ธรรมดาโลกไม่จำ! นักขายเครื่องราง-ของขลังหน้าไม่อาย โฆษณาขาย “น้ำมันเสือโคร่ง” แท้ 100% โหนกระแส เสือดำถูกฆ่า..ทุ่งใหญ่นเรศวร อ้างสรรพคุณป้องกันสิ่งชั่วร้าย-น่าเกรงขามต่อศัตรู โลกโซเชียลฯ ถล่มยับเกาะกระแสไร้สำนึก! นักวิชาการศาสนวิทยาฟันธง “ของปลอม” แน่นอน! หากทำจากเสือโคร่งจริง...ผิดกฎหมาย-ติดคุก!
“น้ำมันเสือโคร่ง” ฉวยโอกาส..โหนกระแส!
“น้ำมันเสือโคร่งแท้ 100% มีติดบ้านไว้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายมนต์ดำ เป็นมหาอำนาจ เป็นที่เกรงขามต่อศัตรู น้ำมันเสือโคร่งแท้ๆ นับวันหายากขึ้นทุกที สนใจทักมาครับ”
ข้อความโฆษณาเชิญชวนผู้สนใจบูชาเครื่องรางของขลัง น้ำมันเสือโคร่ง ถูกประกาศแพร่หลายบนโลกออนไลน์ หลังมีการอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ นานาว่าหากใครมีไว้บูชาจะช่วยเสริมพลังความน่าเกรงขาม ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และส่งบารมีให้ชนะศัตรูอย่างราบคาบ!
ภายหลังที่เจ้าของโพสต์เผยแพร่ข้อความผ่านแฟนเพจ ชมรมคนรักษ์พระเครื่อง ได้เกิดกระแสวิจารณ์ร้อนระอุโลกออนไลน์ ถึงประเด็นการขายสินค้าเครื่องราง เกาะกระแสข่าว ล่าเสือดำ ทุ่งใหญ่นเรศวร ด้วยหรือไม่ หลังจากเกิดเหตุการณ์ปิดชีวิตเสือดำที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ นักขายเครื่องรางของขลังก็ ฉวยโอกาส โปรโมตสินค้าขึ้นมาทันที!
“มันคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งบนโลกใบนี้ ขนาดตัวมันเองยังไม่รอด และมันจะไปป้องกันอะไรได้”
“ยิ่งเป็นของแท้ยิ่งไม่ควรสนับสนุน อย่าคิดว่าเสือเป็นแค่สัตว์ ต้องคิดว่ามันก็มีชีวิตเหมือนมนุษย์ มันก็กลัวตายเหมือนๆ กับเรา ต้องมีสัตว์อีกกี่ตัวที่ตายเพราะความอยากเป็นผู้ชนะของมนุษย์ น่าเวทนาจริงๆ”
“คนขายนี่โหนกระแสเก่งจริงๆ คนเขาออกมาปกป้องเสือที่ถูกฆ่ากันหมาดๆ นี่ออกมาขายของเครื่องรางที่ทำจากเสือ น่าไม่อาย”
ทันทีที่เกิดกระแสดรามาแสดงความคิดเห็น ต่อพฤติกรรมการโหนกระแสขายของอย่างน่าไม่อายดังกล่าว ล่าสุด เฟซบุ๊กแฟนเพจเจ้าปัญหาก็ปิดบัญชีหนีหายไปเสียแล้ว! คงเพราะทนต่อกระแสวิจารณ์ที่ถล่มยับทั่วโลกโซเชียลฯ ไม่ไหวก็อาจเป็นไปได้
จากการตรวจสอบของทีมข่าว ผู้จัดการ Live พบว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการซื้อ-ขายเครื่องบูชาลักษณะนี้ โดยเฉพาะตลาดในโลกออนไลน์ มีการโฆษณาสินค้าอวดอ้างสรรพคุณมากมาย และไม่ได้มีแต่การจำหน่าย น้ำมันเสือโคร่ง เท่านั้น ยังมีการโฆษณาขายอวัยวะบางส่วนของสัตว์ เช่น ขนหนังบางส่วนของเสือ เขี้ยวเสือ และหน้าผากเสือโคร่ง
