหรับเรามองว่าปกติ แล้วตอนนั้นหนูก็ไม่ได้อยู่ในฐานะไอดอล แต่ว่าบางคนเขาก็ว่าแอ๊บรึเปล่า อยู่ในวงไม่พูด
แต่หนูรู้สึกว่าหนูอยู่กับพ่อแม่หนูก็ไม่ได้พูดคำหยาบ แสดงว่าหนูแอ๊บกับพ่อแม่ด้วยหรอ บางทีหนูก็คิดนะว่าทำไมต้องคิดกับหนูแบบนี้ แต่ก็เข้าใจเขาส่วนหนึ่งว่าเขาก็คงไม่อยากให้เรามีเรื่องเสียหายด้วย มันก็เป็นความผิดของเราส่วนหนึ่งที่ลืมปิด ลืมเช็ก ตอนงานจับมือหนูก็ค่อนข้างกลัวว่าแฟนคลับที่เขาอาจจะเข้าใจหนูผิด หนูก็ได้พูดประมาณว่าหนูขอโทษ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เด็กอยู่ สำหรับหนูหนูคิดว่าเราควรเลือกสถานการณ์ กาลเทศะ อยู่กับเพื่อนเราสามารถพูดกับเพื่อนแบบนี้ได้ อยู่กับพี่ๆ อยู่กับครูเราก็พูดอีกแบบนึง แต่ว่าแฟนคลับก็ตอบกลับมาว่าเข้าใจ ตอนนั้นยังเด็ก เขาปกป้องเราอยู่นะ คือมีคำนั้นหนูแบบ...ร้องไห้เลย
มิวสิค : ช่วงนั้นเป็นข่าวใหญ่มากเลย คือสิคก็เป็นตัวที่ค่อยข้างอยู่ท้อปๆ ในวง แต่ว่าช่วงนั้นเป็นช่วงที่สิคไม่ได้รับงานอะไรเลย ทั้งๆ ที่เป็นเซนเตอร์แท้ๆ แล้วก็งานจะเทไปที่ไม่กี่คน จนพวกเราไม่มีอะไรทำเลย มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว แต่สิคต้องการจะบอกให้แฟนคลับรับฟัง เหมือนมันเป็นความอัดอั้นภายในใจที่เราอยากจะบอกให้เขาฟัง วันนั้นมันก็เลยปล่อยโฮออกมาทีเดียว มันเหนื่อยนะที่อยู่ตรงนี้ ไม่ได้มีความสุขมากขนาดนั้น มันอาจจะสนุกที่เราได้เต้นได้ร้อง แต่ว่าความทุกข์คือต้องปรับตัวกับโซเชียลมีเดีย ทั้งๆ ที่เราอายุ 17 ปี แต่เราต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้
แต่สิคก็คิดว่าไม่ได้เสียใจที่พูดไปวันนั้นค่ะ เหมือนกลายเป็นว่าทำให้สิคได้เห็นอะไรมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ สำหรับแฟนคลับที่เขาเกลียดสิคไปเลย สิคก็รู้สึกดีที่เขาจะได้ไปเจอคนที่เขาชอบมากกว่า เพราะนี่คือตัวสิค แต่สำหรับแฟนคลับที่ยังคงติดตามสิคจนถึงตอนนี้ คือเหมือนเราได้แชร์ความรู้สึกต่อเขา แล้วเขาก็ยังเข้าใจ ยังเก็บเราไว้ เราเองก็อยากจะพัฒนาต่อไปให้เขาได้เห็นว่า เราไม่ใช่เด็กคนเดิมที่ร้องไห้ในวันนั้นแล้วนะ เราจะโตขึ้นมากกว่านี้ให้เขาเห็น

เวลาเหนื่อยหรือท้อ มีคติประจำใจตัวเองว่าอะไร
มิวสิค : ของสิคน่าจะเป็นแนว ‘ทำๆ ไปเดี๋ยวก็เสร็จ’ (หัวเราะ)
เนย : ของหนูมีความรู้สึกที่ว่า ถึงจะท้อ ถึงจะเหนื่อย แต่ทุกครั้งที่หนูได้ขึ้นเวที หนูมีความสุข คำว่ามีความสุขมันเลยทำให้เรามีแรงที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีความรู้ว่า เห้ย...อยากออกนะ พอได้ขึ้นบนเวที เห็นแฟนคลับปุ๊บ ความเหนื่อยท้อก็หายไป มันก็เลยเป็นแรงผลักดันให้เดินต่อไปๆ

