ฮอตสุดๆ ของคู่รักนักกีฬาในตอนนี้ คงหนีไม่พ้นคู่ของ “แหลม-ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น” กับ น้องเก๋-พัชรีวรรณ กันหา เป็นแน่!! เพราะตั้งแต่ภาพการคุกเข่าขอแต่งงานกับแฟนสาวที่คบหาดูใจกันนานกว่า 14 ปีกลางสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น ก็ทำเอาสาวไทยทั้งประเทศขอบตาร้อนผ่าวตามๆ กันแล้ว
ในวันว่างสัปดาห์นี้ แหลมกับน้องเก๋ จึงควงกันมาพูดคุยถึงเรื่องราวความรักนอกสังเวียนของทั้งคู่ให้ทีมข่าว ผู้จัดการ Live ฟังแบบหมดเปลือกไม่มีกั๊กว่า กว่าจะฝ่าฟันมาจนถึงวันนี้ได้ ต้องผ่านความสุข ความเศร้า เหงา รันทดมากมายขนาดไหน และในวันที่มีคนที่สามก้าวมา แหลมเกือบจะต้องสูญเสียเก๋ไป อะไรที่ทำให้ทั้งคนคู่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันถึงบัดนี้
*** เปิดตำนานรัก นักชกแดนอีสาน
ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น มีชื่อจริงตามบัตรประจำตัวประชาชน ว่า วิศักดิ์ศิลป์ วังเอก มีชื่อเล่นว่า "ตั้ม" แต่เพื่อน ๆ นิยมเรียกว่า "แหลม" เขาเกิดและเติบโตที่ อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ ขณะที่เรียนหนังสืออยู่เพียงชั้น ม.6 เขาก็ได้พบ น้องเก๋-พัชรีวรรณ เด็กนักเรียนชั้นม.5 .ตามคำแนะนำของ “น้องฟิล์ม” หลานสาว หลังจากนั้นเพียงไม่นานสัมพันธ์รักของทั้งสองก็เริ่มก่อตัว และค่อยๆ เติบโต
"หลานมาแนะนำให้ไปช่วยจีบให้หน่อย เพราะตอนนั้นพี่แหลมไปชอบเพื่อนของหลาน ซึ่งเขาไม่อยากให้แหลมไปจีบ เลยให้เก๋ไปจีบกัน ตอนแรกได้ยินชื่อก็คิดว่าจะหน้าตาดี พอได้เห็นก็ตกใจ บอกกับหลานว่าไหวเหรอ
ตอนนั้นเขาไม่หล่อ ขี้เหล่มาก ตัวก็ดำ แต่พี่แหลมเป็นคนนิสัยดี ก็จีบไปอย่างงั้นกะว่าแป๊ปเดียวเลิก แต่ปรากฎว่าพี่แหลมมาติดหนูตื้อไม่ปล่อย ย้ายมายู่บ้านเก๋เลย พ่อกับแม่ก็งง เพราะตอนนั้นเรายังเด็กกันมาก เก๋อยู่ม.5 พี่แหลม อยู่ม.6
พ่อกับแม่ก็ไม่ชอบว่ายังเป็นเด็กนักเรียนกันอยู่ยังทำมาหากินไม่ได้ เราคนก็ได้แต่รับฟังและก็อดทนเถียงไม่ได้เลย พอพี่แหลมมีเงินเขาจะพาไปกินข้าวตลอด ซึ่งตอนแรกเราก็งงว่าเอาเงินมาจากไหน ไม่รู้ว่าชกมวย เพราะเก๋ไม่ชอบนักมวย แต่มารู้หลังคบไปหลายเดือนว่าเป็นนักมวย ก็เลยตามเลยคบต่อไป”
