xs
xsm
sm
md
lg

สก็อต ปาร์คเกอร์ เดอะ คลาสสิค

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เขาคือ หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดของอังกฤษ ผมแปลกใจมากที่เขาถูกประเมินต่ำอย่างมาก ทั้งที่เขาคือหนึ่งในสุดยอดกองกลางที่ดีที่สุดของอังกษด้วยซ้ำไป”

เคลาดิโอ รานิเอรี่ กล่าวถึงอดีตนักเตะเชลซีที่เขาซื้อมาร่วมทีมในช่วงการคุมทีมท้าย ๆ ของเขา หลังจากต้องยื้อแย่งกับบรรดาทีมใหญ่มากมาย ทั้งอาร์เซนอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล และหวังว่าจะให้มาเป็นกองกลางคนใหม่ของทีมต่อจากแฟรงค์ แลมพาร์ด และ โคล้ด มาเกเลเล่ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จนัก และต้องย้ายทีมออกไปในเวลาอันสั้น หลังการมาของโฆเซ่ มูรินโญ่

เรากำลังพูดถึง สก็อต ปาร์คเกอร์ กองกลางผู้มีฉายา เดอะคลาสสิคแห่งชาร์ลตัน

ปาร์คเกอร์ เริ่มต้นเล่นฟุตบอลด้วยการอยู่ในทีมชาร์ลตัน หลังเคยไปทดสอบฝีเท้ากับท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แต่ไม่ผ่าน และ เป็นชาร์ลตัน แอธแลนติค ทีมบ้านใกล้เรือนเคียงที่รับเขาไปเล่น โดยเริ่มต้นด้วยการเล่นมิดฟิลด์ตัวรุกก่อน และค่อยๆ ขยับมาเล่นมิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอลและมิดฟิลด์ตัวรับในภายหลัง ทว่าการมาเล่นตำแหน่งนี้กลับเป็นการแจ้งเกิดของเขา เมื่อวิสัยทัศน์ในการเล่นมิดฟิลด์โฮลด์ลบอลของเขาอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม และทำให้กุนซือของชาร์ลตัน อย่าง อลัน เคอร์บิชลีย์ ชอบใจและผลักดันเขาลงสนามอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นตัวหลักของทีมเล็ก ๆ ที่ไม่มีเงินทุนเงินถังอย่าง ชาร์ลตันไปในที่สุด

"ผมเห็นเขาเล่นในทีมสำรองและการยืมตัว ผมมองว่า เขามีศักยภาพที่น่าสนใจมาก เขามีทั้งลูกจ่ายที่ยอดเยี่ยมและเล่นฟุตบอลอย่างฉลาด เขาจะกลายเป็นกัปตันทีมของเราในอนาคตได้แน่นอน"

ในปี 2000-2004 ปาร์คเกอร์กลายเป็นตัวหลักของทีมดาบอัศวินได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความแข็งแกร่ง และความมั่นใจในการเล่นอย่างสูงทำให้เขาได้รับความนิยมอย่างมากจากแฟน ๆ และกลายเป็นกองกลางตัวความหวังของทีมไปในที่สุด โดยเฉพาะสถิติลงเล่นกว่า 128 นัด ในลีคบ่งบอกถึงความมั่นใจของผู้จัดการทีมมีต่อเขาได้อย่างดี

แต่นั่นแหละว่า ชาร์ลตันไม่ใช่ทีมเงินถุงเงินถัง ฟอร์มอันยอดเยี่ยมนี้ทำให้ทีมใหญ่จ้องตาของเขาเป็นมันชนิดอยากได้กันให้แบบกระไดไม่แห้ง จนสุดท้ายก็เป็นทีมเศรษฐีใหม่อย่างเชลซี ภายใต้การคุมทีมของโรมัน อบราโมวิชที่คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ บวกดีกรีดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2004 ของ PFA Young Player of the Year ยิ่งทำให้สถานะของเขาถูกจับตามองยิ่งขึ้น โดยลืมไปว่า เขาจะต้องไปแย่งชิงตำแหน่งกับกองกลางเจ้าประจำอย่าง มาเกเลเล่ และ แลมพาร์ด แถมยังมีกองกลางคนอื่นรออยู่แล้วด้วย

มันจึงเป็นสิ่งที่ปาร์คเกอร์ต้องแบกรับอย่างหนักในการมาเล่นในทีมสิงโตน้ำเงินครามนี้ แม้ว่าเขาจะปากแข็งพูดว่า

“ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดกับการแย่งตำแหน่งมา การอยู่เชลซีจะทำให้ผมพัฒนาขึ้นอย่างแน่ ๆ”

กระนั้นเอง เขาก็ต้องรีบเก็บกระเป๋าย้ายทีมไปอย่างรวดเร็ว หลังจากมีโอกาสลงเล่นเพียง 15 นัดในสองฤดูกาลเท่านั้น ส่วนมากตูดด้านนั่งสำรองดูสองกองกลางเจ้าประจำเล่น แถม ผู้จัดการคนใหม่อย่าง มูรินโญ่ก็ไม่ชอบเขาเท่าไหร่นัก เมื่อเขาซื้อนักเตะใหม่มาเล่นอย่าง ทิตาโก้ มาอีกคน ยิ่งทำให้สถานการณ์ของเขามืดมนจนสุดท้ายก็ต้องย้ายหนีไปอยู่นิวคาสเซิ่ลแบบขาดทุนเพียง 6 .5 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง

