xs
xsm
sm
md
lg

มินนี่-ภูริศา ดีไซเนอร์จิ๋ว 9 ขวบ (ว่าที่) เจ้าของชอปเสื้อผ้าอายุน้อยที่สุดในโลก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เรียกได้ว่า...อัจฉริยะมาเกิด ก็ว่าได้ เพราะใครจะคาดคิดว่าเด็กน้อยอายุแค่ 9 ขวบ น้องมินนี่-ภูริศา เฮงตระกูลสิน จะมาพร้อมพรสวรรค์ด้านดีไซเนอร์ ออกแบบเสื้อผ้า มีแบรนด์เป็นของตัวเองตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ชื่นชอบการแต่งตัวตั้งแต่ยังอ่านหนังสือไม่ออก และในวันนี้เธอกำลังจะได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของชอปเสื้อผ้าในห้างหรูที่มีอายุน้อยที่สุดในโลก!

สาวน้อยในวัยซุกซน น้องมินนี่-ภูริศา เล่าว่า ไอดอลของเธอนั้น คือ “โคโค ชาแนล” เพราะเป็นคนเก่ง เธอจำได้แม่นว่าตั้งแต่เล็กๆ คุณแม่พาไปซื้อหนังสือของโคโค ชาแนลมาอ่าน จึงเกิดความชื่นชอบตั้งแต่นั้นมา

“คุณแม่ชอบซื้อหนังสือให้อ่าน เป็นหนังสือการ์ตูนภาพเริ่มอ่านตั้งแต่อายุ 6-7 ขวบ เวลามีงานมหกรรมหนังสือหรือเวลาไปเดินตามห้างสรรพสินค้า ก็มักจะแวะไปเลือกหนังสือทั้ง บิล เกตส์ ดาวินชี่, โคโค ชาแนล นิทาน ชีวประวัติต่างๆ เป็นต้น”

ความชื่นชอบในการอยากเป็นดีไซเนอร์ของน้องมินนี่ ลูกสาวคนเดียวของ คุณแม่ทิศา และ คุณพ่อภูมิ เฮงตระกูลสิน เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเด็กๆ โดยน้องมินนี่จะนำเงิน “แต๊ะเอีย” ที่เก็บเอาไว้ใส่ในซอง เวลาไปเดินงานสัปดาห์หนังสือคุณแม่จะให้น้องจัดสรรเองว่าในซองนี้สามารถซื้อหนังสืออะไรได้บ้าง ได้กี่เล่ม โดยเน้นย้ำแค่ว่าให้เลือกหนังสือเฉพาะที่ชอบเท่านั้น ซื้อเท่าไหร่ เหลือเงินเท่าไหร่ คุณแม่จะคอยช่วยดูอีกที จากนั้นคุณพ่อกับคุณแม่จะเป็นคนอ่านให้น้องฟัง เพราะตอนแรกๆ นั้นน้องยังอ่านหนังสือไม่ได้

คุณแม่ทิศา เล่าว่า ตั้งแต่เล็กๆ เลย น้องมินนี่อายุประมาณ 4-5 ขวบก็เริ่มอยากที่จะแต่งตัวเอง โดยในตู้เสื้อผ้า น้องมินนี่จะเป็นคนเลือกว่าวันนี้อยากจะใส่ตัวนี้ ชิ้นนี้ แต่ด้วยความที่น้องมินนี่ยังเด็กอยู่ ทุกสิ่งอย่างที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า น้องก็สามารถนำมันมาใส่บนตัว พร้อมพกความมั่นใจที่มีเต็มร้อยในการสวมใส่ชุดต่างๆ เหล่านั้นออกไปเดินห้าง จนบางครั้งคนที่ได้พบเห็นสไตล์การเลือกชุดของน้องถึงกับต้องถามว่า...แต่งตัวแบบนี้เลยหรอ? ดูเยอะไปมั้ย?

