ไม่พลิกโผแต่อย่างใดสำหรับการประกวดมิสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส 2017 (Miss Tiffany’s Universe) เวทีสำหรับผู้สาวประเภทสอง เพราะตัวเต็งโดดเด่นสวยหนัก อย่างไม่ค้านสายตา จนเธอได้รับฉายาว่า น้องปอย-ตรีชฎา คนต่อไป! ซึ่งก็เป็นไอดอลของเธอนั่นเอง
โยชิ - รินรดา ธุระพันธ์ มิสทิฟฟานี ยูนิเวิร์ส 2017 คนล่าสุด คว้ามงฯ มาในวัย 20 ปี บ่มเพาะความสวยขึ้นเรื่อยๆจากเน็ตไอดอลจนเริ่มเข้าวงการจากการประกวดเวที หัวโปก ก็อตทาเลนต์ เวทีสำหรับสาวประเภทสอง แน่นอนโยชิไม่พลาดคว้ารางวัลชนะเลิศมาครอง จากนั้นเริ่มไต่เต้าสู่วงการบันเทิงโดยร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่น่าร็อค, ซีรีย์ส Love Sick ซีซั่น 2, เลิฟเฮี้ยว เฟี้ยวต๊อด, หอแต๋วแตก แหกนะคะ, หลวงพี่แจ๊ส 4 G
ทว่า แม้จะสวยออร่าพุ่งขนาดนี้ก็ยังไม่มิวายโดนดรามา “ล็อกมงฯ”
เด็กชายผู้หน้าหวานละมุนกว่าเด็กหญิง!
แน่นอนใครที่เห็นใบหน้าของโยชิในวัยเด็ก แม้จะตัดผมสั้นหัวเกรียนตามสไตล์เด็กผู้ชายวัยมัธยม แต่คงจะอดคิดไม่ได้ว่า นี่คือเด็กผู้หญิงชัดๆ เพราะมีโครงหน้า และผิวพรรณ ที่สวยละมุน เรียกได้ว่า เกิดมาเพื่อฆ่าผู้หญิงชัดๆ แม้เธอจะมีพี่ชาย
“อยากเป็นตั้งแต่เด็ก ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง ชอบเล่นหมากเก็บ เรารู้สึกดีที่มีเพื่อนผู้หญิง ไม่ชอบกีฬาพวกเตะบอล กีฬาที่เป็นของผู้ชายจะไม่ชอบ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าคำที่เพื่อนล้อมันแปลว่าอะไร แต่เรารู้แค่ว่าเราชอบเล่นกับผู้หญิง เราไม่ชอบใส่กางเกงสามส่วนที่คุณแม่ซื้อให้ แต่เราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรตอนนั้น คือเหมือนโตขึ้นมาได้รับความรู้ว่า เป็นแบบนี้เขาเรียกว่าแบบนี้นะ เราก็ยอมรับแล้วว่าสงสัยเราจะไม่ได้เป็นผู้ชายแล้ว
พอเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆช่วงประถมก็จะโดนเพื่อนล้อแล้ว ว่าเป็น ตุ๊ดแต๋ว เราก็ตีเพื่อนว่ามาว่าเราทำไม ตีแบบเด็กๆนะ จริงๆก็เป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายที่ชอบล้อเพื่อน แล้วก็วิ่งไล่ตีผู้ชาย แต่พอเริ่มโตขึ้นเรียนโรงเรียนมัธยมแบบชายหญิงก็ไม่โดนล้อแล้ว เพราะเมื่อโตขึ้นก็เริ่มมีวุฒิภาวะกัน และด้วยความที่อยู่ในห้องคิง ไม่มีนักเรียนเกเร จึงไม่มีการล้อว่าเราเป็นอีตุ๊ด อีแต๋ว ไม่มีคำเหล่านี้แล้วในช่วงมัธยมตอนปลาย