โดย “น้ำมันเสือโคร่ง” มีขายในตลาดออนไลน์ตั้งแต่ 400 บาทเป็นต้นไป ซึ่งได้มีการอ้างสรรพคุณผ่านความเชื่อในเรื่องของเสือที่เป็นสัตว์ดุร้าย น่าเกรงขาม และเอาชนะศัตรูได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
นี่จึงเป็นจุดขายที่นักขายสินค้าเกี่ยวกับเครื่องราง-ของขลัง มักนำเสนอความน่ายำเกรงของสัตว์นักล่า ซึ่งไม่เพียงแค่เฉพาะกับเสือโคร่ง แต่ยังรวมไปถึงสัตว์ชนิดอื่นๆ ที่มีคุณสมบัติการต่อสู้อย่างสูง เช่น งู แมงป่อง หมูป่า สิงโต และช้าง อีกด้วย
ความเชื่อศาสนา-ไสยศาสตร์ “เสือ = มหาอำนาจ”
ท่ามกลางความเชื่อเรื่องการบูชาของขลัง-เครื่องรางจากสัตว์ที่มีมายาวนาน โดยเฉพาะกับสัตว์นักล่าหรือสัตว์ที่มีความดุร้าย ด้วยนัยยะแฝงที่ต้องการสื่อถึงความยิ่งใหญ่และการเอาชนะศัตรู อาจกล่าวได้ว่านี่คือเหตุผลที่นักบูชาส่วนใหญ่นิยมบูชาเครื่องรางที่ทำมาจากชิ้นส่วนหรืออวัยวะจากสัตว์นักล่า
ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักวิชาการด้านศาสนวิทยา ปรัชญาและจิตวิญญาณธรรม ให้ความเห็นกับทีมข่าวผู้จัดการ Live หลังต่อสายตรงถึงประเด็นการขาย น้ำมันเสือโคร่ง ในโลกออนไลน์ที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้
ผ่านมุมมองภาพใหญ่เกี่ยวกับเครื่องรางจากสัตว์ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจของนักบูชาหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนวิทยาได้อธิบายเหตุผลการบูชา เสือ ไว้ด้วยว่า เพราะภาพลักษณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความเป็นนักสู้ จึงเป็นที่นิยมของนักบูชา!
“ถ้าคนบูชาน้ำมันพรายที่มาจากศพมนุษย์ได้แล้ว การบูชาน้ำมันจากสัตว์ มันเป็นเรื่องพื้นๆ ไปเลย อย่างที่รู้ว่าธุรกิจคุณไสยในบ้านเรามันบูมมาก พอมีคำว่า “เสือ” ที่กำลังโด่งดัง นักขายเหล่านี้ก็จะออกมา แน่นอนว่าจะมีมาอีกเรื่อยๆ ยิ่งคำว่า เสือโคร่ง คนยิ่งรู้สึกตื่นเต้น เพราะภาพลักษณ์ของเสือโคร่ง คือ สัตว์หายากและใกล้สูญพันธุ์ จริงๆ น้ำมันเสือโคร่งมีมานานแล้วนะครับ เพียงแต่ว่ามันยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
แต่กรณีล่าสุด มันก็คือการฉวยโอกาส เกาะกระแส ดีๆ นี่เอง เพราะเมื่อก่อนคนหาแต่น้ำมันที่มาจากศพมนุษย์ แต่พอมีเรื่องเสือในขณะนี้ คนก็สาปแช่งและเชิดชูคุณค่าของเสือ ฉะนั้น คุณค่าของเสือจึงสูงขึ้นจากเดิมที่สูงอยู่แล้ว มันเลยเข้าทางนักขาย ที่มีทั้งความเชื่อเก่าผสมและการสร้างกระแสใหม่ผสม”
