แม่อู๊ด- ธนภร คาวีวงศ์ เจ้าของร้านข้าวแกงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ผู้เปี่ยมด้วยความเมตตา และความรัก เพราะไม่เคยเห็นนักศึกษาเป็นลูกค้า แต่กลับเห็นเป็น”ลูกหลาน ให้โอกาสนักศึกษาพิการ หรือยากจนได้กินอาหารที่ร้านฟรีถึง 3 มื้อต่อวัน จนกว่าจะจบการศึกษา ทั้งยังให้เงินใช้ในยามขัดสนอีกด้วย
แม่พระของคนยากไร้
แม่อู๊ด เปิดร้านขายข้าวแกงในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต มานาน 28 ปีแล้ว โดยใช้ชื่อร้าน “น้องแอม” การจะเข้ามาขายข้าวแกงในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการแข่งขันทำอาหาร เมื่อคุณภาพและฝีมือผ่านเกณฑ์จึงได้รับคัดเลือกเข้ามา
ทุกวัน แม่อู๊ดพร้อมด้วยลูกสาว 2 คน พี่หญิง เกษร์กุสุมา และพี่แอน ปารณีย์ รุจิพุฒธันยพัต จะต้องเตรียมทำอาหารเพื่อขายตั้งแต่ตี 4 และขายไปจนถึงเย็น ข้าวแกงร้านน้องแอมไม่เพียงอร่อยและมีคุณภาพ แต่ยังมีให้เลือกหลากหลายประมาณ 30 อย่างต่อวัน
เพียงแค่นี้ ก็น่าจะทำให้ข้าวแกงร้านน้องแอมขายดีและอยู่ได้อย่างสบายแล้ว แต่ความสุขของแม่อู๊ดและลูกสาวไม่ได้อยู่ที่เงินหรือตัวเลขกำไรขาดทุน หากอยู่ที่ “การให้” มากกว่า ให้นักศึกษาที่พิการหรือยากจนขัดสน ได้กินอาหารที่ร้านฟรีทั้ง 3 มื้อต่อวัน จนกว่าจะเรียนจบ
แม่อู๊ดเล่าว่า หลายคนขัดสนใจเรื่องเงิน จนไม่สามารถทานข้าวให้อิ่มด้วย จึงทำให้แม่อู๊ด ผุดความคิดนักศึกษาที่ยากจน หรือพิการ กินอาหารที่ร้านได้ฟรีจนกว่าจะจบการศึกษา
“มีอยู่น้องนักศึกษาอยู่คนหนึ่งมาขอซื้อข้าวเปล่าถุงหนึ่ง บอกขอเยอะๆหน่อยนะครับ และซื้อหมูยออันนึง ก็ถามเขาว่าทำไมวันนี้ทานน้อยล่ะ เขาตอบกลับมาว่า ผมหิวแต่ผมไม่มีตังค์ซื้อ แล้วเขาก็บอกว่า ขอน้ำแกงหน่อยนะครับ สงสารเขามากเลย ก็คุยกับเขา ฐานะทางบ้านยากจน นำเงินไปใช้ในเรื่องการเรียนหมดแล้ว แม่ก็เลยคืนเงินเขาไป แล้วก็บอกว่าให้มาทานร้านแม่ได้ตลอด กี่มื้อก็ได้ กินได้ตลอด 4 ปีเลย
“แม่ภูมิใจมากที่ทำให้เขาอิ่มได้”
“หรืออย่างเมื่อก่อนเห็นเด็กคนหนึ่งอยู่ปีหนึ่ง จะทานอาหารซ้ำๆกันเป็นประจำ ก็เลยไปคุย เขาบอกว่าเขาไม่ค่อยมีตังค์ เลยบอก มาทานของป้ามั้ย ทานได้ตลอดเลย เขาถามต้องทำไงบ้าง เลยบอกว่าก็มาสั่งเหมือนคนอื่น ไม่ต้องให้คนอื่นเขารู้ พอรับข้าวแล้วก็เดินออกมาเลย แม่ก็บอกเขาแบบนี้” แม่อู๊ดเล่าถึงความห่วงใยที่มีต่อเด็กนักศึกษา
นอกจากนี้ แม่อู๊ด ยังคอยสังเกตว่า หากใครชอบขอข้าวเยอะๆ หรือสั่งข้าวราดอย่างเดียว ก็สังเกตดู ขอคุยกับเขา จากนั้นรุ่นพี่ก็แนะนำรุ่นน้องให้มาไปเรื่อยๆ กระทั่งเป็นเด็กนักศึกษาพิการ