สำหรับความกดดันในสังคมเมื่อโตขึ้นนั้นไม่มีเลย ด้วยสังคมที่เราอยู่ อาจารย์ เพื่อน เปิดรับโย ถึงเราจะเป็นอย่างนี้แต่ก็สามารถทำกิจกรรมกับโรงเรียนได้ โรงเรียนเปิดโอกาสให้โย ได้ถือป้ายโรงเรียน เปิดโอกาสให้โรงเรียนต่างๆได้เห็น พอโตขึ้นมาในวงการก็เปิดกว้างขึ้นแล้ว จึงทำให้ไม่มีแรงกดดันอะไร
ตั้งแต่รู้ว่าตัวเองอยากเป็นผู้หญิง อยากสวย ก็เริ่มดูแลตัวเองมาตั้งแต่ตอนนั้นเลย ใช้ครีมบำรุงผิว ทานอาหารเสริม อยากมีผิวสวยสุขภาพดี”
เมื่อครอบครัวเห็นแววความสาวมีปฏิกิริยายังไงบ้าง
“พอเรารู้ว่าคงจะไม่ใช่ผู้ชาย เพราะจิตใจเป็นหญิง เราก็เริ่มเปิดใจกับคุณแม่ตอนมัธยมต้น ว่าอยากเป็นผู้หญิง อยากสวยแต่งตัวเป็นหญิง ไม่อยากเป็นผู้ชายแล้วนะ คุณแม่ก็ไม่ได้ตกใจ เหมือนเขาดูเราออกมาตั้งแต่เด็ก เพราะเรามีความตุ้งติ้งมาตั้งแต่เด็ก มีความออดอ้อน เสียงหวาน
เริ่มเอาแป้งพัฟแม่มาทาหน้า ใช้ลิปสติกแม่ แต่แม่ก็รู้นะ เพราะเวลาเอาลิปสติกมาเล่นสภาพมันก็ไม่เหมือนเดิม จะมีความเละเทะแบบเด็กเล่น พอลิปสติกเละเราก็เอามาปั้นๆให้เป็นแท่งๆ แม่ก็คงดูออก แต่แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่บ้านมีรองเท้าส้นสูงก็เอามาใส่ แต่เราจะใส่เดินคนเดียวในห้องนะ
ด้วยความที่เราแอคทีฟตัวเอง พยายามดันตัวเองขึ้นมาถือป้าย ตอนแรกถือป้ายคณะสีก่อน จากนั้นเราได้รางวัลชนะเลิศ เราก็ได้มาถือป้ายโรงเรียนต่อ ทำให้เริ่มมีคนรู้จักถ่ายรูปเอาไปลงสื่อโซเชียลฯ ต่างๆจนมีคนแชร์ต่อ จนเป็นที่รู้จักในโลกโซเชียลฯ เป็นเพราะเรามีความพยายามดันตัวเองขึ้นมาจนทำให้มีวันนี้
จริงๆเราอยู่กับแม่มากกว่า เริ่มจากคุณพ่อส่งไปเรียนพิเศษตลอดทุกที่ไม่มีเวลาว่างเลย จนเราตั้งใจเรียนได้เกรดที่ดี ตอนนั้นเริ่มมีงานในวงการบันเทิงพอได้เงินก้อนแรกก็ให้คุณพ่อ ให้คุณแม่เลย อยากขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ ที่สอนเราให้เป็นเด็กดีของสังคม ให้รู้จักการวางตัวที่ดี ทำให้เรารู้ว่าการที่เราเป็นอย่างนี้ไม่ได้เดือดร้อนใคร เราสามารถเป็นทรานส์เจนเดอร์ที่ดีได้”
คุณพ่อเปิดอก…ใจจริงอยากมีลูกสาว!
