เห็นหน้าสวยๆ หมวยๆ ปากนิดจมูกหน่อย หุ่นบางๆ แบบนี้ ใครจะไปคิดว่า แพนด้า-ภาณัทดา เวโรจน์ฤดี แอร์สาวผู้มีใจรักงานบริการ อายุ 26 ปี จะแอบมีมุมที่เชื่อว่าหนุ่มๆ หลายคนรู้เป็นต้องอึ้ง! เมื่อกิจกรรมสุดโปรดที่เธอคนนี้คลั่งไคล้มากว่า 2 ปี นั่นคือ “การปั่นจักรยาน” แต่ไม่ธรรมดาตรงที่เธอปั่นวันละ 50-100 กิโลเป็นอย่างต่ำ 2 ปีปั่นไปเป็นหมื่นโล ยิ่งเส้นทางปั่นยาก ยิ่งท้าทายตัวเธอเอง
++ แค่เริ่ม ก็ชนะความกลัวที่มีได้
ทันทีที่เริ่มพูดคุยกับสาวแพนด้า สัมผัสได้เลยว่าเธอนั้นชื่นชอบการปั่นจักรยานอย่างแท้จริง เพราะทุกคำที่เธอเล่าออกมาแต่ละอย่างนั้น พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
สาวแพนด้า เล่าให้ฟังว่า เธอนั้นเริ่มต้นปั่นจักรยานจากการชักชวนของเพื่อน โดยออกไปปั่นตอนกลางคืนแถวย่านเยาวราช รวมถึงสถานที่ต่างๆ เป็นการปั่นแบบไม่จริงจัง ปั่นบ้าง ไม่ปั่นบ้าง ซึ่งตอนนั้นจักรยานก็ไม่มีเป็นของตัวเอง ยืมเพื่อนเอา จากนั้นปั่นเล่นๆ กับเพื่อนๆ สักพักหนึ่งเริ่มติดใจ จึงตัดสินใจซื้อจักรยาน
จากตอนนั้นถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 2 ปี แล้ว ที่สาวแพนด้าหลงใหลการปั่นจักรยานชนิดที่เมื่อมีเวลาว่างเธอเป็นต้องออกไปปั่นจักรยาน หรือหาทริปไปกับเพื่อนๆ ที่เป็นนักปั่นด้วยกันอยู่เสมอๆ เพราะเธอมองว่าการที่เธอเลือกที่จะออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานส่งผลให้ร่างกายเธอนั้นแข็งแรงขึ้น
“หลังจากที่แพนด้าหันมาปั่นจักรยาน สังเกตได้เลยว่าตัวเองร่างกายแข็งแรงขึ้น จากเมื่อก่อนเริ่มต้นปั่นด้วยระยะทางแค่ 10 กม. ก็เหนื่อยแล้ว พอปั่นไปเรื่อยๆ ขึ้น ก็ทำให้เราปั่นได้ไกลขึ้นเป็น 50 กม. โดยไม่พัก จนตอนนี้สามารถปั่นได้ระยะทางกว่า 100 กม. โดยไม่แวะพักได้อย่างสบายๆ”
ความจริงจัง ทุ่มเท ไม่ใช่คิดจะแค่เล่นๆ กับการปั่นจัรยาน สาวแพนด้า บอกว่า ก่อนหน้านี้ยังชิวๆ สบายๆ ปั่นบ้างไม่ปั่นบ้าง ดังนั้นเวลาที่ไปออกทริปไปปั่นกับเพื่อนๆ กลับรู้สึกว่าเอ๊ะ! ทำไมเราเหนื่อยง่ายจัง คนอื่นยังไม่เห็นเหนื่อยเลย และบ่อยครั้งปั่นตามคนอื่นก็ไม่ทัน จึงกลับมาคิดว่าเราต้องจริงจังโดยเริ่มจากการซื้อจักรยานและอุปกรณ์ครบเซ็ตจัดเต็ม ยิ่งทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่อยากจะปั่นจักรยานบ่อยขึ้น เพราะเสียเงินซื้อของมาแล้ว