“ตอนเด็กๆ หนูชอบใส่กระโปรงฟูลากพื้นเป็นชั้นๆ ใส่กับเสื้อคาร์ดิแกน ใส่ตาข่ายปิดลงมาที่หน้า คล้ายๆ แม่เลี้ยงของซินเดอเรลลา หนูไม่ได้อยากเป็นซินเดอเรลลา แต่ว่าหนูอยากเป็นแม่เลี้ยงของซินเดอเรลลา เพราะเขาแต่งตัวเยอะดี หนูชอบ” น้องมินนี่เล่าย้อนไปสมัยเด็กๆ

ด้วยความเป็นเด็กซน พลังเยอะ อะเลิททั้งวัน ดังเช่นเด็กปกติทั่วไป แต่สิ่งที่ชื่นชอบที่สุดดูเหมือนจะเป็นการชอบวาดรูป ชอบร้องเพลง และด้วยความที่น้องมินนี่เป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว “เฮงตระกูลสิน” ดังนั้น เวลาที่น้องมินนี่พูดว่าอยากจะทำอะไรขึ้นมาสักอย่าง คนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะเมินเฉยไม่ได้จึงคอยสนับสนุนทุกอย่างที่เห็นว่าสิ่งที่เด็กคนนี้อยากลองที่จะทำไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

“ครอบครัวเราถือว่าโชคดีเมื่อสิ่งที่น้องชอบนั้นครอบครัวของเราสามารถตอบสนองได้ ทั้งเรื่องการตัดเย็บบ้านเราก็ทำธุรกิจส่งออกเสื้ออยู่แล้ว อีกทั้งบ้านเราก็อยู่ในย่านของแหล่งขายผ้าสำเพ็ง ทุกอย่างอยู่ใกล้บ้านหมดเลย ดังนั้นการที่น้องฉายแววชื่นชอบเรื่องของการออกแบบดีไซน์เสื้อผ้า จึงเป็นเรื่องที่คุณพ่อกับคุณแม่พร้อมที่จะคอยสนับสนุนลูกเต็มที่อยู่แล้ว แต่ถ้าบ้านเราอยู่ต่างจังหวัดไกลๆ สิ่งที่น้องอยากทำก็อาจจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้” คุณแม่ทิศากล่าว

หนังสือเล่มแรกที่จุดประกายให้อยากเป็นดีไซเนอร์
++ แรงบันดาลใจเด็ก 7 ขวบที่อยากมีแบรนด์เสื้อผ้า

“หนูอยากให้ทุกคนจดจำหนู และแบรนด์เสื้อผ้าของหนู ให้เหมือน โคโค ชาแนล ถึงแม้ว่าโคโค ชาแนลเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนพูดถึงเขาอยู่ หนูเลยอยากให้คนที่ได้เห็นชุดของหนูรู้ว่านี่คือชุดที่หนูออกแบบ เป็นชุดจากแบรนด์ของหนูเองน้องมินนี่เล่าถึงความตั้งใจของเธอ

เพราะมีคุณน้าเป็นดีไซเนอร์ และเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า “รสนิยม” ทำให้ตอนเด็กๆ เวลาที่น้องมินนี่ไปสตูดิโอของคุณน้าเธอมักจะไปเก็บเศษผ้า เศษลูกไม้ เอาไปเก็บไว้ในกล่อง ซึ่งตอนนั้นการเก็บเศษผ้าต่างๆ นั้น เธอเพียงต้องการเอาไปเก็บไว้เฉยๆ ยังไม่รู้ว่าเอาไปทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะลูกไม้ที่เธอเก็บมานั้นเป็นเพียงลูกไม้ยุ่ยๆ ที่ไม่สามารถเอามาใช้งานอะไรได้อีก

“จะว่าไปแล้ว คุณน้าก็คงจะเห็นแววของหลานอยู่เหมือนกัน ดังนั้น “สมุดสติ๊กเกอร์” ที่ช่วยให้เด็กสามารถออกแบบได้นั้นจึงเป็นหนังสือเล่มแรกที่คุณน้าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เพราะเห็นเวลามินนี่ไปที่สตูดิโอก็มักจะไปเก็บผ้าลูกไม้จากถังขยะที่คุณน้าไม่ใช้แล้วเอามาเก็บสะสม โดยน้องจะชอบเรียกตัวเองว่าเป็น “Lace Collector” ประกอบกับน้องมินนี่ชอบวาดภาพ ชอบสเก็ตเสื้อผ้าอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาไปร้านหนังสือแล้วเห็นหนังสือเกี่ยวกับกิจกรรมการออกแบบเสื้อผ้าสำหรับเด็กคุณน้าจึงมักจะซื้อให้” คุณแม่ทิศากล่าว

เวลากลับมาจากโรงเรียน หรือว่าก่อนนอนน้องมินนี่ชอบวาดรูป แล้วก็จะเก็บรวบรวมเป็นผลงาน พอเก็บได้พอสมควร มินนี่ก็นำผลงานทั้งหมดแล้วเดินเข้ามาบอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่า “อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง” หนูขอทำได้มั้ย?

