xs
xsm
sm
md
lg

แหกอก! หลักสูตร “ประทับทรง” องค์มโน...โรคจิตหรือมิจฉาชีพ!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไปกันใหญ่ หลักสูตร "ประทับทรง" แอบอ้างทำมาหากินกับความเชื่อของคน สำนักร่างทรงทำใบประกาศนียบัตรใส่กรอบอย่างดี แอบอ้างว่า กระทรวงศึกษาฯ รับรองหลักสูตร สังคมตั้งข้อสงสัยถึงความกล้าและการแอบอ้างถึง ศธ.และปลอมตราครุฑทางราชการ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ หนำซ้ำ ร่างทรงเสด็จเตี่ย โผล่ 2 ราย แต่งตัวเต็มยศ ลบหลู่ของสูง!

แบบนี้ก็ได้เหรอ? ประกาศนียบัตรเก๊ หลักสูตร “ประทับทรง”!

เรียกว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับทางสังคมไทยอย่างแท้จริงสำหรับร่างทรงความเชื่องมงาย ที่คงอยู่คู่กับคนไทยไม่เสื่อมคลาย ล่าสุด เพจเฟซบุ๊กแหม่มโพธิ์ดำ ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชวนตกใจ คนประทับทรง มีใบประกาศนียบัตรใส่กรอบอย่างดี อ้างจบหลักสูตร “ประทับทรง” นอกจากนี้ยังมีวิชาสักยันต์ และหนังสือรับรองการเรียนวิชากสิณไฟ! ซึ่งหลายคนก็รู้ว่า “ปลอม”

“อาศรมพระบรมครู พ่อแก่พุทธมงคล (อ.หมอ) ได้รับหนังสือรับรองโดยว่าตามกฎกระทรวง ว่าถูกต้องตามกฎหมาย และประเพณี วัฒนธรรม เกี่ยวกับงานมงคลพิธี การสักยันต์ลายไทยโบราณอย่างถูกต้อง รับรองโดยพนักงานตรวจสอบ นายประเวศ กระจ่าง (ต.ร.038/40) อาจารย์บรมครู พระอธิการสมหวัง โอภาโส ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์หมอ เป็นอย่างสูง อ.ส่ง เสริมดวง (ชลบุรี) อ.วี (ศรีราชา) เป็นตัวแทนผู้ส่งมอบ”

สร้างความประหลาดให้กับสังคมกว้างขวางถึงการรับรองหลักสูตรวิชาไสยศาสตร์ ซึ่งหลายคนเชื่อว่า “ไม่มีอยู่จริง” แน่นอน โลกโซเชียลฯ อึ้ง! ทำไมถึงกล้าปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ พร้อมตั้งข้อสงสัยรายละเอียดถึงการปลอมแปลงเอกสารที่ไม่เนียนเอาเสียเลย

“ตรากระทรวงศึกษา น่าจะใช้ใบเสมา มากกว่า ตราครุฑ และถ้าเป็นตราครุฑ ส่วนใหญ่ จะไม่ใช้ ประทับ จะเป็นปรินต์ เป็นรายนูน ฝังมากับเอกสาร และไม่ว่าจะเป็นตราครุฑหรือใบเสมา จะต้องไม่มีตัวอักษร มาเขียนทับ”

“สำนักพุทธฯ ทำอะไรกันอยู่คะ ร่างทรงพวกนี้ องค์เจ้า เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ปล่อยให้มีการแอบอ้างถึงเจ้ากระทรวง ทบวงกรม แถมไปปลอมตราครุฑทางราชการมาอีก อีกหน่อยพวกเขาจะไม่ทำยิ่งกว่านี้หรือคะ”
“วัดที่ออกใบประกาศพวกนี้ น่าจะกวาดล้างเสียนะครับ ไม่ใช่คำสอนพุทธองค์เลย”

อวดอุตริ แอบอ้างร่างทรงบุคคลสำคัญ

ทว่า นอกจากสังคมจะอึ้งกับเรื่องใบประกาศนียบัตรร่างทรงแล้ว เพจเฟซบุ๊กคุณท้าวศรีสุวรรณภิรมย์ภักดี ยังแชร์ภาพชายคนหนึ่งโดยระบุว่าเป็นคนทรงเจ้าที่สังคมกำลังฮือฮา เพราะแต่งเครื่องแต่งกายและประดับเครื่องหมายยศ คล้ายกับชุดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (องค์บิดาของทหารเรือไทย)  หากย้อนหลังไปเมื่อปี 2558 ชายคนนี้เคยตกเป็นข่าวแอบอ้างร่างทรงกรมหลวงชุมพรฯ มาแล้ว