โดยจักรยานคันโปรดคู่ใจของสาวสวยคนนี้ มีอยู่ 2 คันเป็นแบบเสือหมอบ คือ จักรยานไทเทเนียม ยี่ห้อ no.22 ซึ่งเธอได้ตั้งชื่อให้กับจักรยานคันโปรดของเธอว่า “น้องเท 22” ไว้สำหรับปั่นเล่นๆ ชิวๆ และจักรยาน carbon ยี่ห้อ Chapter2 ที่เธอมักจะเรียกคันนี้สั้นๆ ว่า “น้องนมเย็น” คันนี้แต่งสำหรับเวลาปั่นขึ้นเขา ช่วยให้ปั่นสบายกว่า ซึ่งราคาแต่ละคันก็เบาๆ อยู่ที่หลักแสน!!! เท่านั้นเอง
“จักรยานแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะมีคาเรกเตอร์ต่างกัน คล้ายๆ รถยนต์ถ้าเป็นรถญี่ปุ่นก็จะรู้สึกแบบหนึ่ง แต่ถ้าเป็นรถยนต์ฝั่งยุโรปก็จะมีความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง แต่จริงๆ แล้วจักรยานแพงหรือถูกนั้น ความปลอดภัยก็เหมือนๆ กัน เพราะเวลาเราปั่นเราต้องมีสติ แต่มันอยู่ที่ความชื่นชอบมากกว่า ในเรื่องของแบรนด์ สี หรือดีไซต์มากกว่า”
เพราะการปั่นจักรยาน สาวแพนด้า มองว่า เธอนั้นจะไม่จำกัดตัวเองว่าเธอนั้นจะต้องหยุดอยู่แค่นี้นะ เพราะมันสุดแล้ว แต่เธอกลับมองว่า ทุกครั้งที่ปั่นเธออยากที่จะปั่นไปให้ได้มากที่สุด ปั่นไปให้ได้ไกลที่สุดกับจักรยานคันโปรดของเรา
แม้หลายคนจะมองว่าการปั่นจักรยานสำหรับผู้หญิงนั้น ดูจะไม่ปลอดภัยสักเท่าไหร่ ประกอบกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา สาวแพนด้า ย้ำว่า ตัวเธอเองนั้นรู้ว่าคนรอบข้างและครอบครัวเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยมาก เวลาที่เธอออกไปปั่นจักรยาน ดังนั้นทุกครั้งในการปั่นเธอจะมีสติ และเช็คอุปกรณ์ก่อนปั่นทุกครั้ง
“แรกๆ ที่ปั่นจักรยานมี “ความกลัว” ว่าจะปั่นแล้วล้ม หรือบางครั้งไปปั่นคนเดียวแล้วไม่รู้จักใครเลยจะทำอย่างไรเวลาที่ยางแตกกลางทาง หรือจักรยานเสียใครจะช่วยเรา รวมถึงเหตุผลหลักคือ ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิง แน่นอนต้องกลัวแดดร้อน กลัวผิวเสีย ผิวดำ เพราะแดดที่ประเทศไทยนั้นแรง จึงรู้สึกว่ามันอันตรายถ้าเราเลือกที่จะปั่นช่วงกลางวัน เลยเลือกที่จะไปปั่นกลางคืนแทน
เมื่อปั่นตอนกลางคืนครอบครัวและคนรอบข้างก็จะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะเราเป็นผู้หญิง จึงเปลี่ยนมาปั่นช่วงกลางวัน พร้อมกับหาสถานที่เพื่อไปปั่นตามที่ต่างๆ เพราะรู้สึกว่ามิตรภาพจากเพื่อนๆ นักปั่นด้วยกันไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จะรวยจะจน จะเก่งไม่เก่ง ทุกคนจะคอยเชื่อเหลือกันและกัน ทำให้ “ความกลัว” ตรงนี้ของเราหายไป มีความกล้ามากขึ้นในการออกไปปั่นตามที่ต่างๆ มากขึ้น”
++ เห็นสวยๆ หมวยๆ ปั่นจักรยานวันละ 50-100 โล!