แน่นอนคนเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกเดินเข้าบอกขนาดนี้แล้ว เราก็ตอบแบบไม่ต้องคิดอะไรมากว่า “ทำเลย ทำสิ” ซึ่งในตอนนั้นที่เราบอกกับน้องไปว่า “ทำเลย ทำสิ” คือการทดลองทำให้เป็นเรื่องเป็นราวของจริงขึ้นมาเลย ยังไม่ได้คิดว่าจะก้าวไกลมาถึงปัจจุบันนี้ที่ขายกันแบบจริงจัง เพราะตอนที่น้องเดินเข้ามาบอกว่าจะอยากออกแบบเสื้อผ้า อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเองตอนนั้นน้องเพิ่งอายุได้เพียง 7 ขวบเท่านั้น

“คุณแม่ก็ถามน้องว่าหนูอยากทำจริงใช่มั้ย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเรานัดประชุมกันว่าถ้าลงมือทำแล้ว หนูต้องจริงจัง และต้องมีการเตรียมการ โดยวันที่ลูกเดินเข้ามาบอกว่าอยากทำจริงๆ คือวันที่ 17 พ.ย. 58 คุณแม่จำวันได้แม่นเลย ดังนั้นเมื่อคุณแม่เห็นความตั้งใจของน้องจึงบอกให้น้องไปรวบรวมชุดที่หนูวาดเอาไว้แล้วคิดว่าหนูจะสามารถทำออกมาได้ แล้วก็ขายได้ พร้อมกับพูดกับน้องว่า ถ้าจะทำต้องมีเงินลงทุนนะ หนูต้องเอาเงินเก็บของตัวเองที่เก็บเอาไว้มาเป็นเงินลงทุน หนูโอเคมั้ย? ถ้าหนูโอเค เราก็มาทำตามฝันของหนูกันคุณแม่เล่าย้อนถึงวันที่ลูกอยากทำแบรนด์เสื้อผ้า

สำหรับเงินลงทุนที่น้องมินนี่นำมาเป็นทุนในการสร้างฝันของตัวเองนั้น มินนี่ เล่าว่า เงินจำนวนนี้มาจากเงินแต๊ะเอียที่เก็บสะสมเอาไว้ โดยเงินส่วนนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ก้อน เป็นเงินเก็บ เงินใช้ และเงินลงทุน

“เงินเก็บก็เอาไปฝากธนาคาร ส่วนเงินใช้ก็เอาไปซื้อของเล่นพวกโปเกมอน โพนี ที่สะพานเหล็ก หรือบางครั้งหนูก็เอาเงินใช้ไปซื้อดอกกุหลาบมาขายหน้าบ้านตอนวันวาเลนไทน์ จากนั้นก็นำเงินไปฝากธนาคาร และก้อนสุดท้ายเงินลงทุน หนูก็เอามาทำแบรนด์เสื้อผ้า”



++ เงินทุนก้อนแรกสานฝันการเป็นดีไซเนอร์

ทันทีที่คุณพ่อและคุณแม่เห็นด้วยกับการอยากสร้างแบรนด์เสื้อผ้า น้องมินนี่ ได้กลับมาเตรียมเงินลงทุน โดยเงินลงทุนเป็นเงินเก็บของน้องมินนี่เองจำนวน 30,000 บาท พร้อมกลับมาเตรียมเกี่ยวกับลอคเลกชันว่าอยากจะทำคอลเลกชันเกี่ยวกับอะไร โดยในตอนนั้นมินนี่ได้คิดเกี่ยวกับคอลเลกชันไว้ 4 แบบมาเสนอ

ในส่วนของคุณแม่จะช่วยเหลือน้องโดยการไปหาทีมในการผลิตให้ออกมาเป็นชุดจริงๆ เพราะตอนนี้ชุดทั้งหมดอยู่ในกระดาษอยู่ สำหรับคุณพ่อจะคอยช่วยเหลือในด้านการตลาดออนไลน์ เพราะมีหน้าร้านในการขายทางออนไลน์ คือ เฟซบุ๊กและอินสตราแกรม

