ชั่วโมงนี้ใครๆก็อยากรู้จักเธอ! พิงค์ - ปชาบดี ตัณฑปุตตะ สาวเปรี้ยวเก๋วัย 24 อดีตพิธีกรสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก และนักแสดงช่องน้อยสี ด้วยลุคสุดคูล เซ็กซี่ปนเท่ อดีตหวานใจหนุ่มนักธุรกิจไฟแรงคนดัง สาวมั่นสุดสตรอง ที่มีความคิดเกินอายุ ผู้ขับเคลื่อนชีวิตด้วยแพชชั่น!
จากสาวเบตง สู่ว่าที่นักธุรกิจสุดแนว
เด็กสาวจาก อ.เบตง จ.ยะลา เมืองเล็กๆที่โอบล้อมไปด้วยความสุข ไร้มลภาวะ เมื่อย้อนไปในอดีตวัยเด็กเธอจึงเล่าออกมาด้วยภาพแห่งความสุข
“พิงค์เกิดที่ อ.เบตง จ.ยะลา มีพี่น้องสองคน มีพี่สาว และพิงค์เป็นลูกคนเล็ก เรียนที่เบตงอยู่จนถึง ม.3 ก็สอบชิงทุนมาเรียนที่ โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย จ.นครปฐม
เบตงเป็นเมืองเล็กๆ มีแต่คนจีน ตอนเด็กมีความสุขมาก อากาศดี และเย็นตลอดเวลา ไม่มีมลพิษเลย เพราะทุกคนจะใช้แต่จักรยาน มอเตอร์ไซค์ และประชากรไม่เยอะ พอเข้ามากรุงเทพฯ ก็ต้องปรับตัวเยอะเลย
บรรยากาศดี นกนางแอ่นเยอะ ยามพลบค่ำบนท้องฟ้า กลางเมืองเบตง จะเต็มไปด้วยนกนางแอ่นที่บินมาเกาะอยู่ตามบ้านเรือนและสายไฟฟ้าอยู่มากมาย โดยเฉพาะที่บริเวณหอนาฬิกา จะมีนกหนาแน่นเป็นพิเศษ อีกหนึ่งสิ่งที่ถ้าใครมาเบตง แนะนำเลยว่า อาหารอร่อยมาก
เบตงจะเป็นเมืองติดประเทศมาเลเซีย จึงมีคนมาเลเซียมาเที่ยวในเบตงเยอะ ส่วนตัวพิงค์เองก็จะข้ามไปซื้อของที่มาเลเซียอยู่บ่อยๆ เพราะผลไม้ค่อนข้างราคาถูก
พออายุ 17 ปี เริ่มเข้ามาเป็นพิธีกรสตรอว์เบอร์รีชีสเค้ก ตื่นเต้นนะ เพราะทุกอย่างดูใหม่ไปหมดเลย พอเป็นพิธีกรได้ประมาณ 3 เดือน มาเล่นหนังดังสุดสัปดาห์ของช่อง 3 เรื่องสาวฮอตยอดนักสืบ จากนั้นได้ต่อยอดไปเล่นละคร แววมยุรา
ก็ต้องมีการปรับตัวเล็กน้อยจากพิธีกรมาสู่นักแสดง เพราะตอนเป็นพิธีกรจะเป็นการคุยกับคนดู เราต้องมองกล้องตลอดเวลา เหมือนเป็น Eye Contact แต่พอเป็นละคร ห้ามมองกล้อง เพราะเราต้องคุยกับคู่สนทนาเท่านั้น แรกๆ จึงมีบ้างที่เผลอไปมองกล้อง จึงต้องปรับตัวช่วงแรก แต่สนุก เพราะการที่เรารับบทบาทใหม่ๆ เหมือนเราได้เจออะไรใหม่ๆด้วย เราต้องทำความรู้จักตัวละคร”
นอกจากนี้ ยังมีละครเรื่อง จุดนัดพบ เดือนประดับดาว หัวใจมีเงา LOVESUCKS ล่าสุด เธอพักงานการแสดงเพราะอยากโฟกัสธุรกิจตัวเองมากกว่า แต่ไม่ได้ปิดกั้นงานในวงการบันเทิง
“อยู่ในวงการบันเทิงประมาณ 2 ปี จากนั้นกลับมาเรียนต่อ เพราะพอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ หลักสูตรนานาชาติ จะเรียนค่อนข้างหนัก จึงไม่สามารถโฟกัส 2 อย่าง ได้ เราจึงเลือกที่จะเรียนอย่างเดียว ด้วยความที่อยากจะจบพร้อมกับเพื่อนๆด้วย จึงกลับมาเรียนดีกว่า”