การปั่นจักรยาน เรียกได้ว่าเป็น กิจกรรมโปรด ของสาวแพนด้าเลยก็ว่าได้ เพราะทันทีที่เธอมีเวลาว่างจากการทำงานเป็นแอร์สาวคอยต้อนรับผู้โดยสารบนเครื่องบิน เธอเป็นต้องคว้าจักรยานไปปั่นให้เสียเหงื่อ แทนที่จะเลือกไปเดินชอปปิ้งอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ
“ปกติแพนด้าจะแบ่งการปั่นจักรยานเป็น 2 ช่วงคือ ในวันธรรมดาวันจันทร์-วันศุกร์ จะเป็นการปั่นคล้ายๆ กับเป็นการซ้อมซะมากกว่า โดยจะปั่นประมาณวันละ 2-3 ชม. หากตีเป็นระยะทางประมาณวันละ 50-100 กม. โดยระยะทางจะไม่แน่นอนเพราะจะยึดเป็นชั่วโมงมากกว่า ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์ จะเป็นการปั่นไปทริปกับเพื่อน ซึ่งอย่างต่ำก็จะใช้เวลามากกว่า 3 ชม. ในการปั่น เพราะมีเป้าหมายในการปั่นโดยตั้งใจอยากปั่นให้เกิน 100 กม.ต่อวันต่อทริป”
การปั่นจักรยานแค่ทางราบทั่วๆ ไป บางคนก็รู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว หากยิ่งเป็นเส้นทางการปั่นขึ้นเขา หลายคนคงจะทราบกันดีว่าเหนื่อยมาก ต้องใช้แรงเยอะ ยิ่งเขาลูกนั้น คือ ดอยอินทนนท์ ที่ทั้งสูงและชัน และครั้งหนึ่งสาวแพนด้า เธอได้ปั่นจักรยานเพื่อพิชิตดอยแห่งนี้มาแล้ว
“เมื่อปีที่แล้วมีโอกาสได้ลองไปปั่นที่ดอยอินทนนท์ ระยะทางน่าจะประมาณ 48 กิโล แต่เป็นการไต่เขาสูงมาก ก่อนไปไม่เคยเตรียมพร้อมหรือเตรียมตัวเกี่ยวกับการปั่นขึ้นเขามาก่อนเลย เคยไปซ้อมที่เขาใหญ่แค่ 2 ครั้ง ที่เหลือปั่นแต่ทางราบตลอด ไม่มีคอร์สซ้อม ไม่มีเทคนิคใดๆ ทั้งสิ้น วันที่ปั่น มีจอดพักบ้าง แต่สุดท้ายก็ปั่นจนจบด้วยตัวของเราเอง ตอนนั้นทำเวลาในการปั่นไป 5 ชม. นี่คือเวลาเฉพาะปั่นอย่างเดียวไม่รวมจอดพัก ถือว่าใช้เวลานานมาก สำหรับคนที่ปั่นขึ้นเขา แต่ถึงจะใช้เวลานานแต่ก็ภูมิใจที่ตัวเองสามารถปั่นจนจบได้”
สาวแพนด้า ยังบอกอีกว่า เสน่ห์ของจักรยานอยู่ตรงที่เธอสามารถพาไปไหนมาไหนได้ด้วยทุกที่ เช่น รถติดรถยนต์ไปไม่ได้ เราสามารถเลือกปั่นจักรยานแทนได้ หากตรงไหนปั่นไปไม่ได้ก็สามารถยกหรือจูงแทนได้ อีกทั้งการได้ออกไปปั่นจักรยานตามที่ต่างๆ สามารถมองข้างทาง ท้องฟ้า ทะเล ภูเขา ไม่เหมือนกับการขับรถเราต้องมองเฉพาะถนน แต่ถ้าปั่นจักรยานแต่เวลาเหนื่อยเราสามารถหันไปมองข้างทางได้ ได้ซึมซับบรรยากาศ
