xs
xsm
sm
md
lg

ตกผลึกชีวิต “กาละแมร์” ผู้ชายไม่ได้เลวกว่าหมา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ออกกำลังกายแล้ว ต้องออกกำลังใจด้วย! “กาละแมร์ พัชรศรี” ชวนมาเสริมภูมิต้านทานให้หัวใจ เติมสติให้สมอง ผ่านงานเขียนชิ้นล่าสุด “แคร์ เช่น มิตร” จากประสบการณ์งานเขียนกว่า 20 ปี แล้วจะรู้ว่าเธอคนนี้ ไม่ได้มีดีแค่เขียนด่าผู้ชาย!

เลิกด่าผู้ชายแล้ว?!

หากจะพูดถึงพิธีกรสาวฝีปากกล้า และยังเป็นนักเขียนที่มีผลงานสไตล์จิกกัดผู้ชายเสียส่วนใหญ่ ทั้งยังเป็นไอดอลของสาวโสด รวมไปถึงไอดอลในการดูแลรักษาสุขภาพ คงจะนึกถึงใครไปไม่ได้ นอกจาก “กาละแมร์ - พัชรศรี เบญจมาศ”



และเมื่อเร็วๆ นี้ เธอก็ได้คลอดงานเขียนชิ้นล่าสุด ซึ่งเป็นชิ้นที่ 24 ออกมาให้แฟนๆ ได้อ่านกันอีกแล้ว กับหนังสือ “แคร์ เช่น มิตร” โดยก่อนที่จะพูดถึงที่มาที่ไปของหนังสือเล่มนี้ เธอรีบออกตัวก่อนทันที ถึงเนื้อหาของงานเขียนเล่มใหม่ ที่ไม่มีการจิกกัดดังเดิม หากแต่เป็นมิตรกับทุกคนมากขึ้นดังชื่อหนังสือ

“สำหรับหนังสือเล่มใหม่นะคะ เป็นมิตรกับผู้ชายมาก เพราะอะไรรู้ไหมคะ เป็นเล่มที่ผู้ชายอยากซื้อให้แฟนตัวเองอ่านมาก มีผู้ชายบอกว่า “คุณครับ ผมให้แฟนผมอ่าน มันจะได้หายฟุ้งซ่าน” “คิด เช่น แมร์” เป็นเล่มก่อนหน้านี้ “แคร์ เช่น มิตร” เป็นเล่มต่อ จริงๆ มันก็ไม่ได้เชิงต่อกันมาก เพียงแต่ว่าชื่อมันผวนเท่านั้นแหละ

ในเล่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องรักตัวเอง รักคนอื่น คือ ทำประโยชน์ต่อตนเองและประโยชน์ต่อผู้อื่น เรารู้เลยว่า การที่เราไปยกความสุขของตัวเองทั้งหมด ไปอยู่กับคนคนนึง แล้วให้เขาเป็นผู้กำกับชีวิตเรามาตลอด เราเอาความสุข ความทุกข์ไปแขวนไว้กับคนอื่น



แต่คราวนี้เราได้มีปัญญาเกิดขึ้นว่า ตายแล้ว เรานี่เลือกได้ว่าอันไหนทุกข์ อันไหนสุข เรื่องธรรมชาติของชีวิต มันเป็นความสุขไปอีกแบบนึง ถ้าให้เราเอาความสุข ความทุกข์ที่มีในวันนี้ แลกกับผู้ชายคนนึง ดิฉันไม่แลกนะคะ แต่ถ้าจะมีผู้ชายคนนึงเข้ามา ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น มีความสุข เข้าอกเข้าใจในชีวิต ส่งเสริมกันมากขึ้น อันนั้นโอเค”