การย้ายไปยังทีมอย่างนิวคาสเซิ่ลเองก็เป็นเรื่องถูกต้องเมื่อเจ้าตัวสถาปนาตัวเองเป็นกองกลางห้องเครื่องของทีมแม็กไพน์นี่ได้อย่างรวดเร็ว ต้องบอกว่า การมาอยู่กับทีมนี้ทำให้เขาสามารถรีดเร้นศักยภาพในตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่จากเล่นกองกลางตัวโฮลด์บอลที่ถนัดจนอลัน เชียร์เรอร์ ตำนานกองหน้าของนิวคาสเซิ่ลกล่าวชมว่า

“ผมคิดว่า ในอังกฤษมีแค่ไมเคิ่ล คาร์ริคเท่านั้นที่เหนือกว่าเขา เขาเต็มไปด้วยคุณภาพอย่างมาก ทั้งการจ่ายบอลและการตั้งรับเกม ผมเชื่อว่า เขาจะก้าวขึ้นไปเป็นกองกลางตัวหลักของทีมชาติอังกฤษได้ในไม่ช้า”

ทว่าเส้นทางการเล่นให้ทีมชาติของเขาดูค่อนข้างจะมีอุปสรรคเล็กน้อย เนื่องจากทีมชาติเต็มไปด้วยบรรดาขาใหญ่ในทีมอยู่แล้ว โดยเฉพาะตำแหน่งกองกลางที่มีทั้งไมเคิ่ล คาร์ริค , โอเว่น ฮาร์กรีฟ และ อีกหลายคนจึงไม่ได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงเท่าไหร่นัก แต่ฟอร์มของเขาก็ถือว่า ยอดมากจนถูกเลือกเป็นนักเตะของสโมสรด้วยซ้ำไป

ความยอดเยี่ยมนี้ทำให้เขามีโอกาสย้ายไปทีมอย่าง เวสต์แฮมด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ และกลายเป็นขวัญใจของทีมด้วยฟอร์มการเล่นและความเป็นผู้นำของทีมจนกระทั่งเขาตัดสินใจจะอยู่กับทีมต่อไปจนกระทั่งแขวนสตั้ดด้วยซ้ำ ถ้าสเปอร์ ทีมรักในวัยเด็กของเขาไม่ติดต่อมาก่อน

สุดท้ายปาร์คเกอร์ก็ได้ย้ายไปเล่นในสเปอร์สสมใจ แม้จะอยู่ได้ไม่นาน เขาก็ได้บรรลุความตั้งใจทั้งหมดแล้ว พร้อมกับฝากคุณภาพของการเล่นกลางแบบคลาสสิคเอาไว้ที่นี่จนกระทั่งวันสุดท้ายของสัญญา

“ผมคิดว่า ตัวเองได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำมาตลอด ขอบคุณแฟน ๆ สเปอร์สทุกคน ผมจะกลับมาอีกครั้ง ถ้าสโมสรต้องการ”

หลังจากนั้น ปาร์คเกอร์ย้ายไปค้าแข้งกับฟูแล่มแล้วตกชั้นมาเล่นในแชมเปี้ยนชิพเป็นสโมสรสุดท้ายในฐานะกัปตันทีม เขาพาทีมฟูแล่มที่ไม่มีเงินแบบยุครุ่งเรืองก้าวเท้าสู่รอบเพลย์ออฟขึ้นชั้นพรีเมียร์ได้สำเร็จแบบหักปากกาเซียนทั้งที่ตอนแรก ฟูแล่มเกือบกระเด็นตกชั้นไปลีควันแล้ว แต่ด้วยประสบการณ์และความมุ่งมั่นของปาร์คเกอร์แม้จะอายุย่าง 37 แล้วทำให้ทีมมีลุ้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีคได้ด้วยซ้ำไป

แต่สุดท้าย พวกเขาทำไม่สำเร็จ เมื่อแพ้ในรอบเพลย์ออฟแบบน่าเจ็บใจพร้อมกับอำลาสนามของปาร์คเกอร์ที่ตัดสินใจแขวนรองเท้าในคราวนี้

"ผมเชื่อว่านี่คือเวลาที่เหมาะสมที่จะก้าวไปยังบทต่อไปในชีวิตและอาชีพ"

"ผมรู้สึกเป็นเกียรติและภูมิใจมากที่ได้สนุกกับอาชีพ ผมรักทุกช่วงเวลาในอาชีพของผม"

ปาร์คเกอร์ ปิดอาชีพตัวเองด้วยวัย 36 ปี พร้อมคำยกย่องว่า เป็นกองกลางที่ดีที่สุดคนหนึ่งในอังกฤษที่ถูกมองข้าม เกียรติประวัติของเขาสูงสุดมีเพียงแชมป์ลีคคัพกับเชลซีและยูฟ่า อินโตโต้กับนิวคาสเซิ่ลเท่านั้น แต่เขาก็ภูมิใจในอาชีพของเขาจนวันสุดท้าย

ปัจจุบันปาร์คเกอร์กลับไปทำงานให้กับสเปอร์ส ทีมรักของเขาในฐานะโค้ชทีมเยาวชนด้วยความหวังจะสร้างดาวรุ่งคนใหม่ของทีมขึ้นมาประดับวงการให้ทีมรักของเขาต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น