-แรงผลักจากครอบครัว “เข้มงวด” แต่เข้าใจ

วันที่ตัดสินใจสมัคร BNK48 ที่บ้านรู้ไหม
เนย : หนูเห็นในหน้าแรกของเฟซบุ๊ก เปิดผ่านมาหลายวัน ก็งงว่าทำไมมันขึ้น เพราะเราไม่เคยสนใจด้านญี่ปุ่นเลย ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่า AKB48 คืออะไร วงนี้ในไทยมันจะเป็นยังไง แต่มันขึ้นมาว่า เป็นไอดอลที่ร้อง - เต้น พอเห็นคำว่าเต้นปุ๊บ สนใจ แต่ว่าก็ยังไม่กล้าสมัครเพราะว่าอาย ถ้าเราสมัครปุ๊บเราต้องแสดงต่อหน้ากรรมการ จนวันเกือบสุดท้ายถึงกดเข้าไปสมัคร ก็แอบสมัคร เพื่อนที่อยู่หอด้วยกันก็ไม่รู้ สมัครเองคนเดียว หารูปเอง ถ่ายรูปเอง อะไรแบบนี้ค่ะ
พอเขาประกาศผล วันนั้นเรียนอยู่ ก็แอบเปิด(ทำท่าเช็กโทรศัพท์) ตอนแรกไม่เห็นชื่อตัวเองก็คิด ‘เฮ่ย...เรานะไม่ติดเลยหรอ อุตส่าห์ส่งรูปที่ดูดีอยู่นะ’ เลยเลื่อนอีกรอบนึง ก็เจอ ปิดก่อน(หัวเราะ) ก็นั่งเงียบ ไม่มีใครรู้เลย พอวันกลับจากหอไปนอนบ้าน ก็เพิ่งบอกแม่ว่าติดอันนี้นะ แม่ต้องพาไป
พอวันออดิชัน วันนั้นพ่อไปต่างจังหวัด แม่ต้องนั่งแท็กซี่ไปส่ง แล้วค่ารถแพงมาก พอไปถึงหนูเห็นทุกคนเขาเตรียมเครื่องดนตรี เตรียมอะไรมาเพื่อจะแสดงต่อหน้ากรรมการ เหมือนเจอปัญกับเจนนิษฐ์ด้วยในห้องน้ำ แต่งตัวแซ่บมากวันนั้น แล้วหนูอะเป็นเสื้อสีดำธรรมดากับกางเกงยีน อยากออกไปบอกแม่ว่าหนูอยากกลับบ้าน(หัวเราะ) แต่คิดในใจ แม่เสียค่ารถมาแพงมากประมาณ 500 - 600 ยังไงก็ต้องเข้า ก็ได้เข้าไป ขอบคุณที่ค่ารถแพง ถ้าค่ารถไม่แพงอาจจะไม่มีเนย BNK48 แล้วก็ได้(หัวเราะร่วน)
มิวสิค : ของสิคเป็นเด็กสายโคฟอยู่แล้ว ชอบรุ่นพี่ AKB อยู่แล้วด้วย เขามีประกาศ ก็เลยลองดูสักครั้งไม่เสียหาย ก็เลยส่งใบสมัครไปเป็นคนที่ 3 เลย ตั้งแต่เปิดรับสมัคร ตอนแรกก็จะไม่บอกแม่เพราะว่าแม่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ สิคแอบทำทุกอย่างเองมาโดยตลอด สุดท้ายต้องบอกแม่อยู่ดีเพราะว่าอายุต่ำว่า 18 ปี ต้องให้ผู้ปกครองอนุญาต ก็บอกแม่ว่าอยากลองสมัคร แม่ก็ให้อธิบาย ก็โอเค ถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย แล้วก็พ่อสิคเป็นโอตะอยู่แล้วด้วยค่ะ ชอบ AKB อยู่แล้ว เลยทางสะดวก



ที่บ้านเข้มงวดเรื่องไหนเป็นพิเศษไหม
เนย : หนูเป็นลูกคนเดียว พ่อหนูจะเป็นคนที่ค่อนข้างตามใจในระดับหนึ่ง อย่างเรื่องเงิน เขาก็ค่อนข้างจะให้เต็มที่ เขาเคยพูดประมาณว่า เขาลำบากมาก่อนช่วงวัยรุ่น เขาจะไม่ให้ลูกต้องอดหรือต้องไปมองใครกิน ช่วงนี้พอเขามีปุ๊บ เขาก็จะให้ แต่ว่าด้วยความที่แม่หนูจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีระเบียบในการใช้เงิน หนูก็จะถูกควบคุมโดยแม่ แต่พ่อค่อนข้างตามใจ ไปรับไปส่ง หวงมากๆ ห้ามนั่งแท็กซี่คนเดียวนะบางที แต่ถ้าเขาโหดปุ๊บก็จะโหดมาก
หนูเคยโดนพ่อตีครั้งหนึ่ง เพราะหนูอยากได้ของ มันเป็นกระเป๋าใส่เครื่องเขียนค่ะ หนูยังเด็กมาก ประมาณว่ามันยังไม่จำเป็นสำหรับหนู แล้วหนูร้องแบบโวยวาย ลงไปดิ้นกับพื้น เขาก็เลยตีด้วยมือว่าอย่างี่เง่า ไม่อยากให้เป็นเด็กงี่เง่า หลังจากนั้นมาเหมือนฝังใจ หนูจะไม่กล้าดื้อกับพ่อเท่าไหร่ ถึงพ่อจะเป็นคนตามใจในเวลาที่ใจดี แต่หนูจะไม่กล้าง้องแง้งกับพ่อ แต่จะง้องแง้งกับแม่แทน แม่จะเป็นคนที่ขี้บ่นบ้าง แล้วก็มีระเบียบมากๆ เลย แต่ว่าหนูจะไม่เคยโดนแม่ตีเลย เพราะว่าหนูรู้สึกว่าหนูกับแม่เหมือนเป็นเพื่อนกันค่ะ สามารถปรึกษากับแม่ได้ทุกเรื่อง สามารถคุยกันได้ตลอด คือสนิททั้งคู่ แต่เราจะปรึกษาแม่มากกว่า
หนูมองว่าพ่อเป็นคนที่เก่งมาก พ่อเป็นคนที่อดทน เขาต้องมารับมาส่งหนูตลอด อย่างเลิกดึกๆ เขาก็ต้องมารับมาส่งตลอด แล้วเขาก็ตื่นเช้าทำงาน ทุกครั้งหนูจะถามเขาว่าพ่อเหนื่อยไหม เขาก็จะตอบกลับมาว่าไม่เหนื่อย มารับหนูพ่อสบายใจกว่า หนูเลยแบบว่า พ่อสามารถทำทุกอย่างได้เพื่อเราจริงๆ กับแม่ แม่จะเป็นคนที่ทะเลาะกันบ่อยมาก ด้วยความที่เรามองว่าเป็นเพื่อนกัน แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะไม่ว่าจะแรงขนาดไหน แปบเดียวก็จะคุยกันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สักพักหนูจะเดินไปกอดแม่ แม่ก็มากอดหนู แล้วเราก็คุยเหมือนเดิม ยังไงเขาก็ห่วงเราที่สุดอยู่ดี