จากการสั่งสมประสบการณ์มาทั้งชีวิต ทั้งการเจอผู้คนมากมาย ได้ฟัง ได้อ่าน จนตกผลึกความคิด ทำให้งานเขียนชิ้นนี้ กลายเป็นผลงานชิ้นสำคัญอีกชิ้น ที่เมื่ออ่านจบแล้ว จะได้แง่คิดดีๆ ที่จะทำให้มีสติและรักตัวเองมากขึ้นอย่างแน่นอน

“พออายุมากขึ้นมันดี๊ดีนะคะ มันคิดได้ค่ะ มันตกผลึก จากที่เราคิดว่าจะทำเรื่องอย่างนี้ได้ด้วยหรอ อย่างก่อนหน้านี้ถ้าเป็นเรื่องร่างกาย ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเล่นโยคะได้ เพราะว่าเป็นคนทำอะไรว่องไว รวดเร็ว แต่พอเราได้ฝึกก็รู้ว่ามันดี ความนิ่งหรือความช้ามันบาลานซ์ตัวเอง ในเล่มนี้ แมร์ก็ลึกเข้าไปอีกในเรื่องของในจิตใจตัวเอง จากที่เราคิดบ้าคิดบอตลอดเวลา เราไม่เคยมีสติอยู่ตรงหน้า เพราะว่าเราคิดเรื่องอื่นตลอดเวลา แล้วเวลาคิดไม่ชอบคิดเรื่องดีด้วยไง ชอบคิดกังวล คิดโกรธ คิดเศร้า มันก็จะไหลลงต่ำ ทีนี้มันเริ่มมีการฝึกทำสมาธิเข้ามา มันจะทำให้เราตื่น รู้ตัว มันจะทำให้เราได้เห็นตัวเอง”


ใช้โยคะ ดึงสติ

ถึงเรื่องหัวใจจะแห้งแล้ง แต่เราก็สร้างมอยซ์เจอไรเซอร์ให้ชุ่มชื่นในเรื่องอื่นได้ ออกกำลังกาย เดินทาง ทำอะไรที่ชอบ มันก็มีความสุข อย่างไปนอร์เวย์ล่าสุด แมร์ก็ขับรถขึ้นเขาไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางคืออะไร ตื่นเต้นมาก แต่ว่าเราต้องเอาชนะให้ได้ พอโค้งขึ้นไปปุ๊บ เหมือนในหนังเลย มีพระอาทิตย์ขึ้น อึ้งมาก จอดรถพักเลยค่ะ เสพบรรยากาศตรงนี้ มันคือความฟินแบบให้เอาผู้ชายเป็นร้อยคนมาแลกกับวิวนี้ก็ไม่เอา มันแลกกันไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เราเจอกับตัวเอง



เลยบอกกับเพื่อนสนิทว่า ชีวิตนะทำงานเก็บเงินเองได้ ให้รักษาสุขภาพให้ดี แล้วอย่าเพิ่งชิงตายไปก่อน หนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีจัดการปัญหา เรื่องบ้าๆ บอๆ คิดแต่เรื่องคนอื่น เพราะเรื่องตัวเองมันยาก มันขี้เกียจ มันเจ็บปวด ไม่อยากแตะเรื่องตัวเอง หนังสือเล่มนี้มันทำให้คุณรู้ว่าควรมองเรื่องแบบนี้ยังไง พอจัดการกับปัญหาได้ ก็เข้าสู่การมีชีวิตดีได้ มันมีเรื่องให้ทำอีกเยอะมากกว่าการที่จะไปเผือกเรื่องชาวบ้าน หรือหาสามี (หัวเราะ) จริงๆ แล้วมันมีเรื่องงี้ต้องทำแล้วมันมีความสุขกับตนเอง เป็นประโยชน์กับผู้อื่นเยอะมาก ส่วนสามีจะมาในรูปแบบของอะไรก็แล้วแต่ เวลาคุณมีความสุขกับตัวเอง แล้วไม่กระเหี้ยนกระหือรือ ไปในที่ที่ชอบ ทำในสิ่งที่ใช่ แล้วจะมีคนเข้ามาหาเราเอง”

