มงลงแบบไม่ค้านสายตา! “มารีญา พูนเลิศลาภ” สาวสวยลูกครึ่งไทย - สวีเดน นางแบบอาชีพและนักร้องชื่อดัง ที่นำพาความมั่นใจ ความฉลาด ความสามารถด้านภาษา และความสูงถึง 184 ซม. มาคว้ามงไปแบบม้วนเดียวจบ แม้จะมีกระแสดรามา “หน้าไม่ไทย” แต่ก็ไม่สามารถมาขวางทางไปจักรวาลของเธอได้!
มงลงแบบม้วนเดียวจบ!
ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 และผู้ที่ได้ตำแหน่งนี้ไปครองก็คือ “มารีญา พูลเลิศลาภ” หรือ “มารีญา ลินน์ เอียเรี่ยน” สาวลูกครึ่งไทย - สวีเดน วัย 25 ปี เจ้าของความสูงถึง 184 เซนติเมตร บวกกับทัศนคติในการตอบคำถามสุดประทับใจ มาคว้ามงกุฎเวทีนี้ไปครองได้อย่างไม่ค้านสายตา ไม่เพียงแค่นั้น เธอได้คว้ารางวัลพิเศษ Miss Boutique Lady by Bangkok Airways ไปครองก่อนหน้านี้แล้ว
เจ้าของมงกุฎมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนล่าสุด เปิดใจกับทีมข่าวผู้จัดการ Live ถึงประสบการณ์และความประทับใจที่เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือนระหว่างการเก็บตัว แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ดีๆ ที่เธอจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต
“อย่างแรกเลย มารีญาตื่นเต้นมากเลยที่เข้ามาประกวดค่ะ เพราะว่าไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน แต่ก็อยู่ในความคิดตลอดนะคะ เคยได้ยินการประกวดมาบ้างต้องทำยังไง ทำอะไร ต้องไปเก็บตัวทำกิจกรรมด้วย แต่ว่าตอนได้เข้ารอบจริงๆ คือแบบ...ดีใจมากที่ได้เข้ารอบ 40 คนค่ะ
ตอนเราทำกิจกรรมทั้งที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ มารีญาได้เรียนรู้อะไรที่เกินคาดหวังมากค่ะ ได้เรียนรู้หลายอย่างที่มารีญาจะสามารถใช้ได้ตลอดชีวิตและได้มิตรภาพที่สุดยอดมาก ไม่นึกว่าคนที่จะมาแข่งกันจะเป็นเพื่อนที่ดีขนาดนี้ได้ ก็ดีใจมากเลยค่ะที่ได้ประสบการณ์นี้
ตอนวันสุดท้ายก่อนที่เราจะออกไปแสดงโชว์กัน คือทุกคนที่อยู่หลังเวทีร้องไห้กันหมดเลย เพราะว่า 20 กว่าวันนี้แบบ ผ่านไปรวดเร็วมาก ทุกคนก็ผูกพันกัน พี่เลี้ยงทุกคน คนที่เข้ามาประกวดทุกคนก็เศร้าที่เป็นวันสุดท้าย แต่ก็ยังมีความตื่นเต้นว่า วันนี้อาจจะเป็นวันแรกของชีวิตใหม่ก็ได้ค่ะ”
เมื่อย้อนถามไปถึงสาเหตุและแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอลุกขึ้นมาโชว์ความสวยและความสามารถบนเวทีนี้ เธอตอบกลับมาว่า หากประกวดแล้วได้ตำแหน่ง เวทีนี้จะทำให้เธอทำเป็นกระบอกเสียงที่สามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้มากขึ้น
“จริงๆ แล้ว ตั้งแต่เด็ก มารีญาดูการประกวดมาตลอด แล้วก็เคยมีคนทาบทามว่ามารีญาควรจะประกวดนะ อยู่ในความคิดตั้งแต่เด็กแล้วว่าอาจจะประกวด แต่คือปีที่แล้ว เป็นปีที่มารีญาเรียนจบปริญญาโท เลยรู้สึกว่าทุกอย่างที่ได้ทำ มันยังไม่สุด มันไม่ได้สร้างประโยชน์เท่าที่ทำได้
