สังคมประณาม! ประธานหมู่บ้านสุดเหี้ยม ตีหมาไม่ยั้งมือ ตัวหนึ่งตาย ตัวหนึ่งร่อแร่ อ้างทำไปเพราะลูกบ้านร้องเรียน ประกอบกับเมาและถูกหมาไล่ ด้านสัตวแพทย์เผย ตีเพื่อป้องกันตัวสามารถทำได้ แต่ตีจนตายแบบนี้ไม่ถูกต้อง!
ลงมือเพราะลูกบ้านกดดัน?!
กลายเป็นประเด็นดรามาสะเทือนหัวใจคนรักสัตว์ โดยเฉพาะคนที่เลี้ยงสุนัข หลังจากที่เฟซบุ๊ก “ทีมงาน ป.ปีนัง นกกรงหัวจุก” เผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอ เป็นเหตุการณ์ที่ชายวัยกลางคนสวมเสื้อกล้ามสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีขาว กำลังใช้ไม้ตีไปที่สุนัข 2 ตัว อย่างไม่ยั้งมือ เมื่อตัวแรกถูกตีจนแน่นิ่งไปแล้ว ตัวที่ 2 ได้วิ่งเข้ามาช่วย แต่กลับโดนทุบตีอย่างทารุณจนแน่นิ่งไม่ต่างกัน ทั้งที่มีผู้อยู่ในเหตุการณ์แต่ก็ไม่มีใครห้ามปราม
หลังจากนั้นเขาได้นำสุนัขที่ถูกตี ขึ้นรถจักรยานยนต์ขับออกไป ซึ่งผู้โพสต์คลิปนี้ระบุข้อความว่า “หมามันไปทำอะไรให้ มันอยู่ของมันเฉยๆ คุณไปตีมันทำไม ช่วยแชร์ให้เยอะๆ นะครับ หน่วยงานไหนรับผิดชอบ มาจัดการด่วนหลักฐานชัดเจน เหตุการณ์เกิดขึ้นที่เอื้ออาทร บางบัวทอง2 ไทรน้อย”
เมื่อคลิปดังกล่าว ถูกส่งต่อกันไปบนโลกโซเชียลฯ กว่า 15,000 ครั้ง ปฏิกิริยาส่วนใหญ่ของชาวโซเชียลฯ ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ ก่นด่าพร้อมกับประณามพฤติกรรมที่โหดเหี้ยมของชายคนนี้ ที่ทำร้ายสัตว์อย่างรุนแรงจนเกินกว่าการป้องกันตัวเอง และในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ เพื่อควบคุมตัวชายที่ปรากฏอยู่ในคลิปมาสอบปากคำ จนกระทั่งพบว่า ชายคนนี้มีตำแหน่งเป็นประธานหมู่บ้านเอื้ออาทร 2 พร้อมทั้งควบตำแหน่งหัวหน้าพนักงานรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านแห่งนี้อีกด้วย
ล่าสุด หลังจากการลงพื้นที่และสอบปากคำชายในคลิปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ได้ดำเนินการส่งฟ้องอัยการตามข้อกล่าวหา ตาม พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมสัตว์และจัดสวัสดิภาพสัตว์ มาตรา20 กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันควร
ผู้ถูกกล่าวหาได้รับทราบข้อกล่าวหาและให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คดีอาญาระวางโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ โทษจึงลดลงกึ่งหนึ่ง แต่เนื่องด้วยวันนี้มีการยื่นฟ้องไป 2 สำนวน จึงทำให้ไม่สามารถพิจารณาคดีได้เพราะเป็นทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง ต้องให้ทำการสืบเสาะคดีแพ่งและพิจารณาคดีจนเสร็จสิ้นก่อนจึงสามารถพิจารณาในคดีอาญาต่อไปได้ ผู้ต้องหาจึงขอประกันตัวเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท ศาลจะนัดพิจารณาคดีอีกครั้งประมาณ 1 เดือนข้างหน้า
