xs
xsm
sm
md
lg

"ขนมต่ำตม" เสื่อมเรียกกระแส กูรูอาหารขอแบน!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชวนหิวหรือชวนยี้?! “วาฟเฟิลกะจู๋” ขนมผสมไอเดียสุดสยิว เมื่อกัดที่ส่วนปลายจะมีไส้ชีสเยิ้มออกมา กูรูอาหารฉะยับ ต่ำตมแถมไม่เหมาะสมอย่างแรง!! แต่เจ้าของร้านกลับขายดีสวนกระแสดรามา ตลกร้าย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการขายไอเดียแรงผ่านขนม ก่อนหน้านี้ ทั้ง “ขนมปังศพ - ไอติมรูปของลับ -วุ้นรูปอึ” ล้วนขายดีมาแล้ว!!

แค่ขนมก็ต่ำตมได้?!

กลายเป็นประเด็นดรามา สะเทือนวงการอาหารอยู่ในขณะนี้ หลังจากที่โลกออนไลน์ฯ ได้มีการแชร์ภาพขนมวาฟเฟิล ที่วางขายอยู่ในตลาดนัดแห่งหนึ่ง แต่แตกต่างจากวาฟเฟิลทั่วไป ก็ตรงที่รูปทรงของขนมนั้น ถูกทำให้คล้ายกับอวัยวะเพศผู้ชาย จนสร้างความฮือฮาจากผู้พบเห็นเป็นจำนวนมาก ในเวลาต่อมา กูรูด้านอาหารชื่อดัง ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนถึงขนมดังกล่าว ว่าเป็นขนมที่ต่ำตมและเป็นความเสื่อมเสียต่อวงการอาหาร!

อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอาหารชี่อดัง ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ถึงกรณีของขนมวาฟเฟิลสุดฉาวที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรนำมาวางขาย พร้อมทวงถามไปยังคนซื้อว่าจะกล้าซื้อไปฝากพ่อแม่หรือกล้านำไปใส่บาตรพระหรือไม่ อาหารแบบนี้สมควรโพสต์ออกสื่อไหม เพราะเห็นเด็กผู้หญิงไปซื้อและถ่ายภาพ อัดเป็นคลิปส่งต่อให้เพื่อน ตนเองเห็นว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม



“อาจารย์คิดว่ามันต่ำมากสำหรับคนที่ประกอบกิจการแล้วเอาจุดขายเหล่านี้ ซึ่งต่ำตม รูปทรงอย่างนี้เอามาทำเป็นอาหาร ความเคารพนับถือในวิชาชีพของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ อาจารย์ไม่เข้าใจว่าอาหารเดี๋ยวนี้ที่เราจะขายกันได้ มันจะต้องเป็นรูปทรงอวัยวะเพศตั้งแต่เมื่อไหร่ วงการอาหารไม่มีความจำเป็นที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ฝากคนที่ทำขายให้คิดใหม่ รับไม่ได้ เป็นความเสื่อมเสียที่สุดของวงการอาหารและขอประณาม”

หลังจากที่ประเด็นนี้เผยแพร่ออกไปบนสังคมออนไลน์ ก็เกิดความคิดเห็นออกเป็น 2 มุมทันที โดยฝ่ายที่เห็นด้วยกับ อ.ยิ่งศักดิ์ ได้ให้เหตุผลว่า ไม่เหมาะสมจริงและน่าจะมีจุดขายอย่างอื่นที่ดีกว่าการทำขนมเป็นรูปของลับ แต่ในขณะเดียวกัน ความคิดเห็นอีกมุมก็มองว่า เป็นแค่ขนมและมองเป็นเรื่องปกติเพราะในต่างประเทศก็มีขายนานแล้ว อีกทั้งเจ้าของร้านก็ค้าขายอย่างสุจริตด้วย