วัยรุ่นสุดสตรอง สร้างแบรนด์ช่วยชาวบ้าน
ด้วยมาดสุดคูลเซ็กซี่ปนเท่ โดยเฉพาะสไตล์การแต่งตัวแนวสตรีท ที่ต้องพูดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้ “ดูน่าค้นหา” ไม่ว่าจะใส่อะไร ก็ดูน่ามอง แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ ก็ทำให้เธอดูชิคไปทุกองศา
เธอมีความหลงใหลในแฟชั่น เพราะชอบแต่งตัว จนทำให้เริ่มสนใจธุรกิจกางเกงยีนส์ที่มีชื่อว่า Awearofwhite ประกอบกับที่เรียนมาทางด้าน มาร์เก็ตติ้ง พีอาร์โฆษณา การสร้างแบรนด์ เธอจึงสนใจการสร้างแบรนด์ ด้วยการทำธุรกิจขายกางเกงยีนส์ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยปี 2
“เริ่มเลี้ยงตัวเองมาตั้งแต่อายุ 17 คือตั้งแต่เริ่มเข้าวงการบันเทิงก็บอกกับคุณแม่ว่า เราจะไม่ขอเงินแล้ว พอเราได้เงินก้อนมา ตอนนั้นเรารู้สึกว่าเงินมันเยอะมาก แต่ความจริงไม่ได้เยอะหรอก แต่ด้วยความที่เรายังเด็ก ดังนั้นไม่เคยขอเงินคุณแม่แล้ว
แต่ตอนที่เราหยุดทำงานในวงการบันเทิงมาเรียนอย่างเดียวตอนอายุ 20 ปี เรารู้สึกเลยว่าอายุก็ขึ้นเลข 2 แล้ว ถ้าเรากลับไปขอเงินคุณแม่อีก จะรู้สึกประหลาดมากเลย จึงเป็นจุดให้เริ่มทำกางเกงยีนส์ขาย
และเป็นคนชอบใส่กางเกงยีนส์อยู่แล้ว แต่หาไซส์ให้เหมาะกับตัวเองไม่ค่อยได้ เพราะเป็นคนตัวเล็กมาก เราชอบกางเกงยีนส์ขาดๆ แต่หาแบบที่ชอบไม่ได้ ประกอบกับพอไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้ว ก็รู้สึกเหงา ไม่มีอะไรทำ จึงลองทำแบรนด์ Awearofwhite ขึ้นมา ตอนแรกก็ซื้อกางเกงยีนส์สำเร็จรูปมาก่อน เรียบๆ แล้วก็มาลองทำขาดดู จากนั้นเริ่มไปหาโรงงาน ลงมือทำ มีทั้งกางเกงยีนส์ขาสั้น ขายาว รวมทั้งกระโปรงยีนส์ด้วย และแตกไลน์ออกมาเป็นเสื้อ ”
ไม่เพียงแค่ทำเสื้อผ้าขายเท่านั้น ล่าสุดเธอได้ทำธุรกิจตัวใหม่ ด้วยการแปรรูป “กล้วย” ให้เป็นขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ Banabit
“ด้วยความที่เป็นคนภาคใต้ จ.ยะลา ซึ่งจะมีกล้วยมาก และชาวบ้านจะขายถูกมาก หวีละแค่ 10 บาท บางทีก็ขายไม่ออก ก็เน่าเสีย เราช่วยเขาซื้อดีกว่า และด้วยความที่พิงค์จะเป็นคนชอบกินกล้วยอยู่แล้ว จึงคุยกับคุณแม่ คุณแม่ก็ให้คำแนะนำว่า ควรทำแบบนี้ดีมั้ยจึงออกมาสไตล์บานานาสติ๊ก สรุปออกมาเวิร์ค ทำมาจากกล้วยล้วนไม่ผสมแป้งเลย ตอนนี้มี 4 รสชาติ
เราจึงต้องควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง อยากให้ออกมาเป๊ะทุกอย่าง ตอนนี้วางขายออนไลน์อย่างเดียว วัตถุดิบก็นำมาจากภาคใต้ ช่วยเหลือชาวบ้านด้วย
อนาคตก็อยากแตกไลน์ออกมา อาจจะไม่ใช่แค่กล้วยสติ๊กอย่างเดียว อาจจะกล้วยแบบอื่น แต่ตอนนี้อยากโฟกัสตรงนี้ให้ดี”
