xs
xsm
sm
md
lg

อำพราง "ฆ่าข่มขืน" ให้เป็น "ฆ่าตัวตาย" ทนายฟันธง! มีคนช่วยจัดฉาก!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คดีพลิก! จากฆ่าตัวตายกลายเป็นฆ่าข่มขืน 4 โจ๋ผู้ต้องหาลูกคนมีสี ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแม้หลักฐานมัดตัวแน่น ด้านทนายเชื่อ ยังมีผู้จัดฉากอยู่เบื้องหลังอีก!

สังคมเดือด! ญาติป้อง “หลานเป็นคนดี”

กลายเป็นอีกคดีปริศนาที่ผู้คนให้ความสนใจมากที่สุดในขณะนี้ กับการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ "น้องบุ๋ม" พนักงานเสิร์ฟสาววัย 24 ปี ภายในบ้านหลังหนึ่งที่ระบุข้อมูลเป็นบ้านของเพื่อนชายใน ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา สภาพศพมีการใช้สายชาร์จโทรศัพท์มือถือผูกคอกับลูกบิดประตู โดยทางครอบครัวผู้ตายอ้างว่าตำรวจบอกเป็นการฆ่าตัวตายเพราะเมายาบ้า แต่พ่อแม่ไม่คิดเช่นนั้นและเชื่อว่าน่าจะมีเงื่อนงำอื่นๆ อีก

จากข้อสงสัยนี้ นำไปสู่การสืบสวนสอบสวนขึ้นมาใหม่ จนได้เบาะแสเพิ่มขึ้นว่าในวันนั้นมีวัยรุ่นชายอีก 4 คนที่อยู่ในบ้าน อีกทั้งยังพบถุงยางอนามัยใช้แล้ว 2 ชิ้นตกอยู่ รวมถึงผลชันสูตรที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เบื้องต้นระบุว่า สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากแรงกดทับที่ลำคอ มีรอยช้ำที่ข้อมือและขา รวมถึงด้านหลังศีรษะมีรอยบวมช้ำ จึงทำให้ประเด็นการฆ่าตัวตายดูอ่อนลงไปอีก



เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ ซึ่งมีอาชีพเป็นข้าราชการครูและเป็นพ่อของ 1 ในวัยรุ่นชายซึ่งไม่ได้อยู่ด้วยในวันเกิดเหตุ เขาก็ได้จำลองเหตุการณ์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดู อ้างว่าภายใน 3 วินาที ตามองไม่เห็น ประสาทไม่ทำงาน เป็นการฆ่าตัวตายที่สบายที่สุด และยืนยันว่าลูกชายของตนไม่กระทำแบบนี้อย่างแน่นอน รวมทั้งกลุ่มเพื่อนๆ ของเขาด้วย

แต่ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ตำรวจ สภ.หนองแค สระบุรี ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย ประกอบด้วย สันติ หรือ ลาภ ทิพมล , ศุภกร หรือ กอล์ฟ โสภา , อธิพัชร์ หรือ ก้อง อภิญญากุล และ นันทพร หรือ โอ๊ต บุญมาก ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น , ย้ายหรือทำลายศพเพื่อปิดบังสาเหตุการตาย และร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราลักษณะโทรมหญิง ผู้ต้องหาก็มีทั้งลูกนายดาบตำรวจ ลูกผู้อำนวยการโรงเรียน และเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น แม้จะมีหมายจับออกมา แต่ญาติของผู้ต้องหาก็ยังไม่เชื่อว่าลูกหลานของตนเองทำเรื่องป่าเถื่อนเช่นนี้


พ่อของหนึ่งในผู้ต้องหาจำลองการฆ่าตัวตายต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งในวันเกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ที่บ้าน

"ฉันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหลานเป็นคนดีมาตลอดนะ ไม่เคยมีนิสัยแบบนี้" ย่าของหนึ่งในผู้ต้องหากล่าว

หลังจากที่ประเด็นนี้เผยแพร่ออกไป ก็ยิ่งทำให้ความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ ร้อนระอุขึ้นมาทันที ก็เพราะคำว่า “ลูกหลานเป็นคนดี” กลายเป็นคำที่บรรดาญาติของผู้กระทำผิดมักจะหยิบยกขึ้นมาใช้เสมอ เมื่อลูกหลานของตนเองต้องคดีความ