“แม่จะเลี้ยงอาหารเราเหมือนเราเป็นคนในครอบครัวเลยครับ เงินผมไม่พอในการจ่ายค่าประกันนักศึกษา ตอนนั้นก็ไปบอกแม่อู๊ด จากนั้นแม่อู๊ดไม่ลังเลที่จะควักเงินให้เราเลย 1 พันบาท ผมรู้สึกซาบซึ้งมาก เพราะญาติพี่น้องผมยังไม่ดูแลดีขนาดนี้เลย” ชาย เลิศสัมฤทธิ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มธ.รังสิต
“รู้สึกดีมาก ต้องบอกตรงๆ ว่า อาหารเป็นของซื้อขาย ถ้าจะเอามาให้คนฟรีๆ ผมว่า จิตใจของแม่ต้องสุดยอดมากเลย ต้องอยากช่วยจริงๆ เพราะผมก็ได้กินฟรีทุกคาบจนถึงวันนี้ ที่ผมมาก็ได้กินตลอดเวลา” นิรันดร คมขาว นักศึกษาพิการทางสายตา ปี 5 คณะนิติศาสตร์ มธ.ศูนย์รังสิต เล่าถึงความเมตตาของแม่อู๊ด
แม่อู๊ดไม่เพียงให้นักศึกษาพิการหรือยากจนได้กินอาหารที่ร้านฟรี แม้กระทั่งนักศึกษาไม่มีเงินใช้ยามขัดสน แม่อู๊ดก็ช่วยเหลือเช่นกัน
“ครั้งแรกเลย เราเข้ามาปี 1 เรามาจากต่างจังหวัด ทางบ้านฐานะยากจน ไม่มีเงินส่งเสีย เราไม่มีตังค์ใช้ ไม่มีเงินซื้อข้าว มีพี่แนะนำให้ไปหาป้าอู๊ดสิ ได้มีโอกาสมาทำความรู้จักและอยู่ในการดูแลของป้า ทั้งค่าอาหารกลางวัน ค่ากับข้าว ให้เงินไปใช้ในการเรียนการศึกษา ในชีวิตประจำวัน
เรารู้สึกโชคดี เป็น 1 ในไม่กี่คนที่ได้มาเจอคนดีๆ สังคมดีๆ เจอผู้ใหญ่ใจดีที่คอยช่วยเหลือเรา” บุญรอด แสงล้ำ บัณฑิตคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มธ.ศูนย์รังสิต เล่าให้ฟังถึงความใจพระของแม่อู๊ด
รักลูกหลานยังไง รัก นศ.อย่างนั้น!
บางคนอาจคิดว่า การที่แม่อู๊ดให้นักศึกษาพิการหรือยากจนได้กินข้าวฟรี และให้เงินใช้ยามขัดสน ก็แค่ช่วยให้น้องได้อิ่มท้องไปวันๆ และมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากเกินไปนัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว มากกว่านั้น เพราะความเมตตาของแม่อู๊ดที่ให้กับนักศึกษาราวกับลูกหลาน สามารถช่วยให้น้องๆ เหล่านี้ มีอนาคตที่ดี ไม่ต้องลาออกกลางคัน และมีงานมีการทำเมื่อเรียนจบ
“มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ช่วยเด็กที่ไม่สบายมาก เขาเป็นนักศึกษามาซื้อข้าว พี่หญิงก็ได้สัมผัสมือเขา หน้าแดง ไข้กำลังขึ้น เราก็บอกแม่ น้องผู้ชายเหมือนไม่สบาย ไข้ขึ้น แม่บอกพาน้องไปหาหมอ เลยพาไปที่คลินิค และออกค่ายาค่ารถให้เขา
จากนั้นแม่เลยถามน้อง เขาบอกผมเป็นลูกชาวนา ลำบาก เรียนวิทย์คอมฯ ตั้งใจจะออกแล้ว ด้วยขาดแคลน ค่าใช้จ่ายสูง แม่เลยบอกมาทานข้าวที่ร้านป้าสิ เขาก็มา เขาก็ดีใจ ทานจนจบการศึกษา”
ความเป็น “ผู้ให้” โดยไม่หวังผลตอบแทนของแม่อู๊ด ส่งผลให้ “ผู้รับ”หลายคนหลังจากจบการศึกษาแล้วกลับมาเยี่ยมแม่อู๊ดด้วยความสำนึกในพระคุณที่ได้ให้ชีวิตแก่พวกเขา สะท้อนได้ถึงการเป็น “ผู้ให้” ย่อมเป็น “ที่รัก” ของทุกคนจริงๆ
“มีครั้งหนึ่งเขามาหาแม่ เขาบอก ถ้าวันนั้นแม่ไม่เรียกผมไว้ ผมลาออกแล้ว เพราะไม่ไหว เพราะพ่อแม่ไม่สามารถช่วยเหลือได้เต็มที่ ...