ไม่กลัวพลาด! คิดแล้ว “ลุย” ทันที
“เป็นคนทำอะไรด้วย Passion คิดแล้วต้องทำเลย” เธอกล่าวอย่างมุ่งมั่นถึงการจะทำอะไรสักอย่าง ต้องจริงจัง ไม่ใช่มัวแต่คิด แต่ไม่ทำสักที
“ถ้าคิดแล้วยังไม่ทำแต่เอามาพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วค่อยทำ ก็โอเค แต่พิงค์รู้ว่าตัวเอง ถ้าปล่อยทิ้งไว้ Passion ตรงนั้นมันจะหมด ไม่รู้ว่าเราอยากจะเริ่มทำอีกทีตอนไหน แต่ถ้าเรายังไม่เริ่มตั้งแต่แรกเลย แล้วจะไปเริ่มตอนไหน และต่อให้สิ่งที่ทำจะพลาด อย่างน้อยก็ได้ทำ และการทำอะไรด้วย Passion จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นและตัวเราก็มีความสุข
อย่างช่วงทำกางเกงยีนส์ขายก็มีปัญหา ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ไม่รู้จักโรงงาน พลาดอยู่เกือบปี ด้วยความที่เราตัวเล็กผอมมาก จึงไม่รู้ว่าสเปกมาตรฐานเป็นอย่างไร จึงทำมาตรฐานตัวเอง เป็นไซส์ S ไปเลย สรุปเราคือไซส์ XS ซึ่งเล็กกว่า ไซส์ S ทำให้คนอื่นใส่ไม่ได้ แต่เราทำสต็อกออกมาเยอะมาก จึงทำให้ขายไม่ได้
สำหรับอนาคตไม่ได้มองว่าจะทำธุรกิจแค่ในเมืองไทย อยากจะต่อยอดส่งออกไปต่างประเทศด้วย ถ้ามองต้องมองไกลๆ ไม่เรียนต่อศึกษาจากการทำงานดีกว่า เพราะถ้าเรียน อาจจะไม่ได้มีเวลามาทำงานตรงนี้ ถ้าอยากทำให้ดีก็เรียนรู้ไปกับการทำธุรกิจตรงนี้เลยแล้วกัน
"คิดแบบผู้ใหญ่" สเปกหนุ่มของพิงค์
สำหรับสเปกผู้ชายนั้น เธอบอกว่าชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ พาไปในทางที่ดี
“ชอบคนที่มีอายุมากกว่า เพราะเราจะได้ไอเดียอะไรจากเขาเยอะ มีประสบการณ์ จึงรู้สึกว่าชอบอยู่กับคนที่พาเราไปเจอแต่อะไรดีๆ มีแง่คิดที่ดีสามารถพาเราไปเจอมุมมองดีๆได้
จริงๆแล้ว ไม่ได้เกี่ยวที่อายุว่าจะมากกว่าหรือน้อยกว่าเรา แต่พิงค์ชอบคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่ เพราะเราเป็นคนที่เริ่มทำธุรกิจเร็ว จึงชอบคนที่มีความคิดค่อนข้างโต ถ้าวัยเดียวกัน หรือยังไม่ได้เริ่มทำงานอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
ผู้หญิงทุกคนก็ชอบคนโรแมนติก แต่ไม่ถึงกับสวีทเว่อร์ ก็อาจจะรู้สึกเขินนิดนึง เพราะเราก็ไม่ใช่ผู้หญิงหวานขนาดนั้น เพราะเป็นที่ค่อนข้างจะพูดตรง เปิดเผยในระดับหนึ่ง”
สำหรับไลฟ์สไตล์ชีวิตของเธอนั้น ขัดแย้งกับลุคเปรี้ยวแซบโดยสิ้นเชิง เพราะเธอไม่ชอบการปาร์ตี้ และงานสังสรรค์ แม้จะอาศัยอยู่ย่านทองหล่อ แหล่งไนท์ไลฟ์ก็ตาม เลือกได้ “ขอนอนอยู่บ้าน” และเลือกทุ่มเทกับงานมากกว่า
“ไม่โซเชียลไลฟ์ ไม่เที่ยว ชอบที่จะไปเจอความคิดดีๆมากกว่า”
