“เห็นเพื่อนนอนกรนนาน กลัวหม้อน้ำแห้ง!”โลกโซเชียลฯ แชร์คลิปเพื่อนนอนกรนอยู่ เลยเอาน้ำกรอกใส่ปาก จากนั้นก็หัวเราะสนุกสนานกันใหญ่ กระแสตีกลับโดนสับ! การกระทำดังกล่าวสุดอันตรายเสี่ยงตาย สำลักน้ำ ติดเชื้อในปอด
เพจดังอย่าง Drama - addict ฉะ!พวกแกล้งเพื่อนเล่นพิเรนทร์ ระวังเพื่อนตาย! เพราะติดเชื้อในปอดจากการสำลักน้ำที่กรอกใส่ปากให้โดยไม่รู้ตัว!
"คลิปนี้คนแชร์กันเป็นหมื่นละ เป็นคลิปของเพื่อนที่เห็นเพื่อนนอนกรนอยู่ เลยเอาน้ำกรอกปากแล้วหัวเราะขำกันใหญ่ อันนี้ไม่ขำ และอันตรายมาก การเอาน้ำกรอกใส่คนที่หลับไม่รู้สึกตัว มันจะทำให้เขาสำลักน้ำได้ แล้วพอน้ำลงปอด นอกจากน้ำ พวกเชื้อโรคสารพัดในช่องปากก็ลงไปด้วย ไอ้คนที่โดนทำแบบนี้ อาจปอดติดเชื้อ ยิ่งถ้าเป็นคนที่มีโรคเรื้อรัง โรคประจำตัว หรือสุขภาพไม่ดีอยู่แล้ว ตายได้เลย ไอ้พวกที่เล่นโง่ๆแบบนี้ รู้มั้ยปีนึงมีคนไทยตาย เพราะติดเชื้อในปอดจากการสำลักกี่คน ดังนั้นห้ามทำตามเด็ดขาดนะครับ"
ทว่า การสำลักน้ำ ไม่ว่าน้ำนั้นจะมาจากแหล่งใดก็ตาม หากสำลักลงปอด ก็สามารถทำให้เกิดอาการปอดติดเชื้อได้ แม้แต่การสำลักน้ำดื่มที่สะอาดก็มีโอกาสทำให้ปอดอักเสบและเกิดอาการติดเชื้อในปอดได้เช่นกัน เพราะน้ำลายมนุษย์มีเชื้อโรคอยู่แล้ว เช่น เชื้อแบคทีเรีย เพียงแต่โอกาสติดเชื้อจะเป็นไปตามปริมาณของเชื้อโรค รวมถึงความสกปรกของแหล่งน้ำด้วย ยิ่งแหล่งน้ำมีความสกปรก เชื้อโรคแปลกๆ ก็จะมาก โอกาสติดเชื้อก็ยิ่งมากขึ้น
สำหรับความคิดเห็นในโซเชียลฯ ต่างคอมเมนต์ไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่สมควรแกล้งแบบนี้ เช่นเดียวกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่บอกว่า คุณพ่อที่เป็นอัมพาตเคยเสียชีวิตด้วยอาการปอดติดเชื้อเพราะมีคนมาแอบป้อนน้ำมนต์ให้
“ตอนพ่อเป็นอัมพาต ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ น้าเอาน้ำมนต์แอบป้อนให้พ่อทุกครั้งที่หมอให้เข้าเยี่ยม เรากับพยาบาลก็ห้ามว่า อย่าทำแบบนั้น เดี๋ยวปอดติดเชื้อจะแย่กว่านี้ น้าก็ยังแอบทำ หลังจากนั้นพ่อก็เสีย เพราะปอดติดเชื้อ แล้วติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย”
อย่างไรก็ตาม มนุษย์ทุกคนเกิดมามีจุดอ่อนตรงที่ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจส่วนต้น ใช้ช่องทางร่วมกันในบริเวณคอหอย ก่อนที่จะแยกออกเป็นหลอดลมซึ่งอยู่ทางด้านหน้าของลำคอ และหลอดอาหารซึ่งอยู่ทางด้านหลัง ตามบทความที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินหายใจและผู้สูงอายุ อธิบายไว้ว่า
การกลืนอาหารและน้ำโดยไม่สำลักเข้าหลอดลมต้องอาศัยการควบคุมของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ซับซ้อน ทำงานประสานกันอย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติไม่ผิดพลาดตั้งแต่เกิด ทุกครั้งที่กลืนอาหารและน้ำ กล้ามเนื้อปากและลิ้นจะผลักดันอาหารและน้ำลงไปในคอไม่ให้ไหลขึ้นจมูก และกล้ามเนื้อบริเวณคอจะยกกล่องเสียงขึ้นมาชนกับใต้ฝาปิดกล่องเสียง ไม่ให้อาหารและน้ำเล็ดลอดเข้าสู่หลอดลม รวมทั้งหูรูดของหลอดอาหารส่วนบนจะคลายตัว เพื่อให้อาหารและน้ำเคลื่อนลงสู่หลอดอาหาร
ในเวลากลางคืนขณะหลับเกือบร้อยละ 50 ของคนปกติจะมีน้ำลายในช่องปากปริมาณน้อย ๆ เล็ดลอดลงไปในหลอดลม แต่ไม่เป็นอันตราย เพราะร่างกายมีกลไกขับเคลื่อนน้ำจากช่องปากที่เล็ดลอดลงหลอดลมให้ย้อนขึ้นมาทางกล่องเสียงแล้วกลืนลงไปในหลอดอาหารเอง แต่เมื่อคนอายุมากขึ้น มีโรคประจำตัว เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคความจำเสื่อม โรคพาร์กินสัน โรคจากอุบัติเหตุทางสมอง โรคของเส้นประสาท โรคมัยแอสธีเนีย กราวิส โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อที่ควบคุมการกลืนเริ่มผิดพลาด เกิดการสำลักง่าย
ผลตามมาของการสำลักขึ้นอยู่กับปริมาณสิ่งที่สำลัก สำลักบ่อยแค่ไหน ทุกวันหรือนาน ๆ ครั้ง ของที่สำลักเป็นของแข็ง เศษอาหาร ของเหลว น้ำ น้ำมัน หรือกรดจากกระเพาะอาหาร ประสิทธิภาพในการไอขับสิ่งแปลกปลอมออกได้เองและภูมิคุ้มกันของร่างกาย ภาวะแทรกซ้อนที่ตามมาจากการสำลักเศษอาหาร เช่น ขนมเข่ง ขนมโมจิ ลูกชิ้น ยาเม็ดโต ๆ ติดคอ ทำให้ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตได้ทันที โรคปอดอักเสบจากการสำลักกรดหรือน้ำมัน และปอดติดเชื้อจากเชื้อโรคในช่องปากลงปอด สุดท้ายทำให้ระบบหายใจล้มเหลว
อันตรายแค่ไหน ถามใจดู! คิดจะแกล้งเพื่อน คิดสักนิด....