ณ เวลานั้น ด้วยความเป็นพ่อและแม่ ต้องบอกเลยว่าเราไม่ได้คิดว่าลูกจะทำได้ หรือไม่ได้ รู้แค่ว่าเด็กอายุเพียง 7 ขวบกล้าที่จะเดินเข้ามาบอกเราว่าอยากทำ จังหวะนั้นต้องบอกเลยว่า “ทำเลย” เพราะหากเราบอกกับลูกกลับไปว่า “ทำไม่ได้” หรือ มันไม่ใช่เรื่องหรอกลูกไปอย่างนั้น ถือเป็น “การเสียโอกาส” กับลูกเปล่าๆ ผู้ใหญ่บางคนเรียนจบยังไม่หางานทำเลย แต่ลูกเราอยากที่จะทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย

“เรารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นต้องรีบช่วยทำให้ความตั้งใจของลูกนั้นเกิดขึ้นจริงให้ได้ดีกว่า ตัวคุณแม่เองก็ต้องรีบฉวยโอกาสในตอนนั้นเอาไว้ด้วย ไม่ต้องรอเวลานาน เริ่มต้นลงมือทำ แล้วลุยกันเลย”

น้องมินนี่ เล่าเสริมถึงช่วงเวลาออกแบบชุดส่วนใหญ่หนูจะเอาคาเรกเตอร์มาจากเพื่อนหนู 4 คน แล้วนำมาออกแบบเป็นชุดให้เพื่อนแต่ละคน โดยในส่วนของการคิดชื่อแบรนด์หนูก็คิดเอาไว้ 4 ชื่อพร้อมออกแบบโลโก้แล้วเอามาให้คุณพ่อคุณแม่ดู สรุปชื่อแบรนด์เป็น purisa glitzy (ภูริศา กลิทซี่) โดยที่คำว่า purisa มาจากชื่อจริงของหนู และ glitzy มาจากความที่หนูชอบอะไรที่มันฟรุ๊งฟริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง

++ เด็กยังไงก็คือ “เด็ก” ชอบเล่น ชอบดูการ์ตูน

หลายๆ คนอาจจะยังไม่เข้าใจว่าเด็กอายุแค่นี้ทำไมถึงคิดการใหญ่ และอยากที่จะทำอะไรเหมือนที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน คุณแม่ทิศา กล่าวเสริมถึงเรื่องนี้ว่า น้องมินนี่ก็เหมือนเด็กอายุ 9 ขวบทั่วๆ ไป เวลาว่างน้องก็เล่นซนเป็นปกติ แต่ที่พิเศษกว่าเด็กคนอื่นในการเล่นของน้องมินนี่นั้น จะเป็นการ “เล่นทำงาน” ซะมากกว่า

แน่นอนเด็กๆ คนอื่นๆ อาจจะเล่นเหมือนกัน เช่น อาจจะเล่นเป็นครูสอนหนังสือ ส่วนน้องมินนี่ จะเล่นทำงานเป็น “ดีไซเนอร์” ลงทุนทำกิจการของตัวเอง โดยการเล่นของน้องมินนี่นั้นมีความแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ ตรงที่การเล่นของน้องนั้นเป็น “การทำจริงๆ” เท่านั้นเอง เฉกเช่นในวันนี้ที่น้องมินนี่ได้มานั่งพูดคุยกับ ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ก็ถือเป็น “การเล่นทำงาน” ด้วยเช่นกัน

“คุณพ่อกับคุณแม่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงงานผ้าอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาหนูออกแบบชุดเสร็จแล้วต้องการเลือกผ้า หรือเลือกสีของผ้า หนูก็จะมาถามกับคุณพ่อคุณแม่ว่าถ้าเป็นสีแบบนี้หรือผ้าแบบนี้จะเข้ากันกับชุดของหนูมั้ย เหมาะกันหรือไม่ แล้วถ้านำลูกไม้มาติดตรงนี้ แล้วย่นตรงนี้ ทำได้หรือเปล่า ส่วนใหญ่หนูก็จะมาถามคุณพ่อคุณแม่ เพราะสไตล์ในการออกแบบเสื้อผ้า หนูชอบ “สไตล์วินเทจ” ชอบอะไรที่มันดูยิ่งใหญ่ อลังการ เยอะๆ” น้องมินนี่เล่าด้วยความสดใส

