xs
xsm
sm
md
lg

ขัดหลักศาสนา?! พี่ตูนไม่ใช่สามี เซลฟี่แนบชิดไม่ได้!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ขอบคุณภาพจาก Nation
กลายเป็นประเด็นร้อนระอุดรามา เมื่อหญิงมุสลิมมาขอเซลฟี่อย่างใกล้ชิดกับพี่ตูน ระหว่างวิ่งเพื่อขอบริจาคในโครงการก้าวคนละก้าวจากเบตงสู่แม่สาย บานปลายสู่เรื่องศาสนา ปล่อยให้ชายที่ไม่ใช่สามี หายใจรดต้นคอ ! ซัดบุญที่หวัง ได้กลายเป็นบาป นักวิชาการศาสนวิทยาชี้ หากเป็นอิสลามสายเคร่งการใกล้ชิดผู้ชายแบบนี้อาจโดนเฆี่ยน!

บุญที่หวัง กลายเป็นบาป?!

ชาวมุสลิมใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Cerita Patani โพสต์ข้อความพร้อมภาพสตรีชาวมุสลิม 2 คนกำลังเซลฟี่กับตูน บอดี้สแลม ซัดการวิ่งขอบริจาคเงินช่วยเหลือ โรงพยาบาลที่ขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ ของตูน ที่เริ่มวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งเป็นดินแดนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เต็มไปด้วยชาวมุสลิมว่า เป็นการทำบุญที่มุ่งหวังบาป ชี้แม้จะเป็นการ “ตั้งใจดี” แต่การวิ่งของตูน ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สื่อให้เห็นถึง "การเสียแต่เนื้อใน" เป็นการทำลายกรอบทางศีลธรรมทางศาสนาในปาตานี


“อิสลามในสภาวะปัจจุบัน เปรียบดั่งเป็นเพียงแค่สิ่งที่ถูกถ่ายทอดทางกำเนิด เนื่องด้วยวัฒนธรรม "กาเฟร" ที่ถั่งโถมเข้ามาในทุกช่องทาง ผ่านทางการสนับสนุนทางงบประมาณให้กับผู้นำ,การเข้ามาทางสื่อมีเดียอย่างทีวี,เพลง เป็นต้น

มันจึงเป็นเช่นภาพที่ออกมา บุตรสาวชาวมลายูมุสลิมหายใจรดต้นคอ,ภรรยาเกาะแขนผู้ชายที่ไม่ใช่สามี เป็นต้น ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสตรีชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลามกระทำ

การทำบุญในประเด็นนี้ ในหลักศาสนาอิสลามถือเป็นสิ่งที่สมควรกระทำ เพราะเป็นการทำบุญที่ไม่ใช่เหตุผลทางศาสนาเช่นการนำเงินไปสร้างวัดเป็นต้น

แต่อิสลามไม่ใช่เป็นเพียงแค่สิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจหรือเป็นเพียงมรดกทางพันธุกรรม แต่อิสลามเป็น "ศาสนาบริสุทธิ์" ที่ถูกส่งมายังหน้าแผ่นดินให้กับผู้ที่ศรัทธาในเอกองค์อภิบาล โดยมี อัลกุรอ่าน"เป็น"ธรรมนูญการดำเนินชีวิต" และมี "ศาสนทูต"เป็นตัวอย่าง

การวิ่งของคุณตูน ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งที่สื่อให้เห็นถึง "การเสียแต่เนื้อใน" การวิ่งของคุณตูน ถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของการทำลายกรอบทางศีลธรรมทางศาสนาในปาตานี

นอกเหนือจากการสื่อให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของ "ผู้ปกครอง" กับ "ผู้ถูกปกครอง"เป็นภาพการสร้างสังคม "พหุวัฒนธรรม" ที่มีประสิทธิภาพของสยาม เป็นภาพการพังทลายของบรรทัดฐานทางศาสนาอิสามของปาตานี ที่เด่นชัด

