xs
xsm
sm
md
lg

เครื่องรางยุค 4.0 “ผ้าอนามัยคนท้อง” วัตถุมงคล หญิงอยากมีลูก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สะพรึง! มิจฉาชีพในคราบคนชอบแจกของ แฝงตัวจากความงมงายขั้นสุดหากินกับคนอยากมีลูก หลอกขายวัตถุมงคล “ผ้าอนามัยของคนท้อง” อ้างวางใต้หมอนจะช่วยให้มีลูกง่ายขึ้น ผู้หญิงหลายคนพึ่งวิทยาศาสตร์แล้วไม่สำเร็จ จึงหันมาพึ่ง “ความเชื่อ” ที่ดูจะไม่สมเหตุสมผล สังคมตั้งคำถามถึงยุคไทยแลนด์ 4.0 ยังจะงมงายเรื่องแบบนี้กันอีกหรือ!?

แจกผ้าอนามัยคนท้องฟรี! แต่ค่าส่งสุดแพง !?

มิจฉาชีพเล่นกับความเชื่อของคนอยากมีลูก โพสต์ภาพพร้อมข้อความบนโลกโซเชียลฯ ว่าหากนำผ้าอนามัยคนท้องมาใส่ใต้หมอน หรือพกติดตัว ตัวเองจะท้องง่ายขึ้น แฝงตัวโพสต์ขายในกลุ่มคนแนวอยากมีลูก

กลยุทธ์การขายผ้าอนามัยคือจะบอกว่า แจกฟรี แต่ขอเรียกเก็บค่าส่ง 100 บาท ทั้งที่ผ้าอนามัยแผ่นละไม่เกิน 5 บาท ลองคิดดูหากคนอยากได้ 50 คน วันหนึ่งก็ได้ 5,000 บาทแล้ว หนำซ้ำพอโอนเงินไปแล้ว หายตัวเฉย ไม่ส่งผ้าอนามัย นอกจากนี้ ยังกลับมาทำใหม่ โดยเปลี่ยนแอคเคาต์ทำใหม่ ไปโพสต์ขายกลุ่มอื่นอีกอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนเราก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าหญิงผู้นั้นท้องจริงหรือไม่ เพียงแค่โพสต์ภาพผลการตรวจครรภ์ซึ่งภาพแบบนี้หาง่ายมากผ่านเสิร์ชเอนจิน

ประเด็นคือทำไมยังมีคนเชื่อ ว่านำผ้าอนามัยของคนท้องมาไว้ใต้หมอนแล้วจะท้อง แม้จะเป็นความเชื่อที่ดูจะงมงายแต่ในมุมมองของคนที่อยากมีลูก ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็คงอยาก “ลอง” แม้จะดูว่า “งมงาย” ก็ตาม แต่สำหรับความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่ล้วนแต่มองว่า “ไร้สาระ” แต่บางคนมองว่า ลองทำดูก็ไม่เสียหายอะไร“คนที่ซื้อน่ะ ไม่ต้องมีหรอกลูก ขนาดสมองยังไม่มีเลย เชื่อบ้าบอคอแตกอะไรแบบนี้ ถ้ามีลูกมิเอาความเชื่อผิดๆเลี้ยงเด็กเหรอเหรอ นับวันไข่ตก หาหมอปรึกษา รักษาสุขภาพตัวเอง กินอาหารดี ไม่เครียด เรื่องพวกนี้ควรจะเป็นพื้นฐานที่คนจะเป็นแม่ต้องรู้”

อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์ในการส่งต่อผ้าอนามัยให้กับคนที่อยากมีลูกจริง กล่าวว่า กรณีนี้เป็นความเชื่อ ของคนอยากมีลูกมากๆ แต่ไม่มีสักที ส่วนมากแล้ว จะส่งต่อกันให้ฟรี ถ้ามีการเก็บค่าส่งเกินจริงแบบนี้ ก็ไม่ควรเชื่อถือ ควรจะใช้วิจารณญาณด้วย

“เราเองก็เคยส่งต่อผ้าอนามัยให้เหมือนกัน แต่เราส่งฟรีนะ ไม่เก็บเงินแม้แต่บาทเดียว ถ้าใครถามราคา เราจะให้เอาเค้าไปทำบุญแทนให้ไป ไม่ใช่ทำให้ท้องหรอก แต่ให้เป็นแรงใจเค้าเฉยๆ”

นอกจากนี้ คนที่อยากได้ผ้าอนามัยของคนท้อง บางคน ถึงกับโพสต์ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร. ในช่องคอมเมนท์ ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่อันตรายมาก เพราะมิจฉาชีพจะสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปแอบแฝงหลอกลวงได้

โกเต๊กของมงคลเสริมดวง

สำหรับความเชื่อที่ว่า ถ้านำผ้าอนามัยที่ยังไม่ได้ใช้ของสตรีที่เพิ่งตั้งครรภ์ที่เหลือจากห่อผ้าอนามัยห่อสุดท้ายมาไว้กับตัวนั้นจะทำให้ “ตั้งครรภ์” เป็นความเชื่อของคนไต้หวัน ที่เชื่อว่าวิธีนี้จะสามารถช่วยให้มีลูกได้ เพราะอัตราการเกิดของประเทศไต้หวันต่ำ มีลูกยาก จึงเกิดความเชื่อ เหล่านี้ขึ้น

ไต้หวันติดอันดับประเทศที่มีอัตราการเกิดน้อยที่สุดในโลก จนรัฐบาลได้เร่งออกนโยบายมาสนับสนุนให้คุณผู้หญิงอยากจะมีลูกกันมากๆ ทั้งเงินสนับสนุนในการคลอดบุตร และสวัสดิการดูแลแม่และเด็กหลายอย่าง รวมถึงนโยบายสุดแปลก กับแคมเปญรณรงค์ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ช่วยกัน "บริจาคผ้าอนามัยทั้งแบบสอดและแบบแผ่นมีปีกที่ยังไม่ได้ใช้" เลียนแบบของมงคลเสริมดวงในหลายประเทศส่งต่อให้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ยังไม่มีลูก

แม่ผู้ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์แล้วส่งต่อผ้าอนามัยที่ไม่ได้ใช้ของตัวเอง ให้กับคุณผู้หญิงท่านอื่นที่กำลังพยายามจะมีลูก จนเป็นที่มาของความเชื่อเรื่อง "ผ้าอนามัยนำโชค" นั่นเอง

เว็บไซต์เดลิเมล์รายงานความเชื่อแปลกของเหล่าคุณแม่และคุณผู้หญิงชาวไต้หวัน ที่ส่งต่อผ้าอนามัยที่ไม่ได้ใช้แล้วจากคุณแม่ท้องให้แก่กัน เพื่อให้เป็นเครื่องรางนำโชคแก่คนที่ยังไม่มีลูกให้ได้สมหวังบ้าง จนผ้าอนามัยจากคุณแม่ท้องกลายเป็นของมีค่าขนาดที่ว่ามีการลงประกาศขอซื้อกันออนไลน์เลยทีเดียว

สือ เจี้ยหยิง คุณแม่ท้องสองที่กำลังจะคลอดเจ้าตัวน้อยออกมาในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าบอกกับสื่อไทเปไทม์สว่า เพื่อนหลายคนต่างพากันขอผ้าอนามัยที่ไม่ได้ใช้แล้วจากเธอ ซึ่งตัวเธอเองก็ดีใจที่ได้แบ่งปันเครื่องรางแห่งโชคลาภด้านการมีทายาทให้กับผู้หญิงคนอื่น ๆ ด้วย

ทั้งนี้ ผลจากนโยบายสนับสนุนการมีบุตรของรัฐบาลไต้หวันก็สัมฤทธิ์ผลเป็นที่น่าพึงพอใจ เพราะได้ผลเกินคาด ดันอัตราการเกิดใหม่ของทารกน้อยพุ่งไปแตะอยู่ที่ 29,498 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 59

ระวัง! มิจฉาชีพในคราบแม่ค้าออนไลน์

อย่างไรก็ดี เพจเฟซบุ๊ก สารพันคนท้อง ได้แชร์ประสบการณ์ความเชื่อส่งต่อผ้าอนามัยนี้ พร้อมอธิบายความเชื่อมโยงของ ผ้าอนามัย กับ ตั้งครรภ์ เกี่ยวกันอย่างไร และเรื่องเล่าจากคนที่ตั้งครรภ์สำเร็จด้วยวิธีนี้

“ก่อนอื่นต้องเล่าความเป็นมาของความเชื่อนี้ก่อน ที่ชาวไต้หวันเชื่อนักหนา แถมหลายคนทำแล้ว 8 ใน 10 ก็สมหวังกันจริง เพราะเจ้าผ้าอนามัยนำโชคนี่แหละ ผ้าอนามัยนำโชค หรือภาษาจีนเรียกว่า ห่าว ยุ่น เหมี่ยนดันไปพ้องเสียงกับคำว่า ตั้งครรภ์ ที่เรียกว่า ยุ่น เหมือนกัน ก็เลยหมายถึง ผ้าที่ทำให้ตั้งครรภ์ได้ดี นั่นเอง

