xs
xsm
sm
md
lg

แอบโบกเธออยู่นะจ๊ะ...“ยุทธวิธีสีกากี” โบกกลางถนน-เสี่ยงชน-เฉียดตาย!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นักร้องสาวถูกสิบล้อชนยับเฉียดตาย เพราะถูก 2 ตำรวจทางหลวงโบกเรียกกลางถนน “เรียกคันหลัง” คนเถียงกันสนั่นว่าใช่ “ด่านลอย” หรือไม่? จนต้องงัดคลิปหลักฐานมาให้ดูกันเอาเอง ด้านบิ๊กตำรวจทางหลวงยันเป็นหน้าที่ แบบนี้เรียก “รถตรวจการณ์” ไม่ใช่ด่านลอย ฟากนักกฎหมายคอมเมนต์แรง นั่นเหตุผลหรือคำแก้ตัว!!

“เหตุผล” หรือ “คำแก้ตัว” ของเจ้าหน้าที่ ?!

“ผมไม่ได้เรียกพี่ ผมเรียกคันหลัง”

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ หลังจากที่ “ฮาวา-อรวี ชูชื่น” นักร้องสาววัย 27 ปี จากเวทีประกวด “ดิ เอ็กซ์ แฟกเตอร์ ไทยแลนด์” โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Hawa Hawax” เป็นภาพใบหน้าของเธอที่มีเลือดอาบและคลิปวิดีโอเผยให้เห็นนาทีอุบัติเหตุ ขณะที่ตนเองและ “กช-กชกร มิ่งบุญ” เพื่อนชาย เดินทางไปเล่นดนตรีที่ จ.พระนครศรีอยุธยา



ในระหว่างที่ขับไปนั้น จู่ๆ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับโบกรถของเธอที่กำลังแล่นอยู่ในเลนขวาให้หยุด ทำให้รถสิบล้อที่ตามมาด้านหลังหยุดไม่ทัน ชนเข้ากับรถของนักร้องสาวเต็มๆ ด้วยแรงกระแทกทำให้รถของเธอชนกับรถเก๋งที่อยู่ด้านหน้าอีกทอดหนึ่ง

เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บที่ใบหน้า รวมถึงเครื่องดนตรีและอุปกรณ์ดนตรีได้รับความเสียหาย แต่สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายไปกว่านั้น คือ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจในคลิปวิดีโอ พูดกับผู้บาดเจ็บว่า “ผมไม่ได้เรียกพี่ ผมเรียกคันหลัง” คล้ายกับว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ ตำรวจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย



นอกจากนี้ เธอยังได้ไลฟ์สดขณะพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า สิ่งที่ทำให้ตนเองช็อกมากเพราะข้างหลังเป็นรถบรรทุกก๊าซอันตราย คนขับรถบรรทุกหลังชนได้ลงมาขอโทษ แล้วบอกว่า ถ้าชนแรงกว่านี้รถมีสิทธิ์ระเบิดได้ ส่วนทางตำรวจกลับไม่ขอโทษ ไม่มาดูคนเจ็บ แต่ทำหน้าที่ตัวเองต่อ คือไปโบกคันอื่น

เมื่อมาที่ สน.ก็ไม่เจอกับตำรวจในคลิป แต่ทางตำรวจเขียนใบบันทึกประจำวันเองเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ได้ถามจากคนเจ็บ ไม่ได้ดูที่สาเหตุ ระบุให้รถสิบล้อผิดแต่เพียงฝ่ายเดียว ตนเองเป็นเพียงประชาชนตัวเล็กๆ และใครๆ ก็ไม่อยากมีเรื่องกับตำรวจทั้งนั้น

“กช-กชกร มิ่งบุญ” เพื่อนชายผู้เป็นคนขับรถก็ออกมาโพสต์ข้อความลงบนโลกออนไลน์ด้วยเช่นกัน ระบุเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน เชียงรากน้อย เขียนบันทึกเขียนรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี โดยที่ไม่มีการสอบปากคำกับตนเองที่เป็นผู้เสียหาย