ตอนนี้เขาหน้าที่การงานดีมาก เป็นบริษัท เขาบอกผมซื้อที่นาให้แม่ มีเงินในบัญชีแล้วนะ มีเงินตั้ง 3 แสน ผมกำลังจะทำบ้านให้แม่ใหม่ เขาก็มาเล่าสู่กันฟัง เราก็ดีใจกับเขา” พี่หญิง ลูกสาวแม่อู๊ดเล่าด้วยความภูมิใจที่เห็นเด็กนักศึกษาที่แม่อู๊ดช่วยไว้ปัจจุบันมีอนาคตสดใส
28 ปีที่แม่อู๊ดดูแลนักศึกษาพิการหรือยากจนจบการศึกษาไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า แม้จะเป็นการทำโดยไม่หวังผลตอบแทน นอกจากอยากเห็นลูกหลานเหล่านี้มีชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า
ทางมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เล็งเห็นถึงคุณงามความดีของแม่อู๊ด ทางคณะศิลปศาสตร์จึงขอบคุณและเป็นกำลังใจให้แม่ด้วยการมอบรางวัลให้ในฐานะผู้บำเพ็ญประโยชน์ดีเด่นแก่นักศึกษาและสังคม ไม่เท่านั้น สิ่งที่ทำให้แม่อู๊ดปลาบปลื้มใจยิ่งขึ้น ก็คือการได้รับรางวัลพระราชทานจากในหลวง รัชกาลที่ 10 ด้วย โดยนักศึกษาเป็นคนเสนอเรื่องไป
“ปลื้มมากค่ะ วันนั้นเราดีใจ ใจพอง ที่เราทำไป ผลลัพธ์ขนาดนี้เลยเหรอ และได้เข็มจากพระองค์ภาฯ อีก” แม่อู๊ด ย้อนความรู้สึกภาคภูมิใจในวันที่ทราบข่าวมงคล
นอกจาก ข้าวแกงของแม่อู๊ดจะอร่อยแล้ว ยังเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ให้ความสำคัญในวัตถุดิบ เพราะแม่อู๊ดอยากให้นักศึกษาทุกคนได้กินแต่ของดี มีคุณภาพ
“แม่ก็เห็นนักศึกษาเหมือนลูกหลาน รักลูกหลานยังไง ก็รักนักศึกษาอย่างนั้น”
“อยากให้เขาอิ่ม อยากให้เขามีความสุขใจ ไม่ต้องเดือดร้อนเรื่องการกินที่ร้าน บางคนบวชก็เอาการ์ดมาให้ บางคนแต่ง ก็เอาการ์ดมาให้ แม่ไปนะ แม่ก็ช่วยตังค์ไป มาเรื่อย บางคนมีลูก ก็เอาลูกมาไหว้ ดีใจ ปลื้มใจในส่วนนั้นมาก เราทำให้เขาสำเร็จแล้วเนอะ” แม่อู๊ดพูดถึงความสุขใจที่ได้เห็นลูกหลานประสบความสำเร็จ
“แม่เคยสอนเสมอว่า ความจนมันน่ากลัวนะลูก แต่ถ้าเราให้โอกาสคนที่ลำบาก เราสามารถต่อชีวิตเขาได้
คนเราไม่ได้มีต้นทุนเท่ากัน แต่สิ่งที่เราทำได้คือหยิบยื่นตรงนี้ให้เขา เพื่อให้เขาได้มีโอกาสเป็นคนดีของสังคมและช่วยเหลือสังคม” พี่หญิง ลูกสาวแม่อู๊ด เล่าถึงคำสอนของแม่อู๊ด ที่ยิ่งฉายชัดถึงความเมตตา
สัมภาษณ์โดย รายการ “ฅนจริง ใจไม่ท้อ”
เรียบเรียงโดย ผู้จัดการ Live