xs
xsm
sm
md
lg

Live สยิว! อุทาหรณ์ ฟิน & ฟันใน "ชุดนักเรียน"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


โอละพ่อ! โลกโซเชียลฯ ฮือฮา หลังสาวในชุดนักเรียนใจกล้า ตบปากรับงานไลฟ์สยิวแลกเงินหมื่น มีผู้ชายที่ผู้จ้างอ้างเป็นเกย์คลึงเต้าอย่างเมามัน สุดท้ายชีวิตแย่ถูกมองขายตัว แถมยังโดนโซเชียลขุดคุ้ยยับเยิน ก่อนเปิดใจยอมรับผิด เห็นแก่เงิน พร้อมหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นับเป็นอุทาหรณ์การบูชาเงินจนความโลภย้อนทิ่มแทงตัวเอง ขณะเดียวกันก็สะท้อนค่านิยมชุดนักเรียนที่ว่ากันว่าคือแรงดึงดูดใจทางเพศชั้นเยี่ยม

คิดน้อยไป! Live สยิวในชุดนร.

เงิน 20,000 บาทกับอนาคตที่เสียไป ถามว่าคุ้มกันไหม คือคำถามที่สาวไลฟ์สยิวรายนี้น่าจะได้คำตอบจากบทเรียนราคาแพงในครั้งนี้ หลังตกเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโซเชียลฯ กรณีคลิปไลฟ์สดที่เผยให้เห็นความสยิวคาชุดนักเรียน โดยปรากฏภาพสาวใส่แมสปิดบังใบหน้า ก่อนจะมีชายหนุ่มเข้ามานั่งคลึงเต้าอย่างเมามันอยู่ด้านหลัง เพื่อเรียกยอดคนดูในการโปรโมตเว็บบอลตามที่เป็นข่าว


กระทั่งชีวิตเปลี่ยน เมื่อคลิปดังกล่าวพลาดไปเห็นตัวอักษรย่อของโรงเรียน คราวนี้นักสืบโซเชียลฯ ก็เลยทำหน้าที่ขุดคุ้นจนสร้างความเสียหายทั้งแก่ตัวเธอ และโรงเรียน ล่าสุดเปิดใจหมดเปลือกผ่านสื่อทีวีรายการดัง ยอมรับเห็นแก่เงิน พร้อมหงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และขอโทษโรงเรียน รวมไปถึงพ่อแม่ที่พลาดไปแล้ว


"เขาบอกว่าอยากได้คนที่แบบเด็กๆ ไปโปรโมตเว็บบอลอะไรประมาณนี้ คือตอนนั้นหนูก็เห็นแก่เงินหลายหมื่น ก็รู้สึกแบบ หูย ทำแค่นี้เหรอ ทำไมได้เงินเยอะจัง ก็เห็นแก่เงินอะค่ะ ยังไม่ได้คิดว่ามันจะมีผลเสียว่าเราใส่ชุดนักเรียนนะ วันที่นัดเข้าไปไลฟ์ คือหนูเข้าไปมหาวิทยาลัยก่อน หนูไม่ได้ตั้งใจจะไปไลฟ์ เขาก็โทร. มาหาว่าน้องว่างไหม นัดมาแถว ๆ นี้ได้ไหม คือมันก็ใกล้กับมหาวิทยาลัยหนูอะค่ะ ก็เลยโอเค มันก็จะมีคนที่ล้วงตรงหน้าอกหนูอะค่ะ เขาเป็นเกย์นะคะ ก็อายนะคะ คนรอบข้าง คนแถมบ้านก็มาถามว่า ขายตัวเหรอ อะไรอย่างนี้อะค่ะ"




อย่างไรก็ดี นอกจากคลิปเสียงเปิดใจในข้างต้นแล้ว เธอยังเผยด้วยว่า ปัจจุบันอายุ 19 ปี เพิ่งสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ส่วนแรงจูงใจของการตกปากรับคำยอมไลฟ์สยิวในครั้งนี้คือค่าตอบแทนจำนวน 20,000 บาท ซึ่งเธอบอกว่า ได้รับการติดต่อจากเว็บพนันบอลผ่านทางเฟซบุ๊ก แม้ตอนแรกจะกลัวแต่เพราะเงินจำนวนมาก บวกกับความอุ่นใจที่มีผู้หญิงอยู่ในห้องไลฟ์สด เช่นเดียวกับชายหนุ่มในคลิปที่ทีมงานอ้างว่าเป็นเกย์

Live ไม่คิด ชีวิตพังยับ!


