แม้แต่นางเอกก็ยังไม่รอด! “แอน ทองประสม” ถึงกับเซ็ง หลังถูกแท็กซี่ทิ้งไว้กลางทาง ซ้ำยังไล่ให้ไปเรียกคันอื่น ต้องระเห็จมารอ Uber ข้างทาง ตอกหน้าแท็กซี่ถูกกฎหมาย ฟากกรมการขนส่งฯ ผุดโครงการ Taxi OK หวังยกระดับการบริการ ติด GPS , กล้อง พร้อมปุ่มฉุกเฉิน แต่ผู้โดยสารไม่กล้าขึ้นเพราะไม่รู้จัก!!
ซุป’ตาร์ยังโดนเท!
เรียกว่ายังคงรักษามาตรฐานในการบริการได้เป็นอย่างเสมอภาค สำหรับรถโดยสารสาธารณะอย่างแท็กซี่ไทย ที่ขยันเป็นข่าวคราวไม่เว้นแต่ละวันในเรื่องของพฤติกรรมที่ไม่น่ารัก และที่กำลังเป็นประเด็นดังอยู่ ณ ตอนนี้ คือ กรณีของแท็กซี่ปฏิเสธนางเอกแถวหน้าของวงการบันเทิง แถมยังไล่ให้ไปขึ้นคันอื่นอีก?!
อินสตาแกรม@saritasuporn โพสต์ภาพของ แอน ทองประสม นักแสดงและผู้จัดละครชื่อดัง กำลังนั่งรถรถ Uber ด้วยท่วงท่าสุดเก๋ เจ้าของอินสตาแกรมได้เล่าเหตุการณ์เบื้องหลังภาพดังกล่าวว่า“เมื่อโดนแท็กซี่เทกระจาดหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ #มันก็จะสตรีทอาร์ทแบบนี้ล่ะค่ะ #รับแล้วไม่ไปไล่ให้ไปหาคันอื่น @annethong วันนี้ไม่ใช่วันของเรา” และ “ซุปตาร์โดนเท #แท็กซี่เทกระจาด เลยต้องมานั่งรอ Uber”
หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวถูกส่งต่อกันไปบนโลกออนไลน์แล้ว ก็มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เล่าถึงประสบการณ์ของตนเองที่เจอเหตุการณ์ไม่ต่างกับสาวแอน บ้างก็แซวขำๆ ว่าทำไมถึงเทสาวสวยระดับนางเอกแถวหน้าได้ลงคอ
แอน ทองประสม ไม่ใช่นักแสดงระดับซุป’ตาร์คนแรก ที่ถูกแท็กซี่ปฏิเสธ หากยังจำกันได้ เมื่อปลายปี 57 ซุป’ตาร์ จากแดนกิมจิอย่าง “แทคยอน” หนึ่งในสมาชิกบอยแบนด์ดัง วง 2PM ก็เคยเจอเข้ากับ amazing Thailand ในรูปแบบของแท็กซี่ไทยไปแล้วเช่นกัน
เหตุการณ์ในตอนนั้น หนุ่มแทคยอนได้เดินทางมาร่วมแสดงคอนเสิร์ต “JYP NATION in BANGKOK 2014” และใช้เวลาว่างก่อนกลับประเทศเกาหลีใต้มาเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าดังใจกลางเมือง เสร็จแล้วจึงเดินทางกลับโรงแรมด้วยตนเอง โดยอาศัยบริการของแท็กซี่ แต่ทว่า กลับถูกแท็กซี่ปฏิเสธนับสิบคัน ร้อนถึงแฟนคลับต้องเข้ามาช่วยโบกยกใหญ่ จนเป็นข่าวดังไปก่อนหน้านี้
ดูท่าทางแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซุป’ตาร์ หรือจะเป็นคนทั่วไป มีโอกาสที่จะถูกแท็กซี่เท ไม่ต่างกันจริงๆ ซึ่งใครก็ตามที่พบแท็กซี่มีพฤติกรรมไม่รับผู้โดยสาร สามารถร้องเรียนได้ที่ สายด่วนกรมการขนส่งทางบก โทร.1584
ไม่กดมิเตอร์ คิดเหมา 350!!
วีรกรรมแสบของแท็กซี่ไทย ที่ทำให้ผู้โดยสารรถถึงกับต้องกุมขมับมีมาไม่หยุด เพราะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ เทผู้โดนสารระดับเจ้าหญิงของวงการบันเทิงไปแล้ว ผ่านมายังไม่ทันข้ามวัน ก็เป็นเรื่องขึ้นมาอีก นั่นก็เพราะมีผู้โดยสารร้องเรียนผ่านเพจดังมาว่า เจอเข้ากับแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์ ซ้ำยังขอคิดราคาเหมา ทางเดียวกันให้ไปด้วยกัน คนละ 350 บาท!
เพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” เผยถึงเหตุการณ์ของหญิงสาวคนหนึ่ง กำลังรอขึ้นรถแท็กซี่จากหมอชิต ระหว่างนั้นมีคนไม่ได้สวมเครื่องแบบคนขับแท็กซี่ เดินเข้ามาถามว่าจะไปที่ไหน เมื่อตอบกลับไป คนขับแท็กซี่จะให้โดยสารไปทางเดียวกับคนที่ไม่รู้จัก โดยคิดคนละ 350 บาท ในขณะที่อีกคนเข้าคิวอยู่ด้วยกันก็คุยกับแท็กซี่ว่าถ้าไปต้องกดมิเตอร์ แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาเข้าคิวใหม่ เพราะแท็กซี่ไม่ยอมกด
“#รีวิวแท็กซี่ประเทศหมอชิต #ไม่เปิดมิเตอร์ #นั่งรวมสตาร์ททีหลายร้อย #วอนขนส่งจัดการด้วย พี่คะ พี่คะ หนูอยากเล่าเรื่อง Taxi ที่หมอชิตค่ะ ตอนนี้หนูอยู่หมอชิต กำลังหารถ Taxi เพื่อกลับบ้าน ระหว่างที่ยืนรอก็จะมีคนเดินเข้ามาหาไม่ใส่ชุดแท็กซี่ใดๆ เราก็บอกว่าจะไปไหน พอบอกเสร็จแท็กซี่ก็จะบอกว่า เอ้าคนนี้ก็ไปด้วยกันทางเดียวกันไปด้วยกันเลยไหมพี่คิดคนละ 350 !!!!! โอ้โห คนละ 350 บาททททท ตลกเถอะ
พี่คนข้างหลังก็มีแท็กซี่เขามาคุยก็ตกลงกันดิบดีว่ากดมิเตอร์ นางก็เลยเดินตามไป สุดท้ายนางเดินกลับมาเข้าแถวเหมือนเดิม เพราะแท็กซี่ไม่ยอมกดมิเตอร์และจะคิดเป็นคน แย่มาก แล้วพี่ดูนะคนที่ยืนรอแท็กซี่เยอะมาก แต่ไม่มีระบบการจัดการใดๆ เลย ให้คนยืนรอ 3 แถว แท็กซี่นานๆ เข้ามาที คนที่รอไม่ไหวก็ต้องเป็นเหยื่อของพวกแท็กซี่โกงราคา ทั้งๆ ที่หมอชิตเป็นสถานที่ที่มีระบบขนส่งรถบัสเดียวที่มีในไทย แต่ทำไมการจัดการย่ำแย่ แล้วฝรั่งที่มาไทยนี่อะเมซิ่งเลยนะคะ”
ทางด้านโลกโซเชียลฯ หลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปแล้วนั้น มีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย ส่วนใหญ่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือตำหนิพฤติกรรมเอาเปรียบของแท็กซี่ในเหตุการณ์นี้ ที่ทำให้เพื่อนร่วมอาชีพที่ประพฤติตัวดี พลอยเสื่อมเสียไปด้วย หลายความคิดเห็น ยังสนับสนุนให้ Grab และ Uber กลายเป็นรถที่ถูกกฎหมายเสียที
“ถ้ามาจากภาคอีสานและไม่ต่อรถไฟฟ้า ไม่แนะนำลงข้างในหมอชิต วิธีที่ดีแจ้งลงที่ท่ารถนครชัยค่ะ เพราะมีแท็กซี่มีมารยาทจอดรอให้บริการเยอะมาก สะดวกกว่าไม่ต้องไปเจอกับบรรยากาศแย่ๆ เหมือนข้างใน”
“ถ้าสัมภาระไม่เยอะ แนะนำเดินมาอู่ ขสมก. ด้านข้างครับ มาถาม จนท.รถเมล์เรื่องสาย หรือนั่งออกมาต่อ แท็กซี่ด้านนอกครับ มันทำแบบนี้อย่าไปง้อมัน”
“เพราะพวก- นี่ละ ทำให้ grab uber เจริญๆ ขึ้น สุดท้ายพวกมึงก็มาโอดครวญว่าโดนรังแก โกงหน้าด้านๆ”
“เอาอูเบอร์กับ grab มาทำให้ถูกกฎหมายไปซะเลย มันจะได้ไม่กร่างไม่เลือกผู้โดยสารแท็กซี่ดีๆ มีเยอะแต่ต้องการกำจัดพวกเลวๆ ออกไปซะ บันทึกประวัติ ลงบัญชีดำไว้เลย คนพวกนี้ทำงานบริการสาธารณะไม่ได้”
Taxi OK ผู้โดยสารว่าไง?