++ ทริป โหด แต่ภูมิใจที่สุด ของ “การปั่น”
เริ่มแรกของการปั่นจักรยาน เป็นการปั่นแบบงูๆ ปลาๆ คือการควงขา ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็ถึงเอง แต่พอปั่นไปสักพักรู้สึกว่า ทำไมเพื่อนคนนี้ปั่นเก่งจัง ทำไมคนนี้เมื่อก่อนได้เท่าเรา แต่ทำไมเดี๋ยวนี้เขาปั่นได้เร็วกว่า จึงเริ่มหาบทความอ่านจากต่างประเทศและของของคนไทยเขียนเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ สุดท้ายเลยลองลงคอร์สเรียน ทำให้ตอนนี้มีโค้ชประจำตัว
“โค้ชจะเป็นผู้ออกแบบคอร์สการปั่นจักรยานให้เราเป็นรายสัปดาห์ เช่น เราอยากจะไปขึ้นเขา โค้ชก็จะออกแบบคอร์สการซ้อมปั่นมาให้เราว่าวันนี้ต้องปั่นแบบนี้ พรุ่งนี้ปั่นแบบนี้ วันนี้พัก แบบนี้เป็นต้น หรือว่าเรารู้สึกว่าเราอ้วนขึ้นอยากปั่นเพื่อลดน้ำหนัก โค้ชก็จะออกแบบการปั่นมาให้เพื่อเราปั่นแล้วน้ำหนักลงและแข็งแรงขึ้น รวมทั้งสอนเกี่ยวกับเทคนิคต่างๆ ให้หกับเรา จากที่เรารู้แค่ว่าการปั่นจักรยานแค่ย่ำๆ ไปเรื่อยๆ แต่เมื่อเรารู้เทคนิคจักรยานไม่ได้มีแค่ย่ำ ยังมีการดึง การกด การปั่นขึ้นเขามีเทคนิคแบบนี้ ซึ่งบางทีเทคนิคเหล่านี้เราไม่รู้”
ทริปที่รู้สึกโหดที่สุด เหนื่อยที่สุด และลำบากที่สุดในการปั่นจักรยาน ของสาวแพนด้า เธอเล่าด้วยความตื่นเต้นว่า เป็นทริปล่าสุดที่เธอเพิ่งไปปั่นที่ “ญี่ปุ่น” กับแกงค์เพื่อนๆ แต่ดันเจอพายุ ทั้งหนาว ทั้งหมอก ประกอบกับร่างกายไม่พร้อม
“เมื่อเดือนที่แล้วเนื่องจากตอนที่ไปนั้นมีพายุเข้าพอดี อุณหภูมิประมาณ 7-8 องศา พวกเราก็ปั่นขึ้นเขากันซึ่งเป็นเขาที่มีทางขึ้นลงคนละทางกัน พอปั่นไปได้ครึ่งทาง ฝนตก มีหมอก ประกอบกับอากาศหนาวเราไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับอากาศหนาวขนาดนี้ ทำให้เกิดอุปสรรคในการปั่นพอสมควร จะให้ปั่นกลับก็ไม่สามารถทำได้เพราะทางขึ้นลงเป็นคนละทางกันเราไม่สามารถปั่นกลับลงมาทางที่เราปั่นขึ้นมาได้ เพราะผิดกฎ ดังนั้นจึงฝืนปั่นไปให้ถึงยอดเขา
ทันทีที่ถึงยอดเขา ประกอบกับความหนาว ความเหนื่อย ทำให้เราคิดในใจกับตัวเองว่า เรามาทำอะไรที่นี่! เพราะภาพที่เราจินตนาการเอาไว้ก่อนปั่นขึ้นมาคือ การได้เห็นทะเลสาปจากบนเขาสวยๆ เหมือนในภาพตามโปสการ์ด แต่ความเป็นจริงสิ่งที่เห็นคือ เห็นแต่หมอกขาวโพลน ไม่เห็นอะไรมากไปกว่านี้เลย เศร้ามาก เมื่อลงเขามาแล้วก็พูดกับเพื่อนๆ ทริปนี้เป็นทริปที่สุดยอด! ที่สุดเลย ที่สามารถปั่นได้จนจบ มีความภูมิใจในตัวเองมากที่สุดด้วย”
