ร้อนแรงดุเดือด! กับคำพูดของ อ.เฉลิมชัย ในพิธีไหว้ครูของคณะจิตรกรรมฯ ที่กล่าวถึงรุ่นน้องเหยื่อ “ซ่อมน้อง” พิเรนทร์ที่ไปออกสื่อแฉรุ่นพี่บังคับให้แก้ผ้าผลัดกันจับอวัยวะเพศช่วยตัวเอง แต่กลับด่ารุ่นน้องว่าทำลายคณะฯ ทำไมไม่อดทนเก็บเรื่องแย่ๆไว้คุยกันเองภายใน แทนที่จะไปออกสื่อ สุดท้ายโดนสวดยับ! ยันไม่มีเจตนาแค่พูดเอามันตามสไตล์!
ขู่จริง...หรือแค่แหย่เล่น!?
เป็นเรื่องเป็นราวจนได้หลังเพจเฟซบุ๊ก ANTI SOTUS แฉคำพูดสุดดุเดือดของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของคณะจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ของมหาวิทยาลัยศิลปากร
โดยเผยแพร่คลิปความยาว 20 นาที ในพิธีไหว้ครูของคณะจิตรกรรมฯ โดย อ.เฉลิมชัย ได้ให้โอวาทนักศึกษาใหม่ เนื้อหาโดยย่อที่ อ.เฉลิมชัย กล่าวให้รุ่นน้องฟัง คือ วิธีแก้ปัญหาอย่างมีจิตสำนึกคือต้องอดทนเพื่อคณะและเก็บเรื่องแย่ๆไว้คุยกันเองภายในแล้วก็จบภายใน แทนที่จะไปออกสื่อแล้วเป็นเรื่อง คนทั้งประเทศเค้ามองเราไม่ดี นอกจากนี้ รุ่นพี่อย่าง อ.เฉลิมชัย ยังได้กล่าวถึงรุ่นน้องที่ไปออกสื่อแฉรุ่นพี่ด้วยว่า
“พวกมึงมันไม่มีจิตสำนึกไงไอ้เหี้ย ยังไม่ทันเรียนเหี้ยอะไร ก็ทำลายคณะแล้ว มึงทำลายความน่าเชื่อถือที่รุ่นพี่เราได้สร้างมา ทำให้คนเรียนวาดรูปดูป่าเถื่อน”
ทว่า อ.เฉลิมชัย ได้กล่าวออกตัวก่อนแล้วว่าอยากให้ยกเลิกระบบรับน้องแบบนี้ เพราะตอนเรียนก็ไม่ชอบระบบนี้ ถึงขนาดอยากจะกระทืบพวกรุ่นพี่ที่มาสั่ง
"ณ เวลานี้อยากให้เลิกมั้ย ระบบซ่อมแบบนี้ กูอยากให้เลิก กูบอกมึงได้เลย กูอยากให้เลิก แล้วไม่อยากให้ทำแบบนี้ ทุกมหาลัยด้วย เพราะโลกมันเปลี่ยนแล้ว ทุกอย่างเปลี่ยน"
ก่อนที่ปิดท้ายด้วยการขู่กระทืบรุ่นน้องที่ไปออกสื่อว่า “แล้วกูก็ไม่รู้ด้วยว่ามึงทำให้คณะกูเสียหาย กูพึ่งดูเมื่อคืน ...เดี๋ยวกูจะไปแอบกระทืบมึง ไปซ่อมมึงส่วนตัว ไอ้ห่ากี่คนนะเมื่อคืนนี้ 4 คน โอ้โห กูจำหน้ามึงได้ เดี๋ยวก็จะขอเวลานอกส่วนตัวกับมึง ซ่อมมึง ขอให้ความสุขความเจริญจงเกิดขึ้นแก่ลูกทุกคน โชคดีมีสุขๆ”
ปลูกฝังความเชื่อ ก่อการเกลียดชัง
ดรามาประทุ! ร้อนระอุเหมือนคำพูด อ.เฉลิมชัย เพราะสังคมรับไม่ได้ บางประโยคราวกับการข่มขู่สร้างความไม่ปลอดภัยของนักศึกษาที่ออกมาเปิดโปง กระทั่งเพจ ANTI SOTUS ตั้งคำถามถึง อ.เฉลิมชัย พร้อมเรียกร้องให้ อ.เฉลิมชัย ออกมายอมรับว่า สิ่งที่พูดนั้นผิด และก่อให้เกิดความเชื่อผิดๆในหมู่นักศึกษา