ขณะที่ความเชื่อดั้งเดิมของคนไทยที่มีต่อสัตว์ใหญ่ ถูกสะท้อนผ่านความน่ายำเกรงและความน่ากลัวของเลือดนักสู้ 'ดร.ศิลป์ชัย' ได้วิเคราะห์ประเด็นความเชื่อเชิงศาสนาและไสยศาสตร์อีกด้วยว่า สิ่งเหล่านี้อยู่คู่สังคมคนไทยมายาวนาน
“มันเป็นเรื่องความเชื่อเชิงศาสนา-ไสยศาสตร์ เพราะศาสนาโดยพื้นฐานมีแนวความเชื่อเรื่องสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่มนุษย์ในหลายวัฒนธรรมมีความเชื่อเรื่องสัตว์ว่า มีสสาร-พลังงานบางอย่างในตัวมันเองที่มีมิติเหนือธรรมชาติได้ คนจึงบูชาสัตว์มาตั้งแต่โบราณในหลายๆ รูปแบบ
นอกจากบูชาตัวสัตว์แล้ว คนยังเอาอวัยวะของสัตว์ในหลายรูปแบบ ทั้งตัว หนัง กระดูก หรือแม้แต่ซากศพ น้ำมัน มาบูชาในเชิงเคารพบูชา และในแง่ของการนำมาใช้ประโยชน์ในเรื่องความเชื่อ-เหนือธรรมชาติด้วย
ยิ่งสัตว์ที่มีลักษณะและคุณสมบัติพิเศษ ดูลึกลับ ดุร้าย มีพิษ มีเขี้ยว สัตว์ใหญ่ มีพลัง หรือสัตว์ที่มีลักษณะน่ากลัว ก็จะถูกหยิบมาใช้เป็นเครื่องมือทางไสยศาสตร์อยู่เสมอ เช่น เสือ ซึ่งลักษณะของเสือมีความดุร้าย ตัวใหญ่ หายาก ซ่อนตัวอยู่ในป่า ฉะนั้น วัฒนธรรมหลายๆ วัฒนธรรมจึงบูชาเสือ
ด้วยธรรมชาติของเสือมีพลังอำนาจ มักจะใช้ในเรื่องของการเอาชนะศัตรู หรือแม้แต่ชนะโชคร้าย ชนะสิ่งชั่วร้าย ชนะฝ่ายตรงข้าม ทำให้เกิดความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง ชนะโรคภัยไข้เจ็บ ใช้ในการรบ ทั้งการใช้พละกำลัง หรือศึกทางธุรกิจ-การค้า ความนิยมบูชาเครื่องรางลักษณะนี้ ระหว่างคนรวยกับชาวบ้านจึงไม่ต่างกันเลย”
ที่น่าเป็นห่วงพอๆ กับการที่คนล่าสัตว์เพื่อนำมาเป็นเครื่องรางบูชา คือ การที่คนจำนวนมากหลงเชื่อในคำโฆษณาของสรรพคุณที่อวดอ้าง ซึ่งนักวิชาการด้านศาสนวิทยาคนเดิมยังฝากทิ้งท้ายอีกด้วยว่า อย่างมงายและต้องใช้สติ เพราะการซื้อ-ขายสินค้าลักษณะนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมาย!
“ผมรู้ว่าคนไทยเชื่อเรื่องลักษณะนี้มาก แต่อยากให้รู้ว่าคุณไสยหลายอย่างนั้น ก็ไม่ได้เป็นจริง นอกจากที่ไม่เป็นจริงอยู่แล้ว พวกที่อุปโลกน์ทำปลอมขึ้นมา เพื่ออาศัยการขายก็มีมากมาย ซึ่งที่เห็นขายกันอยู่มีทั้งของที่มีอยู่แล้ว แต่นำมาแพร่จากของเก่า กับอีกอย่างที่อยากพูดชัดๆ เลยว่า “หลอกลวง” เป็นของปลอม ขอฟันธงเลย
เพราะถ้าใช่ของจริง ผิดกฎหมายแน่ๆ ฉะนั้น มันจึงไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ถ้าเป็นเสือโคร่งจริงๆ ก็ยังผิดกฎหมายด้วย จึงขอให้ระวังอย่างมงายมากมาย สองระวังถูกหลอก สามระวังเรื่องผิดกฎหมาย”
ข่าวโดย ทีมข่าว ผู้จัดการ Live