มารีญารู้ว่า ถ้าเรามาประกวดแล้วได้ตำแหน่งนี้ เราจะสามารถทำได้หลายอย่างมากเลย เราจะเป็นกระบอกเสียงที่สุดยอดที่สุดเลยค่ะ ก็เลยรู้สึกว่าปีนี้เราพร้อมแล้ว พร้อมที่จะมาประกวด ก็เลยลงปีนี้เลยค่ะ แต่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยผ่านเวทีไหนมาก่อนค่ะ เวทีนี้เป็นเวทีแรก
มารีญาในชุดพื้นเมือง ขณะเก็บตัวที่ จ.เชียงใหม่
ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อม ตอนนี้กำลังคุยกันอยู่กับกองประกวดค่ะว่ามีอะไรบ้างที่อยากจะเพิ่มเติม แต่จริงๆ มารีญาก็คิดว่า ไม่ว่าใจพร้อมขนาดไหน เราก็เรียนรู้อะไรได้ตลอด อยากจะฝึกการตอบคำถาม ฝึกเดินด้วย ฝึกทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถฝึกได้เลยค่ะ(หัวเราะ)”
แม้จะคว้ามงกุฎไปได้อย่างไม่ค้านสายตาผู้ชม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่วายโดนกระแสดรามา “หน้าไม่ไทย” เนื่องจากเธอเป็นลูกครึ่งไทย - สวีเดน จากผู้ชมบางกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้มารีญาได้ตอบอย่างหนักแน่นว่า เธอก็คือคนไทยคนหนึ่งเหมือนกัน
“อันนี้ก็เจ็บใจมากเลย(หัวเราะ) เพราะมารีญาก็เป็นคนไทย แล้วบางคนพูดว่ามารีญาไม่ใช่คนไทย ได้รู้อย่างนี้ก็รู้สึกเศร้า แต่ก็ไม่ห่วง เพราะรู้ว่าการเป็นคนไทยเป็นอะไรที่ต้องพิสูจน์ เวลาก็จะบอกเองว่าเราเป็นคนไทยรึเปล่า แล้วตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ มารีญาก็โตมากับวัฒนธรรมไทย คุณแม่เลี้ยงให้เป็นคนไทย แล้วคือหน้าลูกครึ่งไม่ได้หมายความว่า เราไม่ใช่คนไทย”
สำหรับการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งนี้ จะมีขึ้นในวันที่ 26 พ.ย. 60 ที่ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา อย่าลืมร่วมส่งแรงใจแรงเชียร์ให้แก่ตัวแทนจากประเทศไทยคนนี้ ให้ได้เป็นนางงามจักรวาลคนที่ 3 ของไทย
ทำตามฝัน จากอวกาศ...สู่จักรวาล
“มารีญาคิดว่าเป็นความฝันของผู้หญิงหลายคนเลย อยากจะมีมงกุฎเป็นของตัวเอง แล้วมารีญาก็เคยดูคลิปการประกวดของ “พี่ปุ๋ย - ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก” และ “พี่ป๊อบ อารียา สิริโสภา” ในตอนเด็ก เห็นแล้วแบบ...พี่เขาเป็นผู้หญิงที่สวย ฉลาด เป็นคนที่ช่วยประเทศเราจริงๆ ก็เลยเป็นเหมือนแรงบันดาลใจของมารีญาด้วยค่ะ แต่ไม่เคยนึกว่าจะลองมาประกวดจริงๆ คืออยู่ในฝันอย่างเดียวค่ะ”
เจ้าของมงกุฎนางงามคนล่าสุด กล่าวถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เธอลงประกวดในครั้งนี้ โดยมีรุ่นพี่จากเวทีเดียวกันเป็นต้นแบบ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็สามารถคว้ามงกุฎจากเวทีระดับโลกมาครองได้สำเร็จ แต่สำหรับตัวเธอเอง คำว่าจักรวาลไม่ใช่เพียงแค่ความฝัน เพราะเธอเข้าใกล้คำคำนี้มาตั้งแต่อายุ 13 ปี!