ปัญหาไม่รับผู้โดยสารดูจะเป็นเรื่องเล็กไปในทันที เมื่อเทียบกับพฤติกรรมแย่ๆ ของแท็กซี่บางคน ที่มีพฤติกรรมขับรถอันตรายน่าหวาดเสียว บ้างก็โก่งราคาค่าโดนสาร บ้างก็ลวนลามผู้โดยสาร และที่หนักกว่านั้นคือ มิจฉาชีพที่สวมรอยมา หวังจะปล้นจี้ชิงทรัพย์
เหตุการณ์ที่กล่าวมานั้น ทำให้ผู้โดยสารหลายคน เลือกที่จะโดยสารรถที่นั่งแล้วถูกใจแต่ยังไม่ถูกกฎหมายอย่าง Uber และ Grab Car แทน โดยให้เหตุผลว่าปลอดภัยกว่า แต่ถึงอย่างไรนั้น ทางกรมการขนส่งทางบก ก็ยังมีความพยายามที่จะยกระดับแท็กซี่ถูกกฎหมาย ให้อยู่ในมาตรฐานที่ดีขึ้น ในโครงการ Taxi Ok และ Taxi VIP ที่ล่าสุดได้ปล่อยแท็กซี่ในโครงการออกมารับผู้โดยสารบ้างแล้ว
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ “พื้นที่ให้เล่า” โพสต์ภาพรถแท็กซี่ส่วนบุคคล สีเขียว-เหลือง แต่ต่างไปจากแท็กซี่ปกติ ก็ตรงที่ไฟด้านบนของรถ มีคำว่า APP และ GPS ปรากฏอยู่ ส่วนภายในห้องโดยสารก็มีปุ่มฉุกเฉินสีแดง พร้อมระบุข้อความ “วันนี้โบกรถแท็กซี่หน้าตาประหลาด พอขึ้นมาเลยบอกพี่คนขับว่าไฟสวยจังค่ะ ดูเป็นมิตร พี่เขาก็ขำแล้วบอกว่ามันเป็นนโยบายใหม่ของขนส่งเขา รถรุ่นใหม่ที่ขึ้นทะเบียนต้องใช้ไฟสีเขียว ติดกล้องหน้า มีจีพีเอส และที่เด็ดคือมีปุ่ม SOS ให้กดด้วยค่ะ! พอกดปุ๊บสัญญาณจะถูกส่งไปที่ศูนย์ฯ เลย”
เพจดังกล่าวได้บรรยายต่อว่า หลังจากที่พูดคุยกับคนขับรถคันนี้ก็ได้ความว่า ตั้งแต่ขับรถแท็กซี่รูปแบบใหม่ก็ไม่ค่อยมีใครโบก เพราะแตกต่างจากคันอื่น ทำให้คนที่ไม่ทราบ เลือกที่จะไปโบกคันหลังแทน อีกทั้งทางขนส่งไม่มีการช่วยโปรโมต ซึ่งรถดังกล่าวเป็นรถแท็กซี่รุ่นใหม่ ในกรุงเทพฯ มีเพียงร้อยกว่าคันเท่านั้น
ทั้งนี้ แท็กซี่ดังกล่าว เป็นแท็กซี่ในโครงการ Taxi OK ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้รถแท็กซี่จดทะเบียนใหม่ทุกคัน ต้องผ่านหลักเกณฑ์ ได้แก่ ติดตั้งระบบติดตามรถ GPS Tracking, อุปกรณ์แสดงตัวผู้ขับรถ, ปุ่มฉุกเฉินสำหรับผู้โดยสาร (Emergency), กล้องบันทึกภาพภายในรถแบบ Snap Shot, โป๊ะไฟบนหลังคา, แอปพลิเคชัน TAXI OK ให้เรียกรถแท็กซี่ทุกคัน ซึ่งทันทีที่มีการรับจ้าง กดมาตรโดยสาร อุปกรณ์จะเชื่อมโยงแบบเรียลไทม์ ไปยังศูนย์บริการสื่อสารรถยนต์รับจ้าง(แท็กซี่) ของภาคเอกชนและศูนย์บริหารจัดการรถแท็กซี่ของกรมการขนส่งทางบก
ส่วน Taxi VIP นั้น จะมีขนาดใหญ่ขึ้น มีความสะดวกสบายมากขึ้น และมีมาตรฐานการไม่น้อยไปกว่า Taxi Ok ซึ่งตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.60 กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้รถแท็กซี่ที่จดทะเบียนใหม่ทั่วประเทศต้องผ่านหลักเกณฑ์ของโครงการ
แม้จะยังมีจำนวนไม่มาก แต่ก็ถือว่าเป็นก้าวที่ดีของแท็กซี่ถูกกฎหมาย ก็ได้แต่รอดูกันต่อไปว่า โครงการ Taxi Ok จะโอเคสมดังที่ตั้งมาตรฐานไว้หรือไม่ ต้องให้ผู้โดยสารเป็นผู้พิสูจน์ ...
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ”,“พื้นที่ให้เล่า”,“Taec Thaifangirl”,อินสตาแกรม@saritasuporn และ@annethong