เช่นเดียวกับแถลงการณ์ของกลุ่ม Black Circle จากกลุ่มนักเขียน ศิลปิน และนักวิชาการ ขอให้ศิลปากรออกมาดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม การให้โอวาทนักศึกษาใหม่ด้วยคำพูดที่มีลักษณะก่อให้เกิดความเกลียดชัง (hate speech) โดยที่ตัวศิลปินผู้สร้างวัดร่องขุ่นมิได้สำนึกว่า "วจีกรรม" ย่อมส่อถึง “มโนกรรม” อันอาจจะนำไปสู่ “กายกรรม” หรือการกระทำได้
ทั้งนี้ นักศึกษาที่ออกมาเปิดเผยถึงกิจกรรมอันไม่เหมาะสมผ่านสื่อนั้น ได้ถูกคุกคามด้วยการกลั่นแกล้งและล้อเลียนต่างๆนานาเพื่อให้ได้รับความอับอาย นับเป็นการกระทำที่ลดทอนความเป็นมนุษย์และปิดกั้นการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น อันถือเป็นลักษณะอำนาจนิยมในมหาวิทยาลัย
ซึ่งทั้งที่จริงแล้วควรจะเป็นพื้นที่เปิดเสรีทางความคิดเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ยิ่งในมหาวิทยาลัยที่อ้างความโดดเด่นด้านการสร้างสรรค์ศิลปะ ยิ่งควรจะมีจินตนาการนึกถึงความเป็นไปได้ของกิจกรรมที่จะเสริมสร้างการอยู่ร่วมกันได้อย่างหลากหลาย แทนที่จะอ้างประเพณีโดยไม่คำนึงถึงความเปลี่ยนแปลงทางสังคม
หยาบคายเพื่อรสชาติความเป็นกันเอง
ไม่นานนัก อ.เฉลิมชัย ได้ออกคลิปชี้แจงพร้อมจดหมายเขียนอธิบายจุดประสงค์ในการพูดในวันนั้นให้เพจ ANTI SOTUS ด้วยลายมือ ย้ำแค่พูดเอามันไม่ได้จะทำจริง โดยส่วนตัวเป็นคนพูดจาหยาบคายกับคนที่สนิทสนมอยู่เสมอ โดยคิดว่ารุ่นน้องๆในคณะทุกคนเป็นลูกหลานรุ่นน้องที่เรารัก จึงใช้วาจาแบบกันเอง จึงมีคำว่า มึง กู เหี้ย ห่า เพื่อรสชาติความเป็นกันเอง
“ผมเป็นคนที่ไม่ชอบ และเคยบอกกล่าวกับคณบดีหลายท่านที่ผ่านมา แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ วันที่ผมไปพบน้องๆที่คณะผมเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกว่าคณะจิตรกรรมฯ ที่ผมรักได้รับความเสียชื่อเสียงจากการกระทำของรุ่นพี่ และรู้สึกว่ารุ่นน้องรุ่นนี้เป็นผู้ทำลายชื่อเสียงของคณะฯ
หลังจากผมพูดจบแล้วได้มีเวลาคุยกับคณบดีคนใหม่และอาจารย์อีกหลายท่านขอให้ยกเลิกระบบการซ่อมน้องแบบเก่าๆที่สืบทอดกันมา เราสรุปวันนั้นว่าต้องยกเลิกแน่นอน และในที่สุดทางคณะและมหาวิทยาลัยได้มีมติสั่งให้ยกเลิกเรียบร้อยแล้ว