จินดา ก่านจันทร์ วัย 47 ปี ผู้เป็นมือตีสุนัข เปิดเผยหลังรับทราบข้อกล่าวหาว่า ตนเองในฐานะประธานชุมชน ได้รับร้องเรียนจากลูกบ้านว่าถูกสุนัขไล่กวด วันที่เกิดเหตุเขาอ้างว่าได้คว้าไม้จะไล่ แต่ “เจ้าดำ” และ “เจ้าสวย” ทำท่าจะกัดจึงใช้ไม้ตีเพื่อป้องกันตัว จากนั้นได้ลากใส่รถแล้วเอาไปปล่อยที่คลองเจ๊กที่อยู่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุประมาณ 2 กิโลเมตร โดยยืนยันว่าสุนัขทั้ง 2 ยังไม่ตาย แต่ความจริงนั้นเจ้าดำตายแล้ว พร้อมวอนให้สังคมเข้าใจ ขอให้ลดคำประณามตนและครอบครัวและการทำมาหากินของตนด้วย
ด้าน สุปราณี รัชรินทร์ เจ้าของสุนัขทั้ง 2 ตัว ที่เดินทางมาที่ศาลเช่นกัน ก็กล่าวว่า ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ได้พูดคุยกับประธานหมู่บ้านแล้วและเขายอมรับผิด เขาอ้างว่ามีลูกบ้านมาร้องเรียนเลยต้องจัดการ เราก็เห็นใจเขาเพราะว่าเขาเป็นประธานหมู่บ้านถูกกดดัน แต่สิ่งที่แก้ปัญหามันไม่ใช่ หากหมาทำความเสียหายจริงตนก็ยินดีรับผิดชอบ ตอนนี้เจ้าสวย สุนัขที่รอดชีวิตมาได้ อยู่ในการดูแลของแพทย์แล้ว แต่ยังไม่ทราบจำนวนค่ารักษา
ตีได้...แต่ไม่ใช่ตีให้ตาย
เพื่อความชัดเจนของเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทีมข่าวผู้จัดการ Live ได้สอบถามไปยัง สพ.ญ.ภัทรนันท์ สัจจารมย์ สัตวแพทย์หญิงผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายของเพจ “Watchdog Thailand” ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง รับเรื่องจากผู้เสียหายและช่วยประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
“ฐานความผิดเรื่องทารุณกรรมอันนี้ผิดแน่นอน ผิดเรียบร้อยสำเร็จไปแล้ว กับฐานความผิดเรื่องทำให้เสียทรัพย์ ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลที่จะพิจารณาไตร่ตรอง ว่าจะมีการเรียกร้องค่าเสียหายยังไง เพราะเจ้าสวยกระโหลกมันยุบเลยค่ะ มีการอาการทางสมอง อาจจะต้องรักษาตัวอีกนาน เพราะฉะนั้น การที่เป็นหมามีเจ้าของ มันเป็นทรัพย์สินของเจ้าของ ซึ่งทรัพย์สินตรงนี้มันไม่สามารถตีราคาได้ว่าหมาตัวนี้ราคาเท่าไหร่ มันเป็นมูลค่าทางจิตใจค่ะ
“เจ้าสวย” สุนัขที่รอดชีวิตจากการถูกชายใจโหดตีปางตาย
คนที่ตีเขาอ้างว่าโมโหว่าหมาตัวอื่นมา เหมือนหมาในหมู่บ้านมันเยอะ แล้วหมาตัวอื่นมาเห่าเขา ตอนนั้นเขาเมาด้วย หมาตัวที่ตีไม่ใช่ตัวที่มารบกวน เลยเป็นการระบายอารมณ์ สำหรับอาการของหมา ชาวบ้านคาดว่าเจ้าดำก็น่าจะตาย แต่ยังหาไม่เจอ ส่วนอีกตัวหนึ่งรักษาตัวอยู่ค่ะ เป็นหมามีเจ้าของทั้ง 2 ตัว จะอ้างว่าที่ตีเพราะโมโหอีกตัวที่โดนไล่มาไม่ได้ มันเป็นคนละตัวกัน”
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ความคิดเห็นบางส่วนก็ตั้งข้อสังเกตถึงเจ้าของหมาว่า เจ้าของปล่อยปละละเลยสัตว์เลี้ยงของตนให้ออกมาเพ่นพ่าน จนอาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่คนในชุมชน หากเป็นแบบนี้สามารถเอาผิดกับเจ้าของได้หรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้คุณหมอภัทรนันท์ ก็ได้อธิบายถึงข้อสงสัยนี้ไว้ ว่าที่ควบคุมให้อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ ส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายของบ้านเราด้วย