แหลมอธิบายเพิ่มเติมให้ฟังว่า "ที่ไม่บอกว่าเป็นนักมวย เพราะเขารู้ว่าเก๋ไม่ชอบนักมวย จึงปิดเงียบ พอมีงานวัดทีนึงผมก็ไปต่อยมวยได้เงินมา 1-2 พันก็พาเขาไปเที่ยว กินอาหารดีๆ เขาก็เลยรู้”
เก๋ บอกว่า ความเสมอต้นเสมอปลายของแหลมที่มีให้เก๋ ทำให้สาวน้อยคนนี้ยิ่งทวีความรักให้นักมวยหนุ่มมากยิ่งขึ้น ไม่ต่างจากคำครหาจากผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่สาดใส่แหลมและเก๋ก็แรงไม่แพ้กัน
แรงกดดันเริ่มมากขึ้น วันหนึ่งทั้งคู่จึงตัดสินใจออกจากบ้านมากรุวงเทพฯ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง "ตอนนั้นพี่แหลมยังเรียนไม่จบ จะไปทำอะไรกินกัน ชกมวยมันจะไปกันรอดไหม จะคบกันรอดไหม เราเลยตัดสินใจมาหางานทำ และขอพิสูจน์ตัวเอง ทำให้ทุกคนเห็นว่าเราจะอยู่ให้ได้ สู้ให้ได้ ทั้งชกมวยและทำงานด้วย”
“ก็คิดอย่างเดียวคือ มาตายเอาดาบหน้า มาสู้เอาข้างหน้า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
***หมอดูทักแหลมจะดัง!!!
การเริ่มต้นชีวิตคู่ของทั้งสองในขณะนั้น แม้จะพบกับความยากลำบากทั้งในเรื่องของเงินและงาน แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดความมุ่งมั่นของทั้ง 2 คน
ศรีสะเกษเล่าว่า ตอนมากรุงเทพฯ มีเงินติดตัวแค่ 500 บาท ซื้อตั๋วรถไฟ 2 ใบมากรุงเทพฯ เหลือเงินเพียง 20 บาท “ตอนนั้นเราขึ้นรถไฟมากับแฟน เราสองคนไม่มีตังค์ แถมทำตั๋วรถไฟหล่น เลยบอกแฟนว่าไม่เป็นไร ให้ทำเหมือนเป็นคนที่ตรวจตั๋วแล้ว พอนายตรวจเดินผ่านไปก็รอด เหลือเงิน 20 บาทขึ้นรถเมล์ไปบางนา เดินจากบางนาไปสำโรงเพื่อสมัครงาน แต่ก็ไม่ได้งาน เดินจากสำโรงมาเซ็นทรัล บางนา ไปสมัครเป็นรปภ. เดินไกลก็ไม่เหนื่อย อาจเพราะเราเป็นลูกชาวนา เวลาทำนามันเหนื่อยกว่านี้อยู่แล้ว เดินไปนาแต่ละทีก็ไกลมาก”
งานแรกที่ทำคือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “เงินเดือนไม่กี่ตังค์หรอกครับ แต่ก็ต้องทำ ตอนนั้นเก๋มีพี่สาวที่กรุงเทพฯ ก็เลยไปอยู่กับเขา พอเงินเดือนก้อนแรกได้มาก็ออกมาเช่าอยู่กันเอง เดือนละ 2,000 บาท จ่ายค่าเช่าบ้านค่ากินก็แทบจะชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว”
