“ถ้าเขามีเลือดชั่วแบบนี้ เราก็คงไม่เอา” แม่มุกประกาศลั่น ขอตัดขาดจากลูกสาว “กุญแจซอล” ที่ถูกสามีปั่นหัว จนถึงกับด่าไล่พ่อแม่ โดยเฉพาะพฤติกรรมฝ่ายชาย ที่กีดกันครอบครัวฝ่ายหญิง สั่งห้ามแตะต้อง-ถ่ายรูปหลานชายที่เพิ่งคลอด สังคมรุมประณามสาปส่งไร้มนุษยธรรม เช่นเดียวกับหลักนิติธรรมที่ถูกตั้งคำถามว่า ทำไมไม่เหลือสิทธิให้คุณตาคุณยายบ้าง นักกฎหมายขอยืนยันว่า มันเจ็บแต่จริง เพราะรัฐธรรมนูญคุ้มครองสิทธิ์พ่อแม่ของเด็กเป็นหลักเท่านั้น...
กีดกัน “ตา-ยาย” = ตัดขาด “พ่อแม่-ลูก”
[พ่อหนึ่ง - แม่ดา]
“ครอบครัวเรามาเยี่ยมพี่ที่โรงพยาบาล เข้ามาในห้อง พ่อแม่-หนู-น้อง จะมารับขวัญหลาน จะเอาของมาให้ พวกเราก็คุยกับพี่ซอล ถ่ายรูปเล่นกับหลานอยู่ดีๆ ผู้ชาย(นายฌณัฏฐ์) เข้ามาในห้อง ตะโกนพูดว่า "หยุดถ่ายกันได้แล้ว จะถ่ายอะไรกันนักหนา" แล้วไม่ให้พวกเราคุยกับพี่สาว
คือหมายความยังไง คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้าม แค่กีดกันไม่ให้ครอบครัวเจอกัน-คุยกัน 9 เดือน ยังไม่พออีกเหรอคะ อดทนมานาน หนูไม่ไหวแล้วค่ะ #พี่ไม่แมนเลยค่ะ
ตอนนี้ หนูกับครอบครัว คงไม่ยุ่งกับพี่ซอลและแฟนเขาอีกต่อไป พี่ซอลเลือกฝ่ายพี่ผู้ชาย ต่อว่าหนูและพ่อแม่ วันนี้ได้ยินเองจากหูแล้ว พี่แท้ๆ ของตัวเองต่อว่าคนในครอบครัว ก็ขอให้พี่เขาอยู่ด้วยกันให้สบายใจเลยค่ะ ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกันอีกต่อไปค่ะ”
[กุญแจซอล (พี่สาว) - แจกัน (น้องสาว)]
นี่คือความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “แจกัน-ปอถักทอง บุญทอง” ที่ระบายเอาไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ "Jaegun Boonthong" หลังหอบครอบครัวเข้าเยี่ยมพี่สาวคนโตของบ้าน “กุญแจซอล-ป่านทอทอง บุญทอง” ที่เพิ่งคลอด “น้องเทคออฟ” ลูกชายคนแรกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
คาดหวังว่าการเดินทางมาเยี่ยมหลานครั้งนี้ จะช่วยสานสัมพันธ์ 2 ครอบครัวให้กลับมามองหน้ากันติด แต่กลับทำให้ไฟแค้นระอุยิ่งกว่าเดิม เมื่อ “นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ เลิศพัฒนาไทย” สามีดีกรีกัปตันสายการบินไทยสมายล์ และอดีตทหารของกุญแจซอล ขับไล่ไสส่งครอบครัวฝ่ายหญิงอย่างไม่มีชิ้นดี และย่อหน้าต่อจากนี้ คือคำบอกเล่าเพิ่มเติมจาก พ่อหนึ่ง-นึกคิด บุญทอง นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ผู้เป็นพ่อของอดีตนางเอกสาววิก 7 สี