เหมือนเกิดใหม่ในวัยเลข 4

หลายคนคงจะทราบกันดีว่า หลายปีหลังมานี้ นอกจากผลงานด้านหน้าจอแล้ว เธอยังผันตัวมาเอาดีด้านการรักษาสุขภาพ พร้อมทั้งหั่นผมสั้นเปลี่ยนลุคใหม่ให้ดูกระฉับกระเฉง จนสาวๆ หลายคนยกให้เธอเป็นไอดอลด้านการออกกำลังกายคนหนึ่ง และบ่มเพาะประสบการณ์ออกมาเป็น หนังสือ “คิด เช่น แมร์” ไปก่อนหน้านี้

แต่เมื่อมาถึง “แคร์ เช่น มิตร” แม้ชื่อจะคล้องจองกัน แต่เนื้อหาลึกๆ นั้นกลับต่างออกไป ในเมื่อก่อนหน้านี้ชวนออกกำลังกายแล้ว ภาคต่อจึงเป็นการชวนออกกำลังใจ โดยใช้หลักของธรรมะเข้ามาช่วย



“หลังๆ ก็เริ่มมีการนั่งสมาธิ เดินจงกรม เราก็เลยแบบ...คนอย่างเราทำอย่างนี้ได้ยังไงวะ มันก็ดีเหมือนกันนะ เคยคิดว่าชีวิตนี้ทำไม่ได้ หรือไม่ก็ต้องแก่ไปเลย รอแก่ก่อนค่อยเข้าวัด ก็บอกกับตัวเองว่าไปอยู่ที่ไหนมา คือมันไม่ได้เป็นแนวธรรมะจ๋านะคะ เราก็ไม่ได้เป็นแนวชีวิตบรรลุแล้ว หรือว่าฉันเก่งกล้าสามารถ เราก็เป็นผู้เริ่มต้น ที่มาค้นพบว่าทำแล้วดีกับชีวิตมาก ถ้าเราคิดลบ เราก็จะได้สิ่งนั้น เหมือนเวลาที่เขาอวยพรกัน คิดอะไรขอให้สมปรารถนา

ถ้าคุณคิดลบล่ะ ก็เหมือนเมื่อก่อนค่ะ คิดว่าผู้ชายก็เลวหมดโลก คนดีก็แต่งงานไปหมดแล้ว ไม่เหลืออะไรให้ฉันแล้วล่ะ แล้วก็จะดึงดูดแต่อะไรอย่างนี้เข้ามา เพราะอะไรรู้ไหม เราไปให้พลังกับมัน ให้คุณค่ากับมัน มันก็จะยิ่งมาหาเรา แต่ถ้าเราช่างมัน มันก็จะไป เหมือนเวลาเราเกลียดใคร ยิ่งไปคิดถึง ในใจคุณคิดถึงตลอดเวลา คิดถึงมากกว่าคนที่รักอีก คุณให้ค่าและให้เวลาอันมีค่าของคุณไปให้คนที่คุณเกลียด จำเรื่องของมันได้ทุกเม็ด



คุณคะ คุณอย่าไปเสียเวลาให้กับคนที่คุณไม่ชอบเลย เมื่อก่อนไม่เข้าใจเลยนะ แต่พออายุ 40 ปุ๊บ ทุกอย่างเกิดใหม่ค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าคุณอ่านเล่มนี้ก่อน 40 คุณโคตรโชคดีเลย แล้วตอนนี้มีเด็กอายุ 20 กว่า เป็นแฟนคลับแมร์ เขาอ่านแล้วบอกว่า พี่ ขอบคุณมากเลยนะ หนูดีใจมากที่หนูรู้เรื่องพวกนี้ตอนที่หนูอายุเท่านี้ เพราะว่าหนูต้องเผชิญอะไรอีกเยอะแยะ แต่หนูรู้แล้วว่า ถ้าเจอเรื่องแบบนี้ ต้องรับมือกับมันยังไง เจอเรื่องนี้ต้องคิดยังไง พูดแล้วจะร้องไห้