อีกหนึ่งแรงบันดาลใจหรือจินตนาการในออกแบบชุดของดีไซเนอร์จิ๋วคนนี้นอกจากหนังสือที่ชื่นชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เห็นทีจะเป็นโลกของการ์ตูนที่เด็กๆ ทั่วไปมักชื่นชอบกันอยู่แล้ว ประกอบกับ ครั้งยังเด็กเคยได้มีโอกาสไปนั่งดูแฟชั่นโชว์ เวลาที่น้องมินนี่ได้เห็นชุดแล้วมีคนใส่เดินโชว์ยิ่งทำให้น้องสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ดีไซเนอร์ที่เป็นผู้ออกแบบนั้นส่งผ่านออกมาผ่านเสื้อผ้า

จากการวาดภาพที่กลั่นออกมาจากโลกจินตนาการลงสู่แผ่นกระดาษ จากภาพวาดลายเส้นธรรมดาๆ สู่ลายเส้นที่ดูคมเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น คุณแม่ทิศา บอกว่า กว่าลายเส้นจะชัดและเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ ได้พยายามหาคุณครูมาสอนเพิ่มเติมให้น้องมินนี่ในเรื่องของการดีไซน์ด้วย

“ก่อนหน้านี้ต้องบอกเลยว่าไม่มีโรงเรียนไหนรับน้องมินนี่เข้าเรียนเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าน้องเด็กเกินไป ส่วนใหญ่คอร์สเหล่านี้จะเปิดรับนักเรียนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ดังนั้นแล้วคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไม่หยุดอยู่เท่านี้ ยังคงพยายามเสาะแสวงหาคุณครูจนในที่สุดก็ได้คุณครูที่ยอมตกลงมาสอน ที่ทั้งคุณครูและตัวเราเองก็เป็นการเรียนการสอนแบบลองดูกันทั้งคู่” คุณแม่เล่าถึงอุปสรรคในการหาครูมาสอนลูกสาว

แพทเทิร์นล่าสุด
++ ขั้นตอนการทำงานของดีไซเนอร์จิ๋ว

“ช่วงแรกๆ แพทเทิร์นที่น้องมินนี่วาดมา ทั้งทีมช่าง และคุณพ่อคุณแม่เองก็ตามจะไม่เข้าใจ ต้องให้น้องมาอธิบายด้วยคำพูดว่า ตรงนี้หนูหมายถึงอะไร จากนั้นทีมช่างหรือตัวของคุณพ่อเอง จะเป็นคนช่วยกันวาดแบบออกมาใหม่ อย่างเช่น ตรงที่น้องวาดเส้นกระยึกๆ นี้ เกิดจากการเอาผ้ามาขยุมกัน หรือการเอาผ้ามารูดเป็นจีบ จากตอนแรกที่เริ่มทำจนมาถึงตอนนี้ผ่านไปปีกว่าๆ ตอนนี้น้องสามารถพูดอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้เองแล้ว ว่าสิ่งที่น้องวาดตรงนี้คืออะไร บวกกับพัฒนาการทางด้านเส้นน้องเริ่มจะเคลียร์แบบได้ดีกว่าปีก่อนค่อนข้างเยอะ” คุณแม่ทิศาเล่าถึงการทำงานของลูกสาว

หากย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่าๆ ตอนแรกๆ ที่ออกแบบชุด มินนี่แค่เพียงอยากที่จะทำชุดให้เพื่อนที่โรงเรียนได้ลองใส่ชุดที่เธอออกแบบ และตัดเย็บเท่านั้น ทว่า เมื่อเพื่อนๆ ได้เห็นชุด ต่างชื่นชอบและมาซื้อไปใส่กันอีกหลายชุด รวมทั้งน้องๆ พี่ๆ ต่างชั้นที่โรงเรียนอีกด้วย โดยคอลเลกชันแรกที่ทำออกมา เป็นแนวอังกฤษย้อนยุค เป็นสาวชาวบ้าน

ในส่วนของขั้นตอนการทำงาน เพราะรู้ว่าเด็กทุกคนมักจะระคายเคืองง่าย และขี้ร้อน ดังนั้นเวลามินนี่และคุณพ่อคุณแม่ไปเลือกซื้อผ้า มินนี่จะทดสอบการระคายเคืองต่างๆ ด้วยตนเอง ด้วยการเอาผ้าเหล่านั้นมาถูที่แขน ถ้าอันไหนสัมผัสแล้วนุ่ม มินนี่ก็จะบอกว่าอันนี้เด็กๆ ใส่ได้ โดยยึดตัวเองเป็นหลัก รวมถึงการเลือกลูกไม้ ซึ่งเป็นสิ่งที่น้องมินนี่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก ยิ่งหากลูกไม้แบบไหนโดดเด่น ถูกใจและเข้ากับชุดที่ออกมาน้องมินนี่ไม่รอช้าในการตัดสินใจเลือก

