อลหม่าน ยุ่งเหยิงกันเลยทีเดียว เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองสลากฯ ต้องทำงานสืบหาความจริงกันอย่างหนักถึงขั้นมึนตึ้บ เพื่อพยายามหาความจริงมาตีแผ่ให้สังคมได้รู้ว่าใครกันแน่เป็นเจ้าของเงิน 30 ล้าน กรณี “หวย30 ล้านหาย” คดีเก่ายังเคลียร์ไม่จบ คดีใหม่โผล่เพิ่มอีก 2 ราย ซื้อหวยทำสลากฯ หาย? พลอตเรื่องเดิมๆ แล้วอย่างงี้ใครจะได้เงินไป? แม้กองสลากฯ แนะซื้อเสร็จเขียนชื่อพร้อมถ่ายรูปลอตเตอรี่คู่คนขายไว้เป็นหลักฐาน ฟากทนายแย้งถ่ายรูปคนขายระวังถูกฟ้องกลับถ้าเขาไม่ยินยอม
** หวย “อลเวง” ใครกันแน่เจ้าของตัวจริง
กลายเป็นประเด็นร้อนที่สังคมต่างพากันจับตามองว่ากรณี 30 ล้านใครกันแน่เจ้าของตัวจริง เมื่อ ปรีชา ใคร่ครวญ อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่ง จ.กาญจนบุรี เข้าแจ้งความต่อ สภ.เมืองกาญจนบุรี อ้างว่าถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลรางวัลที่ 1 เลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 ได้เงิน 30 ล้านบาท แต่สลากหายไป
จากนั้น ร.ต.ท.จรูญ วิมูล อดีตข้าราชการเกษียณตำรวจ ได้นำสลากที่ถูกรางวัลดังกล่าวไปขึ้นเงินรางวัลที่กองสลากฯ จนเกิดการแจ้งความดำเนินคดี เพราะต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ซื้อและถูกรางวัลที่ 1 และเป็นเจ้าของเงิน 30 ล้านบาท พร้อมกับมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าคดีนี้มีนายตำรวจระดับสูงคอยช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง
ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึงกับรีบตั้งโต๊ะแถลงเผยความคืบหน้าคดีหวย 30 ล้านบาทว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับรายงานจากกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค7และกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อทำการพิสูจน์ทราบดีเอ็นเอ (DNA) ของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่กำลังมีปัญหาอยู่
“การตรวจดีเอ็นเอเป็นการหาที่มาว่าสลากฯ ซึ่งไม่ใช่การพิสูจน์ลายนิ้วมือหรือเข้าเครื่องสแกนอะไร แต่เป็นการหาที่มาของสลากฯ ฉบับนี้ว่า “ใคร? ซื้อมาจากร้านจำหน่ายที่ไหน? ตรวจหาเลขที่และเล่มของตัวสลากฯ”
ขณะที่ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาพูดถึงการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลว่า
“เมื่อซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลมาแล้วควรจะถ่ายรูปเก็บไว้ในโทรศัพท์ เพื่อเป็นหลักฐานป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นขโมยหรือฉวยโอกาสนำไปขึ้นเงิน รวมถึงให้ถ่ายรูปกับเจ้าของแผงลอตเตอรี่ที่ซื้อมาด้วยก็จะเป็นหลักฐานยืนยันอีกทางหนึ่ง และจะต้องเป็นลอตเตอรี่ที่เป็นตัวจริงและสมบูรณ์เท่านั้น”
