ศรัทธา หรือ มโน!! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า จนกลายเป็นสังคมก้มหน้า แต่ยังมีคนบางกลุ่มที่ยังคงเชื่อเรื่องของ “ร่างทรง” เมื่อได้ยินคำนี้คนจะนึกถึง คนยืนสั่น ทำนายอนาคต เปิดสำนักทรง เพื่อให้คนเข้ามากราบไหว้บูชา แต่ทางกลับกัน คนบางกลุ่มกลับเห็นว่าเป็นเรื่อง “งมงาย ไร้สาระ” หลอกลวงให้คนที่เชื่อ “ยิ่งไม่เชื่อ ยิ่งต้องท้าทาย” ความลึกลับนี้คืออะไรกันแน่ หรือเป็นแค่ ความผิดปกติทางจิต !!?
“ศรัทธา” เป็นจุดเริ่มต้นของ “ความเชื่อ” จริงเหรอ?
จากคนที่ไม่เชื่อ และคิดว่าเป็นการมโนหลอกลวง แต่กลับกลายมาเป็นคนที่เคารพและบูชาเทพเจ้าอย่างเต็มตัว แจ็ค-เทวาประสิทธิ์ นาคาประสิทธิ์ชัย Makeup Artist ที่มีความเชื่อในเรื่องของร่างทรงและศรัทธา บูชาเทวดา ได้เปิดใจเจาะลึกกับทีมข่าวถึงความรู้สึกแรกที่ได้ก้าวเท้าเข้าไปในสำนักร่างทรง
ด้วยควันธูปลอยคละคลุ้งทั่วบริเวณ พร้อมกับเสียงผู้คนที่กำลังนั่งพูดคุยอยู่ภายในตำหนัก ขณะที่เขากำลังไหว้และเคารพบูชาอยู่ ทันใดนั้น! ร่างกายของเขา กลับรู้สึกว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ใจเต้นแรง หน้ามืด รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเข้าครอบงำจิตใจ ในตอนนั้นเหมือนมีเสียงกระซิบข้างหูบางอย่าง เพื่อให้เขาเข้าไปบูชาทวยเทพเหล่านั้น จากที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ ก็สำเร็จขึ้นมา ชีวิตดีขึ้นจนน่าทึ่ง! ศรัทธาจึงเกิด
“ความศรัทธานั้นคือจุดเริ่มต้นในการบูชาเทวดา การที่ศรัทธาอะไรสักอย่างเกิดจาก การที่เราเคารพขอพรแล้วเกิดประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่โบราณนานมาก็มีการบูชาเทวดาประจำเรือนกันอยู่แล้ว”
หากถามว่าตัวเรามีองค์เทพมั้ย คนโบราณเชื่อว่าคนเราทุกคนเกิดมามีเทวดาประจำตัวกันทุกคนซึ่งเรียกกันว่าเทวาประจำราศรีหรือแม่ซื้อ ในสมัยโบราณก่อนที่จะทำพิธีใดๆ จะต้องมีการเซ่นบวงสรวง และบอกกล่าวเทวดาก่อนเสมอ
ความเชื่อไม่สามารถที่จะบังคับใครได้ต้องใช้วิจารณญาณของแต่ละบุคคล แต่ควรแยกให้ออกระหว่างความเชื่อความศรัทธา กับความงมงายเพราะมันใกล้กันนิดเดียว
“ร่างทรงในสมัยก่อนนั้น คือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่มีวิชาอาคมอยู่ในภูมิภาคที่ต่างกัน อย่างเช่น “ผีฟ้า” ในแถบภาคอีสาน คือการรักษาคนให้หายจากโรคที่เขาเชื่อว่ามันเหนือธรรมชาติ ซึ่งข้อดีของการเคารพบูชาเทวดาคือมีความสุขในการบูชาเทวดาที่เราเคารพนับถือ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้คนหันกลับมาทำความดี”
การเชื่อในเรื่องที่มองไม่เห็นแบบนี้ ยังมีอีกหลายเหตุการณ์มากมายที่ทำให้คนเชื่อ อย่างการให้ร่างทรงตามหาร่างคนที่ตาย หรือหายสาบสูญอย่างกรณีดังของศพอาจารย์อ้อยถึงกับต้องพึ่งร่างทรงให้เข้าไปบุกป่าฝ่าดง ไปตามหาศพจนเจอหลังฐานมากมาย และพบศพในที่สุด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตำรวจออกตามหาแต่ไม่พบ ได้แค่กลิ่นเท่านั้น!!
