กำเนิดมุมแดง มุมน้ำเงิน

ในอดีตกาลยุคโรมันนั้น กีฬาที่ได้รับความนิยมที่สุดคือการฆ่ากัน โดยมี คอลอสเซี่ยม สนามประลองสุดยิ่งใหญ่เป็นที่ต่อสู้ ซึ่งหากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Gladiator จะเห็นการนำเสนอรูปแบบการต่อสู้ จะแบ่งออกเป็นสองฝ่ายสองฝั่งคือ นักสู้ตัวแทนกษัตริย์ และเหล่าอำมาตย์ กับ นักสู้ฝ่ายทาส ชั้นต่ำ ที่ถูกซื้อมาเพื่อให้นักสู้ฝั่งกษัตริย์ขยี้โดยเฉพาะ นั่นแหละคือความบันเทิงในยุคนั้น

ประตูทางเข้าสู่สนามจะมีธงปักไว้เป็นสัญลักษณ์ ทางฝั่งศักดินาจะเป็นธงน้ำเงิน ส่วนฝั่งทาสจะเป็นธงสีแดงฉาน มันหมายถึงการหลั่งเลือด เพราะมีน้อยนักที่ทาสจะเอาชนะนักสู้ฝ่ายน้ำเงินได้ เพราะพวกเขาจะได้รับแค่อาวุธง่อยๆ ไร้ซึ่งเกราะป้องกันใดๆทั้งสิ้น แน่นอนว่าอีกฝั่งที่เป็นนักสู้ศักดินาก็จะได้ทั้งอาวุธและเกราะ จัดเต็มครบครันเพื่อออกศึก

มันเป็นศึกที่ไร้ความยุติธรรม แต่เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาคนดู เพราะถ้าหากว่าฝั่งทาสได้เกราะไป เกรงว่าการต่อสู้จะยืดยาว คนดูก็จะเบื่อ จึงมีการจัดให้ฝ่ายน้ำเงินได้เปรียบ และรีบๆ กระซวกพวกชั้นต่ำให้แดดิ้นไปซะจะได้ดูคู่ใหม่ๆ

มีบางครั้งที่นักสู้ฝ่ายทาสจะเอาชนะฝ่ายศักดินาได้ คือต้องเก่งกาจจริงๆ แต่ถึงจะเก่งกล้ายังไง รอบต่อๆ ไปก็จะไปสู้กับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนอยู่ดี นั่นคือ เสือ ไม่ก็ สิงโต แน่นอนว่าแทบไม่มีใครเอาชนะสัตว์หน้าขนได้เลย นักสู้ทาสคนแล้วคนเล่าต้องล้มตายเพราะโดนเสือขย้ำ แต่ในบางคราก็สามารถล้มเสือและสิงโตได้ก็มี ซึ่งถือว่าเก่งจริงๆ กษัตริย์หรืออำมาตย์ก็จะขอซื้อทาสที่เก่งกาจผู้นี้ไปเป็นทหารรับใช้ตนเอง ไม่ก็มอบตำแหน่งนักสู้ฝ่ายน้ำเงินให้ไปซะ

เป็นจุดกำเนิดฝ่ายน้ำเงินฝ่ายแดงที่โหดใช่เล่น ซึ่งต่อมาก็มีการนำมาใช้อย่างแพร่หลายในกีฬาตัวต่อตัวอย่าง มวย หรือ เทควันโด้ เป็นต้น และเมื่อกาลเวลาผ่านไป ตำนานน่ากลัวก็ถูกลบเลือนออกไป มีเพียงกติกาสากลที่ให้นักมวยฝ่ายน้ำเงินถูกเรียกขานชื่อก่อนฝ่ายแดง ส่วนฝ่ายแดงในบางสนามก็จะเป็นพวกแชมป์เก่า พวกเก่งกว่า หรือพวกที่โด่งดังกว่า นั่นเอง ความหมายยุคใหม่มีแต่การให้เกียรติ ไม่มีการแบ่งแยกชั้นสูงชั้นต่ำอย่างในอดีต