“คุณพ่อคุณแม่มีลูกชาย 2 คน โยเป็นคนเล็ก มีพี่ชายเป็นทหาร แต่ไม่ค่อยสนิทเพราะอยู่ จ.ตาก เวลาคุยหรือเปิดใจเราจะคุยกับคุณแม่ กับคุณพ่อก็จะไม่ค่อยสนิท แต่ก็จะซึมซับยอมรับเราไปเองโดยอัตโนมัติ อย่างวันที่เราแต่งหญิงเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ไม่ได้ว่า แต่เราก็ไม่เคยเปิดใจ แต่เมื่อไปออกรายการหนึ่ง โดยเชิญคุณพ่อเข้ามาในรายการ และแสดงความรู้สึกกับเรา เพราะคุณพ่อจะขรึมไม่ค่อยคุยกับเรา เราก็จะรู้ว่าท่านไม่ค่อยชอบ”
โยชิ เล่าว่า อยู่ด้วยกันมา 20 ปี เรายังไม่เคยพูดเรื่องนี้กับคุณพ่อ ในรายการเป็นครั้งแรก จึงทำให้ซาบซึ้งร้องไห้ออกมากลางรายการ เพราะไม่เคยคุยกันเรื่องนี้เลย จนเราแต่งแบบนี้ เราไม่เคยขออนุญาตคุณพ่อแต่งหญิงหรือไว้ผมยาว เป็นครั้งแรกที่เค้าพูดกับเราว่าเค้าภูมิใจในตัวเรา เราก็รู้สึกว่าเราภูมิใจที่เราทำให้คุณพ่อคุณแม่ภูมิใจ”
สำหรับคุณพ่อของโยชิ เล่าเปิดอกในรายการหนึ่งว่า เริ่มรู้ว่าลูกมีจิตใจเป็นหญิงตั้งแต่ ประมาณ ม.1 เพราะอยู่ด้วยกันตลอดก็พอรู้แต่ไม่พูด ทว่า ในใจก็อยากได้ลูกสาว เพราะคนโตก็เป็นผู้ชายแล้ว
“แต่แม่เค้ารู้ดี แม่เค้าก็เคยพูดบ่อยๆ ว่า ถ้าลูกเราเป็นผู้หญิงพ่อต้องทำใจด้วยนะ คือเค้ามีพี่ชายอีกคนนึง จริงๆ เราก็อยากได้ลูกสาว
คุณพ่อ ย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ขอให้เป็นคนดี ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด เป็นคนดีในสังคมจะทำอะไรก็ได้
“อีกอย่างเราให้เขาได้แต่ร่างกาย ใจเขาาเราให้เขาไม่ได้ แต่ไม่เคยบอกลูกนะ ถามว่ายอมรับลูกได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็ยอมรับตั้งแต่แรกๆ แล้ว ก็เคยบอกทางแม่แล้วว่าให้เค้าทำดีที่สุด ถ้าจะไปทางนี้ก็ไปให้ได้ดีที่สุด ก็ภูมิใจที่เค้าเข้าประกวดแล้วได้รับรางวัล”
หลายคนมองว่าภาพลักษณ์ดูเด็กเกินที่จะลงประกวด
“ยอมรับเลยว่าตอนแรก คิดว่าตัวเองเพอร์เฟ็กซ์ ดีแล้ว พร้อมแล้ว เพราะด้วยลุคภาพลักษณ์ของโยที่ดูเด็ก คือเป็นเน็ตไอแบบใสๆ ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะปรับกับมิสทิฟฟานีได้ไม่ยาก แต่พอเข้ามาประกวดจึงทำให้รู้ว่า ลุคเด็กๆใสๆของเรา ไม่เหมาะกับการประกวด ที่โลกโซเชียลฯ คอมเมนต์กันมาก็ถูกนะ ที่บอกว่ายังดูเด็กเกินไป ยังไม่พร้อม เราก็คิดว่าจริงๆที่เราไม่พร้อม เราเห็นข้อบกพร่องของตัวเองแต่ก็ต้องปรับ เพราะเราสมัครแล้ว เราก้าวขาเข้ามาแล้ว