และแม้จะมีกระแสดรามาถาโถมเข้ามาไม่หยุด แต่ เกตน์นิตา ประเสริฐสมบูรณ์ เจ้าของร้านวาฟเฟิล "พ่อหั้ยมา" ก็ได้เปิดเผยกับทางผู้จัดการว่า ไปเห็นวาฟเฟิลแบบนี้ทางอินเทอร์เน็ต จึงตัดสินใจซื้อเครื่องทำขนมมาจากต่างประเทศและเปิดร้านเล็กๆ ในตลาดอินดี้ ย่านดาวคะนอง โดยลงทุนไปประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ที่ตัดสินใจค้าขายเพราะไม่ชอบงานออฟฟิศ ไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้ แต่โชคดีที่ขายได้ ซึ่งรายได้ที่ผ่านมา 1 เดือน มากกว่าการทำงานออฟฟิศ จนตอนนี้เกือบจะคืนทุนแล้ว

“ในช่วงแรก ไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับดีขนาดนี้เพราะไม่รู้ว่าลูกค้าจะกล้าซื้อมากน้อยแค่ไหน แต่พอมาทำขายจริง กระแสตอบรับดีมาก มีคนพูดถึงและนำไปแชร์ต่อๆ กัน จนเป็นที่รู้จักและมีสื่อมาสัมภาษณ์ แต่ก็มีกระแสดรามาว่าไม่เหมาะสม ทุกวันนี้ มีลูกค้าเพิ่มขึ้น จากวันแรกขายได้ 40 กว่าชิ้น ตอนนี้ขายได้วันหนึ่งมากกว่า 100 ชิ้น กลุ่มลูกค้าที่ซื้อจะเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ซึ่งลูกค้าผู้หญิงอาจจะชอบเล่นเฟซบุ๊ก ก็เลยซื้อถ่ายรูปอวดเพื่อนๆ และทุกคนไม่ได้รู้สึกเขินอายแต่อย่างใด ก็เลยเกิดการบอกกันแบบปากต่อปาก"



สำหรับวาฟเฟิลของร้าน "พ่อหั้ยมา" จะทำใหม่ทุกชิ้นเมื่อลูกค้าสั่งเพราะวาฟเฟิลจะอร่อยต้องกินตอนร้อนๆ และจุดเด่นของร้านนี้ อีกอย่างหนึ่ง คือแป้งเมื่อแป้งเย็นจะไม่เหนียว เมื่อนำไปอุ่น รสชาติก็ยังอร่อยเหมือนเดิม ส่วนรสชาติจะมีรสเดียว ข้างในเป็นไส้กรอกชีส กินกับท็อปปิ้งคือช็อกโกแลต,สตรอว์เบอรี่และบลูเบอรี่ ส่วนของคาวจะเป็นซอสพริกและซอสมะเขือเทศ สนนราคาชิ้นละ 39 บาท

อย่างไรก็ตาม เจ้าของร้านยอมรับว่า เนื่องจากเป็นสินค้าตามกระแส วันหนึ่งต้องมีคู่แข่งหรือความนิยมลดลงไป เชื่อว่า ถ้าลูกค้าติดใจในรสชาติน่าจะยังคงซื้อของเรากินอยู่ แต่ตอนนี้ขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน


ยิ่งแปลก-ยิ่งฉาว-ยิ่งขายดี!

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับการดีไซน์อาหารขึ้นมาให้เป็นรูปลักษณ์สุดพิสดารแตกต่างจากแบบเดิมๆ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ก็เคยมีร้านอาหารและขนมอยู่จำนวนไม่น้อย ที่ขอฉีกแนวไม่ขายความแบ๊ว มาเลือกขายความพิสดารแทน ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอรวบรวมอาหารและขนมไอเดียสุดแปลกที่มีวางขายอยู่ในบ้านเรา ว่าที่ผ่านมานั้น เคยมีเมนูอะไรผ่านตากันมาบ้างแล้ว

เมื่อปี 48 ที่ผ่านมา วงการอาหารบ้านเราต้องตะลึง กับการเปิดตัว “ขนมปังหน้าศพ” ที่นอกจากจะฮือฮาอย่างมากในไทยแล้ว สำนักข่าวต่างประเทศยังให้ความสนใจเช่นกัน จนสร้างรายได้เป็นหลักแสนบาทต่อเดือน ด้วยรูปลักษณ์ที่ชวนสยดสยองราวกับซากศพจริงๆ ทำเอาคนที่ชื่นชอบความแปลก ถูกใจไปตามๆ กัน