มิวสิค : ล่าสุดก็เพิ่งคุยกับพี่เนยไปเรื่องคุณแม่ ทะเลาะกับคุณแม่เหมือนกัน ของสิคจะเป็นครอบครัวที่คุณแม่กับคุณพ่อจะมีสิคเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เขาก็เลยแยกทางกัน แต่เหมือนยังอยู่ด้วยกันเพราะไม่อยากให้สิครู้สึกว่าพ่อแม่แยกกัน สิคจะอยู่กับคุณแม่มากกว่า คุณพ่อก็จะเป็นคนที่นิสัยชิลๆ ใจดี ใจเย็น คุณแม่จะเป็นคนที่ใจร้อน หุนหันพลันแล่น แล้วก็ตัดสินใจเด็ดขาด สิคจะได้นิสัยอะไรก็ได้จากคุณพ่อ แต่ว่าจะได้ความหัวรั้นจากคุณแม่ เหมือนอะไรที่สิคชอบสิคจะทำอันนี้เต็มที่ ถ้าอันไหนไม่ชอบก็จะไม่ทำเลย ไม่ยอมทำเด็ดขาด ก็ได้จากคุณพ่อกับคุณแม่อย่างละครึ่ง
ตอนเด็กๆ ก็จะเป็นเด็กที่ดื้อ แสบมาก ที่บ้านจะมีโต๊ะวงกลมแล้วมีเก้าอี้ล้อม แล้วสิคก็ชอบไปกระโดดเก้าอี้ คุณแม่ก็จะไม่พูดอะไร แค่ “มิว ระวังตก เตือนแล้วนะ” สิคก็ได้เลยแม่ สักพักตก ร้องไห้ แม่ถามว่าเจ็บไหม แม่ไม่โอ๋ เลยถามว่าทำไมแม่ไม่โอ๋ แม่เลยบอกว่าแม่เตือนแล้ว แล้วมิวเจ็บไหมล่ะ ถ้าเจ็บแล้วรู้ไหมว่าห้ามทำ ให้รู้เอง ก็เคยมีโมเมนต์ที่ไปห้างแล้วร้องไห้เหมือนกันค่ะ ช่วงแรกแม่ก็ตี แต่ว่าสิคยังร้องไห้ไม่หยุด แม่ก็เลยปล่อยแล้วยืนดู สักพักจะรู้สึกแล้วว่าอาย(หัวเราะ) ก็เลยลุกขึ้นมา แล้วก็เดินตามแม่อย่างว่าง่าย
เรื่องใช้เงินด้วยเหมือนกัน ตอนแรกสิคเองก็ทางบ้านพ่อ คุณปู่คุณย่าจะสปอย ตามใจ อยากได้อะไรเอาเลย แต่ว่าเหมือนพอเริ่มมาอยู่กับแม่ก็ไม่ได้แล้วไง แม่ให้รู้จักประหยัดเงินแล้ว พอเวลาไปห้าง แม่ก็จะให้มา 20 บาท มิวอยากซื้ออะไรมิวไปซื้อนะ สิคก็ไปซื้อเลย เงินหมดปุ๊บแต่เจอของที่อยากได้อีก ก็ขอเงินแม่ แม่ก็ไม่ให้แล้ว วันนี้ใช้เท่านี้ ก็เลยเริ่มรู้แล้วว่า ถ้าเกิดอยากได้ของ เราต้องเก็บเงินไว้นะ



เมื่อได้มาอยู่ใน BNK48 แล้ว ที่บ้านสอนอะไรบ้าง
เนย : หนูจะมีท้อบ่อยมาก เวลาอยู่ในนี้ ด้วยความที่เราไม่เคยซ้อมหนัก ไม่เคยออกกำลังกายหนัก ช่วงแรกๆ หนูจะบ่นกับพ่อบ่อยมาก พ่อหนูคิดถูกไหม เพราะตอนนั้นก็ไม่รู้ว่า BNK จะเดินได้ถึงไหน พ่อก็พูดประมาณว่า ทำให้เต็มที่ ตัดสินใจเข้ามาแล้ว หนูเป็นที่จำท่าช้า เพื่อนจะจำท่าเร็วมาก ต่อท่าแปบเดียว คือหนูต้องกลับไปซ้อมคืนนึงถึงจะเริ่มจำได้ แล้วเราก็กดดันว่าเพื่อนเต้นได้แต่เราเต้นไม่ได้ พ่อก็จะประมาณว่าคนอื่นทำได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ให้เราฮึดสู้มากกว่า แต่แม่จะเป็นประเภทที่เห็นเราเหนื่อยปุ๊บ ก็จะไหวไหมลูก พักไหม แต่พ่อจะให้ลุยค่ะ
มิวสิค : ส่วนใหญ่จะอยู่กับคุณแม่ค่ะ ช่วงแรกๆ สิคมีอะไรจะเก็บไว้ ช่วงนั้นก็เลยไม่ได้ระบายเท่าไหร่ ไหนจะไมเกรนขึ้นอีก คุณแม่ก็เป็นพวกสายลุย ก็จะแบบ...ทำไมมิวไม่ทำแบบนี้ เหมือนจุดไฟให้มันแรกขึ้น แต่บางทีสิคก็ไม่อยากทำ ช่วงนั้นก็เลยเก็บทุกอย่างเข้าตัวเอง พอมาเจอคุณพ่อ เขาก็จะเป็นแนว “ไหวไหมลูก เข้าใจนะว่าเหนื่อย แต่มิวเลือกทางนี้แล้ว มิวมีความสุขไหมที่จะได้ทำมัน บางทีมิวก็ต้องละทิ้งทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกแย่ แล้วก็เต็มที่กับสิ่งที่เราชอบ อย่าเก็บไปคิดมากจนเกินไป” แล้วก็ส่วนใหญ่จะเป็นคำปรึกษาจากเมมเบอร์กันเองมากกว่า เหมือนเจออะไรมาคล้ายๆ กัน บางมีปรึกษากันเองแล้วร้องไห้กันเองด้วยซ้ำ
เนย : พ่อกับแม่ก็คุยได้ในระดับนึง เอาจริงๆ ถ้าไม่เจอเองก็จะไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่อย่างเมมเบอร์ เขาเจอคล้ายๆ เรา แล้วมันรู้สึกจริงๆ หลายๆ คำแนะนำมันเลยช่วยเราได้เยอะมาก

