กลายเป็นที่ผลิตลูกไปแล้ว! สำหรับประเทศไทย เมื่อคู่รักจีนต่างยอมจ่ายคู่ละไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อผลิตลูกคนที่ 2 ตามนโยบาย หวังเพิ่มประชากรให้กับประเทศ เน้น “คู่รักฐานะดี” เดินทาง“ท่องเที่ยวผลิตลูก” ทำกิ๊ฟท์กับแพทย์มืออาชีพ ททท. ปลื้ม อนาคตเงินไหลเข้าไทยมหาศาล อุตสาหกรรมท่องเที่ยว- ร้านอาหาร- โรงพยาบาล รับเละ!
จีนบุกไทย! ฐานะดี- มีลูกยาก แห่ทำ “เด็กหลอดแก้ว”
ที่ผ่านมาประเทศจีนมีนโยบายให้มีลูกคนเดียว ส่งผลให้ประชากรลดลง และยังเกิดผลเสียไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเพิ่มอัตราการทำแท้ง เพราะคนจีนที่มีฐานะร่ำรวย ส่วนใหญ่อยากมีลูกชายไว้สืบสกุล แต่เมื่อได้ลูกหญิงจึงต้องทำแท้ง, ปัญหาด้านความเสี่ยงที่มีลูกคนเดียว แล้วไม่มีหลักประกันตอนอายุมาก ยังไม่รวมปัญหาความแตกต่างสัดส่วนระหว่างประชากรชายกับหญิง และปัญหาทางสังคมของครอบครัวที่มีลูกคนเดียวจำนวนมากๆ ด้วย
จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้จีนได้ตัดสินใจออกกฎหมาย ผ่อนผันให้มีลูกคนที่ 2 ได้แบบมีเงื่อนไข ซึ่งในขณะที่กฎหมายนี้ออกมา ทำให้หลายคนคิดว่ามีความหวัง และประชากรของจีนน่าจะกลับมาเพิ่มขึ้น แต่มีปัญหาอยู่ที่ว่า คนที่อยากมีลูกคนที่ 2 ส่วนใหญ่อายุมากแล้ว มีลูกยาก ต้องการทำเด็กหลอดแก้ว แต่สถานบริการสุขภาพและบุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นมืออาชีพภายในประเทศไม่เพียงพอ ซึ่งประเทศไทยเป็นแหล่งที่คนจีนมองว่า มีทรัพยากรที่ดี เหมาะแก่การผลิตลูก
[ดร.เหว่ย เซียง ยู ประธานบริษัทบอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป]
ดร.เหว่ย เซียง ยู ผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งประธานบริษัทบอร์เดอร์เลส เฮลธ์แคร์ กรุ๊ป ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอยากมีลูกคนที่ 2 ของคนจีน จึงได้ร่วมกับ “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)” เป็นครั้งแรก ประกาศ “นวัตกรรม Medical Tourism 3.0 เจาะเซกเมนต์ใหม่- การท่องเที่ยวผู้มีบุตรยาก”
โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่รองรับคู่ฮันนีมูนชาวจีน ตามโครงการลูกคนที่ 2 จำนวน 90 ล้านคู่จากประเทศจีน เน้นกลุ่มคู่สมรสที่มีรายได้สูงเป็นหลัก เพราะจะสร้างมูลค่าตลาดให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องของไทยได้อย่างมหาศาล พร้อมพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางการบริการด้านการผสมเทียมที่ดีที่สุดในโลก
“ไทยเป็นพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการวงการแพทย์ด้านการเจริญพันธุ์ ด้านการท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ต ฟิตเนส สปา กูรูและโค้ชด้านสุขภาพ นักโภชนาการ ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญเพื่อสุขภาวะด้านปฏิสนธิ เพื่อรองรับการให้บริการอย่างครบวงจร”
เป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้ว่าคู่สมรสที่อยู่ในวัย 30 - 40 ปี มีความตื่นเต้นอยากมีบุตรคนที่ 2 อย่างยิ่งก็ตาม แต่อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ เพื่อการเจริญพันธุ์ในประเทศนั้น ยังมีจุดอ่อนเรื่องการกระตุ้นในการพัฒนาโปรแกรมด้านสุขภาวะเพื่อการเจริญพันธุ์ที่ยั่งยืน
ทุ่ม! 500,000 ปั้นลูก กับแพทย์มืออาชีพ
การลงทุนในครั้งนี้ของคนจีนถือว่าคุ้มมาก เมื่อเทียบกับการที่ทำให้เขาได้ลูกคนที่ 2 สมใจ และที่คุ้มไปกว่านั้น คือ รายได้มหาศาลที่จะเข้ามาในประเทศไทย หากพูดถึงรายได้ แน่นอนว่าเป็นตัวเลขที่น่าจับตามอง ซึ่ง ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยกับทีมข่าวผู้จัดการ Live ว่า คู่รักชาวจีนจะต้องจ่ายคู่ละไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท เลยทีเดียว
“จากผลการศึกษาได้ประเมินค่าใช้จ่ายด้านการ แพทย์และท่องเที่ยว โดยเฉลี่ย คู่สมรส 1 คู่ จะต้องใช้จ่ายเฉลี่ยคู่ละ 500,000 บาท ต่อทริป คาดว่า จะเป็นเม็ดเงินสะพัดในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูงถึง 500,000 ล้านบาท เลยทีเดียว
[ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ททท.]