กิตติวัฒน์ อุ่นอารมณ์ เจ้าของไอเดียขนมปังสุดแปลก กล่าวว่า ตั้งแต่สื่อเริ่มนำเสนอ ก็มีออเดอร์มาจำนวนมาก อย่างสำนักข่าวต่างประเทศ เช่น เอพี รอยเตอร์ก็นำเสนอ ทำให้มีลูกค้ามาจากทุกมุมโลก ยิ่งในช่วงเทศกาลฮัลโลวีน สินค้าเป็นที่ต้องการมาก นอกจากนี้ยังมีค่ายหนัง สั่งสินค้าไปโปรโมทหนังแนวสยองขวัญด้วย

ผลงานทั้งหมดนั้น เขากล่าวว่ามาจากจินตนาการตัวเองและดูหนังสือประกอบ โดยขนมทุกชิ้นต้องปั้นด้วยมือ ไม่มีแม่พิมพ์ โดยรสชาติและเนื้อขนมปังจะคล้ายคุกกี้ สามารถเก็บไว้กินได้ 3 วัน แต่ลูกค้ามักจะซื้อไปเก็บโชว์มากกว่ากิน ส่วนราคาตั้งแต่ชิ้นละ 50 - 500 บาท แบบคนครึ่งตัวอยู่ที่หลักหมื่น งานใหญ่สุดที่เคยทำคือแบบศพเต็มตัว ในราคา 40,000 บาท เป็นลูกค้าจากประเทศเยอรมนี แต่ปัจจุบันขนมปังรูปศพไม่ได้มีการวางขายแล้ว เหลือเพียงแค่ขนมปังแบบธรรมดาแทน



ขนมไอเดียแปลกลำดับถัดมา เป็นของหวานที่ใครต่อใครพากันชื่นชอบก็คือ ไอศกรีม และในประเทศไทย ก็มีร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง คิดเมนูไอศกรีมที่มีการตกแต่งชวนหวาดเสียวอย่าง “พาเฟต์ลูกผู้ชาย” ในถ้วยจะประกอบไปด้วย กล้วยและไอศกรีมวานิลลา ถูกนำมาจัดเรียงจนดูคล้ายกับอวัยวะเพศของผู้ชายเป็นอย่างมาก สมดังชื่อเมนู



และสุดท้าย ที่กลายเป็นที่ฮือฮาไปก่อนหน้านี้ กับวุ้นจากร้าน “วิไลวรรณ บ้านขนมไทย” ที่ปิ๊งไอเดียทำ “วุ้นรูปสุนัขพันธุ์ปั๊ก” ได้เหมือนจริงแบบสุดๆ ชนิดที่ว่าหลายคนเห็นแล้วถึงกับกินไม่ลงเลยทีเดียว

หลังจากที่วุ้นรูปสุนัขได้รับการตอบรับไปอย่างถล่มทลาย ในเวลาต่อมา ทางร้านก็ได้ผุดไอเดีย “วุ้นอุนจิหรือวุ้นรูปอึ” ออกมาตีตลาดแบบติดๆ ที่เหมือนจริงไม่แพ้วุ้นรูปสุนัขเลย ส่วนรสชาตินั้น ร้านวุ้นไอเดียแปลกได้การันตีไว้ว่า ใช้หัวกะทิล้วน ทำให้มีรสชาติหวานมันและไม่ใส่สารกันบูด



ยิ่งกระแสดรามามากเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนจะเป็นการไปกระตุ้นให้ผู้คนอยากลองชิมมากขึ้นไปเท่านั้น ประกอบกับความนิยมของคนสมัยนี้ ที่ต่างออกไปจากแต่ก่อน ดูท่าทางจะขายเพียงแค่ความสวยน่ารัก เห็นทีคงจะไม่โดนใจผู้บริโภคเสียแล้ว
หรือนักชิมสมัยนี้จะชอบอาหารหน้าตาต่ำตม เอาไว้สนองความต้องการด้านการถ่ายรูปอวดเพื่อน เพราะเท่าที่ยกตัวอย่างมานี้ ก็พอจะทำให้เห็นแล้วว่า ทุกวันนี้ยิ่งแปลกยิ่งฉาว ก็ยิ่งขายดีจริงๆ

ขอบคุณภาพ : เพจเฟซบุ๊ก “Ace Airsoft” และ “วิไลวรรณ บ้านขนมไทย”
กำลังโหลดความคิดเห็น