แน่นอน... ชาวสยามอย่างคุณตูนคงมองไม่เห็น ความปลิ้นปล้อนของ กอ.รมน.สยาม ในการโหนใบบุญเพื่อสร้างกระแสทำลายคนปาตานี

แต่....ที่สำคัญ...ผู้นำศาสนาในปาตานีมองเห็นมันหรือไม่ ที่สำคัญ...ผู้นำศาสนากล้าพอที่จะพูดในสิ่งที่ผิดต่อหลักศาสนาให้ผู้ปฏิเสธและประชาชนได้ รู้ว่าเป็นสิ่งที่ผิด

"การทำลายที่น่ากลัว คือ การทำลายหลักศรัทธา" บุญที่หวัง ได้กลายเป็นบาป ไม่ใช่แค่ทำลายตัวท่านเอง แต่มันได้ทำลายขอบเขตศาสนาอิสลามยับเยิน”

“ต้องโทษคนของเราเอง”

เมื่อข้อความข้างต้นถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนในโลกโซเชียลฯ ต่างแสดงความไม่เห็นด้วย แม้แต่ชาวมุสลิม เพราะมองถึงเจตนาดีช่วยเหลือสังคมของตูนมากกว่า ไม่ว่าจะศาสนาใดเราสามารถอยู่ร่วมด้วยกันได้ อย่างมีความสุข ชี้การช่วยเหลือที่บริสุทธิ์จะเป็นบาปได้อย่างไร

“ในฐานะมุสลิม คุณจะทำให้อิสลามดูแย่ไปใหญ่ คุณไม่ชอบที่สตรีมุสลิมไปใกล้ชิดเกาะแกะผู้ชายที่ไม่ใช่พี่น้องหรือสามีอย่างนี้ เพราะมันผิดหลักศาสนา ก็ถูกแล้ว คุณบอกไปตรงๆ สิครับว่าผู้หญิงสองคนในรูปทำผิด
แล้วจะไปพาดพิงว่าบุญที่มุ่งหวังบาปทำไม พี่ตูนเค้าทำบุญให้กับพื้นที่นั้น ไม่ช่วยไม่ว่ายังจะไปโจมตีอีก พี่ตูนเค้า เป็นมิตร มีเจตนาดี เสียสละ คนมาขอถ่ายรูป แกยิ้มเต็มที่ เพราะพี่ตูนเค้าไม่รู้ว่าศาสนาเรา ห้ามอะไร อนุญาตอะไร จะไปโทษ การวิ่งของพี่ตูนได้อย่างไร

เค้าทำดีต้องชมครับ คนเราทำผิดต้องโทษคนของเราเอง คนอื่นจะไปรู้เรื่องอิสลามดีได้อย่างไร วิจารณ์ก็ให้ถูกประเด็น มุสลิมเราทำผิดเอง จะไปโจมตีเหมารวมการวิ่งว่าทำบุญหวังบาปทำไม

อย่าอ้างว่าไม่ได้โจมตีพี่ตูนนะครับ คือต่อให้ไม่มีเจตนาโจมตีการวิ่ง ก็แสดงว่าการเขียนบทความของคุณแย่มาก ผมมุสลิมอ่านยังเข้าใจไปว่าเหมือนจะโจมตีการวิ่งหารายได้ช่วยเหลือคนอื่นเลย”

แนะตูนเลี่ยงใกล้ชิดหญิงมุสลิม

“โดยธรรมชาติของศาสนาอิสลามต้องการให้สตรีมุสลิมอยู่ในเหย้าในเรือน โดยไม่หลงใหลในบุรุษเพศที่ไม่ใช่สามี ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับระดับความเคร่งของบุคคลและสังคม” ดร.ศิลป์ชัย เชาว์เจริญรัตน์ นักวิชาการศาสนวิทยา ให้ความเห็นผ่านผู้จัดการ Live อธิบายถึงการวิ่งผ่านสามจังหวัดชายแดนใต้ดินแดนแห่งมุสลิมของตูนทำลายศาสนาอิสลามในปัตตานีจริงหรือไม่