ตั้งแต่เข้ามา BNK48 ให้รางวัลอะไรกับตัวเองบ้าง
เนย : ทุกวันนี้เสียเงินกับเครื่องสำอางเยอะมากค่ะ(หัวเราะ) เพราะว่าเราแต่งหน้ากันเองบ่อย นานๆ ที งานใหญ่ถึงจะมีช่างแต่งหน้า ให้รางวัลตัวเอง ที่ผ่านมาตอนนี้ยังไม่มีเลยค่ะ เพราะอย่างหนูจะใช้เงินที่เราได้จากงาน จะไม่ลำบากพ่อแม่ แล้วหนูต้องให้ครอบครัวเป็นกองกลาง พ่อ - แม่ - หนู คนละ 2,000 บาท ทุกเดือน พอเงินเดือนออกจะต้องให้แม่ รวมกันเป็นบัญชีในบ้าน เหมือนฝึกให้หนูเก็บ คือหนูเป็นคนที่เก็บเงินไม่ได้ แม่จะรู้ ก็เลยต้องบังคับว่าเงินออกปุ๊บ ต้องเอามาใส่กองกลาง
มิวสิค : เพราะว่าเงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้น ส่วนใหญ่คุณแม่จะให้สิคอยู่ อาทิตย์ละ 2,000 บาท บางทีก็หักค่านู่นนี่นั่นสำหรับในครอบครัวไปด้วย แล้วก็จะเก็บเป็นบัญชีเฉพาะเงินเก็บ จะไม่เอาออกมาเลย



มีความฝันอยากจะทำอะไรเพื่อตัวเองและครอบครัวอีก
เนย : เอาจริงๆ เลย เข้ามาตอนแรกเพราะอยากเต้นแค่นั้น แต่ว่าตอนนี้เหมือนพอเริ่มเป็นหลักเป็นแหล่ง หนูก็อยากเปิดร้านกาแฟให้แม่ แล้วหนูเป็นคนชอบกินขนมหวาน หนูก็อยากเปิดร้านที่ในนั้นมีทั้งขายเครื่องดื่มแล้วก็พวกขนม แต่ว่าหนูก็ทำขนมไม่เป็นนะคะ แต่เห็นขนมแล้วมีความสุข
มิวสิค : ตอนเข้ามาตอนแรกเพราะติดตาม AKB สิคก็คิดแต่ว่าจะมีเต้นในเธียร์เตอร์ แต่ไม่ได้คิดถึงเรื่องออกสื่อหรือว่าสังคม แต่พอเข้ามาก็รู้สึกว่ายังไม่ค่อยชอบแนววงการบันเทิงสักเท่าไหร่ ที่ยังอยู่ตอนนี้เป็นเพราะเรารักแฟนคลับของเรามาก ที่เขายังอยู่กับเราจนถึงตอนนี้ ตอนนี้ก็เลยอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่นสักครั้ง อยากลองไปเปิดโอกาสหลายๆ อย่าง ที่ประเทศญี่ปุ่น อยากลองนำประเทศไทยเข้าไปอยู่ในสังคมเขา ให้ได้โกอินเตอร์อะไรแบบนี้

ในอีก 10 ปีข้างหน้า จะเห็นเนยกับมิวสิคทำอะไรอยู่
เนย : ตอนนั้นหนูอายุเท่าไหร่เนี่ย เอ๊ยหนู 31 แล้ว หนูจะยังร้องยังเต้นอยู่ไหมนะ เขาจะไล่หนูออกจากวงรึยัง(หัวเราะ) หนูอยากจะเป็นหลักเป็นแหล่งแล้ว มันเหมือนเป็นช่วงเวลาที่เราต้องดูภูมิฐานในระดับหนึ่ง หนูอยากจะมีธุรกิจของตัวเอง แต่อย่างเรื่องร้องเรื่องเต้น ถ้าเขายังให้หนูอยู่ หนูก็ยังอยากอยู่
หนูเคยพูดไว้ว่า เรื่องแกรด (มาจากคำว่า Graduation คือการจบการศึกษาหรือการลาออกจากวง) หนูไม่ได้กำหนดว่าจะแกรดตอนไหน ถ้าตอนไหนหนูเริ่มรู้สึกว่ามันเป็นความทุกข์มากกว่าความสุข หนูก็จะแกรดออกไปเอง ถ้าตอนนั้นหนูยังมีความสุขมากกว่าในอายุ 31 หนูก็ยังอยากจะอยู่ ก็อาจจะร้องเต้นไป แต่ตามความจริงก็คงจะไปมีธุรกิจของตัวเองแล้ว มันต้องเริ่มสร้างความมั่นคงได้แล้ว เพราะพ่อกับแม่ก็อายุมากขึ้น เราก็ต้องเป็นหลักได้แล้ว
มิวสิค : สิคก็คิดเหมือนพี่เนย เพราะว่าจนถึงตอนนั้นก็คงมีคนมาสานต่อความฝันของเราไปแล้ว เราก็คงจะเก็บที่ตรงนี้ไว้เป็นของตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ก็น่าจะปล่อยให้คนอื่นที่เขามีความฝันมาทำต่อ เราได้โอกาสตรงนี้แล้วน่าจะส่งต่อ แล้วก็คงอยากมีธุรกิจหรือว่าบ้านสักหลังให้พ่อแม่อยู่ น่าจะเปิดร้านหรือไม่ก็ทำอะไรสักอย่างที่เป็นธุรกิจของตัวเองค่ะ

