ว่ากันว่า รี ชาง ซู ( Ri Chang-su ) คือนักยูโดผู้ยิ่งใหญ่ของเกาหลีเหนือเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ทั้งโชคร้ายและโชคดีของโสมแดง
เขาคว้าเหรียญทองแดงชิงแชมป์ยูโดโลกที่ยูโกสลาเวียเมื่อปี 1999 และ เหรียญเงินเอเชียน เกมส์ ที่ปักกิ่งเมื่อปี 1990 ซึ่งที่ปักกิ่งนี้เอง เขาลงแข่งทั้งๆ ที่อายุเริ่มมากแล้ว แต่ก็สามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ แต่ก็ไม่เพียงพอให้เขารอดพ้นจากการถูกส่งไปทำงานในเหมือง เพราะคนที่ได้เหรียญทองก็คือ นักยูโดจากเกาหลีใต้นั่นเอง เขาพ่ายแพ้ให้เด็กที่หนุ่มกว่า
เพราะในช่วงโอลิมปิกปี 1984 และ 1988 ในตอนที่เขายังละอ่อนอยู่ และพร้อมที่จะชิงชัยโอลิมปิก เกาหลีเหนือ กลับบอยคอตไม่ส่งนักกีฬาลงแข่งโอลิมปิกซะงั้น ทำให้อนาคตเขาต้องหยุดชะงัก เขาบอกว่าถ้าเกาหลีเหนือเข้าร่วมโอลิมปิกสองครั้งนั้น เขาจะสามารถคว้าเหรียญทองมาได้อย่างแน่นอน
และเมื่อกลับมาแข่ง เอเชียน เกมส์ ก็ทำให้เขาต้องถูกส่งไปทำงานที่เหมืองเพราะแพ้เกาหลีใต้ เมื่อชดใช้เวรกรรมจบสิ้น เขากลับมาฝึกซ้อมอีกเพื่อลงแข่งระดับนานาชาติ เขาก็ถูกส่งไปใช้แรงงานนรกอีกเพราะไปเถียงผู้ฝึกสอนที่มีเส้นสายใหญ่ในพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ
เขาถือว่ายังโชคดีที่ได้ จาง ซอง แต๊ก สามีของ คิม คยอง ฮุย อาหญิงของ คิม จอง อึน ซึ่งในขณะนั้น จาง ซอง แต๊ก ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกีฬาและเป็นหนึ่งในผู้นำพรรคแรงงาน เขาโปรดปราน ลีชางซู มากๆ และคอยช่วยเหลือมาโดยตลอดทั้งในด้านการเงิน และในด้านการเจรจาขอไม่ให้ท่านผู้นำทำโทษ
ด้วยความที่ จาง ซอง แต๊ก นั้นเป็นที่นิยมของประชาชนมากกว่าผู้นำคิม ทำให้ภัยมาเยือนเขาแบบเฉียบพลัน มีข่าวลือว่าเขาถูกผู้นำคิมสั่งเก็บ โดยที่ คิม คยอง ฮุย อาสาวแท้ๆ ของท่านผู้นำก็เสียชีวิตปริศนาในเวลาต่อมา
ทุกอย่างกดดันรอบด้าน รี ชาง ซู ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว เขาจึงหลบหนีออกจากเกาหลีเหนือและขอลี้ภัยมาอยู่เกาหลีใต้ แต่การหลบหนีของเขาทำให้ญาติๆ ทุกคนที่ยังอยู่เกาหลีเหนือถูกส่งไปทำงานที่เหมืองจนล้มตายไปจนหมดสิ้น รี ชาง ซู เสียใจมากและเครียดแค้นในชาติเกิดของตน
ต่อมาเขาแต่งงานกับนักยูโดชาวไต้หวัน มีลูกๆ เป็นนักยูโดเช่นกัน โดยที่เขาเองก็ยังทำงานเป็นหนึี่งในผู้ฝึกสอนยูโดทีมชาติเกาหลีใต้ เขาบอกว่าอยากให้ลูกๆ เติบโตมาเป็นนักยูโดเพื่อที่จะได้เอาไว้สั่งสอนนักกีฬาเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ เขาขอล้างแค้นด้วยกีฬายูโด
แต่เขาเองก็ไม่ได้คำนึงถึงหัวอกนักกีฬาด้วยกันเลยว่าถ้านักยูโดเกาหลีเหนือแพ้ นักกีฬาคนนั้นก็จะซวยเหมือนๆ กับเขานั่นแหละ มันเป็นวังวนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาจึงเป็นแค่ผู้อยู่เบื้องหลังรับใช้ทีมชาติเกาหลีใต้แบบเงียบๆ