ในเวลาต่อมาตำรวจจับกุมตัวทุกคนได้ ทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่ตำรวจยืนยันว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนเป็น DNA บนร่างกายของศพ รอยแผล ขนเพชร อสุจิ และยังพบ DNA ของผู้ต้องหาบางคนบนวัตถุที่ใช้สำหรับผูกคอ จากผลทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่พบว่าในร่างกายผู้เสียชีวิตมีสารเสพติดใดๆ ส่วนสาเหตุจูงใจเชื่อว่า ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุรุมโทรมเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการฆาตกรรม เพราะเกรงผู้ตายจะเอาเรื่อง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทีมข่าวผู้จัดการ Live ได้ติดต่อไปยัง “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร” ทนายความและประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่เข้ามาช่วยเหลือในคดีนี้ ถึงความคืบหน้า หลังจากที่ผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อจากนี้



ทั้ง 4 ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาแล้วก็ไม่ให้การเพิ่มเติมด้วย จุดนี้มันก็มีหลักฐานอื่น ไม่ใช่ว่าต้องอาศัย DNA อย่างเดียว แล้วข้อหาที่ฟ้องมันก็มีหลายข้อหา ข้อหาที่เรามั่นใจเลยก็คือการโทรมหญิงที่ทำให้ถึงแก่ความตาย ทุกคนโดนเหมือนกันหมด จะโดนมากโดนน้อย อันนี้เป็นเรื่องของศาลว่าศาลจะมองพฤติการณ์ยังไง ส่วนเรื่องข้อหาฆาตกรรม มันมีชัดๆ 1 คน แต่ที่เหลือไม่ใช่ว่าจะไม่โดนนะครับ แต่จะโดนขนาดไหนก็แล้วแต่ศาลจะมอง เพราะถ้าโดนเรื่องโทรมหญิง เรื่องฆาตกรรมก็จะโดนไปด้วย

หลักฐานที่เราได้มาที่เอาผิดคนร้ายได้ จนกระทั่งศาลอนุมัติออกหมายจับ มันก็มาจากเรื่องของ DNA แหละครับ ตามเล็บมือ ตามบ่วงที่เอามาคล้องคอน้อง หลักฐานมันก็เป็นผลทางนิติวิทยาศาสตร์มันก็ชัดเจน มันโกหกใครไม่ได้ เราให้น้ำหนักตรงนี้มากที่สุด ส่วนในเรื่องบุคคลที่เหลือ เราก็ให้ตำรวจขยายผล เพื่อเอาหลักฐานเพิ่มเติมอีก

ส่วนเรื่องที่ครอบครัวเขาบอกว่าลูกหลานเป็นคนดี ผมว่ามันคงเป็นอาการความเครียดของเขาที่ลูกไปก่อเรื่องไว้แล้วเป็นคดีความกัน ผมอยู่ในวงการเกี่ยวกับเรื่องคดีความมาเยอะ เราก็พอจะรู้ว่าเป็นสภาวะเครียด ถ้าถามผม ผมก็เฉยๆ นะ คือทุกคนก็รักลูกแหละ พ่อของน้องบุ๋มเขาก็รักลูกสาวเขา เขาถึงมาตามหาว่าใครเป็นคนฆ่า ส่วนพ่อของผู้ต้องหาเขาก็ยืนยันว่าลูกชายเขาบริสุทธิ์ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เราก็มั่นในในพยานหลักฐานที่ทางตำรวจเขามีว่าเอาผิดได้ทุกคน”

ยากกว่าหามือฆ่าคือหาคนสอนจัดฉาก

“จริงๆ คดีนี้ ถ้าจะเอาทั้งขบวนการที่เกี่ยวข้อง คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แต่ถ้าจะเอาแค่เฉพาะผู้ก่อเหตุในความผิดฐานโทรมหญิงกับความผิดฐานเจตนาฆ่าแล้วก็ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางสาเหตุการตาย ก็เพียงพอแล้วที่จะเอาผิดได้ แต่ผมก็อยากให้เขาขยายผลเพิ่ม เพราะผมเชื่อว่ามีคนสอนให้พวกนี้จัดฉาก เรื่องการผูกคอตายในห้องปิดตาย”

คดีนี้ค่อนข้างไขยากนะ เพราะว่าพยานหลักฐานมันมีจำกัดมาก แล้วการตายก็ตายในห้องที่ไม่มีทางออก แต่มันก็มีพิรุธหลายๆ อย่าง ถ้าค่อยๆ ตามแกะ มันก็จะหาเจอ แต่ถ้าคิดว่าเป็นการฆ่าตัวตายตั้งแต่ต้น ก็จะไม่หาอะไรเลย การผูกคอตายในห้องปิดตายนี่มันเป็นเรื่องค่อนข้างยากนะ คือคิดพล็อตเรื่องมาที่แบบสมจริงมาก นี่ถ้าเกิดไม่เจอคราบนิติวิทยาศาสตร์เราจะจับไม่ได้สักคนเลย เพราะทุกคนบอกว่าน้องสมยอมหมด น้องไม่ได้ต่อสู้ขัดขืน ผมไม่เชื่อว่าเขาทำเองได้ขนาดนี้”