-ซาบซึ้งความรัก...โอตะทุ่ม แฟนคลับเซอร์ไพรส์

ปกติเหล่าแฟนคลับของเนยกับมิวสิคเป็นคนประเภทไหน
เนย : หลายๆ แบบค่ะ ของหนูจะเป็นประเภทที่ว่าค่อนข้างกวนก็มีเยอะค่ะ ประมาณวัยทำงาน น่าจะผู้หญิงกับผู้ชายพอๆ กันค่ะ เหมือนกับว่าเข้ามาไม่อยากให้เราเครียด เหมือนงานจับมือเขาก็จะมีมุกมาเล่นกับเราตลอด อย่างช่วงแรกๆ ที่งานจับมือ เลนหนูจะค่อนข้างว่าง เขาก็จะผลัดกันวนมาเพื่อไม่ให้หนูเหงา เขาก็จะถาม “เหงาไหม ไม่อยากให้เหงานะ” เขากลัวเรายืนคนเดียวไม่มีเพื่อน จะค่อนข้างห่วงความรู้สึกเรามาก จะสังเกตว่าเราป่วยรึเปล่า เขาใส่ใจเรามาก หนูเลยรู้สึกดีใจมากที่ได้เจอพวกเขา BNK48 ทำให้เราได้มาเจอกับพวกเขา เป็นอะไรที่รู้สึกดีมากๆ
มิวสิค : ของสิคน่าจะเป็นกลุ่มที่ไม่ค่อยได้ออกมาอวยเท่าไหร่ สมมติมีการอวยหลายๆ คนเกิดขึ้น กลุ่มแฟนคลับสิคจะหายไปเลย(หัวเราะ) สิคก็รู้สึกน้อยใจแหละว่าทำไมไม่มาพูดถึงเค้าเลย แต่ว่าเขาจะเป็นพวกที่พูดน้อยต่อยหนักมากเลย อย่างเช่นโปรเจ็กวันเกิดที่เพิ่งออกมาล่าสุด สิคก็ไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรที่ใหญ่ขนาดนั้นให้สิค หรือว่าจะเป็นตอนประมูล SSR ก็ตาม แต่ก็รู้แหละว่าเขามีเหตุผลหรือว่าความพร้อมของเขาที่จะจ่ายตรงนั้นแล้วะไรอย่างนี้
ตอนแรกก็น้อยใจจริงๆ แหละ ที่ไม่เคยพูดถึงกันเลย ส่วนใหญ่ที่เซอร์ไพรส์สุดก็น่าจะเป็นงานจับมือ ก็มีพวกเด็กๆ ด้วย ประมาณ 8 - 9 ขวบ เมื่อกี้ก็เพิ่งได้ของขวัญทำมือจากเด็กค่ะ เขาทำกำไลมาให้สิค น่าจะเป็นเพราะว่าพากย์การ์ตูนด้วย แล้วก็มีวัยรุ่นถึงวัยทำงาน แต่ของพี่เฌอจะมีคนหนึ่งที่เป็นคุณยายโดดขึ้นมาเลยค่ะ


มิวสิคและโอตะแม่ลูกอ่อน ในงานจับมือ

มีชื่อเรียกของกลุ่มแฟนคลับของตัวเองว่าอะไร
เนย : ของหนูที่หนูเห็นเลย น่าจะเป็น “อ๊บฟิเชียล”(Official) ความจริงน่าจะเพี้ยนมาจากที่ตอนหนูโปรโมต หนูจะได้ชอบพูดว่า “ติดตามช่องทางของพวกเราได้ที่ BNK48 ออฟฟิเชียลนะคะ” แล้วหนูเป็นคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้สำเนียงเป๊ะอะไรมาก มันก็เลยเพี้ยนเป็น อ๊บฟิเชียล เขาก็เอาไปเล่นกัน อะไรประมาณนี้ แต่ความจริงแฟนคลับสำหรับหนู หนูไม่ได้มองว่าเขาต้องอยู่ในอ๊บฟิเชียลนะ แค่คนที่เข้ามาชื่นชอบเรา เราก็รักเท่ากันหมด
มิวสิค : ของสิคจริงๆ เขาก็เคยจะตั้งชื่อแฟนด้อม แต่สิคบอกว่าไม่อยากให้แบ่งแยกกัน ตอนนั้นก็เลยไม่มี แต่ปัจจุบันไม่แน่ใจว่ามีแล้วรึเปล่า ถ้าเกิดมีก็น่าจะเป็น คุณพระอาทิตย์ ทำนองนั้น อยากให้รักกันเท่าๆ กัน