“ความฝันของมารีญาเปลี่ยนบ่อยมากเลยค่ะตอนเด็ก(หัวเราะ) ตั้งแต่เด็กแล้ว มารีญาอยากจะเป็นนักบินอวกาศ แล้วอยากเป็นสัตวแพทย์กับหมอจิตวิทยาเด็ก มี 3 อย่างนี้ที่มารีญาใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กแล้ว พอตอนโตขึ้นมา ตอนอายุ 13 ปี มารีญาได้เข้าแข่งไปแคมป์นาซา มันเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากค่ะ จะไม่ลืมเลยตลอดชีวิต เพราะว่าเป็นครั้งแรกที่มารีญาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ด้วย
ได้รับการปลูกฝังความเป็นไทยมาตั้งแต่เด็ก
ตอนนั้นมารีญาต้องไปอเมริกา 2 อาทิตย์ แล้วได้เรียนรู้ ได้เข้าเครื่องอวกาศเหมือนเป็นเครื่องจำลอง ว่าเราไปอวกาศ มีการเข้ากลุ่มว่าต้องทำอะไรบ้าง เมื่อเจอปัญหาต้องแก้ยังไง ได้เข้าพิพิธภัณฑ์ของนาซ่า แล้วได้อยู่ที่นั่นเลยค่ะ เราได้นอนกันในบรรยากาศที่เหมือนอยู่ในอวกาศเลย สนุกมาก(ลากเสียงยาว) สุดยอดมากเลยค่ะ(น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสุข)
กิจกรรมนี้ทางโรงเรียนช่วยจัดกับนาซาค่ะ เราต้องแข่งเพราะว่า มีข้อสอบด้วย มีสัมภาษณ์ด้วย และต้องมีใบรับรองจากคุณครูว่าแนะนำเด็กคนไหนบ้าง เพราะอะไรค่ะ มีคนได้รับเลือกประมาณ 25 - 30 คนจากทั้งหมดค่ะ ภูมิใจมากเลยที่ได้ไป สนุกจริงๆ ค่ะ สำหรับเด็กอายุ 13 ปี ไปอเมริกา ได้เห็นอะไรเยอะมาก เป็นความฝันตั้งแต่เด็กแล้วที่อยากจะขึ้นอวกาศแล้วก็ได้ไปจริงๆ ค่ะ”
แต่เมื่อถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะต้องก้าวผ่านจากโรงเรียนมัธยมเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย ความชื่นชอบของเธอก็เริ่มเบนเข็มไปทางบริหารธุรกิจแทน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความชื่นชอบด้านอวกาศน้อยลงไปแม้แต่น้อย
“เกี่ยวกับอวกาศมารีญาก็ไม่เคยทิ้ง เพราะมารีญาก็อ่านหนังสือเกี่ยวกับนาซา ชอบเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับอวกาศตลอดค่ะ แต่ว่าตอนเรียนช่วงที่มารีญาอยู่ชั้นม.5 กับม.6 ค่ะ มารีญาต้องเลือกวิชา แล้วตอนมารีญาเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์และธุรกิจกับคุณครูที่โรงเรียน มารีญารู้สึกว่าพูดคุยได้สนุกมาก แล้วเป็นอะไรที่ครูสอนเก่งมากค่ะ ก็เลยชอบชอบ 2 วิชานี้มาก ตอนเลือกเรียนปริญญาตรีเลยเลือกเรียนเกี่ยวกับบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มารีญาก็เลยไปด้านนี้ เพราะอยากจะเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองด้วย
ปริญญาโทก็เลยเลือกต่อในสายเดียวกันด้วย และอีกอย่างที่ชื่นชอบคือมารีญาชอบจิตวิทยา ตอนเรียนธุรกิจรู้สึกว่าถ้าเราทำมาร์เก็ตติง มันเป็นอะไรที่สามารถใช้จิตวิทยาได้ เป็นอะไรที่ใช้ความครีเอทีฟได้ ก็เลยเลือกมาเก็ตติ้ง แต่ว่าไม่ว่าจะไปเส้นทางไหน มารีญาก็รู้สึกว่า 2 อย่างนี้มันยังใช้ได้อยู่ เพราะว่าในที่สุดแล้วก็อยากจะเปิดโครงการ แล้วก็ต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจกับมาร์เก็ตติ้งค่ะ”
โลดแล่นในวงการตั้งแต่อายุ 13 !!
ตั้งแต่วันที่เปิดรับสมัครมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2017 ชื่อของ “มารีญา พูลเลิศลาภ” ก็กลายเป็นที่จับตามองตั้งแต่ยังไม่ได้รับตำแหน่งแล้ว นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้เธอเป็นนางแบบระดับอาชีพ ที่เข้าวงการมาตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ใช้คำนำหน้าว่านางสาว!