อะไรที่เราสามารถปรับได้เราก็ต้องปรับ เพราะมันคือความฝัน ทำแล้วต้องทำให้สุด ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร จะได้หรือไม่ได้ เราก็ทำเต็มที่แล้ว รู้สึกภูมิใจจึงใช้เวลา 2 เดือนจากวันที่ประกวดในการแก้ข้อบกพร่อง เช่น บุคลิกภาพ การเดินแบบ หมุนไม่ได้เลย หมุนแล้วจะเซ ล้ม
พอรู้ว่าเข้ารอบ 30 คนสุดท้าย เราจึงเริ่มรู้ตัวว่ามีข้อบกพร่องมากมาย ก็รู้สึกเหนื่อย ร้องไห้ เสียใจ จนพี่เลี้ยงถามเราว่า จะถอนตัวมั้ย เพราะเขากลัวว่าเราจเสียใจไปมากกว่านี้ เพราะเราเป็นคนชอบเก็บเอาอะไรมาคิดมากมายในสมอง
แต่พอเราหลับไปแล้วตื่นขึ้นมาก็รู้สึกว่า เราควรที่จะสู้ต่อ เพราะความเหนื่อยตรงนั้นมันหายไปแล้ว จึงเลือกที่จะสู้ต่อ และไปฟิตเนส เรียนปรับบุคลิกภาพ โชคดีที่ปีนี้เป็นเรียลลิตี้ มีมิชชั่นให้ทำระหว่างการเก็บตัว จึงค่อนข้างจะใช้ระยะเวลานาน 2 เดือน พอที่จะให้เราพัฒนาตัวเองในเรื่องของบุคลิกภาพ ร่างกาย แต่ถ้าประกวดเลยอาจจะปรับตัว และมีพัฒนาการไม่ทัน ดังนั้นการเก็บตัวเป็นระยะเวลา 2 เดือน จึงทำให้ปรับลุคและพัฒนาเราได้ดีขึ้นมาก”
หลังจากประกาศผลเสร็จ ดรามาล็อกมงฯ ก็บังเกิด!
หลายคนในโลกโซเชียลฯ ตั้งข้อสังเกตในเรื่องการตอบคำถามรอบตัดสิน อาจจะขัดใจหลายคนอยู่ไม่น้อย เพราะ ร็อก รองอันดับ 1 ตอบได้ดีกว่า ทว่า กรรมการไม่ได้ตัดสินชี้ขาดในวันนั้น แต่เก็บคะแนนระหว่างเก็บตัวประกวดมา 2 เดือนแล้ว
“ตอนที่เก็บตัวยังไม่ได้ยินข่าวว่าทางกองประกวดจะล็อกมงฯ ให้โย เพราะโยก็ไม่ได้อยู่ในโผที่จะต้องได้นะ แต่พอมีคนเห็นถึงพัฒนาการเราเขาก็จึงคิดว่าอาจจะมีสิทธิ์ได้ แต่ยังไม่มีคำว่าล็อก
คำว่า “ล็อกมงฯ” มันมาจากที่ประกวดเสร็จแล้ว อาจเป็นเพราะตอนประกวดโยตอบคำถามตะกุกตะกักด้วยความที่ตื่นเต้นเวที เพราะเป็นเวทีที่ใหญ่มาก ยิ่งเราเข้า 10 คน ก็ตื่นเต้นแล้ว 3 คนสุดท้ายตอบคำถามยิ่งตื่นเต้นกว่า จึงต้องรวบรวมสติในการตอบ เราก็รู้สึกว่าทำดีที่สุดแล้ว พยายามตอบให้ตรงได้ ตอบให้จบคำถามมากที่สุด ถึงแม้ว่าความตื่นเต้นจะเข้ามาทำให้การพูดตะกุกตะกัก แต่ก็พยายามรวบรวมสติในการตอบได้มากที่สุด
ถ้าเราไม่มีสติเราอาจจะจิตเตลิดไปเลย ตอบคำถามไม่ได้ ตอบไม่จบ เราก็ทำเต็มที่แล้ว ในเรื่องของการเดิน เราก็เดินไม่เซ หมุนก็ไม่ล้ม ถือว่าทำเต็มที่แล้ว ก็รอลุ้นแล้วกันว่าจะได้มั้ย ในใจลึกๆก็หวังว่าอยากจะได้ อยากให้กรรมการประกาศหมายเลขเรา ต้องยอมรับ เพื่อนๆทุกคนสวย และทำดีหมดเลย ถึงผลที่ประกาศจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ยอมรับผล ต้องทำหน้าที่ให้จบ
พอหลังจบการประกวด ก็มีกระแสเข้ามาอีก ล็อกมงฯ เริ่มมา ว่าเขาจะให้มงฯเราอยู่แล้ว เกิดดรามาขึ้นมา เราก็รู้สึกว่า มาอีกแล้วเหรอ แต่ยังโชคดีที่มีคนเห็นด้วยว่า โยก็ทำเต็มที่ เห็นถึงพัฒนาการของเราจริงๆ