บุคคลที่อ้างเป็นร่างทรงกรมหลวงชุมพรฯ คือ นายวิฆเนศ พยัคฆชาติ หรือที่ลูกศิษย์เรียกว่า อาจารย์เอก อายุ 46 ปี มีชื่อสำนักทรงว่า "สำนักพุทธะเทวะมงคลสถาน พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ (บางน้ำจืด)" ตั้งอยู่เลขที่ 34/7 หมู่ที่ 4 ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

ล่าสุด ตำรวจได้บุกตรวจค้นตำหนัก แต่ไม่พบร่างทรง พบเพียงเครื่องแต่งกายที่ประดับเครื่องหมายต่างๆ คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ รวมทั้งกระบี่ และหมวก

ชายผู้นี้เคยชี้แจงผ่านสื่อในช่วงที่เคยตกเป็นข่าวว่า เครื่องแบบที่แต่งทั้งหมดนั้น ตนก็ไม่ได้เป็นคนแต่งเอง แต่จะแต่งตามที่เสด็จเตี่ยบอก และถ้าถามว่าเป็นการกระทำที่ผิด พ.ร.บ.เครื่องแบบยศทหารหรือไม่นั้น ตนก็เชื่อว่าไม่น่าจะผิดอะไร เนื่องจากการแต่งกายดังกล่าว เป็นการแต่งกายกันเองภายในสถานที่ส่วนบุคคล และก็ไม่ได้แต่งกายเพื่อนำไปหารายได้แต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะไม่เคยเอาเครื่องแบบไปเรียกร้องเงินทอง หรือให้ใครมาบริจาคเงิน

เขากล่าวอีกว่า ถ้าว่าการแต่งกายตามภาพที่เผยแพร่ออกไปเป็นการกระทำที่ผิด ถ้าเช่นนั้นก็คงจะต้องไปจับพวกดาราที่มีการแต่งกายเลียนแบบเช่นกัน ขณะที่ในส่วนของทางทหารเรือนั้น ก็ยังไม่มีการติดต่อเข้ามาเพื่อขอตรวจสอบหรือพูดคุยแต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยตนเองนั้นขอยืนยันว่าถ้าใครมาสอบถาม ตนก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลทุกอย่างอีกทั้งยังขอบอกว่าตนไม่ได้หนีไปไหน ไม่ได้ถูกจับ หรือไม่ได้ถูกยึดทรัพย์ตามที่มีข่าวเผยแพร่ออกไปแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ตำรวจ เปิดเผยว่า คดีนี้ต้องสอบปากคำผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก่อน เพื่อเป็นพยานยืนยันว่าวันดังกล่าวมีบุคคลแต่งกายด้วยชุดที่คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ขณะทำการเข้าทรง ทรงเจ้าจริงจากนั้นก็จะได้นำตัวบุคคลที่ปรากฏตามภาพมาสอบปากคำ ส่วนชุดและเครื่องประดับหรือเครื่องหมายยศต่างๆที่พบนี้ก็จะต้องให้ผู้ที่มีความชำนาญในทางด้านเครื่องหมายยศมาตรวจสอบว่า เป็นเครื่องราชย์จริงหรือไม่ สำหรับการจะตั้งข้อกล่าวหา ก็ต้องขอให้ตำรวจตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน ขณะที่ราชสกุลอาภากร ก็ยังไม่มีท่านใดมาแจ้งความร้องทุกข์ไว้

ไม่เพียงแค่นี้! ยังโผล่มาอีกราย กับร่างทรงกรมหลวงชุมพรฯ ท่าไข่ พร้อมขึ้นป้ายที่ระบุให้เห็นข้อความชี้แจงวันเวลางานพิธีบูชาครู ณ พระตำหนัก เรือนหมอพร ท่าไข่ สร้างความสงสัยให้กับหลายคน เพราะเหตุใดร่างทรงกรมหลวงชุมพรฯ จึงมีหลายคนนัก!

ตีแผ่! ร่างทรง วงจรอุบาทว์

อย่างไรก็ตาม บทความของราติกาญา จากเว็บไซต์สยามคเณศ อธิบายถึงร่างทรง คนทรงเจ้าที่พบเห็นตามตำหนักทั่วประเทศนั้น มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ยืนยัน 90% ของร่างทรงมโน! แค่ทำตัวสั่นเฉยๆ ไม่มีอะไรทรง ไม่มีอะไรสิงทั้งสิ้น