“ตอนที่เข้าวงการมาใหม่ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็ค่อนข้างระวังค่ะ ไม่อยากให้มารีญาเข้ามาในวงการบันเทิง ไม่อยากให้ใช้ชีวิตในวงการมาก เพราะว่ามารีญายังเรียนอยู่ คุณพ่อคุณแม่ก็เลยตั้งกฎไว้ว่า ถ้ามารีญาจะทำงานในวงการบันเทิง มารีญาต้องห้ามขาดเรียน ห้ามขาดเรียนเลย(ย้ำเสียงหนักแน่น) แล้วก็ห้ามตกจากเกียรตินิยม ตั้งแต่เด็ก มารีญาก็เลยเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มารีญาเชื่อฟังคำสั่งสอนที่ว่าให้จัดการเวลา เราต้องตั้งใจกับทุกอย่างที่เราทำค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเพราะว่าได้เรียนรู้ตั้งแต่ 13 ปีค่ะ
ช่วงที่มารีญาเข้าวงการเป็นช่วงประมาณตอนหลังกลับมาจากที่ไปแคมป์นาซามาแล้ว ก็คือได้เดินงานแฟชันโชว์งานแรกเลยค่ะ เริ่มเข้าวงการจากการเป็นนางแบบก่อน แล้วต่อมาได้มีโอกาสมีผลงานเพลงเป็นของตัวเองค่ะ”
นอกจากการเป็นนางแบบแต่เด็กแล้ว สาวน้อยผู้นี้ยังเคยออกมินิอัลบั้มเป็นของตนเอง ในชื่ออัลบั้ม Maxi Single โดยมีเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้ม ได้แก่ เบลอ (Blur),เก็บโต๊ะ (Wait Up)และบุ๋ง (Boong) โดยที่เพลงบุ๋งนั้นเป็นเพลงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เมื่อเธอเข้ามาประกวดในครั้งนี้ บรรดาแฟนนางงามของมารีญาจึงติดแฮชแท็ก #ทีมบุ๋งบุ๋ง กันโดยพร้อมเพรียง
“ตอนนั้นมารีญาอายุ 14 ปี ได้ไปเล่นมิวสิควิดีโอให้วง Lemon Soup ที่อยู่ในสังกัดของค่าย Smallroom แล้วมารีญาได้พูดคุยกับโปรดิวเซอร์ เขารู้ว่ามารีญาชอบร้องเพลง อยู่ที่โรงเรียนถ้ามีคอรัส มารีญาก็จะเข้าร่วมตลอดเลย ก็เลยเข้าไปเทสเสียง แล้วก็เข้าไปอยู่ในค่าย แต่ว่าเพลงมารีญาออกตอนอายุ 18 ปีแล้วค่ะ
ถ้าถามเรื่องความถนัด มารีญาถนัดด้านนางแบบมากกว่านักร้อง เพราะว่าตอนมารีญาออกอัลบั้ม มารีญาเรียนปริญญาตรีอยู่ต่างประเทศแล้ว ไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตเป็นนักร้อง ไม่ได้มีโอกาสไปโปรโมตมาก แต่ว่าเป็นอะไรที่สนุกและเป็นภูมิใจมากที่ได้ร่วมงานกับพี่ๆ ที่ Smallroom มีวงหลายวงที่มารีญาชอบ เขาเขียนเพลงให้ ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยนึกว่าจะทำเหมือนกัน แต่ได้ทำ”
เมื่อถามถึงงานด้านอื่นๆ ในวงการบันเทิงที่เธอยังไม่เคยลองทำ สาวมากความสามารถคนนี้กล่าวว่า พร้อมที่จะเรียนรู้ทุกโอกาส เพราะเพราะแต่ละอย่างนั้น สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันได้ทั้งหมด
“มารีญาเป็นคนที่ค่อนข้างเปิด คิดว่าถ้ามีโอกาสลองอะไรได้ก็ชอบลองค่ะ ชอบลองอะไรใหม่ๆ ส่วนเรื่องงานแสดงก็สนใจนะคะ คิดว่าน่าจะเป็นประสบการณ์ที่ดี พวกการแสดงก็ช่วยในการขึ้นเวที ทำตัวยังไง คิดว่าน่าสนใจค่ะ”