ผมต้องขอเรียนชี้แจงว่าโดยส่วนตัวผมแล้วสันดานผมเป็นคนพูดจาหยาบคายกับคนที่สนิทสนมอยู่เสมอ ผมคิดว่ารุ่นน้องๆในคณะทุกคนเป็นลูกหลานรุ่นน้องที่ผมรัก จึงใช้วาจาแบบกันเอง จึงมีคำว่า มึง กู เหี้ย ห่า เพื่อรสชาติความเป็นกันเอง
ผมเตือนน้องๆสอนน้องๆให้ระมัดระวังและอดทนเพื่อคณะฯ เหมือนผมที่เคยอดทนและอีก หลายๆรุ่นที่ต้องอดทน ผมขอบคุณที่ทางเพจได้ชี้แจงชัดเจนถึงความผิดของผม ที่ไม่ด่ารุ่นพี่ที่กระทำต่อน้องๆกลับไปสอนเขาให้อดทน
สุดท้าย ณ เวลานี้ผมเห็นว่าเด็กกลุ่มที่ต่อต้านระบบรับน้องได้ทำความสำเร็จแล้ว ผมดีใจที่ยกเลิกได้เพราะเด็กรุ่นนี้หากซุกพรมไว้เหมือนรุ่นผมและรุ่นต่อๆมา ก็คงไม่สามารถล้มเลิกได้ ผมเข้าใจสิ่งที่พวกคุณต่อสู้กันมา ที่ผมไม่พอใจกลุ่มของคุณเพราะคุณได้กล่าวหาว่าผมจะไปกระทืบเด็ก ผมพูดเล่นๆสนุกๆ ผมไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้น ผมรู้สึกว่าเพจของคุณกล่าวหาผมเกินเลย ทำให้สาธารณะมองผมเป็นคนชั่ว ทั้งๆที่ผมพูดโดยรวมด้วยความรัก ความเป็นห่วง พวกเขา และคณะ
ผมต้องขอโทษที่โต้ตอบอย่างดุเดือดรุนแรงตามสันดานเถื่อนๆมันส์ๆเร้าใจ ดิบๆ ตรงไปตรงมาด้วยครับ”
สอดคล้องกับ องอาจ โล่ห์อมรปักษิณ ศิลปิน และศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศิลปากร ยืนยัน เป็น “คำด่า” ที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู!
“ประโยคคำพูดของพี่เหลิมที่ถูกยกมาโจมตี ถ้าฟังดีๆ ก็รู้ว่าเป็นประโยคคำด่าที่เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดูตามสไตล์พี่เหลิมคนที่ดูคลิปนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นเรื่องไม่ยากเลยที่จะรับรู้จิตใจของพี่เหลิม ที่กลับมาช่วยน้องๆ ทุกคนทุกฝ่ายในบ้านยามไฟไหม้ เหมือนพวกคุณทุกสถาบัน ที่รัก ห่วงใย ในสถาบันของตนในยามที่เกิดวิกฤติร้ายแรงขึ้นที่บ้าน”
ภาพบรรยากาศการรับน้องของเด็ก “จิตกำ” ที่มักจะเห็นได้ชัดว่า ถ้าเป็นผู้ชายต้องตัดผมสั้นเกรียนทั้งหัว และผู้หญิงต้องรวบมวยผมในชุดนักศึกษาเสื้อตัวใหญ่ติดกระดุมถึงคอ สาเหตุที่ต้องทำแบบนี้เพราะเป็นรูปแบบเชิงจิตวิทยาที่ใช้ในรับน้อง ว่าแต่ละคนมาจากต่างที่ต่างถิ่นไม่เหมือนกัน แต่เมื่อเป็นชาวจิตรกรรมฯ เราจะให้ทุกคนลดอัตตาให้เกิดความเท่าเทียมกัน
....สำหรับกิจกรรมซ่อมน้องพิเรนทร์ก็คงจะเสื่อมสลายไปตามกาลเวลาและความศิวิไลซ์