เราก็เลยบอกว่า กว่าจะมาเจอเรื่องนี้ ในวัย 40 เพราะฉะนั้นก็เลยว่า แต่เรื่องพวกนี้ต้องฝึกนะ เหมือนเล่มที่แล้วเราบอกให้ออกกำลังกาย เล่มนี้เราบอกให้ออกกำลังใจ คือว่ามันต้องฝึกเหมือนกัน เหมือนคุณอยากจะมีกล้ามเนื้อตรงไหน คุณก็ต้องยกมันตรงนั้น อยากมีกำลังใจที่ดี ก็ต้องฝึก โยคะก็เหมือนกัน วิชาการ 1% อีก 99% คือฝึกฝน ไม่มีใครเกิดมาแล้วเป็นได้เลย”

นอกจากนี้ เธอยังได้เล่าประสบการณ์การได้มีโอกาสได้ฟังคำสอนจากองค์ดาไลลามะ ซึ่งเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของชาวทิเบต มาถ่ายทอดลงในผลงานล่าสุดอีกด้วย


ได้มีโอกาสฟังคำสอนจากองค์ทะไลลามะ

“แค่เข้าไปในห้องก็ขนลุก น้ำตาไหล ยังไม่ต้องเทศน์เลย เราสัมผัสได้ในพลังแห่งความเมตตา รู้แล้วว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในห้องนี้ พลังท่านขนาดนี้เลย เวลาเรียนจะเรียน 4 วัน เราก็ต้องทำเรื่องไปก่อน แล้วก็ไปเรียนในวังท่านที่อินเดีย ท่านก็เทศน์เป็นภาษาทิเบตบ้าง อังกฤษบ้าง ก็มีหูฟังแปลเป็นไทยให้

สิ่งที่ท่านพูดทุกวันคือเมตตา แล้วคิดดูสิ คนระดับท่านที่ถูกไล่มาจากประเทศทิเบต ไม่มีประเทศอยู่ ยังเมตตาคนทั้งโลกได้ขนาดนี้ เรารู้เลยว่าท่านเจอมาขนาดนี้ แล้วเราล่ะ พอคราวนี้เวลาทำอะไรต่างๆ อย่างที่บอกมันต้องมีสติควบคู่ เพราะเวลาโกรธที โคตรเหนื่อย มันขึ้นแล้วมันลงยาก แล้วเราต้องใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายชั่วโมงแต่ยังโกรธอยู่ เราไม่อยากจะทำร้ายตัวเองแล้วไง พอทำอย่างนี้ คิดอย่างนี้ได้ ก็ช่างมัน”

และที่พิเศษสุดๆ บางช่วงบางตอนของ “แคร์ เช่น มิตร” ยังได้กล่าวถึงบุคคลสำคัญอีกหนึ่งคน ที่กำลังถูกพูดถึงมากที่สุดในตอนนี้ เขาคนนั้นคือ “ตูน บอดี้แสลม” ซึ่งรายได้ส่วนหนึ่งของการจำหน่ายหนังสือ จะช่วยสมทบทุนในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” อีกแรง

“พออายุ 40 ก็ได้ทำอะไรแปลกใหม่ หนึ่งในนั้นคือการวิ่ง แต่เดิมเกลียดการวิ่งมาก ออกกำลังกายก็ทำอย่างอื่น โยคะ เต้นซุมบ้า ว่ายน้ำ ฯลฯ แต่พอให้วิ่งมันเหนื่อย เราก็เขียนจุดเริ่มต้นเหมือนกันว่า เพื่อนมาชวน ครูโยคะก็มาชวน กลายเป็นชวน 2 ทาง เราก็เลยบอกว่าวิ่งก็ได้ แต่ในใจจะเบี้ยว (หัวเราะ)


ร่วมสมทบทุนในโครงการ “ก้าวคนละก้าว”