การปั่นจักรยาน นอกจากทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้ว สัดส่วนยังลดลงอีกด้วย นอกจากนี้สาวแพนด้ายังฝากถึงสาวๆ หลายคนที่มักจะกังวลว่าการปั่นจักรยานนนั้นจะทำให้ขาใหญ่ สะโพกใหญ่ เธอรีบบอกเลยว่า ไม่จริง
“จริงๆ จักรยานมันมีเทคนิคการปั่นเยอะเลยค่ะ คนที่คิดว่าปั่นแล้วขาจะใหญ่ไม่ต้องกังวลเลย เพราะขนาดปั่นมาซักพัก ขาไม่ใหญ่ขึ้นเลยค่ะ มีแต่เล็กลง และกระชับมากขึ้น จากเนื้อนิ่มๆ ก็กลายเป็นกล้าม เทคนิคง่ายๆ คือการควงขาค่ะ ถ้ากลัวเกิดเป็นกล้ามมากไปก็ใช้วิธีการควงรอบขาสูงๆ อย่ากดหนัก ขาก็จะกระชับ แต่จริงๆ ผู้หญิงมีกล้ามก็ดูแข็งแรง ดูเท่ดีนะคะ นอกจากนี้การปั่นจักรยานยังช่วยลดเซลลูไลท์ด้วย อย่างเมื่อก่อนบริเวณต้นขาก็มีบ้าง แต่ตอนนี้แทบไม่มีแล้วค่ะ ใส่กางเกงขาสั้นก็มั่นใจขึ้น”
เรื่องโดย นับดาว รัตนสูรย์
ขอบคุณภาพ จาก FB : Panda Waerojruedee, IG : pandaphanatda
++ มือใหม่อยากเป็น “นักปั่น”
เทคนิคแนะนำนักปั่นมือใหม่
เริ่มจากความอยากที่จะปั่น หากเรารู้สึกอยากจะปั่นแล้ว ทุกอย่างจะมาเอง ไม่ว่าจะซื้อจักรยานแพง หรือถูก เราก็จะออกไปปั่นเอง แต่ถ้าเรารู้สึกไม่อยากปั่น ตามเทรนด์ เห็นเพื่อนซื้อแล้วซื้อตาม สุดท้ายจักรยานที่เราซื้อมาก็จะจอดอยู่กับที่เฉยๆ อย่างนั้น ต่อให้ซื้อมาแพงขนาดไหน แรงกระตุ้นก็ไม่มี
ที่สำคัญอยากให้รู้ลิมิตตัวเอง บางทีเราเห็นเพื่อนปั่นเร็วเราก็อยากปั่นเร็วแบบเขาบ้าง พอฝืนตัวเองมากๆ บางทีร่างกายเราไม่ไหว อาจทำให้หัวใจวาย เกิด hearstroke ได้ ฉะนั้น เอาพอดีๆ วันนี้อาจจะไม่ทันเพื่อน ก็ค่อยๆ ฝึก ยังไงซักวันเราก็ต้องเก่งขึ้น เดี๋ยวฝืนไป ถ้าบาดเจ็บ แล้วจะไม่สนุก
เคล็ดลับการเลือกซื้อจักรยานคู่ใจ
เลือกในสิ่งที่เราชอบ สีที่เราชอบ ยี่ห้อที่เราชอบ ถึงจะเป็นยี่ห้อไม่ดัง แต่ว่าเราชอบ ทำให้เรายิ่งอยากที่จะปั่น ที่สำคัญในเรื่องของอุปกรณ์ อยากแนะนำมือใหม่ ให้เลือกซื้ออุปกรณ์ที่เป็นของแท้ดีกว่า เช่น แว่นตา หมวก เพราะของแท้เหล่านี้มีการดีไซต์เพื่อรองรับการกระแทก ปลอดภัยมากกว่าของกอปปี้