“ต้องคิดบวก” สวยจากภายในสไตล์มารีญา
แม้งานถ่ายแบบจะชุก คิดเดินสายจะแน่น แต่สาวมารีญาก็ไม่ลืมที่จะแบ่งเวลามาทำกิจกรรมกับครอบครัว ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอเจาะลึกวันชิลๆ ของมารีญาว่า เมื่อมีเวลาว่างแล้ว เธอจะทำอะไรบ้าง พร้อมกับล้วงเคล็ดลับการดูแลตัวเองให้สวยสดใจตามแบบฉบับของนางแบบมืออาชีพ
“วันว่างของมารีญาก็แล้วแต่เลยค่ะ ถ้าไม่ไปทะเลกับคุณพ่อคุณแม่ ก็ไปกินบุฟเฟต์กัน ไปดูหนัง อ่านหนังสืออยู่บ้าน สบายๆ”
มารีญาและพี่ชายฝาแฝด
และด้วยความที่เธอเป็นน้องสาวคนสุดท้องที่มีพี่ชายฝาแฝด แน่นอน เธอจึงซึมซับความความห้าวและบุคลิกแก่นๆ ติดตัวมาด้วย นอกจากนี้ กิจกรรมในวันว่างของเธอคือการเล่นเทสนิส ที่ซึมซับความชอบมาจากคุณพ่อ จนได้รับฉายาว่า “มาเรีย ชาราโปวาเมืองไทย”
“นิสัยมารีญาก็มีห้าวๆ นิดนึงค่ะ แต่ว่าตอนเด็กมารีญาจะชอบแต่งตัวเป็นแบทแมนหรือสไปเดอร์แมนบ้าง แต่ว่าก็มีอีกพาร์ตนึงที่มารีญาชอบแต่งตัวเป็นเจ้าหญิง นางฟ้า ก็มีทั้ง 2 อย่างในตัวเอง ทั้งแบบว่ามีความห้าวด้วย มีความแบบผู้หญิงๆ ด้วย แล้วแต่วันแล้วแต่อารมณ์ค่ะ
ตั้งแต่เด็ก มารีญาทำกิจกรรมเยอะมาก คุณแม่จะส่งมารีญาไปเรียนพิเศษหลายอย่างเลย ช่วงเวลาว่างก็ชอบเล่นเปียโน ชอบเล่นเทควันโด มารีญาไม่ได้เล่นเทควันโดมานานมากเลยค่ะ เปียโนก็เป็นช่วงๆ เป็นความชื่นชอบ ถ้ามีเวลาอยากจะเล่น
คุณพ่อโกรานและมารีญา
แล้วก็ได้เห็นคุณพ่อเล่นเทนนิส ก็จะเล่นเทนนิสกับคุณพ่อด้วย แต่ว่ามารีญาไม่ได้เข้าร่วมกับที่โรงเรียนนะคะ เพราะว่าตอนอยู่ ม.2 มารีญาเริ่มทำงานแล้ว หลังเลิกเรียนก็ไปทำงาน ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ในชมรมกีฬาของโรงเรียน ก็จะเล่นช่วงที่ว่างค่ะ ส่วนฉายามาเรีย ชาราโปวา คุณครูที่สอนเทนนิสช่วงนั้นเป็นคนให้มาค่ะ(หัวเราะ) น่าจะเพราะมารีญาแขนขายาว(หัวเราะร่วน)”
สุดท้ายนี้ นางงามคนสวย ได้ฝากถึงเคล็ดลับการดูแลตัวเองแบบง่ายๆ ที่ทำให้สุขภาพดีขึ้นจากภายใน ที่ไม่ต้องลงทุนเลยสักบาท นั่นคือการปรับเปลี่ยนวิธีคิดเป็นคนคิดบวก
“การดูแลตัวเองของมารีญา ที่สำคัญที่สุดเลยคือการคิดค่ะ เพราะว่าถ้าเราคิดบวก ทุกอย่างก็จะก็จะบวกไปตามนั้น ถ้าเราคิดลบ ทุกอย่างก็อาจจะลบไปด้วย เพราะว่าความคิดเป็นอะไรที่สามารถทำให้เราสร้างสรรค์และทำให้เราสดชื่นได้จริงๆ ไม่ว่าเราจะมีงานเยอะงานน้อย ถ้าเราสามารถคิดบวกได้ ถ้าเรามีจิตใจที่พร้อม ทุกอย่างก็จะไปได้ดีค่ะ ถ้าเราใส่ใจ ถ้าตั้งใจทำ คิดว่าทำอะไรก็ได้ค่ะ ทุกคนเลย ไม่ใช่แค่มารีญา