“ถ้าเกิดว่าเราได้รับความเดือดร้อนจากสัตว์เลี้ยงคนอื่นก็สามารถร้องเรียน แต่ว่าในกฎหมายบ้านเรา ในลักษณะการดูแลจัดการสวัสดิภาพสัตว์ เรายังไม่มีกฎหมายมารองรับตรงนี้ว่า เจ้าของทุกคนจะต้องเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในตัวอาคารหรือบ้าน เพราะฉะนั้น เป็นสิทธิของเจ้าของ สามารถที่จะเลี้ยงแบบเปิดหรือแบบปิด แบบเปิดก็คือเปิดให้ออกมาเดินเล่นแล้วกลับเข้าบ้านไปกินข้าว ต้องเข้าใจว่ามันเป็นวิถีชีวิตของคนไทยมาเนิ่นนานแล้ว ไม่ใช่แค่หมา รวมถึงสัตว์อย่างอื่นด้วยที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง อย่างบางคนเลี้ยงไก่ ก็เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง ไม่ได้เลี้ยงในตัวบ้าน พอรวมเป็นสัตว์เลี้ยงปุ๊บ มันก็คุมยากค่ะ
แต่ถ้าเกิดสัตว์เลี้ยงของคุณไปอึหน้าบ้านคนอื่น หรือไปสร้างความเดือดร้อน ก็สามารถที่จะร้องเรียนนะคะ มันก็จะมีข้อกำหนดว่าตักเตือนก่อน พอครั้งที่ 2 อาจจะมีการปรับเงิน แต่ถ้าเกิดสัตว์เลี้ยงไปกัดชาวบ้าน เจ้าของสัตว์ก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้กัดแต่คนไปตีขนาดนี้ก็ต้องรับโทษไป เพราะมันไม่ได้ถือว่าเป็นการป้องกันตัว”
สุดท้าย ผู้ช่วยฝ่ายกฎหมายจากเพจดัง กล่าวถึงการป้องกันตัวหากกำลังจะโดนหมาที่มีหรือไม่มีเจ้าของทำร้ายว่า ตีพอแค่ให้มันหยุดการโจมตีก็เพียงพอแล้ว ไม่ใช่ทำถึงขั้นทำให้ตาย แต่หากใครถูกหมาจรจัดทำร้ายเข้า คงต้องทำใจล่วงหน้าได้เลย เนื่องจากไม่สามารถร้องเรียนกับใครได้
“ตัวเลขล่าสุดของจำนวนหมาจรจัดในไทยตอนนี้ประมาณ 700,000 ตัวค่ะ ส่วนใน กทม.ตกประมาณสัก 100,000 ตัวค่ะ ส่วนหนึ่งก็ต้องเริ่มที่เจ้าของด้วย อีกหน่อยถ้าเกิดว่าเรามีการฝังไมโครชิป การเอาหมาไปปล่อยมันจะทำไม่ได้ มันจะตามได้ว่าใครเป็นเจ้าของ แต่มันอาจจะมีโทษปรับถ้าเกิดว่าทิ้งน้อง จริงๆ การละทิ้งสัตว์ มันมีโทษอยู่แล้วค่ะ
เราต้องเข้าใจว่าสุนัขจรจัดมันเป็นผลพลอยได้มาจากการที่ คนเลี้ยงหมาแล้วปล่อย อยู่ๆ มันไม่งอกเกิดขึ้นมาเองค่ะ มันจะต้องมีคนที่เลี้ยงแล้วปล่อย หมาจำนวนนั้นมันก็ไปผลิตลูก ทีนี้การที่จะให้หน่วยงานภาครัฐมาจับแล้วนำไปไว้ที่ใดที่หนึ่ง ตอนนี้ทางกรมปศุสัตว์เองก็มีนโยบายทำหมัน ฉีดวัคซีน แล้วก็คืนถิ่นก็ดำเนินการมาอยู่แล้ว หลายจังหวัดค่ะ
เราต้องดูว่าหมาทำอะไร ถ้าเกิดหมาจะกัด เราก็มีสิทธิป้องกันตัว แต่ว่าการป้องกันตัว ก็ต้องดูว่าเกินกว่าเหตุหรือเปล่า แค่ไล่หรือตีให้มันหยุด ไม่ใช่ตีให้มันตาย กรณีที่เป็นหมามีเจ้าของ เราก็เอาผิดกับเจ้าของได้ แต่ในกรณีที่เป็นหมาจรจัด ถ้าโดนหมาจรจัดกัด มันก็เหมือนกับเราเดินไปแล้วลูกเห็บตกใส่หัว เราจะไปเรียกร้องอะไรกับใครได้ เราก็ไม่สามารถเรียกร้องอะไรกับใครได้อยู่แล้วค่ะ เพราะว่าสัตว์ทุกชนิดมันถือว่ามันเป็นทรัพยากรที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว มันสามารถที่จะมีชีวิตอยู่ได้ค่ะ”
ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก “ทีมงาน ป.ปีนัง นกกรงหัวจุก” และ “Watchdog Thailand”