“เขาบอกว่าจะถ่ายอะไรนักหนา แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ ผมก็อยู่ตรงนั้น ผมก็บอกว่าทำไมเหรอ เรามาหาลูกหลานไม่ได้เหรอ เขาก็คงไม่พอใจ น้องแจกันก็พูดว่า ขอหนูคุยในครอบครัวหนูได้มั้ย แต่เขาก็ดึงตัวซอลและเอาหลานไป ผมก็ขึ้นเลย มันไม่ถูกต้อง เราเก็บมานาน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเขานะ
[น้องเทคออฟ ลูกชายคนแรกของกุญแจซอล]
ทำไมล่ะ จะอุ้มหลานไม่ได้เลยเหรอ หลานเรา เราสงสัย เขาไม่น่าทำแบบนี้ จริงๆ กำลังจะจบไปได้สวยแล้วนะ ซอลก็นั่งอึ้งเหมือนกัน คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ คงพูดอะไรไม่ออก”
“ตอนนั้นแม่คิดเลยว่า ลูกเราไปอยู่กับเขาเต็มร้อยแล้ว” แม่มุก-มุกดา บุญทอง ช่วยบอกเล่าเพิ่มเติม ผ่านความรู้สึกของคนเป็นแม่
[กุซแจซอล - นาวาอากาศโท ฌณัฏฐ์ (สามี)]
“แม่บอกกุญแจว่า ถ้าไม่เป็นพ่อแม่เป็นลูกแล้ว ก็ไปเปลี่ยนชื่อนามสกุลเลยนะ เขาบอกว่าไม่มีกฎหมายมาบังคับอะไรได้ นี่คือคำพูดเขา ชื่อเขา เขาสร้างขึ้นมาเอง พ่อแม่ฝ่ายชายอยู่ด้วย พอจะพูดอะไร ฝ่ายชายก็ห้าม ตะคอกเลย
ทุกอย่างผู้ชายล้างสมอง เรายอมรับหมดในตอนแรก คิดว่าเขาเป็นทหารคงมีเกียรติมีศักดิ์ศรี อายุเยอะแล้ว เราผิดที่ไปไว้ใจเขามากเกินไป แต่พอเขาเป็นแบบนี้ เขาไม่ให้เกียรติทางเรา ไม่เกียรติพ่อแม่เขา ไม่ให้เกียรติหน้าที่การงานเขาด้วย เราคงรับเขาต่อไปอีกไม่ได้
คิดว่าครั้งนี้เราจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเขาไม่ได้เห็นว่าเราเป็นพ่อแม่ลูก ก็ไม่ต้องเป็น ถ้าเขามีเลือดชั่วแบบนี้ เราก็คงไม่เอา เพราะเรายังมีลูกอีก 2 คน”
ต้องทำใจ... กฎหมายคุ้มครอง “คนไร้สำนึก”
[ภาพตอนคบกัน ช่วงก่อนตั้งครรภ์]
เมื่อจบวันแห่งความผิดหวัง คุณแม่ของอดีตนางเอกสาวก็ได้แต่ตัดพ้อบนเฟซบุ๊กส่วนตัวของเธอ “Mukdar Boonthong” โดยระบายเอาไว้ว่า “พาลูกเราหนียังไม่สำนึกอีก นี่ยังมากีดกันไม่ให้เราเจอกันอีก เป็นคนอยู่หรือเปล่า” ถึงแม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้าใจแทน แต่ทางกฎหมายแล้ว รัชพล ศิริสาคร ทนายความชื่อดังจากสำนักงานสายตรงกฎหมาย เจ้าของเพจ "สายตรงกฎหมาย” ช่วยยืนยันกับ ทีมข่าวผู้จัดการ Live ว่า คุณตา-คุณยายแทบไม่เหลือสิทธิต่อรองแล้วจริงๆ
“ตามกฎหมายแล้ว เด็กอยู่ในปกครองของพ่อแม่เต็มที่เลยครับ ทำให้พ่อแม่มีสิทธิที่จะให้เจอคุณตาคุณยายหรือไม่ก็ได้ คุณตาคุณยายจะไม่มีสิทธิอะไรในตัวเด็กได้เลย นอกเสียจากว่า คุณพ่อคุณแม่ของเด็กมีปัญหาด้านการเลี้ยงดู คือกำลังอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถจะดูแลเด็กได้ คนอื่นๆ ในครอบครัว เช่น คุณตาคุณยาย หรือคุณปู่คุณย่า ถึงจะมีสิทธิขอให้ถอนอำนาจปกครองของคุณพ่อคุณแม่ได้ แต่ถ้าพ่อแม่เขายังดูแลเด็กได้ ขืนฟ้องไปก็แพ้เปล่าๆ ครับ