“ทุกคนมองว่าเราเป็นสาวเปรี้ยว ชอบปาร์ตี้ เราใช้ชีวิตอยู่คอนโดทองหล่อ แต่ไม่เคยเที่ยวไหนในทองหล่อเลย ไม่ออกไปไหนเลย ไม่เที่ยวกลางคืน คือถ้าให้นอนกับออกไปข้างนอก เราเลือกที่จะนอนมากกว่า ที่จะออกไปข้างนอก
ก็มีบ้างที่ไปสังสรรค์กับเพื่อนเพราะเพื่อนเราก็วัยรุ่น ไม่ใช่ว่าถี่ อย่างเดือนหนึ่ง 1-2 ของก็เพียงพอ เพราะถ้าเที่ยวบ่อยมันก็เหนื่อยกับตัวเองด้วย
อย่างล่าสุดเทศกาลวันเดอร์ฟรุ้ต เราก็อยากไปมาก แต่ไม่เอาดีกว่าอยู่ทำแบรนด์กล้วยดีกว่า เพราะสินค้าเพิ่งมาพันกว่าซอง เราเลยคิดว่า เอาไง โตแล้ว ต้องเลือกแล้วนะ ว่าจะไปสนุก หรือทำงานก่อน เลยเลือกที่จะทำงานดีกว่า”
กินหนัก ออกกำลังเบอร์แรง
“บอกเลยว่า เป็นคนกินเยอะมาก ตักข้าวที 2-3 จาน กินน่ากลัวมาก”
แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่อ้วน ดูหุ่นเป๊ะ ผอมเพรียว แน่นอนเพราะเธอชอบ “ออกกำลังกาย”
“เป็นคนไม่ทานน้ำอัดลม ชอบกินผัก กินผักเยอะมาก กินคลีนสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพราะร่างกายถูกทำร้ายมาทั้งอาทิตย์แล้ว ต้องให้สิ่งที่ดีแก่ร่างกายบ้าง
ชอบออกกำลังกายอย่างต่ำ 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เล่นบอดี้เวท คาร์ดิโอ อยู่ในห้อง หรือบางทีก็ชวนเพื่อนไปเข้ายิม ไม่ชอบโยคะ ไม่ชอบอะไรช้าๆ ชอบทำอะไรเร็วๆ”
แม้ภายนอกจะดูเป็นสาวรักสวยรักงาม แต่ในความเป็นจริง เธอไม่ชอบแต่งหน้า และเพิ่งจะเริ่มบำรุงผิวมามา 3 เดือนนี่เอง
“เป็นคนไม่บำรุงผิวอะไรเลย เพิ่งเริ่มมาบำรุงผิวหน้าแค่ 3 เดือนเอง เพราะขี้เกียจทาครีม เคยมีประสบการณ์ไม่ดีกับการทำเลเซอร์หนวด แล้วรู้สึกเจ็บมาก เลยกลัวการทำทรีทเมนต์
ไม่ใช้สกินแคร์เลย ส่วนเครื่องสำอางก็ไม่ค่อยใช้ เพราะไม่ชอบแต่งหน้าเลย รู้สึกหนัก เหนอะ จนมาถึงช่วงนี้เริ่มรู้สึกว่า อายุมากขึ้นแล้วต้องบำรุง ผิวหน้าเราไม่ได้ดีเหมือนตอนเด็กๆแล้ว และประกอบกับมีคนทักว่าหน้าเริ่มเป็นกระ เลยซื้อครีมกันแดดกระปุกแรกในชีวิตมาใช้เมื่อไม่นานมานี้เอง
แต่เนื่องจากชอบกินผัก และชอบทานมะเขือเทศลูกเล็กๆแทนสแน็ค บำรุงจากภายในสู่ภายนอก จึงอาจจะช่วยให้ผิวเราดีได้ ช่วงหลังๆจึงรักสวยรักงามมากขึ้น ล่าสุด เริ่มเข้าคอร์สนวดหน้า จึงลองไปดู เริ่มรักสวยรักงามขึ้นมา
สนุกกับการแต่งตัวมาก ไม่มีสไตล์ที่แน่นอน อย่างช่วงไหนอยากแต่งแบบผู้หญิงก็จะแต่งแบบผู้หญิงใส่เดรสไปเลย ช่วงไหนอยากแต่งยีนส์ ก็ยีนส์ทั้งตัว
สุดท้ายเธอฝากบอกทุกคนที่มีฝันไว้ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ควรทำในสิ่งที่รัก อย่ารีรอ คิดแล้วต้องลงมือทำทันที!
โดย ผู้จัดการ Live
เรื่อง สวิชญา ชมพูพัชร
ขอบคุณภาพ จากอินสตาแกรม @pink.pachabadee