โดยมีการใช้เวลาในไทย 1 เดือน และนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีโอกาสมาไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น จึงมีพื้นที่อยู่มากมายให้กับคนที่เห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวนี้ ซึ่ง ททท. ยินดีให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่”
และแน่นอนอยู่แล้วว่า เมื่อเดินทางมาผลิตลูกคนที่ 2 อย่างไรก็ต้องนำลูกคนแรกมาด้วย เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้จึงพากันมาเป็นครอบครัว หากพูดถึงรายได้ที่ตามมานั้น ย่อมเป็นตัวเลขที่มหาศาลแน่นอน และสิ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นคือ แนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทย ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วมาก ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ผู้อำนวยการ ททท. คาดว่า ปี 2561 แนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย จะมีมูลค่ามากถึง 3.03 ล้านล้านบาท โดยมีอัตราเติบโต 9.12% ในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนสูงถึง 37.81 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 6.8% สามารถสร้างรายได้ 2.02 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิม 10.73%
“เมื่อเทียบสถิติในปีที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากกว่า 30 ล้านคนต่อปี ในจำนวนนี้ เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนมาก กว่า 8.8 ล้านคน นับเป็นสถิติเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาทั้งหมด และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายที่ท็อปฮิต ของชาวจีน”
การที่หน่วยงานจีน เจ้าของโปรเจค เลือกที่ร่วมโครงการกับไทย ผู้อำนวยการ ททท. มองว่า จุดมุ่งหมายที่สำคัญคือ “คนจีนต้องการมีลูกคนที่ 2” เมื่อเป็นเช่นนั้น “การท่องเที่ยวสำหรับผู้มีบุตรยาก” จึงเป็นโครงการที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนจีน เพราะคนจีนส่วนใหญ่ประมาณ 90 ล้านคู่ ที่อยากมีลูกคนที่ 2 จะมีอายุเกิน 40 ปี ซึ่งคนที่อายุระหว่างนี้นั้นมีลูกยาก และคนจีนส่วนใหญ่ทำงานหนัก และเกิดภาวะเครียดมาก ทำอย่างไรก็ไม่มีลูก
“สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ เขาอาจจะต้องไปทำเด็กหลอดแก้ว และการฮันนีมูนรอบ 2 เพื่อเตรียมความพร้อม ซึ่งจีนมองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสินค้าและการบริการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องอาหารที่มีประโยชน์ เช่น “หัวปลี” ที่เหมาะแก่ผู้หญิงให้นมลูก สถานที่ท่องเที่ยว และแม้แต่กระทั่งการบริการของโรงพยาบาล และหมอที่มีฝีมือเก่งๆ”
[นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน]
ส่วนเรื่องสถานบริการด้านโรงพยาบาลที่คู่รักชาวจีนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก นพ.สุรพงศ์ อำพันวงษ์ ที่ปรึกษาสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้ออกมายืนยันว่า 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็น 1 ใน 3 ในอาเซียน ที่ทำเด็กหลอดแก้วประสบผลสำเร็จ อีก 2 ประเทศคือ สิงคโปร์ มาเลเซีย นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นอันดับ 1 ในชาวต่างชาติที่เข้ามารักษา
“นี่เป็นการการันตีว่า ทำไมจีนถึงได้เข้ามาร่วมโครงการกับประเทศไทยในการผลิตลูกคนที่สอง และหากกังวลว่า เด็กที่ออกมาจะมีความผิดปกติหรือไม่ ตอบได้เลยว่า เราจะทำให้เด็กที่ออกมาสมบูรณ์ที่สุด”
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live