ถึงแม้ว่าอย่างกรณีนี้ ฝ่ายพ่อแม่ของเด็กจะหนีออกมาอยู่ด้วยกันเอง แต่เขาก็ออกมาตอนบรรลุนิติภาวะแล้ว ดังนั้น เขาสามารถจะทำอะไรก็ได้ จะออกมาสร้างครอบครัวเอง หรือจะใช้ชีวิตยังไงก็ได้แล้ว คนที่เคยเป็นผู้ปกครอง ไม่สามารถจะทำอะไรได้แล้วครับ
[หนีออกมาสร้างครอบครัวเอง]
ส่วนที่คนวิจารณ์กันว่ากฎหมายข้อนี้ไม่ยุติธรรม ผมมองว่ามันเป็นธรรมแล้วนะครับ เพราะกฎหมายมีไว้คุ้มครองเด็กอยู่แล้วครับ ลองคิดดูว่าถ้าสมมติคุณตา คุณยาย คุณปู่ คุณย่า เป็นคนไม่ดี จ้องจะมาเอาสมบัติของเด็ก มันก็อาจจะไม่ดีต่อครอบครัวใหม่ หรือถ้าคุณตา คุณยาย ไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูเด็ก หรือเลี้ยงออกมาแล้วเด็กเป็นคนไม่ดี ก็ควรจะให้พ่อแม่เขาเลี้ยงจะดีกว่าหรือเปล่า
เจตนาของกฎหมายคือ ต้องการให้สิทธิพ่อแม่ตัวจริงของเด็ก มีอำนาจปกครองเด็ก มีอำนาจเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ ผมว่ากฎหมายเขาเขียนไว้ดีแล้วครับ ถ้าเห็นว่าไม่ยุติธรรม พ่อแม่ของเด็กเลี้ยงเด็กได้ไม่ดีพอ กฎหมายก็เปิดช่องให้ไปฟ้องร้องเอาไว้
ยกเว้นกรณีที่คุณพ่อคุณแม่ของเด็ก ใช้ความรุนแรงกับเด็ก ก็จะมีความเป็นไปได้ ที่คุณตาคุณยายจะได้สิทธิเลี้ยงดูหลานแทน แต่ถ้าเป็นกรณีความผิดเรื่องการนอกใจหรือมีชู้ อาจจะมีความเป็นไปได้ยาก เพราะถึงจะมีคนใหม่ แต่ถ้ายังมีความสามารถในการเลี้ยงลูกและลูกมีความสุขดี พ่อแม่ก็ยังมีสิทธิเต็มที่ที่จะเลี้ยงดูเด็ก
[ภาพพ่อ-ลูก เมื่อครั้งอดีต]
ในทางกฎหมายมันต้องคุ้มครองแบบนี้อยู่แล้วครับ คือต้องปกป้องเด็กให้พ่อแม่ตัวจริงเป็นคนเลี้ยงดู แต่ในหลักการปฏิบัติแล้ว ถ้าจะให้ดี เราก็ต้องมองถึงเรื่องมนุษยธรรมด้วย ก็ควรจะตกลงกัน ให้คุณตาคุณยายได้เข้ามาพูดคุย เยี่ยมหลานแบบครอบครัวอื่นๆ บ้าง แต่สุดท้ายแล้ว การตัดสินใจทุกอย่าง ก็จะขึ้นอยู่กับพ่อแม่ของเด็กอยู่ดี
อีกประเด็นเรื่องการตัดพ่อ-ตัดแม่-ตัดลูกกัน ทางกฎหมายแล้วมันเป็นไปไม่ได้ครับ เพราะกฎหมายระบุว่า หน้าที่ของพ่อแม่คือต้องเลี้ยงดูลูก และลูกก็ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ ดังนั้น การตัดขาดทางสายเลือดกันจึงไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการตัดออกจากกองมรดก จึงจะเป็นสิ่งที่ทำได้ คือต้องเขียนระบุลงไปในพินัยกรรมเลยว่า มอบหรือไม่มอบมรดกให้ใครบ้าง ยังไงก็ตาม ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่าย และขอให้เรื่องราวจบลงด้วยดีครับ”
[ภาพอดีตสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ที่ยากจะหวนกลับ]
ข่าวโดย ผู้จัดการ Live