เมื่อพูดถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้คนเข้ามาเคารพกราบไหว้บูชา เป็นที่รู้จักและนิยมที่สุด ว่ากันว่าขออะไรสมพรทุกสิ่งอย่างคงไม่พ้น “วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” หรือ “วัดแขก” แน่นอนว่าต้องคุ้นหูและเป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก ที่นี่เด่นเรื่องการขอพรเรื่องความรักเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนสมหวังมากมายนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ ยังมี “คำชะโนด” ดินแดนที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากมาย โดยมีความเชื่อว่า ที่แห่งนี้เกิดมาแล้วกว่า 1,000 ปี มีพญาศรีสุทโธนาคาเป็นผู้ปกครอง ใครที่เข้ามาต้องขนลุกไปตามๆ กัน กับบรรยากาศที่น่าสะพรึงและความศักดิ์สิทธิ์ของที่นี่
“เรื่องงมงาย ไม่เชื่อ ต้องท้าทาย”
ขณะเดียวกันในเวลาที่คนเชื่อและศรัทธาเพิ่มขึ้น ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เชื่อ บางคนก็ว่าเป็นเรื่องงมงาย เรื่องไร้สาระ มโนขึ้นมาเองเช่นเดียวกับ บี Fuck Ghost แอดมิน “เพจ Fuckghost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย” ที่ก่อตั้งเพจนี้มาเพื่อรวมพลคนไม่เชื่อและนำเสนอความคิดอีกแง่มุมหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ผู้ติดตามมากมายถึง 580,000 ได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวผู้จัดการ Live
“จุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการต่อต้านเรื่องประเภทนี้ เกิดขึ้นจากความรำคาญเวลาเห็นคนกลัวผี เวลาที่เห็นผู้คนงมงายกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อยากจะพูดแต่ไม่มีที่ให้พูดเลยสร้างเพจขึ้นมา ส่วนตัวผมไม่เชื่อเรื่องร่างทรงหรอกครับ คิดว่ามันเป็นเรื่องปัญญาอ่อนที่สุด “เหมือนเด็กดูการ์ตูนแปลงร่างและชอบมโน” ไปต่างๆนานาว่าเป็นตัวนู้นทีตัวนี้ที การที่มีการสร้างตำหนักนั้นทำขึ้นมาเพื่อ “หลอกแดกเงินคนโง่” ไงครับ ถ้ามีคนโง่เข้าไปเยอะก็มีรายได้มากมายเข้าตำหนักตัวเอง”
งานประจำปีที่ชอบมีการจัดขึ้นของแต่ละตำหนัก เขาบอกว่าคนเหล่านั้นทำเพื่อแสดงออกเรียกศรัทธากับสาวก พอเวลาจัดงานก็เอาภาพงานไปโปรโมทตัวเองให้พวกสาวกดู เพื่ออ้างไปว่าตนเองนั้นคือตัวจริงหลอกพวกเด็กผู้หญิงที่จิตอ่อนบางกลุ่มที่ชอบบ้าองค์เทพมักแสดงออกให้เห็นว่าตนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง และอ่อนแอทางด้านของจิตใจจึงถูกชักพาให้เชื่อได้ง่าย
“ผมว่าพวกเขาคิดกันไปเองว่าชีวิตดี คนไม่มีองค์เทพ มีชีวิตที่ดีก็เยอะแยะครับไม่เห็นต้องพึ่งองค์เทพเลย แค่คุณทำตัวเองให้ชีวิตดีมันก็ดีขึ้นแล้วการไปงมงายไม่ช่วยอะไรหรอกครับ
คำว่า “ไม่เชื่อ อย่าลบหลู่” ผมคิดว่าตรงข้ามกับความคิดผมเลยครับ ผมคิดว่าถ้าเราไม่เชื่อ เราต้องพิสูจน์ เรียกว่า “ท้าทาย” เลยดีกว่าซึ่งการท้าทายทำไปเพื่อพิสูจน์ให้คนโง่ตาสว่างว่าเรื่องร่างทรงเหลวไหล เขามีเทคนิคยังไงในการพูด ในการทำนาย ในการใช้เล่ห์อุบายต่างๆ หรือการหลอกคนให้คนมาเชื่อถือ ให้คนมาบริจาค มาศรัทธาในตัวของร่างทรงนั้น มันไม่มีหรอกครับร่างทรงของจริงของปลอมทุกกรณี สมองเราก็คือตัวเราใครจะมาสั่งได้”
แพทย์เผย!! ควบคุมตัวเองไม่ได้ “ผิดปกติทางจิต”