แต่ก็รู้สึกถ้าเราเบี้ยวครั้งนี้ ครั้งต่อไปก็จะเบี้ยวอีกเรื่อยๆ แล้วเราก็อยากรู้ว่า แค่วิ่งมันจะนักหนาอะไร ตอนนั้นทำหนังสือ “คิด เช่น แมร์” พอดี ก็เลยบอกว่า ถ้าเราวิ่งได้ เราจะมอบเงินจากการขาย “คิด เช่น แมร์” 400,000 บาท ให้โรงพยาบาลจุฬาฯ ก็ค้ำคอไว้อย่างนี้ พอพูดไปอย่างนี้มันเบี้ยวไม่ได้แล้วไง หาเหตุให้เราบังคับตัวเอง พอถึงวันนั้น 4 กิโลก็ต้องวิ่ง ตอนแรกก็วิ่งไปไลฟ์ไป พอประมาณ 50 เมตรก็พอก่อน ไม่ไหวแล้ว ก็มาตั้งใจวิ่ง

สุดท้ายจบ 4 กิโลปุ๊บ ก็ทำได้นี่หว่า เริ่มติดใจ วิ่งงานอื่นเรื่อยมา ก็มาวิ่งกับตูน อยากให้การวิ่งมันเป็นประโยชน์ แล้วเราก็เขียนเรื่องนี้ลงในแคร์ เช่น มิตร ว่าก่อนวิ่ง ระหว่างวิ่ง มันเกิดอะไรบ้าง ปีก่อนก็ได้ไปวิ่งกับตูน ปีนี้ก็จะไปอีก แล้วก็แน่นอนว่าจะบริจาคให้ตูนอีก 300,000 บาท ก็เหมือนกับว่าคนที่อ่านหนังสือแคร์เช่นมิตรก็จะได้บุญไปด้วย คนอ่านก็ได้กับตัวเอง แล้วเงินที่จ่ายมาเราก็ร่วมไปทำบุญให้ด้วย นี่คือ สิ่งที่แมร์ถนัด”

หลุดจากวังวน “ด่าผู้ชาย” ได้สำเร็จ

อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เมื่อพูดถึงเรื่องการทำหน้าที่เป็นพิธีกรของเธอ เรื่องของฝีปากก็ไม่เป็นสองรองใคร ส่วนเรื่องของงานเขียนก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ด้วยสำนวนภาษาในสไตล์กาละแมร์ที่มีความแสบนิดๆ คันหน่อยๆ เวลาใครอ่านก็รู้สึกสนุกทุกเล่ม ตั้งแต่เล่มแรก จนถึงผลงานปัจจุบันเล่มที่ 24 เธอได้โลดแล่นอยู่ในวงการนักเขียนมานานกว่า 20 ปี

“เขียนหนังสือมา 20 ปีแล้วค่ะ แมร์ทำงานตั้งแต่ปี 40 ปีนี้ก็เป็นเวลา 20 ปีค่ะ เรื่องทำงานก็อยู่ช่อง 3 เลย เป็นผู้ประกาศข่าว เริ่มตั้งแต่ฝึกงานเลยดีกว่า ฝึกงานที่ช่อง 3 ตอนนั้นเป็นช่วงที่เขารับสมัครผู้ประกาศข่าว ก็สมัครงานกับฝึกงานควบคู่กันไปค่ะ พอฝึกเสร็จประมาณ 5 - 6 เดือน ก็ถูกเรียกมาทำงาน ก็ทำงานเป็นผู้ประกาศข่าวตั้งแต่ตอนนั้น