“การออกแบบชุดแต่ละชุด ถ้าชุดไหนหนูดูแล้วว่าชุดนี้หนูอยากใส่ หนูก็จะบอกคุณแม่ให้ทำออกมาเถอะ ถ้าทำเสร็จแล้วเด็กๆ ต้องชอบ เพราะหนูเป็นเด็กหนูยังอยากใส่ คนที่เป็นเด็กๆ เหมือนกับหนู ชอบอะไรที่คล้ายๆ กับหนูก็ต้องอยากที่จะใส่ชุดนี้เหมือนกัน เพราะหนูเข้าใจว่าเด็กๆ ในวัยเดียวกันกับหนูอยากจะใส่เสื้อผ้าแบบไหน”

เสียงตอบรับหลังจากคอลเลกชันแรกได้อวดโฉมชุดสวยๆ ให้หลายๆ คนได้เห็นกัน โดยชุดที่น้องมินนี่ออกแบบเด็กอายุระหว่าง 4-10 ขวบ สามารถสวมใส่ได้ เรียกได้ว่าเกินความคาดหมาย และด้วยความที่ใช้ชื่อแบรนด์เป็นตัวบ่งบอกถึงตัวตนของน้องมินนี่ได้เป็นอย่างดี ประกอบกับได้เพื่อนๆ ของมินนี่ ได้เพื่อนๆ ของคุณพ่อคุณแม่ ช่วยกันแชร์ จึงมีคนรู้จักน้องและแบรนด์ของมินนี่เพิ่มมากขึ้น

ใช่ว่าน้องมินนี่จะทำแค่เพียงออกแบบชุด เลือกผ้ามาทำชุดเท่านั้น ในการถ่ายแบบน้องมินนี่ก็เป็นคนเลือกนางแบบที่จะมาเป็นคนสวมใส่ชุด พร้อมบอกว่า “นางแบบแต่ละคนที่จะมาใส่ชุดของหนู หนูเลือกจากหน้าตา จากนั้นก็ดูจากบุคลิก” โดยช่างภาพที่มาลั่นชัตเตอร์ให้น้องก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นคุณน้าซึ่งเป็นน้องชายของคุณแม่นั่นเอง
ออกแบบชุดให้ญาญ่า
++ ฝันที่เป็นจริงได้ออกแบบชุดให้ “ญาญ่า”

หากจะถามถึงความฝันด้านการเป็นดีไซเนอร์ของมินนี่ คุณแม่ทิศามองว่ากิจกรรมนี้เป็นเหมือนการเดินทางของเด็กคนหนึ่ง ฉะนั้นทุกอย่างที่ลูกพูด ลูกคิด คุณแม่จะเก็บหมดทุกอย่าง อย่างเช่น การอยากทำชุดให้ ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์ ซึ่งเป็นขวัญใจของน้องมินนี่

“หนูไปออกรายการข่าวรายการหนึ่ง แล้วพี่ๆ พิธีกรถามว่าหนูอยากออกแบบชุดให้ใครที่ใฝ่ฝันไว้ หนูก็เลยตอบว่า หนูอยากออกแบบชุดให้พี่ญาญ่า เพราะว่าพี่ญาญ่าสวย แล้วก็ดังมาก เพื่อนๆ หนูก็ชอบ ถ้าหากหนูได้ออกแบบชุดให้หนูคงจะฟิน”

ทันทีที่ได้พูดออกอากาศไปว่าอยากทำชุดให้นางเอกขวัญใจ น้องมินนี่ก็ถึงกับกระโดดโลดเต้น ดีใจสุดขีด เมื่อได้รู้ว่าฝันกำลังจะเป็นจริงด้วยการได้ออกแบบชุดให้ ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์