จนถึงตอนนี้ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเรื่องนี้ มีจริงหรือไม่ มีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ แต่ยังมีอีกแง่มุมบทพิสูจน์หนึ่ง ที่ให้ข้อคิดเรื่องนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ นั่นคือ “ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์”
“เรื่องร่างทรงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยแน่ในว่ามีจริงหรือเปล่าแต่ว่ามันเป็นความเชื่อของแต่ละคนในชุมชนคล้ายๆ กับจิตเวชชุมชนไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่มีแบบนี้แต่ต่างประเทศก็มีเช่นกันแต่โซนเอเชียของเราค่อนข้างเป็นเยอะ”
หมอแอร์ - พ.ต.ท.หญิง พญ.อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล นักจิตวิทยา แพทย์ประจำกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติด โรงพยาบาลตำรวจ ได้ช่วยอธิบายเกี่ยวกับเรื่องการทรงเจ้า ตามหลังทางวิทยาศาสตร์ ทั้งยังเผยข้อมูลอีกว่า ในเอเชียคือแหล่งระบาดของอาการประเภทนี้
“เรื่องร่างทรงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยแน่ในว่ามีจริงหรือเปล่าแต่ว่ามันเป็นความเชื่อของแต่ละคนในชุมชนคล้ายๆกับจิตเวชชุมชนไม่ใช่แค่ประเทศไทยที่มีแบบนี้แต่ต่างประเทศก็มีเช่นกัน แต่โซนเอเชียของเราค่อนข้างเป็นเยอะ คนที่คิดว่าตนเองนั้นเป็นร่างทรงก็เป็นความเชื่อของเขาคนนั้น เขาคิดแบบนั้นเลยแสดงความเชื่อแบบนั้นขึ้นมา ทั้งหมดแล้วเกิดจากความเชื่อมากๆ คนเราไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ คนที่ไม่ได้เชื่อเรื่องพวกนี้ถ้าอยู่ดีๆ จะมาเชื่อเลยก็คงไม่มี”
หมอแอร์บอกว่าส่วนใหญ่คนที่จะเชื่อเรื่องร่างทรงมักมีพื้นฐานความเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่คนเป็นร่างทรงใช่คนป่วยทางด้านจิตเวชหรือไม่นั้น ทางจิตวิทยาระบุว่าบุคคลกลุ่มนี้คือคนที่มีอาการผิดปกติ ไม่เป็นตัวของตัวเองชั่วขณะ โดยจะรู้สึกเหมือนมีคนหรือมีอะไรบางอย่าง มารวมกับตัวเองถึงเรียกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองชั่วขณะ และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้นั้นเอง
“อาการเหล่านี้ถือว่าเป็นอาการ “ผิดปกติทางจิต” ชนิดหนึ่ง การที่เป็นร่างทรงหรือเชื่อถือมากจนถึงขั้นงมงาย เสียเงินเสียทอง ทำงานไม่ได้ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำร้ายตัวเอง เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่น ก็แนะนำให้มาพบจิตแพทย์ค่ะ” หมอแอร์ทิ้งท้าย
ความเชื่อ การศรัทธา ทุกอย่าง ล้วนขึ้นอยู่กับความคิดเห็น ความเชื่อ ความศรัทธา และวิจารณญาณของแต่ละคนว่ามีความคิดเห็น มากน้อยเพียงใด ไม่มีทางไหนผิดหรือถูกเพราะเป็นคำตอบที่ไม่สามารถค้นหาคำตอบได้เพียงแค่เป็นเรื่องที่ต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นของฝ่ายตนเองก็แค่นั้น
แต่ถ้าตามหลักจิตแพทย์แล้ว เพียงแค่คนที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ถือเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต แต่คนที่เชื่อหรือศรัทธาแต่ยังสมารถดำเนินชีวิตอยู่ได้ ก็ถือว่าไม่ได้ผิดปกติอะไรเพราะยังสามารถใช้ชีวิตได้
การจะเชื่อหรือศรัทธาในเรื่องใดก็ความใช้วิจารณญาณในการที่จะเลือกเชื่อถือ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดเห็นส่วนบุคคล ไม่มีใครที่จะสามารถบังคับใครได้สมองและร่างกายเองก็เช่นกันมีเพียงตัวเราเท่านั้นที่จะสามารถควบคุมตัวเองได้
เรื่องโดย จารวี อู่พิทักษ์