ส่วนเรื่องการเขียนหนังสือ มันอยู่ในจิตวิญญาณและสายเลือดตั้งแต่เด็กอยู่แล้ว เพราะเป็นคนชอบอ่านหนังสือ คนชอบอ่านหนังสือมันจะชอบเขียนไปโดยปริยาย คือ จะเขียนจริงจังหรือเขียนเล่นอะไรก็แล้วแต่ เริ่มจากเขียนไดอารี่ก่อน แล้วก็เขียนเรียงความ ส่งเรียงความประกวด พอเริ่มทำงานที่ช่อง 3 ปุ๊บ ก็เลยแบบ…อยากเขียน ก็เลยฝึกเขียนจากสิ่งที่เราไปเจอ ยกตัวอย่างข่าว ออกไปทำข่าว 1 - 2 นาทีก็จบแล้ว แต่เรื่องที่เจอ มันน่าสนใจ มันน่าเก็บไว้นะ เราก็เลยเริ่มเขียนค่ะ



เล่มแรกชื่อกายกรรมบนเส้นด้ายค่ะ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก เพราะว่ามันเป็นเล่มแรกจริงๆ เป็นเรื่องชีวิตของการเป็นผู้ประกาศข่าว ที่บอกว่าเป็นกายกรรมบนเส้นด้าย คือ การเป็นผู้ประกาศข่าวที่ต้องทำรายการสดใช่ไหมคะ อะไรจะเกิดขึ้นก็ได้ (ย้ำเสียงหนักแน่น) มันเหมือนกับการเล่นกายกรรมบนเส้นด้าย ไม่มีใครรู้หรอกว่าเบื้องหลัง มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง สุดท้ายคนที่อยู่บนหน้าจอเป็นคนรับผิดชอบ เราก็ต้องผ่านข้างหน้านั้นไปให้ได้ นี่คือ เรื่องการทำงาน เป็นงานเขียนเล่มแรกค่ะ”

แต่ผลงานหนังสือ ที่ทำให้ชื่อของสาวกาละแมร์ดังเปรี้ยงขึ้นมาในวงการนักเขียนคือเรื่อง “ผู้ชายเลวกว่าหมาและไม่ได้มาจากดาวอังคาร” ที่แรงตั้งแต่ชื่อเรื่องจนถึงเนื้อหา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าเธอจะออกงานเขียนออกมากี่ชิ้น ก็ได้รับความนิยมตามกันมา จนถึงขนาดติด Bestseller ทุกเล่ม!

“อย่าเรียกว่าด่าผู้ชายเลยค่ะ เราก็แค่พูดความจริงเฉยๆ เป็นเรื่องที่เรา เพื่อน คนรอบตัวเจอมา ก็น่าจะเป็นเล่มที่ทำให้แมร์ดังขึ้นมาด้วยมั้งคะ คือ ตื่นก็ก็อ้าว...อะไรวะ โดนด่าเต็มเลย (หัวเราะ) ด่ายันพ่อยันแม่ แล้วก็ขายดีเลยค่ะคุณ คือ ซื้อยันพระเลยค่ะ พระยังมาซื้อ พระท่านว่า มันดังมากเลย อาตมาอยากรู้ว่าเขียนเรื่องอะไร จริงๆ นะคะ



งานเขียนนะ มันจะเติบโตไปพร้อมๆ กับนักเขียนและความสนใจ ก่อนหน้านี้ เราสนใจเรื่องความรัก ในวัย 20 กว่าๆ ผู้ชายคือที่สุดนึกออกไหม (หัวเราะ) เขาจะทำอะไร พูดยังไง ทำตัวยังไง มันคือความสนใจ สนใจเรื่องเขาไปหมด คือสนใจในเพศตรงข้าม อยากรู้ อยากเห็น เราก็เขียนเรื่องอย่างนี้มาตลอด แล้วเวลาเขียนเรื่องผู้ชายเลวกว่าหมาฯ ผู้หญิงก็จะเข้ามาแบบ…’พี่ เรื่องมันเป็นอย่างนี้นะ’ ‘‘เรื่องนี้ๆ พี่เอาไปเขียนได้เลย ที่หนูเจอมันยิ่งกว่าพี่เขียนอีก’ ก็จดๆ เขียนไป คือ พอเราไปจดจ่อเรื่องอย่างนี้มาก อะไรที่เราเชื่ออย่างนั้นมันก็จะมา

