เพราะความใส่ใจ ไม่ได้จบแค่ตัวสินค้า แต่ยังต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมด้วย เช่นเดียวกับ “เต็ดตรา แพ้ค” ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์ระดับโลก ที่ใช้ไม้ไม่เบียดเบียนป่าธรรมชาติ และหลังการใช้งาน กล่องจำนวนกว่า 120 ล้านกล่อง จะถูกนำไปรีไซเคิลเป็นหลังคาจำนวน 60,000 แผ่น เพื่อมอบแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติและชุมชนที่ขาดแคลนทั่วประเทศ
มร.เบิร์ท ยานโพสท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยที่มาที่ไปของแคมเปญ “มองตรา” ว่า “เต็ดตรา แพ้ค เป็นผู้บริการแบบครบวงจร นอกจากตัวผลิตภัณฑ์แล้ว เราทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด และดูแลต่อโดยที่ไม่จบแค่ตัวกล่อง ครั้งนี้เราก็อยากจะออกมาช่วยสร้างความตระหนักว่า นอกจากกล่องที่เห็นแล้ว จริงๆ มีประโยชน์ทั้ง เรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องอาหารปลอดภัย และเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งาน
เราไม่ได้มองตัวเองเป็นแค่ผู้ผลิต แต่มองว่าเราคือหนึ่งส่วนที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่เกษตรกร ลูกค้า ผู้บริโภค ทุกคนมีบทบาทในการช่วยกัน ทุกวันนี้มันมีแพคเก็จจิ้งมากมาย เราต้องการสื่อว่า แล้วทำไมเราต้องเป็นกล่องเครื่องดื่ม UHT มันมีประโยชน์ยังไง
หลักๆ เลยคือเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะว่าตัวกล่องก็มาจากกระดาษที่ได้มาจากป่าปลูกเชิงพาณิชย์ ที่มีการจัดการอย่างรับผิดชอบ จะเห็นได้จากสัญลักษณ์ FSC ที่ได้รับการรับรองจาก องค์การจัดการด้านป่าไม้ Forest Stewardship Council (FSC) ก็เป็นฉลากที่มีไม่กี่ผู้ผลิตที่ได้มา
ส่วนเรื่องอาหารปลอดภัย อย่างที่ทราบกันดี เราเป็นผู้คิดค้นนวัตกรรม UHT ขึ้นมา เราก็ยังยืนยันที่จะดำเนินและยกระดับต่อไป กล่องของเราประกอบไปด้วยกระดาษประมาน 75% ส่วนอีก 25% เป็นพลาสติกและอะลูมิเนียมฟอยล์ 6 ชั้น ที่มีทั้งชั้นกระดาษช่วยเรื่องโครงสร้างกล่อง ส่วนฟอยล์ จะกันแสง ความชื้นและแบคทีเรีย ทำให้ผลิตภัณฑ์ UHT สามารถเก็บในอุณหภูมิห้องได้นาน”
นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังคำนึงถึงการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบัน ที่ต้องทำทุกกิจกรรมแข่งขันกับเวลา จึงได้มีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เปิด - ปิดได้สะดวก แต่ไม่หกเลอะเทอะ จับกระชับมือ สามารถพกพาไปได้ทุกที่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกเพศทุกวัย
ไม่เพียงแค่ความใส่ใจการพัฒนาการนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ในทุกแง่ เต็ดตรา แพ้ค ยังคำนึงไปถึงปลายทางหลังการใช้งาน ด้วยการผุดโครงการ “หลังคาเขียว” ร่วมกับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และบิ๊กซี ซึ่งจะมีการจัดเก็บกล่องเครื่องดื่มที่ผ่านการใช้งานแล้ว มารีไซเคิลและผลิตเป็นแผ่นหลังคา เพื่อนำไปมอบแก่ผู้ประสบภัยธรรมชาติและชุมชนที่ขาดแคลนทั่วประเทศอีกด้วย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มร.เจฟ ฟิวโกว รองประธานบริหารฝ่ายสิ่งแวดล้อม บริษัท เต็ดตรา แพ้คเอเชีย ได้อธิบายไว้ว่า โครงการหลังคาเขียวได้ดำเนินมา 6 ปีแล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ปี 53 จะดำเนินต่อไปอีกประมาณ 2 ปีข้างหน้า พาร์ทเนอร์ของเราคือมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และบิ๊กซี แต่หลังจากนั้นมา ก็มีพาร์ทเนอร์อื่น เช่นทีวี 360° เข้ามาร่วมด้วย
“จนล่าสุดปลายปีที่แล้ว เรารีไซเคิลกล่องไปประมาณ 120 ล้านกล่อง ซึ่งเทียบเท่ากับหลังคาเขียว 60,000 แผ่น โดยหลังคา 1 แผ่นจะใช้กล่อง 2,000 กล่อง เราก็เอาไปบริจาคผ่านสภากาชาดไทยให้แก่ผู้ยากไร้ เป็นหลังคาและสร้างบ้าน ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล ตัวอย่างเช่น เทศบาลนครรังสิต ที่ทำโครงการรีไซเคิลมา 6 เดือนแล้ว