แม้สุดท้ายแล้ว ทีมงานบอกอีกฝ่ายว่าจะลบคลิปทิ้งภายใน 1 ชั่วโมง แต่ก็เป็นบทเรียนให้ใครหลายคนได้ฉุกคิดว่า การ "วาร์ป" ในยุคนี้ เร็วพอๆ กับความไวแสง ซึ่งบางคนคิดว่าป้องกันตัวเองอย่างดีแล้ว แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นการขุดคุ้ยจากนักสืบโซเชียลฯ จนถูกแฉ สร้างความอับอาย ทำลายอนาคตให้ดับวูบมาแล้วหลายราย ยิ่งในกรณีนี้ดันหลุดอักษรย่อโรงเรียนมาด้วยก็คงต้องรับชะตากรรมกันไป


ไม่แปลกที่จะถูกจับผิดหลังเปิดใจให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อช่องดัง โดยในโลกออนไลน์พยายามจับโกหกสารพัด ทั้งความจริงในเรื่องของผู้ชายที่กล่าวอ้างว่าเป็นชายรักชาย รวมไปถึงภาพหลุดที่สยิวกว่านั้น จนล่าสุดมีการแชร์ข้อความจากเพจ "Drama-addict" ที่มีการกล่าวอ้างถึงโพสต์ของสาวในคลิปฉาว โดยมีการระบุข้อความที่ส่งสัญญาณไม่ค่อยดี ในขณะที่บางกระแสก็ออกมาแฉกลับว่า เป็นเฟซบุ๊กปลอม




กระนั้น ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร คนที่รู้ดีที่สุดก็คือบุคคลในคลิป แต่เรื่องนี้นับเป็นอุทาหรณ์ที่ต้องกลัว และรู้เท่าทัน โดยเฉพาะผลร้ายของเฟซบุ๊ก Live ที่หลายคนนิยมนำมาใช้ในทางไม่ถูกไม่ควร เพราะนอกจากชีวิตจะถูกแฉจนพังยับภายในไม่กี่นาทีแล้ว คนที่อับอายก็คือพ่อแม่

ชวนให้นึกถึงเพลง "ฮอร์โมน" ของ "กรู๊ฟไรเดอร์ส" ที่ร้องเตือนสติไว้ท่อนหนึ่งว่า "...คิดเอาไว้ คิดถึงหน้าพ่อแม่ของเธอไว้ ถ้าพวกเขามาเห็น ซวยอย่างไม่ต้องสงสัย ข่มใจเอาไว้ คิดถึงหน้าพ่อแม่ของเธอไว้ หากอารมณ์เธอพุ่งพล่านขึ้นเมื่อใด จงจำเอาไว้..."


นอกจากนั้น ยังมีความเห็นหนึ่งในโลกโซเชียลฯ ที่แสดงความเห็นไว้น่าคิด และสอนใจวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งทีมข่าวผู้จัดการ Live ขออนุญาตหยิบยกมานำเสนอต่อ


"ตัดสินใจทำอะไร ควรคิดให้รอบคอบมากๆ ครับ คิดหรือว่าจะไม่มีคนอัดคลิปเอาไว้ ต่อให้ทีมงานรับปากจะลบออกก็ตาม น้องยังต้องใช้ชีวิตอีกยาวนาน ในอนาคตต้องเป็นแม่คน มีครอบครัวของตัวเอง ถ้าอนาคตมีลูก ลูกโตขึ้นมา แล้วเห็นแม่ตัวเองทำตัวแบบนี้ ลูกจะรู้สึกยังไง หรือในอนาคตที่น้องได้งานการที่ดี มีโอกาสได้ตำแหน่งในหน้าที่การงาน