อยากให้เล่าถึงบรรยากาศงานจับมือให้ฟังหน่อย ได้เจออะไรที่พิเศษบ้าง
เนย : มีคนที่มีอาการชักกระตุกเขามาจับมือ เขาอยากจะมาจับ แต่คือเขาก็จะชัก วันงานจับมือเขาก็มา เมมเบอร์ส่วนใหญ่น่าจะได้จับค่ะ คือเราแบบ...อย่างแรกเลย เราจะไม่แสดงท่าทีว่าเรากลัวหรืออะไร เรามาเพื่อให้กำลังใจ หนูไม่ได้พูดอะไรเยอะ แต่ว่าการกุมมือเขาแล้วมองหน้าเขา หนูว่าเป็นการส่งกำลังใจที่ดีมาก
มิวสิค : หลายๆ ครั้งที่มีงานจับมือ เราก็จะมีแฟนคลับที่มาบอกว่า เป็นโรคซึมเศร้าแล้วหายได้เพราะน้องเลยนะ ถึงเราจะเป็นคนที่แค่เต้นแล้วก็ร้องไป เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามาทำอะไรด้วยซ้ำ แต่ว่าเขากลับเอาเรามาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป ถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากกอดแน่นๆ สักครั้งหนึ่ง แล้วบอกว่าหนูเป็นกำลังใจให้พี่เสมอนะ อาจจะไม่ได้มีแค่โรคชักกระตุก สิคก็เคยเจอคนที่เป็นคุณแม่กำลังจะคลอดน้อง เขาก็มาหา เหมือนเขาอยากจะให้เป็นกำลังใจให้หน่อยนะ อวยพรให้น้องหน่อย แล้วพอรอบจับมือถัดไปเขาก็หายไป กลับมาอีกรอบคืออุ้มน้องมาด้วยกันเลย(ยิ้ม) ก็ดีใจมากๆ เลยค่ะ
เนย : หนูอยากบอกอย่างหนึ่ง เหมือนกับว่าแฟนคลับเราเขาจะเชียร์เราเสมอ คนรอบนอกเขาอาจจะมองว่ามันน่ากลัว แต่ว่าหนูอยากบอกว่าพวกเขาอ่อนโยนมาก อย่างตอนมาจับมือ บางคนก็จะบอกว่า “พี่ให้หนูพักนะ ไม่ต้องจับ นั่งได้เลย” พอเจอข้างนอกเขาจะรู้ว่าไม่สามารถถ่ายรูปได้ เขาก็มองเราแต่ไม่เข้ามา เขาจะแบ่งเวลาส่วนตัว
มิวสิค : แล้วเราก็จะไปอ่านเจอในทวิตเตอร์ว่า เจอน้องเนย อะไรแบบนี้(หัวเราะ) บางครั้งเวลาเกิดเรื่องไม่ทันการณ์ อย่างเช่น จะมีกฎห้ามแตะตัวใช่ไหมคะ แต่จะมีแฟนคลับบางคนที่ไม่รู้ พุ่งมา พวกแฟนคลับที่รู้เขาจะคอยกันให้ แล้วจะคอยอธิบายให้



ความประทับใจที่มีต่อเหล่าแฟนคลับ
เนย : หนูอยากเรียบเรียงให้มันดีๆ(ยิ้ม) คือหนูก็เคยเป็นแฟนคลับ เคยชื่นชอบไอดอลเหมือนกัน เขาก็พูดประมาณว่า เขารักแฟนคลับนะ รักมากนะ แต่เราก็ไม่ได้เชื่อหรอกว่าเขาจะมารักเรา เพราะเขายังไม่เคยเจอเรา ไม่เคยมาอยู่กับเราใช่ไหมคะ หนูก็คิดว่าเขาอาจจะพูดเพื่อให้เราอยากอยู่กับเขาต่อ พูดเอาใจเรา แต่ด้วยความที่เรารัก เราก็ยังอยู่ แต่พอหนูเข้ามาอยู่ตรงนี้ ก็เลยรู้ว่า สิ่งที่เขาพูด มันไม่ใช่แค่ดึงให้คนมารักแต่มันคือความจริง คืออยู่ตรงนี้เรารักพวกเขามากจริงๆ ถึงเราไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ทุกครั้งที่ได้เจอเหมือนได้เติมพลังให้กัน แค่ได้เห็นหน้าเขา ได้ยินเสียงเขาตอนเชียร์เราบนเวที จากที่เราเต้นอ่อนๆ อยู่ทำให้เราสามารถมีแรงเต้นได้
หนูอยากขอบคุณมากที่ยังอยู่ข้างๆ กัน แล้วที่หนูเคยชอบพูดว่าหนูหวงแฟนคลับนะ อันนั้นก็เรื่องจริง(หัวเราะ) หวงจริงๆ เรารักของเรา อยากให้เขาอยู่กับเรา ไม่จำเป็นต้องมาจ่ายเงินให้เราเยอะ แค่เขาอยู่ข้างๆ เรา แค่นั้นก็พอแล้ว อย่างโปรเจ็กวันเกิด มันใกล้วันเกิดหนูแล้วไงคะ ก็มีไดเร็กมาถามว่า อยากได้อะไรไหม เพราะอย่างคนอื่นเขาจะมีขึ้นป้ายกันเยอะมาก เขาก็ถามหนูว่าอยากได้อย่างนั้นไหม ด้วยความที่เราตอบกลับไม่ได้ แต่ในใจก็คิดว่าขอแค่ตั้งใจทำ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ได้ค่ะ ไม่เกี่ยวว่าจะต้องเป็นเงินที่มหาศาล บางทีแค่เป็นจดหมายที่ส่งมาให้เราอ่าน อันนั้นเราก็มีกำลังใจมากแล้ว คือขอแค่เป็นสิ่งที่เขาอยากให้เราจริงๆ แล้วเขาต้องไม่ลำบาก แค่นั้นก็พอแล้วค่ะ
มิวสิค : มันเป็นความรู้สึกขอบคุณที่เราไม่สามารถพูดออกมาได้เยอะขนาดนั้น เพราะว่ามันเป็นความรู้สึกมากกว่าที่รู้ว่าเขายังอยู่ข้างๆ แล้วเราก็จะอยู่ข้างๆ เขาตรงนี้ หลายๆ อย่างที่เขาทำให้ ก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เลย เพราะสิครู้ว่ายังไงเขาก็ทำมาจากใจเขาอยู่แล้ว หนูก็จะรับไว้ ช่วงแรกก็มีรู้สึกว่าทำไมต้องทำใหญ่ขนาดนี้ สิคไม่ค่อยชอบการบลัฟกันเองระหว่างเมมเบอร์ เพราะถ้าเขาสร้างใหญ่มาแล้ว ถ้าเกิดแฟนคลับบ้านอื่นเขาสร้างมาใหญ่กว่า เล่นกันไปเล่นกันมา สิคก็รู้สึกไม่ดี แต่ว่าก็ไปโกรธเขาไม่ได้เพราะเขาตั้งใจทำให้เรา ก็มีแต่รับไว้แล้วก็ขอบคุณที่เขาทำให้เรามากถึงขนาดนี้
เนย : ในวันที่เราเศร้า ขอแค่บางคอมเมนต์แบบสู้ๆ นะ เขาอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ต้องอะไรมากมาย แค่เรารับรู้ว่าเราอยู่ข้างๆ กัน
มิวสิค : ประทับใจทุกอย่างที่เขาทำ แค่เขายังอยู่กับเราจนถึงตอนนี้ก็ประทับใจมากๆ แล้วค่ะ ซาบซึ้งสุดๆ แล้ว ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษแต่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นะ แบบหวงก็คือหวง รักก็รักจริงๆ ถ้าเกิดได้ยินแล้วก็อย่าไปไหนนะ แล้วก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่เขาทำให้เรา จริงๆ แล้วสิคก็ไม่ได้ขออะไรจากเขามากมายนะ ขอแค่อย่างเดียวคือ อย่าไปไหน อยู่กับสิคก็พอ