เป็นคนร้องไห้หนักมาก คิดมาก เซนซิทีฟ ตั้งแต่เด็ก พอมาโดนกระแสดรามาแบบนี้ก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมาก
ต่างคนต่างความคิด เขามีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นได้ในส่วนที่ควรจะเป็น แต่เรารู้ว่าไม่ได้ล็อกมงฯ ทุกการแข่งขัน ทุกการทำกิจกรรมในการเขาเก็บมาคะแนนมาเรื่อยๆ ในระยะเวลา 2 เดือนกว่าๆ”
กวาดเรียบ 4 รางวัล ไม่แบ่งใคร
นอกจากจะคว้ามงกุฎมิสทิฟฟานีฯ ปี 2017 แล้วแล้ว เธอยังขอซิวอีก 3 รางวัล ได้แก่ ชุดราตรียอดเยี่ยม,ขวัญใจสื่อมวลชน และ นางงามผิวสวย
“ตอนแรกก็งงนะ ทำไมถึงทำได้ขนาดนี้ เพราะเวลาเราอยู่ในกองประกวด โยจะตั้งใจทุกมิชชั่น และทุกรางวัลที่ได้ว่า เช่น นางงามผิวสวย เราก็ดูแลผิวอยู่ตลอดเป็นประจำสม่ำเสมอตั้งแต่เด็ก ยิ่งมาประกวดจะต้องยิ่งดูแลรักษาไม่ให้ผิวโทรม และผิวสุขภาพดี
ในส่วนของรางวัลชุดราตรี ยอดเยี่ยม พี่ๆก็ช่วยกันออกความคิด ทำชุดราตรีจนทำให้เราใส่แล้วดูดี เข้ากับเราได้มากที่สุดในคืนวันนั้น
ส่วนขวัญใจสื่อมวลชน เราก็ไปแลกเปลี่ยนทัศนคติกับพี่ๆสื่อมวลชน และให้การต้อนรับกับพี่ๆเป็นอย่างดี คือทุกรางวัลที่เราได้มา เราตั้งใจทำ ก็รู้สึกว่าเราเต็มที่กับทุกอย่าง
ความกดดันที่มีอยู่ในใจมันหายไปเลยหลังได้มงกุฎ เราสามารถพูดได้กับตัวเองว่า เราทำได้แล้ว ความกังวลในใจ และความเครียดมันหายไปเลย เราทำได้ หายเหนื่อย”
อยากจะฝากบอกอะไรโลกโซเชียลฯ ที่ถล่มเราบ้าง
“ตอนแรกๆก็อ่านคอมเมนต์ในโลกโซเชียลฯนะ ว่าเขาว่าอะไรเราบ้าง เราเคยมีคนที่รู้จักนะที่โดนกระแสโซเชียลฯ โจมตี เราก็ยังบอกกับเขาเลยว่าจะไปสนใจทำไม เขาก็มีสิทธิ์จะออกความคิดเห็น เราก็ไม่ต้องแคร์ แต่พอเราโดนเองขึ้นมา เรากลับ รู้สึกหดหู่ เสียใจ เข้าใจเลย เราทำอะไรผิด เราบริสุทธิ์ใจ
ตอนนั้นเราก็จมอยู่กับคอมเมนต์ กินอะไรไม่ได้เลย ก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่อยากทำอะไรแล้ว เราทำอะไรผิด พยายามพิสูจน์แล้ว แต่อย่างที่บอก กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญจริงๆ อีกอย่างไม่ได้มีคอมเมนต์ด่าเราอย่างเดียว ยังมีคอมเมนต์อีกเยอะที่ชื่นชมเราและเห็นด้วยกับเรา ยังมีคนเห็นคุณค่าในตัวเรา เห็นการพัฒนา จึงทำให้รู้สึกว่ายังมีคนอยู่ข้างๆ
จริงๆก็สิทธิ์ของเขาที่จะคอมเมนต์ เขาก็ออกความคิดเห็นได้ เพราะต่างคนต่างความคิด ต่างวัฒนธรรมอยู่แล้ว เขาสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ไม่โกรธ แต่เราต้องรู้ว่าเราทำอะไร ถูก หรือ ผิด แต่ทั้งนี้ถ้าเราผิด หรือต้องปรับตรงนี้จริงๆ เราก็ต้องน้อมรับทุกคำติชมมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