แล้วตอนนั้นมันมีหลังคือชื่อ หักหลังผู้ชาย จะออกมาพร้อมกัน แล้วมันดังเหมือนกัน ขายดีเหมือนกัน ไปงานก็ไปด้วยกัน ก็ด่ากันไปด่ากันมา คุยกันตลก (หัวเราะ) ไอ้นี่ก็ด่าผู้หญิง ไอ้นี่ก็ด่าผู้ชาย ก็คุยกันแต่เรื่องอย่างนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เข้ามาก็ตามที่พูดค่ะคุณ เราเลยมารู้ทีหลังว่า พอเวลาเราคิด เราเชื่อ พอเราพูดย้ำๆๆ ไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านั้นก็จะเข้ามาหาเราเลย มันดึงดูดเข้ามาจริงๆ ค่ะ


หนึ่งในเมนู “คลีนแต่แซ่บ”

พอเราเติบโตขึ้น ก็เริ่มเปิดโลกแล้ว ก็อ๋อ...ในโลกนี้นอกจากผู้ชายแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีก ไปอยู่ในวังวนนั้นตั้งนาน (หัวเราะ) มันมีสิ่งที่ชีวิตเราควรจะได้ไปเจอแล้วมันสนุก มีความสุข ตื่นเต้นเร้าใจ รักตัวเอง ภูมิใจ เรื่องต่างๆ ที่เราไปเจอเยอะเลยนี่หว่า ไม่ต้องไปตีอกชกหัว เลิกกับผู้ชายที จะเป็นจะตาย ดรามา พอ ลาก่อน เชิญคิวต่อไปค่า อะไรแบบนี้ หนังสือก็เลยเติบโตไปกับคนเขียนค่ะ”

สุดท้าย เธอได้เชิญชวนให้แฟนๆ และนักอ่านได้ทำความรู้จักผลงานชิ้นใหม่ ที่นอกจากจะได้เปลี่ยนวิธีการคิดไปกับกาละแมร์แล้ว ภายในเล่มยังมีเมนูอาหารคลีน ที่เป็น “คลีนแต่แซ่บ” ไว้ให้ได้ลองฝึกทำกันอีกด้วย แถมยังได้ร่วมทำบุญอีก เพราะรายได้ส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายหนังสือ จะไปร่วมสมทบทุกในโครงการ “ก้าวคนละก้าว” และ “บ้านพิงพัก” อีกด้วย



“หาซื้อ “แคร์ เช่น มิตร” ได้ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปค่ะ แล้วราคาถูกมากคือ 289 บาท รายได้ก็จะไปร่วมสมทบกับตูนด้วย 300,000 บาท แมร์ไปวิ่งเอง แล้วอีกส่วนก็จะมอบให้ “บ้านพิงพัก” ซึ่งเป็นบ้านที่ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ พระองค์ท่านอยากจะให้มีที่พักพิงที่เป็นที่พึ่งของผู้หญิง

หลายคนอาจจะมองว่าระยะสุดท้ายแล้ว แต่เขามีความหวัง เพราะฉะนั้นเวลาเขารักษาตัว เขาควรจะอยู่ในที่ที่ดี สวยงาม ให้มีกำลังใจค่ะ มีคุณหมอที่รักษาผู้ป่วยมะเร็งมาเยอะมากเป็นตัวตั้งตัวตี ก็รับพระราชเสาวนีย์มา ทำบ้านพิงพักนี้ค่ะ แมร์ก็จะมอบรายได้ส่วนหนึ่งให้ตรงนี้ด้วย