“เก๋เป็นคนผิวแพ้ง่าย มือเขาถูกแฟ้บถูกน้ำยาล้างจานแทบไม่ได้ เพราะจะลอกแดงหมด ผมสงสารเขาก็เลยทำเองทั้งหมด ขอให้เขาอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร ผมสัญญาว่าจะดูแลเขาให้ดี ก็ต้องทำให้ได้ แต่บางทีผมออกไปทำงานเขาก็แอบเอาเสื้อผ้ามาซักเอง แล้วมือก็พังกลับมาเห็นก็ต้องดุบ้าง ผมเองก็เสียใจที่ทำให้เขาต้องมลำบากกับผม คือถ้าเขายังอยู่กับพ่อแม่ เขาไม่ต้องมาลำบากแบบนี้” แชมป์โลกหนุ่มรูปหล่อกล่าวพร้อมรอยยิ้มใสๆ
“พี่แหลมทำให้เก๋ทุกอย่าง ตั้งแต่ซักเสื้อผ้า ทำกับข้าว กวาดบ้าน ถูบ้าน พี่แหลมทำคนเดียวหมด เก๋ก็สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง พีแหลมทำกับข้าวเก่งมาก ทุกเช้าจะลุกมาหุงข้าว ทำกับข้าวกินกันก่อนไปทำงาน ตกเย็นกลับมาก็มาทำกินกันอีก เพราะนอกจากได้ประหยัดกันแล้วยังอร่อยด้วย ที่กินประจำคือ ส้มตำ พี่แหลมตำอร่อยมากๆ จริงๆ ค่ะ คืออร่อยกว่าซื้ออีก (หัวเราะ) แรกๆซื้อมากินไม่อร่อยและก็แพงด้วยสู้ทำเองไม่ได้
ทำได้แค่ 1 ปี ก็เปลี่ยนงานเพราะไม่ไหว เลยไปสมัครเป็นพ่อบ้าน ทำหน้าที่เป็นพนักงานเก็บขยะ และชกมวยไปด้วย ซึ่งเก๋ยืนยันว่าถือเป็นช่วงที่ดีที่สุดก็ว่าได้ เพราะมีอาหารดีๆให้กินทุกมื้อ
“เป็นช่วงที่เรียกว่ามีความสุขมากก็ได้ค่ะ ได้กินอาหารอร่อยๆเกือบทุกวันเลย คือพอพี่แหลมทำงานเสร็จ ก่อนเลิกงานกลับบ้าน ห้างใกล้เลิกเขาจะทิ้งอาหารที่เหลือๆ อาหารที่ใกล้หมดอายุ เช่น ขนมปัง, ไส้กรอก, หมู, ไก่ หัวปลาแซลมอน โดนัท ฯลฯ พี่แหลมก็จะเก็บอาหารพวกนี้มาทำกับข้าวให้เก๋กินทุกวัน ที่พี่แหลมทำให้เก๋กินแล้วอร่อยมากคือ หัวปลาแซลมอนต้มยำ”
เก๋ยังเล่าอีกว่า ทุกวันหยุดแหลมชอบพาเดินเล่นตามห้างสรรพสินค้า โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอและแหลมต่างจดจำไม่ลืมคือ “จำได้ว่าไปบิ๊กซี ก็เดินๆอยู่มีหมอดูเข้ามาจับมือพี่แหลม คว้าไปดู แล้วบอกว่าต่อไปแหลมจะมีชื่อเสียงโด่งดังนะ อนาคตจะรวย เก๋กับพี่แหลมก็หัวเราะกันเลย คือเก็บขยะนี่นะ จะรวยมันเป็นไปไม่ได้เลยแล้วเราก็ไม่ได้สนใจเพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้จริงๆ”
***ความสุขเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในห้องเช่า
ภายในห้องเช่าเล็กๆ ขนาดไม่กี่ตารางเมตร กับสิ่งของอำนวยความสะดวกและเครื่องนอนเพียงไม่กี่ชิ้น อาจทำให้ผู้อยู่สะดวกสบายได้ไม่มากนัก แต่ทั้งสองก็อยู่ได้อย่างมีความสุข คนทั้งสองคนอยู่กันด้วยความรัก