ผ้าอนามัยนำโชค หาจากที่ไหน ต้อง มาจาก คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั่นเอง และต้องมาจากห่อผ้าอนามัยที่เคยเปิดแกะห่อมาใช้แล้วแต่ใช้ไม่หมด ยิ่งเป็นห่อที่แกะล่าสุดครั้งสุดท้ายก่อนการตั้งครรภ์จะดีมาก บางคนก็บอกว่า ยิ่งได้จากคนที่กำลังท้องไม่เกิน 5 เดือน ด้วยแล้วจะยิ่งได้ผล ได้ยินอย่างนี้ รีบหาคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์กันเลยค่ะ หลังจากที่หาได้แล้ว ให้นำพกติดตัวตลอดประหนึ่งเครื่องรางของขลัง ใส่ในกระเป๋าถือที่ถือประจำก็ได้

ถ้าได้มาสองอัน อีกอันให้ไว้ใต้ผ้าปูที่กำลังนอน คนไต้หวันเค้าไว้ใต้หมอนกันเลยทีเดียว อันนี้เราว่าไม่เหมาะกับคนไทยอย่างเราที่ไหว้พระที่หมอนก่อนนอน แต่ส่วนใหญ่ก็คือพกติดตัวกันก็พอแล้ว แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็อย่าลืมนับวันไข่ตก พร้อมกับความพร้อมของคุณสามีด้วย

ส่วนความเชื่อนี้แม่นแค่ไหน? เธอขอแชร์เรื่องเล่าจากคนที่ตั้งครรภ์สำเร็จ จนเป็นที่มาให้หญิงสาวผู้อยากมีลูกขวนขวายหาผ้าอนามัยคนท้องมาไว้ในความครอบครอง

“พี่สาวสามีเราเป็นชาวไต้หวัน เป็นผู้หญิงใกล้วัย 40 ที่อยากจะมีลูก เพื่อนของเธอที่กำลังตั้งครรภ์ ก็ยื่นผ้าอนามัยนำโชคนี้ให้ ใครจะคิดว่าพอเดือนต่อมาประจำเดือนไม่มา สรุปตั้งครรภ์จริงๆค่ะ และเมื่อเธอท้องเธอก็ส่งให้เพื่อนอีกคนที่พยายามจะมีลูกมาหลายปีแต่ไม่สำเร็จ ผลก็คือสำเร็จอีกรายในสองเดือนต่อมา”

เธอเล่าว่า แม่นขนาดที่คนไต้หวันเชื่อกันถึงขนาด ตามหากันในขายของออนไลน์ หรือ บล็อกต่างๆเพื่อให้ได้มาครอบครอง ทำให้ผ้าอนามัยนำโชคนี้กลายเป็นของหายาก จนเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรกันเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อเรื่องนี้ก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ได้ คงจะต้องใช้วิจารณญาณกันหนักมาก ทว่า ยิ่งการอยากได้อะไรมากๆ ทำให้เป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพได้ง่ายๆ

ข้อมูลจากเว็บไซต์อย่าง www.antcrime.com ซึ่งเป็นศูนย์รับแจ้งเหตุการณ์โกง ผู้ร้องเรียนแจ้งความหลังถูกหลอกซื้อสินค้าผ่านโลกออนไลน์ พบว่ามีผู้เสียหายมากถึงวันละ 10-20 คน หรือเฉลี่ยเดือนละ 300-600 คน ซึ่งจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมถึงผู้เสียหายที่เพิกเฉยไม่ได้ดำเนินการเอาผิด ซึ่งมีจำนวนมากเลยทีเดียว

ทว่า พฤติกรรมของพวกมิจฉาชีพมักเปิดเฟซบุ๊กไว้หลายชื่อ หากเพจไหนหลอกลวงได้สำเร็จก็จะปิดแล้วเปิดใหม่ เปลี่ยนชื่อใหม่ต่อไปอีก ทว่า คนที่โดนหลอกส่วนใหญ่มักจะไม่ไปแจ้งความเอาผิดพวกมิจฉาชีพ เพราะเห็นว่าถูกหลอกเงินจำนวนไม่เยอะ เพียงหลักสิบ หลักร้อยบาท จึงไม่อยากเสียเวลาไปโรงพัก

ขณะเดียวกัน พวกมิจฉาชีพก็จะได้ใจ เพราะหลอกให้โอนเงินหลักร้อย แม้จะดูไม่มาก หลายๆคนรวมกันก็ได้หลักพันหลักหมื่น ดังนั้นหากพบเห็นพฤติกรรมดังกล่าว อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล!
กำลังโหลดความคิดเห็น