ก็เท่ากับว่าคุณได้ 2 ทาง ได้กับตัวคุณด้วย คุณอ่านแล้วได้ แล้วถ้าสมมติคุณอ่านแล้วชอบ คุณอยากให้เพื่อนคุณอ่าน คุณก็ซื้อให้เพื่อนเป็นของขวัญปีใหม่ อย่างที่บอกคือ คุณให้ของกินเขา เขาก็กินหมด คุณให้ของใช้ เขาก็ใช้ แต่ถ้าวันหนึ่งคุณให้ปัญญาเขา แล้วเขาคิดได้ เขาจดจำคุณชั่วชีวิต แล้วสำหรับแมร์เองแมร์ก็ได้ แมร์ได้ทำ และนี่คือเป้าหมาย”


เปิดสเปกผู้ชายของกาละแมร์

คู่จิ้น กาละแมร์และน้าเน็ก
“เอาแบบนี้นะ แมร์ไม่ได้เลือกจากภายนอกเท่าไหร่ เอาแค่หันไปมองแล้วสบายใจ ให้มันชื่นใจนิดนึง อยู่มา 41 ปี ถ้าไม่เลือก ไม่อยู่มาได้ขนาดนี้นะคะ เลือกมากค่ะ อย่างแรกคือภายนอกโอเค พอไปวัดไปวาได้ แต่จริงๆ คือ เน้นเป็นคนดีมีศีล 5 ตัวแมร์เองก็รักษาศีล 5 มาประมาณปีกว่าๆ แล้ว เพราะอะไรรู้ไหม ถ้าเกิดผู้ชายกินเหล้าแล้วซ้อมเราขึ้นมาทำไง ตอนไม่กินเหล้าก็ดี พอเมาปุ๊บก็ผัวะ ศีลแปลว่าปกติ แล้วทำไมคุณไม่ปกติให้ตลอด สมมตินั่งรถไปโดนเป่าแอลกอฮอล์ก็บอกว่าเป็นแฟนกาละแมร์ คุณไม่พูดชื่อคุณนี่ พาซวยไปด้วย ยังไม่รวมขับรถไปชนนั่นนี่ ถ้าจะโกหกอีกล่ะ กาเมอีกล่ะ เอาจริงๆ ศีล 5 ข้อเราคิดว่ามันยาก แต่พอตั้งในทำมันก็ทำได้ มันจะเป็นเรื่องสบายๆ
นอกจากรักษาศีล 5 ก็ขอให้มีฐานะ ยังอยู่ทางโลกอยู่ เงินน่ะ ใครบอกซื้อความสุขไม่ได้ ซื้อได้ค่ะ แต่เงินช่วยให้คลายทุกข์ไม่ได้ คลายทุกข์มันต้องเรื่องของปัญญาและจิตใจ มันจะต้องคิดให้ได้ แต่เงินซื้อความสุขความสบาย และยังพอมีสมรรถภาพคือเอางี้ เรื่องเพศไม่ใช่เรื่องใหญ่ สมรรถภาพหมายถึงว่าคุณต้องแข็งแรง ไม่ใช่เจ็บป่วยมาอีก ก็ไม่รู้จะเอาใครดี หลายคนก็บอกว่าต้องเป็นพระแล้วล่ะ (หัวเราะ) แล้วต้องเป็นเจ้าอาวาส เพราะมีฐานะ เอาจริงๆ นะ ชีวิตมันสนุกมากกว่าการหาผัวเยอะ
ส่วนกระแสคู่จิ้นกับน้าเน็ก กับน้าเน็กเป็นเพื่อนกันค่ะ ถ้ามีลูก คิดดูลูกจะออกมายังไง ไม่ต้องถึงนิสัยนะ ดูสภาพลูกก่อน แมร์กับน้าเน็กรวมกัน สภาพลูกออกมาใครจะอุ้ม แล้วลูกออกมาคงพูดเลย ไม่อุแว้นะ เผลอๆ ด่าออกมาก่อนด้วย”


สัมภาษณ์โดย : พระอาทิตย์ Live
ขอบคุณภาพ : อินสตาแกรม@kalamare
กำลังโหลดความคิดเห็น