“มันเป็นความสุขที่เก๋อธิบายไม่ได้ รู้แค่ว่าได้อยู่กับพี่แหลมสองต่อสองโดยไม่มีผู้ใหญ่คอยมองด้วยความเป็นห่วงเหมือนตอนอยู่บ้านนอก เราสามารถแสดงความรักกันได้มากขึ้น กอดมากขึ้น ถึงไม่มีเงินมาก แต่ก็มีความสุขแล้ว เก๋ไม่คิดว่าลำบากอะไร คิดแค่ว่าได้ร่วมกันฝ่าฟันทุกอย่างไปด้วยกันก็พอใจแล้ว”
เก๋ยังบอกเล่าถึงมุมกุ๊กกิ๊กของเธอกับนักชกหนุ่มว่า บางวันเก๋กับพี่แหลมนึกตลก เปลี่ยนบรรยากาศคุยกันเล่นๆว่าอยากกินอาหารญี่ปุ่น พออกไปตลาดพี่แหลมก็ซื้อพวกมาม่า, ยำยำ มาต้มกินกันเลย “นี่คืออาหารญี่ปุ่นของเราที่ทำกันง่ายๆ สลับกับส้มตำ พี่แหลมให้เก๋กินเส้นบะหมี่ ส่วนตัวเขากินน้ำแกงเอามาคลุกกับข้าว” หญิงสาวเล่า โดยฝ่ายชายอธิบายเสริมให้ฟังว่า
“ผมชอบแบบนี้ด้วย คือถ้าเทียบกับก๋วยเตี๋ยวผมชอบกินข้าวมากกว่า มันอยู่ท้องดี”
สตรีร่างเล็กใบหน้าสวยสดใส ยิ้มหวานก่อนจะจิบกาแฟตรงหน้า แล้วหันมาบอกเราต่อถึงเบื้องหลังชีวิตสุดน่ารักของ “แหลม” ที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน ว่า เห็นหน้าดุๆ หมัดหนักๆ เวลาที่อยู่บนเวทีกับตอนนี้นั้น มันคนละเรื่องเลยจริงๆ
“พี่แหลมรักสัตว์ เขาเป็นคนจิตใจดีอ่อนโยน (ลากเสียงยาว) เล่นกับหมากับแมว สัตว์ทุกชนิด เคยจับเอาลูกหนูตัวแดงๆ มาหอม สมัยที่คบกันใหม่ๆ เก๋แอบเอาลูกหมาที่เพิ่งคลอดจากบ้านพี่แหลมใส่กระเป๋าเสื้อมาเลี้ยงที่บ้าน เอามาแล้วก็เลี้ยงไม่เป็น
ความที่ลูกหมาเพิ่งคลอดยังไม่ลืมตาเลย พี่แหลมก็เอามาป้อนนมตั้งแต่เล็กจนมันเริ่มโต ตอนหลังหมาตัวนั้นถูกวางยาตายทั้งเก๋ทั้งพี่แหลมก็ร้องไห้กันหนักมาก พอเข้ากรุงเทพฯ แรกๆไม่ได้เลี้ยง แต่ไปเจอที่ไหน ถ้ามันผอมๆ แล้วในกระเป๋ามีตังค์อยู่บ้างเค้าจะต้องซื้อหมู ซื้อตับให้มันกิน พอมีตังค์มากขึ้น และพี่เขาต้องออกไปชกมวย ไปเก็บตัวซ้อมมวย พี่แหลมเขากลัวเก๋เหงา ก็เลยไปเอาหมามาเลี้ยงเอง ตอนนี้ตัวนึงชื่อ “กล้วยหอม” พี่เขารักเหมือนลูกเลยค่ะ”
***หมดหวัง..เกือบเลิกเป็นนักมวย
ถึงการเป็นพนักงานเก็บขยะ จะช่วยให้มีอาหารดีๆ ได้กินบ้าง แต่มันก็ไม่ใช่หลักประกันที่จะต้องทำอย่างนั้นตลอดไป แหลมเลือกที่ไปชกมวยหารายได้เพิ่มอีกทาง