โพสต์ของหนุ่มกช มีใจความว่า เบื้องต้นประกันของรถบรรทุกจะรับผิดชอบ ตอนนี้ฮาวาที่เป็นผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลและต้องรอเช็กอาการทางสมอง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้รับการกระทบกระเทือน และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไปถึงสถานีตำรวจคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเขียนใบแจ้งความไว้เรียบร้อย โดยไม่ได้สอบปากคำตนเอง และไม่มีการเขียนสาเหตุว่าทำไมรถทุกคนต้องเบรกกะทันหัน เมื่อถามย้ำก็ได้คำตอบจากร้อยเวรว่า “ไม่ต้อง” และ “ไม่สนจะเกิดจากอะไร สนเพียงแค่ใครชนใครเท่านั้น”

หลังจากที่ภาพและคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชียลฯ ก็ทำเอาโลกโซเชียลฯ ลุกฮือด้วยความเดือดดาล เพราะการโบกรถของตำรวจในคลิป ดูจะไม่ได้เจาะจงว่าเป็นรถคันหลังอย่างที่ตำรวจอ้าง พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตถึงการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงในคลิป ว่าการกระทำลักษณะนี้คือการตั้ง “ด่านลอย” หรือไม่

ด้าน เกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ที่ผู้บาดเจ็บในเหตุการณ์นี้ติดต่อขอคำปรึกษา ก็ได้แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงประเด็นนี้ไว้ว่า “เหตุผล หรือ มันเป็นเพียงคำแก้ตัว?? ทั้งระดับมือและสายตา ก็จ้องมาทางผู้ขับขี่รถเก๋ง ยิ่งกว่านั้น จากรูปภาพ น่าจะเจาะจงชี้นิ้วมาที่ผู้ขับขี่รถเก๋งคันที่คุณกชกรขับมา มากกว่าภายหลังที่ตำรวจท่านนี้ โบกรถเก๋ง เพียง 4 วินาที รถบรรทุกก็ชนท้าย



การที่ตำรวจสั่งรถหยุดกะทันหันแค่นี้ ถือว่าใช้ความระมัดระวังเพียงพอหรือไม่ ถ้าปฏิบัติหน้าที่แบบนี้ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยคนอื่น ก็ถือว่าประมาท...ที่บอกว่า เรียกรถบรรทุกคันหลัง มันย้อนแย้งกับภาพและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนะครับ” และ “ยุทธวิธีโบกรถคันหน้า เพื่อให้คันหลังจอด คนโบกปลอดภัยครัช”

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้เดินทางเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ เพี่อสอบถามอาการและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะรับผิดชอบตามความเสียหายที่เกิด ส่วนอาการของนักร้องสาว ยังมีอาการบอบช้ำตามร่างกายและกำลังรอผลการสแกนสมอง เช่นเดียวกับหนุ่มผู้ขับรถ ที่มีอาการบาดเจ็บข้อมือบวม ทำให้ตอนนี้ไม่สามารถเล่นดนตรีได้

สีกากีอ้าง “รถตรวจการณ์” ไม่ใช่ “ด่านลอย”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ.ต.อ.เอกราช ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้ออกมาชี้แจงถึงข้อเท็จจริงต่อประชาชน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่นำไปสู่การตั้งข้อสังเกต ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ว่าการกระทำลักษณะนี้ เข้าข่ายการตั้ง “ด่านลอย” เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เข้าตัวหรือไม่ ?