หลังจากนี้ก็ต้องไปประกวดในเวทีระดับโลก มิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน 2017 (Miss International Queen) ในเรื่องการใช้ภาษาเป็นสิ่งสำคัญ ต้องไปเรียน และพัฒนาทางด้านเพิ่มเติม การเดิน และการใส่ความเป็นนางงามเข้าไป
ข้อบกพร่องต่างๆเราก็พัฒนามาแล้วจากลุคเด็กสู่ความสาว จากนั้นเราต้องพัฒนาเป็นสาวสะพรั่ง สาวเต็มตัวให้ได้มากยิ่งขึ้น หลังจากนี้ก็จะกลับไปฟิตร่างกายเหมือนเดิม
รักเรียนขั้นสุด เกรดเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 3
ปัจจุบันโยชิศึกษาอยู่ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาสาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ปีที่ 3 เธอย้ำชัดว่า การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยความที่เป็นคนเรียนดี อยู่ห้องคิงมาโดยตลอด จึงไม่เคยได้เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 3
“ถ้าวิชาไหนที่เราคิดว่าได้คะแนนน้อย ส่งผลเสียต่อเกรดเฉลี่ยในอนาคต ขอเลือกที่จะดร็อปแล้วไปลงเรียนใหม่ดีกว่า เพราะเกรดเฉลี่ยที่ดี เวลาจบเราจะรู้สึกภูมิใจกับตัวเลข แม้จะเป็นตัวเลขแต่ก็ทำให้เราภูมิใจได้เกรด 3.5 ยืนยันว่าจะต้องเรียนให้จบ จะท่องไว้เลยว่า ไม่ว่ากิจกรรมงานจะเยอะอย่างไร เกรดเฉลี่ยต้องไม่ต่ำกว่า 3
อนาคตวางไว้ตลอดว่า หลังจากจบคณะนิเทศศาสตร์ เราก็อยากใช้วิชาที่เราเรียนมาไปต่อยอด งานเบื้องหลังเราก็อยากทำ เพราะเราเคยผ่านเบื้องหน้ามาบ้างแล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าเบื้องหลังเขามีกระบวนการทำอย่างไร อยากเรียนรู้วิธี ว่ากว่าจะออกมาเป็นรายการหนึ่ง จะต้องมีหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกัน เราก็อยากจะเรียนรู้ตรงนี้”
สำหรับเรื่องหัวใจ ความรักนั้นที่เคยบอกผ่านสื่อว่าชอบผู้ชายอบอุ่น มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว และที่สำคัญเลยต้องเข้าใจในตัวเรา ทว่า สวยแรงขนาดนี้ จึงขอแอบกระซิบถามว่ามีคนรู้ใจหรือยัง เธอ พูดเบาๆว่า
“มีคนคอยให้กำลังใจอยู่ค่ะ”
ชาวไทยคงจะต้องลุ้นและเชียร์ส่งกำลังใจกันต่อไปว่า โยชิจะคว้ามงฯมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีน สวยผงาดบนเวทีระดับโลก มาครองอีกสักมงฯมั้ย
เรื่อง : สวิชญา ชมพูพัชร
ภาพ : ปัญญพัฒน์ เข็มราช
ขอบคุณภาพประกอบจาก อินสตาแกรม @ yoshirinrada