“ก็ไปเป็นมวยแทน มวยคั่นเวลา จนตอนหลังรุ่นพี่ที่รู้จักกับพี่แหลมก็มาชักชวนให้ไปต่อยมวยสากล มีไปชกมวยต่างประเทศ พี่แหลมเขาอยากได้เงิน ก็เลยไป”
หลายครั้งที่แหลมต้องพกความพ่ายแพ้กลับบ้าน พร้อมเงินปลอบขวัญอีกนิดหน่อย
จนวันหนึ่งมีคิวต้องเดินทางไปชกมวยที่ประเทศญี่ป่น การชกครั้งนั้น เกือบทำให้เจ้าแหลมคิดแขวนนวมและหันไปทำอาชีพอื่นแทน
เก๋กับแหลมต่างหยุดนิ่งราวกับทบทวนความเจ็บซ้ำในช่วงนั้น เก๋เงยหน้าแล้วพูดกับเราว่า มีอยู่ครั้งที่เธอทนไม่ได้ เพราะเจ็บมากกว่าที่แหลมเจ็บ
“ไปต่อยที่ญี่ปุ่นครั้งที่ 3 กลับมาแบบไม่เหลือสภาพเลย ตาสองข้างบวมปิดแทบลืมไม่ขึ้น ปากแตก คิ้วแตก ยับเยินมาก เก๋เห็นแล้วโกรธมาก คือเรารักเขา พอเห็นเขาเจ็บเราก็เจ็บยิ่งกว่า ก็เลยด่าเขาหนักมาก ถ้าคิดจะต่อยแบบนี้ก็ไม่ต้องต่อยเลย เก็บเสื้อผ้าออกมาจากค่ายเลย ไปเก็บขยะอย่างเดิมดีกว่า คือเก๋รู้ว่าเขาไม่ได้ซ้อม แต่ทุกครั้งพี่แหลมจะเอาตัวรอดได้ตลอด เก๋มั่นใจในตัวเขา แต่ครั้งนั้นมันไม่เหลือสภาพเลย” เก๋เล่าพร้อมชี้ร่องรอยแผลเป็นบนใบหน้าเจ้าแหลมให้เราดู
“ไม่เสียใจนะครับ เข้าใจความรู้สึกของเก๋ที่ด่าว่าเพราะเขารักเรา ใจผมก็คิดเหมือนเก๋ คือตอนที่นั่งเครื่องบินกลับมาคิดแล้วว่าจะพยายามอีกครั้ง ตั้งใจจะต่อยเป็นไฟลท์สุดท้ายแล้ว คือถ้าผมแพ้ ผมจะเลิกไม่ต่อยมวยแล้ว พอดีผมต่อยเสมอ ทำให้มีกำลังใจขึ้นมา เลยคิดสู้ต่อ” ว่าที่แชมป์โลกในตอนนั้นเล่าพร้อมยิ้ม
เมื่อกำลังใจเริ่มมา แหลมก็เริ่มต้นตั้งใจฝึกซ้อม ขณะเดียวกันค่ายเก่ามีปัญหา “แหลม” จึงถูกขายต่อให้กับค่ายนครหลวงโปรโมชั่น ในราคา 5 หมื่นบาท ซึ่งต่อมาได้นำเขาเข้ามาสู่เส้นทางแชมป์โลกในวันนี้ได้อย่างภาคภูมิ
“ไฟท์ล่าสุดผมสัญญากับตัวเองเลยว่าจะต้องไม่แพ้ หลังจากวันนั้นผมต้องสร้างวินัยให้ตัวเอง ต้องขยันซ้อม ขยันวิ่ง ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เรื่องค้าตัว เรื่องราคาต่อรองบนเวทีอาจจะต่ำกว่าคนอื่นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าผมต้องต่อยให้ชนะ จนชกเสร็จ ผมมั่นใจว่าผมชนะ เพราะทุกยกผมต่อยไม่หยุด พอประกาศว่าผมชนะ ผมรู้สึกดีใจมาก มันยิ่งใหญ่มาก เราสามารถทำได้ เราเอาเข็มขัดเส้นเดิมของเรากลับมาให้คนไทยชื่นชมได้อีกครั้ง มันกลับมาอยู่กับเราแล้ว”