สุดท้าย ฝากผลงานให้ติดตามหน่อย
เนย : ขายของตัวเองก่อนแล้วกันค่ะ(หัวเราะ) ก็ขอฝากซิงเกิ้ลที่ 3 นะคะ เพลง วันแรก (Shonichi) ของพวกเรา หนูเชื่อว่าเพลงนี้น่าจะเป็นกำลังใจให้ใครหลายๆ คน ที่เดินตามความฝัน หรือว่าอาจจะกำลังเหนื่อย กำลังท้ออยู่ อยากให้ฟังเพลงนี้ ก็อาจจะทำให้รู้จักกับพวกเรามากขึ้นด้วย ได้เห็นจากที่เป็นเด็กสดใส กุ๊กกิ๊กๆ ในเพลงที่ผ่านมา เพลงนี้อาจจะได้เห็นมุมที่จริงจังมากขึ้น จะมี 2 type A กับ B พวกเราแยกปกกัน เพลงก็จะต่างกันด้วยค่ะ ส่วนกิจกรรมทั่วไปก็สามารถติดตามได้ที่เพจ BNK48 officials ค่ะ
มิวสิค : เพลงนี้แอบดาร์ก(หัวเราะ) เป็นความรู้สึกของเราล้วนๆ เลย บางทีเหนื่อย ร้องไห้ แต่ว่าในเพลงนี้เหมือนรวมทุกอย่างไว้ เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างเพื่อน เรื่องราวทั้งหมดถูกใส่ไว้ในเพลงนี้หมดเลย แล้วก็ติดตามพวกเราได้ที่ Instagram ของแต่ละคนเลย แล้วก็อยากลืม MV คุกกี้เสี่ยงทายด้วยนะคะ








ใช้ร่างกายโหด ต้องดูแลหนัก!