** กองสลากฯ สั่ง จนท. ปิดปาก โบยถาม สนช.
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว ผู้จัดการ Live ได้พยายามติดต่อเพื่อขอสัมภาษณ์กับทางสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ถึงวิธีแก้ปัญหาและแนวทางการป้องกันเรื่องซื้อลอตเตอรี่แล้วทำสลากหาย แต่ได้รับแจ้งจากทางเจ้าหน้าที่ว่า
“ขณะนี้ทางผู้ใหญ่ของกองสลากฯ ได้ถูกสั่งห้ามไม่ให้ทุกคนออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ “คดีหวย” โดยให้รอฟังความคืบหน้าจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งจะเป็นผู้แถลงรายละเอียดเอง”
คดีเก่ายังหาความจริงไม่ได้ คดีใหม่เกี่ยวกับ “หวย” ก็โผล่มาให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานกันหนักขึ้นไปอีก เมื่อคุณยายวัย 72 ปี จ.สุพรรณบุรีเข้าร้องกองปราบฯ สางคดีทำสลากรางวัลที่ 1 งวดวันที่ 1 ธ.ค. 60 หล่นหายงานวัด แต่เพื่อนบ้านเก็บได้จึงนำไปขึ้นเงิน 6 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังพบ ประยูร ขันธ์ขาว คนขับแท็กซี่โผล่เข้าแจ้งความหวยหายอีกรายว่า ซื้อหวยเมื่อวันที่ 30 ต.ค.60 จำนวน 5 ใบ จำได้ว่ามีหมายเลข 533726 จำนวน 1 ใบ และหมายเลข 533727 จำนวน 2 ใบ ส่วนอีก 2 ใบจำไม่ได้ จากนั้นได้นำลอตเตอรี่ทั้งหมดใส่ในกระเป๋าเสื้อ จนกระทั่งวันที่ 1 พฤศจิกายน หลังหวยออกได้นำมาตรวจรางวัล พบว่าถูกรางวัลที่ 1 ชุดเดียวกันกับเลข30 ล้าน และรางวัลข้างเคียง จากนั้นได้เก็บใส่กระเป๋าเสื้อไว้ต่อ โดยไม่ได้เขียนชื่อกำกับไว้ จากนั้นวันที่ 2 พ.ย. ได้พยายามหาลอตเตอรี่แต่ไม่พบ จึงได้แจ้งความที่ สภ.คลองข่อย จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา
** รู้กฎหมายจะได้ไม่ตกเป็น “ผู้ต้องหา”
ชมทรรศน์ สมบุตร ทนายความชื่อดังได้ให้ความรู้เกี่ยวกับประเด็นหวย 30 ล้านว่า หากพิสูจน์ได้ว่าหวยดังกล่าวเป็นของผู้ซื้อจริง “กรรมสิทธิ์” ของลอตเตอรี่นี้ก็ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อจริงอยู่ ถึงแม้ใครจะเก็บได้อย่างไรก็ยังคงเป็นของเจ้าของที่เป็นผู้ซื้อมาอยู่ดี สำหรับผู้ที่นำลอตเตอรี่ที่เก็บได้นั้นนำไปขึ้นเงินถือว่ายัง “ไม่มีสิทธิ์” ในทรัพย์สินนั้น เพราะเจ้าของตัวจริงยังหวงแหนทรัพย์ตัวนั้นอยู่ และเขาได้ไปแจ้งความว่าทรัพย์สินตัวนั้นของเขาหายไปและอยากที่จะได้คืน
การที่เก็บทรัพย์สินได้ และทรัพย์สินดังกล่าวอยู่ระหว่างที่เจ้าของกำลังตามหาทรัพย์สินอยู่นั้น โดยที่เจ้าของรู้ว่าทรัพย์ที่หายนั้นอยู่ที่ใคร หากเจ้าของมาทวงคืนแล้วผู้ที่เก็บได้ “ไม่ให้คืน” ผู้ที่เก็บทรัพย์สินได้ถือว่า “มีความผิดอาญาและแพ่ง” ว่าด้วยการยักยอกทรัพย์สินหาย โดยมีโทษทั้งจำและปรับ
ในกรณีหวย 30 ล้านบาท ที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียลฯ อยู่นั้น ผู้ที่เก็บทรัพย์สินได้ไม่ใช่เจ้าของ เพราะทรัพย์สินที่เก็บได้ยังถือว่าเป็นของเจ้าของเดิมอยู่ เพราะว่าเจ้าของเดิมไม่ได้สละสิทธิ์ในทรัพย์นั้นแต่อย่างใด
สำหรับผู้ที่ไป “ขโมยทรัพย์สินผู้อื่นมา” แล้วนำไปขึ้นเงิน เอาเงินนั้นออกมาใช้ไปแล้ว เมื่อกระบวนการทางกฏหมายพิสูจน์จนได้ความจริง ผู้ที่แอบอ้างต้องนำเงินไปคืนให้ครบทุกบาททุกสตางค์ พร้อมรับโทษในการยักยอกดังกล่าวด้วย โดยมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา
** เซลฟีลอตเตอรี่คู่คนขายระวังถูกฟ้อง!
ทนายความยังอธิบายเพิ่มอีกว่า ความผิดมาตรา 334มีองค์ประกอบความผิดคือ 1. ผู้ใด 2. เอาไป 3. ทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย 4. โดยทุจริต ซึ่งในความผิดฐานลักทรัพย์นั้นจะมีองค์ประกอบหลักคือ การเอาทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่น เป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย “การเอาไป” การเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปอันเป็นองค์ประกอบความผิด ฐานลักทรัพย์นั้น เป็นการพาเอาทรัพย์นั้นเคลื่อนที่ไป จะต้องมีลักษณะของการแย่งการ ครอบครองและตัดกรรมสิทธิ์ตลอดไป
ความผิดฐาน “ลักทรัพย์” มาตรา 334 ผู้ใดเอาทรัพย์ของผู้อื่น หรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของ รวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริต ผู้นั้นกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท
การเอาไปในลักษณะแย่งการครอบครอง คือ เอาทรัพย์ไปในลักษณะของการแย่งการ ครอบครอง เป็นการเอาไปโดยฝ่าฝืนความยินยอมของเจ้าของทรัพย์หรือผู้ครอบครองทรัพย์นั้น ถ้าเจ้าของหรือผู้ครอบครองอนุญาตให้เอาทรัพย์นั้นไปก็ไม่เป็นการเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของผู้อื่น อันจะเป็นองค์ประกอบในความผิดฐานลักทรัพย์
ถ้าทรัพย์นั้นไม่มีผู้ครอบครอง เช่น ทรัพย์สินหาย ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินที่มีกรรมสิทธิ์แต่ความครอบครองหลุดไปจากเจ้าของโดยไม่ตั้งใจ ถ้ามีการเอาทรัพย์ดังกล่าวไปโดยทุจริตก็อาจจะเป็นความผิดฐาน ยักยอกทรัพย์สินหาย ตามมาตรา 352 วรรค 2 ได้
ส่วนความผิดฐานยักยอกอยู่ใน มาตรา 352 ผู้ใดครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้อื่น หรือ ซึ่งผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ผู้นั้น กระทำความผิดฐานยักยอก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน6,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าทรัพย์นั้นได้ตกอยู่ในความครอบครองของผู้กระทำความผิด เพราะผู้อื่นส่งมอบให้โดย สำคัญผิดไปด้วยประการใด หรือเป็นทรัพย์สินหายซึ่งผู้กระทำผิดเก็บได้ ผู้กระทำต้องระวางโทษ แต่เพียงกึ่งหนึ่ง
การยักยอกในมาตรา 352 วรรค 2 เป็นการยักยอกทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญ ผิด หรือ ยักยอกทรัพย์สินหาย มีปัญหาคาบเกี่ยวกับความผิดฐานลักทรัพย์ ถ้าเป็นทรัพย์สินหาย แล้วเบียดบังเป็นของตน จะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย
โดยในเบื้องต้น ต้องดูก่อนว่า ทรัพย์สินนั้นเป็นทรัพย์สินหายแล้วหรือไม่ ถ้าเจ้าของรู้ว่าทรัพย์สินหายและกำลังติดตามหาอยู่ในที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง ถือว่าทรัพย์ยังอยู่ในความยึดถือของผู้เสียหาย ไม่เป็นทรัพย์สินหาย เพราะทรัพย์นั้นยังไม่ขาดจากการครอบครองของเจ้าของโดยเด็ดขาด ผู้เก็บได้โดยรู้อยู่แล้วหรือควรรู้ว่า เจ้าของกำลังติดตามเอาคืนอยู่ จะเป็นความผิดฐาน “ลักทรัพย์” ทันที
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ระบุว่า ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงาน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ทนายชมทรรศน์ ยังได้แนะถึงผู้ที่เก็บของผู้อื่นได้ ควรรีบไปแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันบอกรายละเอียดให้ชัดเจนเพื่อเป็นหลักฐาน นอกจากนี้อยากฝากถึงผู้ที่จะเข้าไป “ถ่ายรูป” กับพ่อค้าแม่ค้าลอตเตอรี่ที่จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อความสบายใจในการเก็บเป็นหลักฐานควรให้เขาเหล่านั้น “ยินยอม” ก่อนค่อยถ่ายมิเช่นนั้นระวังอาจถูก “ฟ้อง” กลับได้