*** เกือบแพ้ “มือที่สาม” แต่พี่แหลมขาดหนูไม่ได้!!
ความรักความภักดีที่แหลมมีให้ “เก๋” นั้น แม้จะไม่ได้ลดน้อยลงไปไหน แต่เมื่อมีสิ่งใหม่ผ่านเข้ามาสั่นคลอนความรู้สึก ก็มีบ้างที่นักชกหนุ่มจะต้องเผลอไผล โดยวันหนึ่งเมื่อ “แหลม” ออกไปวิ่งออกกำลังกายตามปกติ เขาได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปออกกำลังกายเหมือนกัน ทั้งสองพูดคุยกันเพียงไม่นานความสนิทสนมก็ก่อตัวขึ้นแบบเงียบๆ
รักซ้อนที่เกิดขึ้นครั้งนั้น เกือบทำให้รักเก่าของ “แหลม” กับ ”เก๋” ต้องล่มสลาย
แหลม ยอมรับความผิดแบบแมนๆ กับ ผู้จัดการ LIVE ว่า เขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียใจที่ทำให้เก๋ต้องเสียใจและเสียความรู้สึกดีๆ “ผมผิดเองครับ มันเริ่มจากตอนที่ผมไปซ้อมวิ่ง ไปเจอเขาตอนวิ่ง (หัวเราะ) ก็แอบคุยกันมา จนเก๋จับได้ เขาให้เลือก ผมก็ต้องเลือกเขาสิครับ”
“เก๋ไม่เคยโทษผู้หญิงนะคะ เก๋โทษผู้ชาย โทษคนของเรา ถ้าคนของเราหนักแน่นพอ ต่อให้ผู้หญิงเข้ามาเป็นร้อย ปัญหาก็ไม่มีทางเกิด ที่เก๋รู้ไม่ใช่ว่าเราไปจับผิดหรือมีใครมาระราน แต่เป็นเพราะพี่แหลมเอง เขาเป็นคนซื่อ ต่อให้เขาพยายามปกปิดแค่ไหน เขาปิดเก๋ไม่สำเร็จหรอกค่ะ
เก๋ไม่แคร์ แต่มันเสียความรู้สึกมากค่ะ ตอนที่มีเรื่องก็บอกพี่แหลมเลยว่า ให้ขนเสื้อผ้าออกไปอยู่กับเขาเลย ไม่ห้าม ไม่ร้องไห้เสียใจด้วย เก๋อยู่ได้ เพราะเราเองก็มีคนมาชอบตั้งเยอะ หล่อๆ รวยๆ แต่เราไม่คยคิดที่จะนอกใจ ไม่คิดจะทำให้เขาเสียใจเลย เก๋เลือกอยู่กับพี่แหลมเพราะเก๋รักที่เขาเป็นคนดี รักในความรักที่เขามีให้เก๋ แต่ถ้าเขาจะหมดรักไปหาผู้หญิงใหม่ เก๋ก็ไม่ว่า” “เธอเล่าพร้อมส่งค้อนวงโตให้แชมป์โลกของเรา โดยเจ้าแหลมเองก็ได้แต่ยิ้มแบบเอียงอาย
“เก๋” บอกว่า ตลอดเวลา 14 ปีกว่าที่อยู่ด้วยกันมี 2 ครั้งที่ทำให้เธอรู้สึกแย่เสียความรู้สึก แต่ทั้งหมดเธอก็พร้อมที่จะอภัยให้กับผู้ชายที่เธอรัก
“14 ปีกับปัญหาชีวิตรักเพียง 2 ครั้งเก๋ว่ามันไม่เยอะหรอก พอทนได้ค่ะ แต่ก็ไม่อยากให้มีครั้งที่ 3 ซึ่งพี่แหลมเองหลังจากเจอปัญหา 2 ครั้งก็ดูเหมือนจะเข็ดแล้ว เพราะครั้งที่ 2 เก๋เก็บเสื้อผ้าออกจากบ้านไปอยู่กับพี่สาวเองเลย เขาพยายามง้อ แต่ไม่สำเร็จ เขาก็ให้รุ่นพี่ที่ค่ายมวยมาช่วยง้อ เก๋เกรงใจรุ่นพี่เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้วต้องมาช่วยเคลียร์ปัญหาเด็กๆ ก็เลยยอมกลับมา
เก๋ ไม่มีเทคนิกมัดใจอะไรเท่าไหร่ แต่คิดว่าปกติที่คนเขารักกัน มันต้องเข้าใจกัน ไม่ว่าจะตอนลำบากหรือไม่ลำบาก ถ้าเราเข้าใจเขาทุกอย่าง เก๋กับพี่แหลมเป็นอะไรที่ไม่ต้องแบบพูดกัน เก๋ก็เข้าใจ แค่เขาหายใจ เก๋ยังรู้เลยว่าเขาคิดอะไร เหมือนเวลาสัมภาษณ์ พี่เขาจะพูดไม่ถูก เก๋สามารถอธิบายแทนเขาได้