แต่ว่านอกจากนั้นมารีญาคิดว่า สำคัญที่ต้องมีเวลาพักผ่อนที่พอดี ทุกคนก็ไม่เหมือนกัน แล้วก็เรื่องกิน คิดว่าน้ำเป็นอะไรที่สำคัญมาก หลายอาจจะดื่มน้ำไม่พอ มารีญาเป็นคนที่ชอบพกขวดน้ำ ไม่ว่าไปไหนก็จะมีน้ำอยู่ตลอด แล้วการกินก็สำคัญ เราควรจะรู้ว่าเรากินอะไรไป เพราะว่าตอนนี้อาหารที่มีเคมีด้วยมีอะไรด้วยเยอะมาก เราต้องเลือกหน่อย สำคัญที่ต้องกินผักผลไม้ให้เยอะ เพราะวิตามินที่เรากินแบบสกัดมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก อาจจะไม่ช่วยอะไรเลยก็ได้ ทุกอย่างต้องมาจากผักผลไม้สดค่ะ”
ทุกวันของมารีญาคือวันแม่ สาวน้อยมารีญาและคุณแม่ชนกสรวง “มารีญาสนิทกับคุณแม่ตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ คุณแม่เสียสละทุกอย่างเพื่อมารีญาจริงๆ และมารีญาคิดว่าวันแม่เป็นวันที่สำคัญมากที่เราจะสามารถแสดงความรัก แต่ที่สำคัญกว่านั้น คือเราต้องใช้ทุกวันเหมือนวันแม่มากกว่า เพราะว่าวันเดียวก็ไม่พอ คุณแม่ก็สนับสนุนมารีญา ไม่ว่าอยากจะทำอะไรก็จะสนับสนุน ถ้ามารีญาอยากจะทำจริงๆ คุณแม่ก็โอเค ก็จะบอกว่า ทำเต็มที่เลยลูก ตั้งแต่เด็ก คุณแม่จะส่งมารีญาไปเรียนพิเศษหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นวาดรูป เล่นเปียโน เทควันโด รวมทั้งปลูกฝังเรื่องความเป็นไทยด้วย คุณแม่เลี้ยงเป็นคนไทยค่ะ ตั้งแต่เด็กแล้ว จำได้ว่าขนาดตอนอยู่เวียดนาม คุณแม่ก็จะไปที่สถานทูตไทย มีกิจกรรมอะไรเราก็จะร่วมงานด้วย ไม่ต้องอยู่ที่เมืองไทยก็ได้ แต่ว่าความเป็นไทยก็ไปด้วยค่ะ” |
เรื่อง : กีรติ เอี่ยมโสภณ
ขอบคุณภาพ : กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์และอินสตาแกรม@marialynnehren
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ มารีญา พูลเลิศลาภ หรือ มารีญา ลินน์ เอียเรี่ยน ลูกครึ่งไทย - สวีเดน เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของ คุณพ่อโกราน เอียเรียน และคุณแม่ชนกสรวง พูลเลิศลาภ มีพี่ชายฝาแฝด 2 คน
วันเกิด 18 มกราคม 2535
อายุ 25 ปี
ส่วนสูง 184 เซนติเมตร
ความสามารถพิเศษ รำไทย บัลเลต์ เต้นแจ๊ซ ฮิปฮอป ร้องเพลง เล่นเปียโน เทควันโด เทนนิส และสามารถพูดหลากหลายภาษาทั้งไทย อังกฤษและเวียดนาม
การศึกษา มัธยมศึกษา International School of Bangkok ประเทศไทย
ปริญญาตรี ด้านบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยอีราสมุส ประเทศเนเธอร์แลนด์
ปริญญาโทด้าน การตลาดจากสตอกโฮล์ม สกูล ออฟ บิซิเนส Stockholm School of Business ประเทศสวีเดน
ผลงานที่ผ่านมา เดินแบบ,ถ่ายแบบ,ถ่ายโฆษณา,เล่นมิวสิกวิดีโอ และเคยเป็นนักร้องในสังกัดค่าย Smallroom ออกมินิอัลบั้ม Maxi Single โดยมีเพลงที่อยู่ในมินิอัลบั้ม ได้แก่ บุ๋ง (Boong), เก็บโต๊ะ (Wait Up) และเบลอ (Blur)