“ตำหนักทรงเหล่านี้มีการจัดสถานที่ให้ดูขลัง น่ากลัว ดูน่าเลื่อมใส จุดธูปให้มีกลิ่นตลบอบอวล มีองค์พระพุทธรูป เทวรูป มหาเทพ มหาเทวี เจ้าพ่อ เจ้าแม่ กุมารทอง นางกวัก เศียรปู่ฤาษี อยู่มากมาย มีการจัดหิ้งพระโดยเอาพระพุทธรูปและเทวรูปจากหลายๆศาสนา หลายๆ คติ มาตั้งรวมกัน โดยไม่ให้เกียรติ

เช่น พระพุทธเจ้า พระแม่กวนอิม กุมารทอง พระศิวะ พระแม่กาลี เสด็จพ่อ ร.5 ก็เอามาตั้งรวมๆกันในหิ้งเดียว แสดงให้เห็นถึงการขาดความรู้ในการจัดหิ้งพระ

มีการถวายหัวหมู เป็ดไก่ สุรา ของคาวต่างๆ แก่เทพเจ้า ซึ่งหากมีความรู้ในการจัดเครื่องถวายจริงๆ ก็จะต้องรู้ว่าพระพุทธเจ้า มหาเทพ มหาเทวี และฤาษีนั้น ห้ามใช้เครื่องถวายที่เป็นเนื้อสัตว์โดยเด็ดขาด

มีการเชิญเทพมาประทับ นึกจะเรียกให้ท่านมาเมื่อไหร่ก็เรียก ทำตัวสั่นๆ ทำหน้าบูดเบี้ยวอุบาทว์ โวยวายเสียงดัง พูดจาหยาบคาย กูๆ มึงๆ นึกจะให้ออกเมื่อไหร่ก็ออก เมื่อออกจากร่างไปแล้ว นึกจะเรียกกลับมาวันไหนก็เรียกมาอีก มหาเทพไม่ใช่ทาส...ที่จะเรียกให้มาหาเมื่อไหร่เวลาใดก็ได้

ร่างทรงเหล่านี้เป็นผู้ที่แอบอ้างพระนามของมหาเทพ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ฯลฯ แล้วทำการรีดไถ ล่อลวงเอาเงินทองของผู้ศรัทธา บ้างก็ว่าสามารถรักษาโรคได้ บ้างก็ว่าจะช่วยให้พ้นกรรม บ้างก็ว่าโดนของและให้เอาของออก บ้างก็ว่าลูกศิษย์คนนั้นมีองค์พ่อ คนนี้มีองค์แม่ และจะต้องรับขันธ์ หรือเซ่นไหว้ ล้วนแล้วแต่ยกมาอ้างเพื่อให้เสียเงิน บ้างก็ดูดวงให้ส่งเดช ถ้าดูแม่น ทายถูกต้อง ก็จะเกิดศรัทธาเพิ่มขึ้นไปอีก

ผู้ศรัทธาก็ไปชักชวนญาติสนิทมิตรสหายมาร่วมเป็นลูกศิษย์ งมงายกันไปทั่วประเทศ เกิดเป็นวงจรอุบาทว์ ร่างทรงประเภทนี้ขอให้หลีกห่างให้มากที่สุด

เช่นเดียวกับ อาจารย์คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เคยให้ข้อมูลถึงพวกที่เข้าทรงในปัจจุบัน มีอยู่เพียง 2 ประเภท คือ พวกมิจฉาชีพ และ เป็นโรคจิต

1. ตั้งใจหลอกลวง พวกนี้ทำเป็นขบวนการ ตั้งใจทำมาหากินจริง พวกนี้มีมาก และผิดกฎหมายด้วย

2. พวกที่มีความผิดปกติของจิตใจ หรืออาจเป็นโรคจิตเภท มีภาวะของโรคทางจิตและประสาท หรือภาวะจิตเภทวัยทอง มีปัญหาปมบางอย่างในชีวิต พวกนี้ ไม่ได้ตั้งใจหลอกลวง แต่มีอาการเจ็บป่วย เป็นโรคจิต คนบางคนที่ถูกทักว่ามีองค์แล้วหลงใหลไปก็เกิดจากอาการเหล่านี้

ดังนั้นหากมีการอ้างเจ้าทรงที่เป็นเทพเจ้าของทางศาสนาพราหมณ์ฮินดู ให้ฟันธงไปเลยครับว่า ไม่จริงทั้งสิ้น และเรื่องนี้เป็น มติขององค์กรทางศาสนาฮินดู รวมทั้งท่านประมุขของทางศาสนาด้วย

ส่วนท่านที่ถูกทักให้รับขันธ์มีองค์ อย่าไปเชื่อ เพราะอาจถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ยิ่งหากท่านมีปัญหาชีวิต ก็อาจถูกชักจูงให้ง่ายขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น