พ.ต.อ.เอกราช ระบุว่า วิธีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทางหลวงในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือการใช้ รถตรวจการณ์ เพื่อออกตรวจตราพื้นที่ในเขตรับผิดชอบ ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องเรียนว่ามีรถบรรทุกวิ่งขวาด้วยความเร็วและตรวจจับไป 1 - 2 ราย เจ้าหน้าที่ใช้ยุทธวิธีออกไปยืนกระชับช่องทางอยู่บนจุดประ แต่ปรากฏว่ารถบรรทุกไม่ยอมชะลอ ทำให้เบรกไม่ทันและเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว



“ด่านลอยคืออะไร ถ้าตำรวจทางหลวงออกตรวจ ไม่ใช่ด่านลอย ในแต่ละปี มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงออกไปปฏิบัติหน้าที่ แล้วถูกรถเฉี่ยวชนเสียชีวิตอยู่หลายนาย ก็ต้องมีการปรับรูปแบบการตรวจการณ์ไปเรื่อย ๆ ตำรวจทางหลวง จะเก็บบทเรียนนี้ไปเรียนรู้ ส่วนเรื่องของความผิดในการตั้งด่าน ไม่ผิดพลาดแน่นอน เพราะเป็นหน้าที่ของตำรวจทางหลวง” รองผู้บังคับการตำรวจทางหลวงทิ้งท้าย

สอดคล้องกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ออกมายืนยันเช่นกันว่า ตำรวจทางหลวงทั้ง 2 นาย ได้ปฏิบัติตามหน้าที่ตามยุทธวิธี ซึ่งได้กำชับมาโดยตลอดในเรื่องของอุบัติเหตุต่างๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนให้หลีกเลี่ยง

พร้อมกับย้ำว่า ไม่ใช่ว่าการที่ออกมาพูดแบบนี้ ไม่ได้มาปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะนี้ได้มีการตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายแล้ว เชื่อว่า ด่านลอยแทบไม่มีแล้ว การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง และข้อบังคับที่กำหนดอย่างเคร่งครัด



ส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง หรือปฏิบัติงานไม่สนองนโยบายของผู้บังคับบัญชา ก็จะไม่เข้าข้าง หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ซึ่งขณะนี้ทางต้นสังกัดได้มีคำสั่งให้ตำรวจทั้ง 2 นายที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอ ไปช่วยราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“ถ้าเราไม่ตั้งด่านเลย อาชญากรรมก็อาจจะโผล่ขึ้นมาเยอะ หรือยาเสพติดวิ่งได้สบายใจเฉิบ ได้อย่างเสียอย่างจะเอาอะไร ต้องเห็นใจในการทำงานด้วย เราไม่ได้สั่งให้ลูกน้องไปรีดไถประชาชน เราให้ไปดูแลความปลอดภัย ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพื้นที่ก็ออกไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่พอเรื่องอย่างนี้มาโจมตีกัน ให้โอกาสการทำงานกันบ้าง ทุกวันนี้สังคมจับจ้องและจับผิดตำรวจอยู่แล้ว ขอให้ดูความตั้งใจ ตำรวจภูธรคนไหนไปรีดไถชาวบ้าน ทุจริต ผมก็เอาออกอยู่แล้วไม่ได้ปกป้อง ผมไม่ให้เสียชื่อองค์กรหรอก” ผบ.ตร. กล่าว



ในเมื่อนายตำรวจใหญ่ยืนยันกับประชาชนขนาดนี้ ก็คงต้องเชื่อแล้วล่ะว่า “ด่านลอย” ไม่มีอยู่จริง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องทำความเข้าใจใหม่ว่า หากเจอการโบกเรียกแบบนี้ คือการปฏิบัติหน้าที่โดยใช้รถตรวจการณ์ จากนี้ต่อไปก็คงได้แต่หวังว่าวิธีปฏิบัติเช่นนี้จะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุหรือเกิดความเสียหายได้อีกในอนาคต ...

ขอบคุณภาพและข้อมูล : เฟซบุ๊ก “Hawa Hawax” , “Kotchakorn Mingboon” และ “เกิดผล แก้วเกิด”


กำลังโหลดความคิดเห็น