พี่แหลมเขาเป็นคนทีเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยจะถูก ถ้ามีเก๋ไปด้วย เขาจะมั่นใจตลอด ถ้ามีเก๋ เขาจะรู้สึกปลอดภัยและฉลาดขึ้นมาทันที ถ้าเก๋ไม่มีเขา เก๋ก็ไม่มีวันนี้ ถ้าเขาไม่มีเก๋ เขาก็ไม่มีวันนี้ เราเลยถึงต้องมีกันและกันตลอด
ที่บอกว่าเคยจะเลิกกัน 2 ครั้งแล้ว เก๋ก็บอกเขาแค่ว่าถ้าคิดว่าดีก็ไป เก๋จะไม่ไปตามงอนง้ออ้อนวอน ถ้าคิดว่าดีก็ไป เก๋อยู่ได้ แต่เขาก็ไม่ไป เพราะเขาขาดเก๋ไม่ได้ บอกเลย เขารักเก๋ เขาขอร้อง ขอโอกาส และโอกาสหนูก็มีให้เสมอ ขอแค่ทำตัวให้ดีก็พอ”
***จากรปภ.-เก็บขยะ สู่แชมป์มวยโลก
เมื่อคิดจะเป็นนักมวยอาชีพ “แหลม” ก็หมั่นฝึกซ้อม พร้อมสะสมชัยชนะและชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง โดยการตะบันหมัดขวาใส่หน้า ‘ช็อกโกลาติโต’ (Chocolatito) โรมัน กอนซาเลซ คู่ปรับจากนิการากัว จนร่วงเป็นนกปีกหัก ในยก 4 ที่เวทีมวย เมดิสันสแคว การ์เด้น รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นการสยบทุกข้อสงสัยว่าชัยชนะในไฟต์แรกของ “แหลม” ไม่ได้เป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือโชคดี
ชัยชนะครั้งนี้ สภามวยโลก (WBC) ได้ประชุมคณะกรรมการบริหารของสภามวยโลกแล้ว มีมติประกาศให้ "เจ้าแหลม" ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น เป็นนักชกยอดเยี่ยมประจำเดือนกันยายน ผ่านทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ WBC หรือ wbcboxing.com ทันที
แม้จะดีใจกับความสำเร็จ ชื่อเสียงและเงินทองที่เข้ามา แต่ทั้งสองคนต่างเตือนตัวเองว่า “ต้องเข้มแข็งต้องมีสติ และไม่ประมาท” เพราะปัญหาและอุปสรรคที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญที่ฝังใจของทั้งคู่
“เก๋บอกพี่เขาตลอดให้มีสติ เวลาพูดกับใครตั้งสติ และให้อดทน ทุกวันนี้เขาเดินสายออกงานโชว์ตัวหรือสัมภาษณ์เยอะมาก ชีวิตส่วนตัวก็เริ่มหายไป ไม่เป็นตัวของตัวเองเหมือเมื่อก่อน กลับมาถึงบ้านเขาก็บ่นว่าเหนื่อย บางทีเรานั่งคุยกันแล้วก็นึกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน คือจนไม่มีอะไรแต่มีความสุขดีกว่า ตอนนี้คนเข้ามาในชีวิตเยอะ จนดูวุ่นวายไปหมดเลย”