แต่ก่อนจะไปที่จุดจบ มันมีจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพราะว่าป่าในธรรมชาติก็ไม่ได้เหลือเยอะ ดังนั้นการที่เราเอาไม้ตรงนั้นมาทำกล่อง แล้วเป็นไม้มือหนึ่ง มันก็ต้องมาจากแหล่งที่ได้รับการรับรองแล้ว เป็นป่าปลูกเชิงพาณิชย์ เป็นป่าปลูกมี่มีการจัดการอย่างรับผิดชอบ เราจึงนำฉลาก FSC มาเป็นตัวชูเรื่องสิ่งแวดล้อมในแคมเปญนี้
แต่ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้ดูแลสิ่งแวดล้อมในเรื่องอื่น เพียงแต่เรามองว่าฉลากนี้มีคุณค่า และเราเองก็สนับสนุนลูกค้า กว่า 90% ของลูกค้าไทยที่มีฉลากนี้อยู่บนกล่อง แสดงให้เห็นว่าลูกค้าเองก็เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อม กล่องติดฉลากที่ปล่อยไปแล้วทั่วโลกประมาณ 3แสนล้านกล่อง ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะมาก แสดงให้เห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ กับเรื่องการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน” มร.เจฟ ฟิวโกว กล่าว
เช่นเดียวกับ กอบรัตน์ สวัสดิวร ผู้ประสานงานโครงการ FSC ในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ที่กล่าวย้ำถึง เรื่องของไม้ที่นำมาทำบรรจุภํณฑ์ของ เต็ดตรา แพ้ค ด้วยว่า “ตอนนี้อยากจะให้ทุกคนมองว่าทำไมถึงต้องมาตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราเป็นคนเมือง ผลกระทบที่เราทำก็เห็นแล้ว แทนที่เราจะเลือกซื้อสินค้าที่ไม่รู้ที่มา แต่เราเลือกสินค้าที่เรามั่นใจได้ว่า มาจากป่าปลูกที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งจะไม่ได้ช่วยแค่ให้ความเป็นอยู่ของเราดีขึ้น แต่เรายังช่วยให้ความเป็นอยู่ของโลกเราดีขึ้นด้วย”
พร้อมกันนี้ ยังได้นักแสดง 3 คน 3 สไตล์ มาแบ่งปันประสบการณ์ดีๆ ในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เริ่มที่ “อาย - กมลเนตร เรืองศรี” สาวแคดตัสเลิฟเวอร์ มาเป็นตัวแทนด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) เธอกล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ เต็ดตรา แพ็ค เป็นไม้ที่ปลูกในป่าใช้ในเชิงพาณิชย์ จึงไม่เบียดเบียนป่าธรรมชาติ ได้ใจสาวผู้หลงรักธรรมชาติอย่างเธอไปเต็มๆ
“ยิปโซ - อริย์กันตา มหาพฤกษ์พงศ์” สาวสุดติสท์ผู้รักสุขภาพ เป็นตัวแทนด้านอาหารปลอดภัย (Food Safety) สาวยิปโซกล่าวว่า ตนเองเป็นอีกคนหนึ่งที่หันมาเลือกรับประทานมังสวิรัติ ซึ่งจะพยายามเลือกอาหารที่สด สะอาด และผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด แต่ด้วยชีวิตที่เร่งรีบ บางวันจำเป็นต้องเลือกอาหารสำเร็จ เพียงแค่ “มองตรา” ก็สามารถรับประทานอาหารที่ปลอดภัยได้ แม้จะอยู่ในกล่องสำเร็จรูปก็ตาม
และสุดท้าย “อัค -อัครัฐ นิมิตชัย” หนุ่มผู้ชื่นชอบการเดินทางและการออกกำลังกาย ตัวแทนด้านความสะดวกสบาย (Convenience) ก็กล่าวว่า ถ้ามีบรรจุภัณฑ์ที่พกพาง่าย ใช้ง่าย เปิดปิดง่าย ก็ทำให้ใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้น นอกจากจะดีต่อผู้บริโภคแล้ว ยังทำให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพราะสามารถจัดขนส่งได้ง่ายอีกด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น เต็ดตรา แพ้ค ยังได้ “มิว - นิษฐา จิรยั่งยืน” และ “กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา” 2 หนุ่มสาวสุดฮอตในขณะนี้ มาเป็นพรีเซนเตอร์ให้แก่แคมเปญ “มองตรา” เพื่อเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่จะเป็นพลังในการส่งต่อสิ่งดีๆ ให้แก่ผู้บริโภค
เมื่อทราบดังนี้แล้ว ถ้าไม่อยากตกเทรนด์รักสิ่งแวดล้อม ก็ต้องดูให้ดีก่อน จะซื้อเครื่องดื่มครั้งใด อย่าลืม “มองตรา” บนกล่องเครื่องดื่มทุกครั้ง ทั้งดีต่อตัวเอง แล้วยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
ชมวีดีโอแคมเปญ 3 ชุด ชูหัวใจสำคัญ “ปกป้องทุกคุณค่า” หรือ “Protects what’s good”