เพ็ญพัฒน์ วงษ์สวรรค์ คือคนเขมรแท้ๆ ที่มีชีวิตในโลกฟุตบอลผาดโผนมาก เขาหนีสงครามล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชา เข้ามาเป็นนักเตะในเมืองไทย เขาผ่านความเจ็บช้ำที่คนเขมรแตกแยกกันจนลุกลาม เพื่อนักฟุตบอลคนแล้วคนเล่าที่ถูกฆ่าตายในเหตุการณ์ครั้งนั้น ดาวเด่นอย่าง เดือ สุคม เองก็โดนฆ่า เขาและ เซียง คารา เพื่อนนักเตะกองหน้าอีกคนจึงหนีมาลี้ภัยการเมืองที่ไทย แล้วเริ่มอาชีพนักฟุตบอลที่ สโมสรราชประชา ในปี 2515
เขาคือนักเตะฝีเท้าดี จนคนไทยตั้งฉายาให้ว่า ไอ้งูเก็งก็อง ซึ่งบ่งบอกถึงรากเหง้าความเป็นคนเขมรของเขา รับใช้ราชประชาอยู่ 5 ปี ก็มีแมวมองจาก โบรุสเซีย ริสตัป ของลีกล่างในเยอรมัน มาติดต่อขอซื้อตัวไปค้าแข้ง แต่ทว่าความที่สัญญาไม่ชัดเจนมากพอ ประกอบกับโลกฟุตบอลยังไม่เสรีเท่าที่ควร คนเขมรอาจถูกมองเป็นแกะดำจนเสียอนาคตฝีเท้าดีๆไป ราชประชาจึงไม่ยินยอมขายให้
ปี 2521 คือปีที่เป็นจุดเปลี่ยนอีกครั้งของเพ็ญพัฒน์ สโมสร โกนูป ในดิวิชั่น 4 ของฝรั่งเศส ส่งแมวมองมาดูฟอร์มการเล่นและตัดสินใจคว้าตัวในเวลาอันรวดเร็ว ราชประชาไม่เหนี่ยวรั้งใดๆ ทั้งสิ้นเพราะเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่นักเตะเขมรคนนี้จะไปอวดฝีเท้าให้คนยุโรปเห็น
ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะสามารถเป็นจิ๊กซอว์ชั้นเยี่ยมพาทีมคว้าแชมป์ลีกเลื่อนชั้นมาได้สำเร็จ ในเวลาต่อมา ด้วยฟอร์มอันร้อนแรง เขาถูกขายให้กับ ปารีส เอฟซี ในลีกสูงสุด แต่ทว่าด้วยความที่เป็นนักเตะเอเชีย ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของคนสมัยนั้น ฝีเท้าดีแค่ไหนก็ไม่สามาถยึดพื้นที่ตัวจริงได้ เขาจึงได้เล่นแค่ในทีมสำรองแบบไม่มีสัญญาอะไรเลย ได้ค่าเหนื่อยนัดละ 1,000 ฟรังค์ ถ้าแข่งชนะ และได้ 500 ฟรังค์ ถ้าแข่งเสมอ
ในวัย 35 ปี เป็นนักเตะที่เริ่มแก่ เขาจึงถูกขายให้ สโมสร ลีวิส กากอง ในลีกสมัครเล่นฝรั่งเศส แล้วตัดสินใจแขวนสตั๊ดลงที่นี่ แต่ด้วยฝีเท้าและความสามารถเขารับงานโค้ชให้สโมสร คาสโรม่า ทีมสมัครเล่น แล้วสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้ถึง 2 ปีติดต่อกันในปี 2536 , 2537 ต่อมาเขาได้ย้ายมาเป็นโค้ชให้ทีม เอ.เอส.พรีน.ในเมือง นีราบัง และตั้งรกรากอยู่ฝรั่งเศสกับเมียชาวเขมร มีลูกชายเป็นนักฟุตบอลด้วย
ที่น่าสนใจอีกอย่าง เขาคือโค้ชผู้ฝึกสอนให้ อัลเฟร็ด เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์ ในตอนที่อยู่ฝรั่งเศส ก่อนที่อัลเฟร็ดจะย้ายมาเตะบอลและสร้างชื่อเสียงในเมืองไทย