ขณะที่เจ้าตัวแชมป์โลกบอกว่า “เหนื่อยจริง เหนื่อยกว่าตอนซ้อมและชกมวยอีก สมองต้องคิดตลอดเวลา ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา ก็ยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ตอนแรกก็ได้คุยกับผู้จัดการคือ "เสี่ยฮุย" (สุรชาติ พิสิฐวุฒินันท์) ว่าขอคิวเดินสายเป็นวันเว้นวันได้หรือเปล่า แต่เสี่ยไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าจะทำให้ใช้เวลานานขึ้น อยากจะเคลียร์งานเดินสายให้จบเร็วๆ เพราะวันที่ 23 กันยายนนี้ผมก็จะกลับศรีสะเกษ ไปให้พ่อแม่หาฤกษ์แต่งงาน ซึ่งก็จะให้เร็วที่สุดครับ เพราะจะได้กลับมาทำงานต่อ”
แหลมยังพูดถึงชีวิตประจำวันของเขาและแฟนสาวว่า ยังคงเหมือนเดิม การอยู่ การกิน เงินทองยังคงต้องประหยัดเหมือนเดิม “ผมถามเก๋ว่าอยากกินอะไร จะพาไป จะเป็นในห้างใหญ่ๆ โรงแรมหรูๆ ก็จะพาไป แต่เก๋เขาไม่เอา เขาชอบกินอยู่แบบง่ายๆเงียบๆ เหมือนผม ทุกวันนี้เราก็ยังทำกินเอง หรือกินของในตลาดข้างทางตามปกติ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”
“ไปกินหรู อาหารก็มีนิดนึง ไปกินสุดท้ายกลับบ้านมา ก็ต้องแวะร้านลาบ ส้มตำตบท้ายทุกที ก็เลยไม่เอา ขอกินเป็นแบบนี้ดีกว่าค่ะ” สาวน้อยกล่าวถึงตัวตนที่เรียบง่ายพร้อมรอยยิ้มสดใสเป็นการส่งท้ายการพูดคุยในวันนั้น
***ฮันนีมูนญี่ปุ่นพร้อมความฝันอยากมีลูก
แหลมบอกว่า ในส่วนของสินสอด ที่จะนำไปขอน้องเก๋ แยกเป็นเงินสด 4 แสนและทองคำ 20 บาท ส่วนเงินที่เหลือจะนำมาซื้อบ้านแถวจังหวัดนนทบุรี และรถยนต์อีก 1 คัน หลังจากแต่งงานแล้วเป็นเรื่องเป็นราวแล้ว ก็วางแผนไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่น และเตรียมตัวมีลูก
“พี่แหลมอยากมีลูก เก๋เองก็อยากมี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเราปล่อยนะแต่ไม่มีเอง ก็จะรอดูอีกระยะหากไม่มี ก็คงต้องทำกิ๊ฟ ถ้าทำจริงๆจะมีให้เป็นฝาแฝดเลย ส่วนลูกจะเป็นผู้หญิงผู้ชายก็ได้ค่ะขอให้มีเถอะค่ะ”
เมื่อถามถึงอนาคตหลังจากนี้ หากมีคนชักชวนเข้าสู่วงการบันเทิง แหลมรีบตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ว่า ไม่สนใจเลย ถนัดเรื่องหมัดมวยมากกว่า หลังจากนี้ก็คงจะต่อยมวยไปเรื่อยๆก่อน ส่วนจะพลิกผันไปทำธุรกิจก็อาจจจะเปิดร้านกาแฟที่นนทบุรี ขณะที่แฟนสาวต้องการที่จะกลับไปทำสวนที่จังหวัดศรีสะเกษ
“เก๋ไม่ชอบทำอะไรที่คนเยอะ ชอบอยู่เงียบๆ ถ้ายังชกมวยอยู่ก็คงต้องอยู่นนทบุรีไปก่อน สุดท้ายปั้นปลายชีวิตจริงๆ ก็อยากกลับไปทำสวนที่บ้านที่ศรีสะเกษ”
ด้วยภาระหน้าที่มีเพิ่มมากขึ้น แหลมและเก๋ ยอมรับว่า เวลาอยู่ด้วยกันก็เริ่มน้อยลง ซึ่งเขาทั้งสองก็ต่างก็พร้อมจะอดทน และทำทุกอย่างให้ดีที่สุด
สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Live
เรื่อง: วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพ: สันติ เต๊ะเปีย
ภาพประกอบ น้องเก๋-พัชรีวรรณ กันหา
ชมคลิปสัมภาษณ์สดน้องเก๋