เนย : ร่างกายทรุดโทรมมาก(หัวเราะ) หนูโด๊บซุปไก่สกัดกับ VitC หนักมาก เพราะนอนน้อยมาก วันไหนที่เป็นวันหยุดจะรู้สึกว่าวันนั้นมีค่ามาก เพราะปกติแทบจะไม่ได้นอนเลย การดูแลตัวเองเป็นเรื่องกินมากกว่าค่ะ คอลลาเจนบ้าง ซุปไก่สกัดบ้าง VitC เพราะหนูชอบเป็นหวัด อย่างที่เห็นไบรท์ๆ ก็แต่งหน้า คอลซิลเลอร์เยอะมาก(หัวเราะ) ที่เห็นถ่ายรูปสวยๆ นั่นก็แอปฯ (หัวเราะร่วน) ตอนนี้ถ้าลบหน้าสดนะ โอ้โห...ขอบตามาเต็มจ้า มาอยู่ BNK ได้ลองหมด กินบนรถ เปลี่ยนชุดบนรถ ไปงานไม่ทัน รีบหอบชุดลง(หัวเราะ)
มิวสิค : ก็จะเป็นพวกวิตามินซีเหมือนกันค่ะ พวกซุปไก่สกัด อะไรที่เป็นสารบำรุงต้องกินให้หมดเลย บางทีข้าวเรายังไม่ได้กินด้วยซ้ำ แต่มันก็เริ่มชินๆ แล้ว ร่างกายปรับได้(หัวเราะ) ปกติสิคจะเป็นคนที่ตื่น 24 ชม. ไม่ไหวเลย แต่ช่วงนี้ล่าสุดที่ไปอัดเพลง พี่เนยถึงบ้านตอนตี 5 วันก่อนหน้าเราทำงานกันประมาณ 8 - 9 โมง เหนื่อยมาก เวลาอัดเพลงห้ามนอนด้วย
เนย : ฝากถึงทุกคนด้วย ต่อให้เราจะกินขนาดไหน ทางที่ดีที่สุดคือการพักผ่อน กินมันก็ช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเรามีเวลาก็ต้องพักผ่อนค่ะ บางทีแฟนคลับบางคนบอกว่า รอเราอัป Ig นะ เราก็รู้สึกผิดเลย นอนดึกเพราะรอเราอัป Ig ก็อยากให้พักผ่อน ดูแลตัวเอง บางทีไปตามพวกเราอย่างนี้ บางทีมีงานตอนเย็นแต่ไปรอกันแต่เช้า ไปยืนรอร้อนๆ กินข้าวกันรึยัง อยากให้ห่วงตัวเองมากกว่า รู้ว่าอยากซัปพอร์ตพวกเรา แล้วพวกเราก็ห่วงเหมือนกัน
มิวสิค : อยากให้ใส่ใจตัวเองมากกว่า เพราะพวกเขาก็สำคัญต่อพวกเรา ถ้าเกิดเราล้มฟุบไปก็ยังมีแค่คนเดียว แต่พวกเขาล้ม เขามีกันตั้งหลายคน แล้วเราเสียกำลังใจ เราก็เป็นห่วงเขาเหมือนกัน






รัก...ไม่รัก ต้องลองเสี่ยงดูอีกสักนิด



เนย : ปกติคือถ้าเป็นเด็กทั่วไป อย่างวัยหนูสักประเด็นยี่สิบต้นๆ มันก็จะเริ่มมีมุมกุ๊กกิ๊ก มีความรักใช่ไหมคะ ก็อาจจะมีคุยบ้างถ้ายังไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ แต่พอมาอยู่ตรงนี้ หนูไม่ได้รู้สึกว่าต้องการความรักจากเพศตรงข้าม คือไม่จำเป็นต้องว่าต้องมีแฟน เหมือนเราอยู่ตรงนี้ เราได้รับความรักเยอะมากจากทุกคน เหมือนได้รับความห่วงใย อย่างหนูป่วย คือหนูยังไม่ทันบอกเลยว่าป่วยนะ เขาสังเกตเรา เขาใส่ใจเราตลอดเวลา เลยมีความรู้สึกว่า มีคนที่เป็นห่วงเราเยอะมาก มุมมองเรื่องความรักแค่นี้หนูพอใจแล้ว ไม่ได้โหยหาว่าต้องมี ต้องอะไร คือพอใจกับความรักตรงนี้แล้ว
มิวสิค : ความรักของสิคก็คือเหมือนกับสิ่งที่เราได้รับอยู่ในตอนนี้ มันเป็นความรักที่เป็นอินฟินิตี้ เรารักเขา เขาเองก็รักเราตลอดไป เหมือนเราได้ความรักที่ไม่มีวันหมดเลย เหมือนเป็นกำลังใจให้เราสู้ต่อไป เพื่อที่จะเอาความรักทั้งหมดของเราส่งต่อเขาอีก แล้วก็รู้สึกไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว มันเป็นในรูปแบบของคุณครูที่คอยสั่งสอนพวกเรามา เขารักพวกเราจริงๆ อย่างครูเอ๊ะ (เอ๊ะ - พงศ์จักร พิษฐานพร Music Director ของ BNK48) ครูเอ๊ะก็ให้โอกาสที่พวกหนูจะได้ไปออกใน MVชู้กะชู้ ครูออกมาแค่นิดเดียวเอง ที่เหลือเป็นพวกหนูหมดเลย ใจดีมาก คือใน MV พวกเรายังไม่ได้ออกมาด้วยกันเยอะขนาดนี้ หวงครู(หัวเราะ)






ประวัติส่วนตัว 



ชื่อจริง : กานต์ธีรา วัชรทัศนกุล
ชื่อเล่น : เนย
วันเกิด : 9 เมษายน 2540
ฉายา : คุณอ๊บ
การศึกษา : คณะวิทยาศาสตร์ สาขาจุลชีววิทยาอุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
ตำแหน่ง : เซนเตอร์เพลง “วันแรก (Shonichi)”

ชื่อจริง : แพรวา สุธรรมพงษ์
ชื่อเล่น : มิวสิค
วันเกิด : 24 กุมภาพันธ์ 2544
ฉายา : สิคกาจู,คุณแพรวา,คุณพระอาทิตย์, มิวสิคร้อยมีมฯลฯ
การศึกษา : เคยศึกษาที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ปัจจุบันออกมาสอบ GED (การสอบที่เทียบเท่ากับวุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลายในประเทศไทย ตามหลักสูตรการศึกษาของสหรัฐอเมริกา)
ผลงาน : พากย์เสียง และร้องเพลงประกอบ โคโคทามะ (Cocotama)
ตำแหน่ง : เซนเตอร์เพลง “อยากจะได้พบเธอ (Aitakatta)”, “ก็ชอบ ให้รู้ว่าชอบ (Oogoe Diamond)” และ “วันแรก (Shonichi)”

สัมภาษณ์โดย : ผู้จัดการ Live
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ภาพ : วชิร สายจำปา
ขอบคุณภาพประกอบ : เพจเฟซบุ๊ก BNK48 , Noey BNK48 และ Music BNK48



กำลังโหลดความคิดเห็น