ทนายรณณรงค์ เปิดเผยถึงการรายละเอียดในการติดตามคดีนี้ว่านอกจากจะยากแล้ว ยังมีประเด็นใหม่ๆ ผุดขึ้นมาให้ตามต่อ นั่นก็คือเรื่องที่ว่า อาจจะมีบุคคลอื่นสอนให้เหล่าผู้ต้องหาจัดฉากผูกคอตายในห้องปิดตาย ซึ่งยากกว่าการหาตัวผู้ต้องหาขึ้นไปอีก


พ่อของผู้เสียชีวิตและทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร

“พอมาเจอตำรวจเก่งๆ เขามองแล้วเขาก็หาประเด็นได้ เขาก็ตั้งข้อกล่าวหาเลยตามพยานหลักฐานที่มี แล้วพอนิติวิทยาศาสตร์ออกมา เขาก็เพิ่มข้อกล่าวหาเรื่องของฆาตกรรมเข้าไปอีก เพียงแต่ว่าที่ผมยังหาไม่เจอที่เป็นหลักฐานชัดๆ คือคนที่สอนจัดฉากในห้องปิดตายคือใครเท่านั้นเอง แต่ผมก็มีเป้าหมายที่สงสัยเอาไว้อยู่แล้ว อาจจะเป็นเรื่องที่หาคำตอบไม่ได้หรือหาคำตอบได้ก็สุดแท้แต่ตำรวจจะทำเรื่องต่อหรือไม่ เพราะเดินหน้าต่อจากนี้ไปจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้นกว่าการไขคดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย

ผมเองก็ตามอยู่หลายประเด็น ผมหาแรงจูงใจตัวหนึ่งไม่เจอ ผมถึงได้ต้องตามอยู่ตลอดเวลา แรงจูงใจที่ว่าคือ ผมไม่เห็นสัญญาณการฆ่าตัวตายจากคนรอบข้าง ผมถือของเล่นของลูกสาวน้องบุ๋มไปด้วยในวันที่ไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเอาไปให้ทางตำรวจดู ว่าเธอเตรียมของเล่นจะเอาไปให้ลูกสาวเขาในอีกวันนึง คนแบบนี้ไม่ฆ่าตัวตายกะทันหันหรอก เพื่อนผู้ตายนั่นก็เป็นพยานที่ทางฝั่งผมมีอยู่ด้วยความจำกัด ก็เกรงว่าพยานจะถูกคุกคามเหมือนกัน”

จากข้อสงสัยของครอบครัวผู้ตาย สู่การขอคำปรึกษาและได้รับการช่วยเหลือจากเครือข่ายของทนายรณณรงค์ ประกอบกับการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ข้อสงสัยต่างๆ ถูกคลี่คลายและกลายมาเป็นคดีฆาตกรรม ซึ่งต่อจากนี้จะมีการหาหลักฐานเพิ่มเติมและทนายรณณรงค์ก็กล่าวว่า เขามีสิทธิที่จะปฏิเสธ คิดว่าสู้ได้ก็สู้ไปเพราะไม่ได้จับแพะ



“พ่อแม่ผู้ตายเขาก็ดีใจครับ เพราะจากเดิมเขาเข้าใจมาตลอดว่ามันเป็นการฆ่าตัวตาย แล้วเขาก็พยายามโต้แย้งแต่ก็ไม่มีใครฟังเขา มาวันนี้ พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ท่านยื่นมือเข้ามาช่วย คดีมันก็พลิกจากการฆ่าตัวตายในห้องปิดตาย กลายมาเป็นการฆาตกรรมอำพรางในห้องปิดตาย ที่เป็นการจัดฉากขึ้นมาหลอกตำรวจ

ตอนนี้ก็รอขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม ถ้าไม่มีอะไรมากก็น่าจะไม่มีอะไรแล้ว แต่เมื่อวานคุยกันก็ตำรวจก็เข้าใจว่ายังมีบางประเด็นต้องไปหาหลักฐานเพิ่ม เราไม่รีบอยู่แล้ว เราช้าแต่ว่าได้หลักฐานแน่น แล้วศาลก็เชื่อถือเรา เราไม่ได้จับแพะ เราเอาคนที่มันกระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการ ส่วนเขาจะปฏิเสธมันก็เป็นสิทธิของเขาตามรัฐธรรมนูญ ถ้าเขาคิดว่าเขาสู้ได้ก็ให้เขาสู้ไป”

หรืออิทธิพลปิดบังความผิด?

ยังมีอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนตั้งข้อสงสัยในคดีนี้ ว่าก่อนหน้านี้ที่ รวมถึงความล่าช้าในการสืบสวน อาจเป็นเพราะผู้ต้องสงสัยในขณะนั้นเป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลและคนมีสีหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ก็ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพ่อของหนึ่งในกลุ่มผู้ต้องหามาพบเพื่อกำชับไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดี

“อิทธิพลเป็นส่วนใหญ่ เพราะหนึ่งในผู้ต้องสงสัยในขณะนั้นเป็นลูกของนายดาบตำรวจที่เป็นสืบสวน จ.สระบุรี แล้วก็เคยเป็นสายสืบอยู่ที่โรงพักหนองแค โรงพักในท้องที่ที่เกิดเหตุมาก่อน 10 ปี ก่อนจะย้ายไป ก็คือคุ้นเคยในท้องที่ มีข้อมูลอะไรเยอะ เราพอเห็นว่ามันมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่อง ของลูกข้าราชการ คนมีสี เราก็ดูแล้วน่าจะไม่ธรรมดา ก็เลยเข้ามาช่วยคดีนี้”



นอกจากนี้ ประธานเครือข่ายฯ ยังบอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้เข้ามาช่วยเหลือให้คดีนี้ เริ่มมาจากการที่พ่อแม่ของน้องบุ๋มผู้เสียชีวิต เห็นว่าคดีนี้มีเงื่อนงำและดูท่าทางจะไม่คืบหน้า จึงเข้ามาร้องเรียนยังเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมของทนายรณณรงค์ ได้มีการแจ้งถึงรายละเอียด ส่งภาพและหลักฐานต่างๆ มาเพื่อประกอบการสืบสวน

“ เราก็ใช้เวลาตรวจสอบอยู่สักพักหนึ่ง ดูแล้วมันก็แปลกๆ...แปลกจริงๆ แต่เราก็ต้องเช็กให้มันละเอียดก่อน พอดูแล้วเห็นว่ามันแปลกๆ ก็เลยนัดพ่อน้องบุ๋มไปที่โรงพัก ไปตามความคืบหน้าว่าวันนั้นจริงๆ ร้อยเวรนัดว่าผลทางนิติวิทยาศาสตร์ออกด้วยนะ เราก็เลยไป แต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรกลับมา

เขาติดต่อมาตอนวันที่ 31 ส.ค. 8 โมงเช้าของวันถัดไปก็ไปเจอผมที่โรงพัก ถ้านับจริงๆ ก็ประมาณ 3 วันจบเรื่อง หลังจากที่เจอผม แต่ผมก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ตำรวจแหละเขาเป็นคนทำ คนที่เก่งก็คือท่านรองศรีวราห์ เป็นคนดูแลทั้งหมดเลยทำให้คลี่คลายคดีได้”



สำหรับคดีดังกล่าวนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค.2560 หลังจากที่ “น้องบุ๋ม” ชาว จ.อุทัยธานี ที่มาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี ในวันเกิดเหตุว่า ลูกชายเจ้าของบ้านได้ชักชวนผู้ตายและเพื่อนวัยรุ่นชายอีก 3 คน มากินหมูกระทะที่บ้านเช่าหลังเกิดเหตุ

เมื่อกินเสร็จน้องบุ๋มได้ขึ้นบนชั้น 2 กระทั่งมาเป็นศพผูกคอตายโดยใช้สายชาร์จโทรศัพท์มือถือผูกกับลูกบิดประตูในตอนเช้า ซึ่งในเบื้องต้น ตำรวจได้สรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ครอบครัวและญาติผู้ตายไม่เชื่อเพราะมีพิรุธหลายอย่าง ซึ่งเจ้าหน้าที่พบถุงยางอนามัยใช้แล้วตกอยู่ 2 ชิ้นในจุดพบศพ จึงร้องขอความเป็นธรรม แต่การติดตามหาตัวผู้ต้องสงสัยล่าช้า

กระทั่งวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา พ่อแม่ของน้องบุ๋มได้เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากคดีนี้เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล มีผู้ต้องสงสัยเบื้องต้นประมาณ 4 คน ในนั้นมีทั้งลูกนายดาบตำรวจ ลูกผู้อำนวยการโรงเรียนและเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น ภายหลังจากรับเรื่อง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้สั่งเปลี่ยนพนักงานสอบสวน และเร่งให้ออกหมายจับ เนื่องจากมีผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ที่ศพผู้ตายตรงกับ DNA ของผู้ต้องสงสัย จนนำไปสู่การจับกุมผู้กระทำผิด

ขอบคุณภาพ : เพจ “ทนายคู่ใจ คลายทุกข์” และ “Social Hunter”
กำลังโหลดความคิดเห็น