“คืนที่คุณแม่มาบอกว่ามีผู้ใหญ่ใจดีจะเป็นคนติดต่อให้ออกแบบชุดให้พี่ญาญ่าคืนนั้นก่อนนอนหนูก็ให้คุณพ่อคุณแม่ปริ๊นซ์รูปพี่ญาญ่ามา แล้วก็มานั่งดูแล้วก็สเก็ตชุดออกมาโดยที่ยังไม่ได้ลงสี ประกอบกับช่วงนั้นใกล้จะถึงวันแม่ และดูจากผิวพี่ญาญ่า หนูก็ลองใส่น้ำเงินเข้าไปในชุด อีกทั้งหนูเห็นว่าพี่ญาญ่ามีไฝที่คอ หนูเลยออกแบบชุดให้เป็นทรงคอตั้งเพื่อที่จะได้ปิดไฝได้ เบ็ดเสร็จกระบวนการทำงานเสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน โดยใช้เวลาในการสเก็ตภาพแค่ 3 วันเท่านั้น”

เมื่อถามคุณแม่ทิศา ถึงความสามารถด้านดีไซเนอร์ของน้องมินนี่เรียกว่า “พรสวรรค์” ได้หรือไม่นั้น

คุณแม่บอกว่า คุณแม่ไม่รู้ว่าสิ่งที่น้องกำลังทำอยู่นี้เรียกว่า “พรสวรรค์” ได้มั้ย แต่ขอเรียกว่า “ความชอบ” แล้ว “ลงมือทำ” ประกอบกับ “ไม่ท้อ” ด้วย คุณแม่ชอบน้องมินนี่ตรงนี้

เพราะงานที่น้องมินนี่กำลังทำอยู่ แท้จริงแล้ว คือ งานของผู้ใหญ่ มันหนักมากนะ เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาเป็นเหมือนบททดสอบที่ผ่านเข้ามาหลายอย่าง ยิ่งก้าวมาถึงทุกวันนี้ “อุปสรรค” เริ่มเยอะขึ้น

คุณพ่อกับคุณแม่เคยถามลูกว่า อยากหยุดมั้ย?

สิ่งที่ลูกตอบกลับมาคือ ไม่! หนูจะไม่มีวันเลิกหยุดทำ!

ดังนั้นแล้ว กลับกลายเป็นผู้ใหญ่เรานี่เองที่ได้เรียนรู้จากเด็ก ทำไมเราถึงได้งอแงแบบนี้ เมื่อหันกลับไปดูลูกประกอบสิ่งที่เขาพูดกับเรา มันเป็นเหมือนแรงผลักดันให้เรา “ไม่ท้อ” เพราะขนาดลูกที่ยังเด็ก เขายังสู้เลย แล้วเราจะท้อได้อย่างไร

ในทุกๆ วัน น้องมินนี่จะคิดและวาดภาพใส่กระดาษเอาไว้ทุกวัน เพื่อรวบรวมเอาไว้ทำเป็นคอลเลกชัน โดยตลอด 2 ปีกว่าที่ผ่านมานี้น้องมินนี่ได้คลอดคอลเลกชันออกมาขายหลายต่อหลายคอลเลกชัน โดย คอลเลกชันล่าสุด Immortal AW 2017 ที่ทำออกมามีทั้งหมด 5 ชุด (วันนี้นำมาโชว์ก่อน 3 ชุด) ได้แก่ชุด Aphrodice (อะโฟรไดร์) แนวชุดจะออกแนวอ่อนหวาน โดยยังคงมีลูกไม้ ฟรุ๊งฟริ๊งตามแบบฉบับที่ชอบรวมอยู่ในการออกแบบ ต่อกันที่ชุด Hestia (เฮสเทีย) ได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศกรีซ-โรมัน และสุดท้ายเป็นผ้าคลุม Hera (เฮรา) ซึ่งเป็นชื่อของเทพองค์หนึ่ง โดยที่เฮราจะมีสัตว์ประจำกายคือ “นกยูง” และสำหรับคอลเลกชันใหม่นี้จะมีไปถ่ายแบบกันที่ต่างประเทศ และไม่ลืมฝากให้ทุกคนรอติดตามชมผลงานชิ้นใหม่นี้ของเธอด้วย

อีกทั้งฝันใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นช่วงปลายปีนี้ คือ การเปิดชอปแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ที่ตัวน้องมินนี่เองถือได้ว่าเป็นเด็กที่อายุน้อยที่สุดในโลก! ที่มีชอปเป็นของตัวเอง...

เรื่องโดย : นับดาว รัตนสูรย์
ภาพประกอบ : ธัชกร กิจไชยภณ
ภาพบางส่วนจากแฟนเพจ Purisa Glitzy, family ช่อง 13
ลายเส้นที่คมขึ้นจากแพทเทิร์นล่าสุด
คอลเลกชันล่าสุด




กำลังโหลดความคิดเห็น