“โดยสภาพทั่วไปของมุสลิมในไทยแต่เดิมไม่ได้เคร่งแบบนั้น แต่ถ้าเอาตามมาตรฐานแบบของตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นวะฮาบีย์ สุหนี่สายเคร่ง ที่ซาอุดิอาระเบีย ต้องยอมรับว่าผิด เพราะสตรีมุสลิมต้องปกปิดมิดชิดไม่แสดงอาการเลย โดยวัฒนธรรมศาสนาอิสลามเป็นแบบนี้

นอกจากนี้ ยังขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของท้องถิ่นด้วย ฉะนั้นในบรรดาหญิงมุสลิมที่ออกมาขอถ่ายรูปกับคุณตูน อยากใกล้ชิดแสดงความสนิทสนม เซลฟี่โพสต์รูปลงเฟซบุ๊ก ซึ่งหากเป็นทางสายวะฮาบีย์ เขาจะบอกเลยว่าผิดหลักศาสนาทันที “

ทั้งนี้ ดร.ศิลป์ชัย อธิบายต่อว่า ปรากฏการณ์การวิ่งของตูนทำให้มุสลิมแตกออกเป็น 2 ฝ่าย

“คือ มุสลิมสายเคร่งก็จะตำหนิบรรดามุสลิมที่ออกมาแสดงความใกล้ชิดนักร้อง ศิลปิน ตำหนิอย่างรุนแรง และที่ไม่โพสต์แต่นำไปพูดตามมัสยิดอีกก็มีมาก เพราะไม่เหมาะสมในหลักศาสนาอิสลามอยู่แล้ว สตรีมุสลิมแสดงออกแบบนี้ไม่อาจยอมรับได้ เพราะชุดของหญิงมุสลิมจะปิดหมดเพื่อไม่ให้ชายอื่นมอง

ส่วนอีกฝ่าย คือมุสลิมไม่เคร่ง หรือสายกลาง ก็จะบอกว่าไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แค่ถ่ายรูปกับศิลปิน และร่วมทำบุญด้วย

เราไม่ใช่รัฐศาสนา ไม่มีกฎหมายชะรีอะฮ์ มาบัญญัติเป็นกฎหมายอาญา แต่ถ้าเกิดในซาอุดิอาระเบีย หรืออัฟกานิสถาน หรืออินโดนีเซีย ผู้หญิงเหล่านี้โดนเฆี่ยน ประจานไปแล้ว เพราะผิดทางอาญา แต่สำหรับเมืองไทยจะผิดทางสังคม วิถีประชา โดนชาวบ้านประณามเพราะไม่มีกฎหมาย อาจจะถูกตำหนิในแถวหมู่บ้าน”



อย่างไรก็ดี นักศาสนาวิทยา ยังแนะนำให้ทีมงานคุณตูน คอยระวังหลีกเลี่ยงให้หญิงมุสลิมมาใกล้ชิด หรือคอยเตือน เพื่อป้องกันความขัดแย้งทางศาสนา เพราะโดยธรรมชาติของวัฒนธรรมของศาสนาอิสลาม จะรับไม่ได้เลยที่จะให้สตรีมุสลิมมาแสดงอาการชื่นชอบ ใกล้ชิดกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามี และยิ่งเป็นคนนอกศาสนา เมื่อภาพออกสู่สาธารณชนทำให้เยาวชน และสตรี ของเขากำลังทำผิดศาสนา ทำให้เสียหน้า เขาจึงต้องแสดงความรู้สึกออกมาอย่างรุนแรง

“กรณีของคุณตูน คงคาดไม่ถึง มุสลิมทางสายกลางก็ไม่ได้คิดอะไร ส่วนคนโพสต์ตำหนิคุณตูนก็พูดในมุมมุสลิมสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคร่งครัด

จะไปโทษคุณตูนก็ไม่ได้ เพราะเขาวิ่งการกุศลระดมเงินบริจาคทำบุญ เขาก็คงไม่รู้บริบทอะไร คงคิดว่าไม่มีปัญหา เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นทางวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปตำหนิเขา เพราะเขาเจตนาดี”
กำลังโหลดความคิดเห็น