ถ้ามีคลิปที่เคยทำหลุดออกมา ยิ่งเป็นงานราชการ ชีวิตการงานคงไม่ก้าวหน้าแน่ และจะมองเพื่อนร่วมงานได้ยังไง ที่สำคัญที่สุด ต้องนึกถึงพ่อกับแม่ให้มากๆ ท่านจะเสียใจและอับอายญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมากแค่ไหน ต่อให้ตอนนี้คิดได้ จะเอาเงินไปคืน ทุกอย่างก็ไม่กลับมาเหมือนเดิมแล้วครับ"




สำหรับกรณีที่เกิดขึ้น คงต้องดูกันต่อไป แม้ทนายชื่อดัง "สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์" จะออกมาบอกว่าไม่อนาจาร แต่เรื่องนี้ทางโรงเรียนสามารถเอาผิดได้ เพราะทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เนื่องจากใส่เครื่องแบบชุดนักเรียนโดยมีเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกับทางเว็บพนันบอลที่หลายฝ่ายจี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจจับ เพราะการโชว์ไลฟ์สดโดยดึงหญิงสาวมาช่วยโปรโมตเว็บดังกล่าว อาจมีผลที่น่ากลัวตามมา

เห็นได้จากความเป็นห่วงที่นักวิชาการด้านสื่อ "ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์" คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เคยให้ทัศนะในประเด็นเดียวกันนี้เอาไว้ โดยมองว่า การนำหญิงสาวมาใช้เป็นจุดขายเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชาย ซึ่งความน่าเป็นห่วงไม่ได้อยู่ที่กลุ่มเป้าหมาย แต่คือกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เข้ามากดไลค์ กดแชร์ และอาจเป็นผลพวงจากการเสพสื่อไปจนถึงขั้นกลายเป็นนักเล่นพนันออนไลน์ได้


เพราะฉะนั้นปัญหาสำคัญคือจะทำอย่างไรให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกัน หรืออย่างน้อยๆ สิ่งที่เราๆ ท่านๆ ทำได้ หากเห็นสื่อในลักษณะนี้ ไม่ควรกดไลค์หรือกดแชร์ ในขณะเดียวกันพ่อแม่ ผู้ปกครอง รวมไปถึงครู อาจารย์ควรให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชนด้วยอีกทาง


ทำไมต้องสยิวใน "ชุดนร."?




ปิดท้ายกับอีกหนึ่งประเด็นที่ชวนตั้งคำถามจากเรื่องนี้ ทำไมเครื่องแบบชุดนักเรียน นักศึกษาแรงจึงถูกนำมาใช้เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ชายผ่านการ Live หรือการทำคลิปสยิวในเชิงพาณิชย์จนสายหื่นทั่วทุกสารทิศให้ความสนใจเข้าไปดู หรือบางคนถึงขั้นยอมควักตังค์ให้แก่สิ่งเหล่านี้

"คำตอบ" อาจขึ้นอยู่กับมุมมอง และรสนิยมส่วนตัว แต่ในมุมเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้ายี่ห้อดัง "วรวุฒิ โชติกุล" เคยให้ทัศนะไว้อย่างน่าคิดผ่านบทความ "เครื่องแบบ อำนาจแห่งอาภรณ์" ในนิตยสาร WAY เมื่อปี 2014 โดยสะท้อนค่านิยมที่ใครหลายคนอาจคิดไม่ถึง


"คนที่ใส่เครื่องแบบก็ยังอยู่ในวัยเด็กสาวสะพรั่ง เมื่อมาต่อโยงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องทางเพศก็เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มในเชิงสินค้า เพราะได้หลับนอนกับคนที่มีอายุน้อยและมีความสดใส ถ้าเป็นประเทศอื่นที่ไม่จำกัดอายุในการศึกษา และไม่ต้องมีเครื่องแบบในสถานการศึกษา ปัญหาเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น มูลค่าสินค้าทางเพศตรงนี้จะหายไป เพราะมันจะไม่มีความชัดเจน ความเป็นนักเรียนนักศึกษาที่เป็นสินค้าทางเพศ กระตุ้นเร้าให้คนมาซื้อบริการก็ไม่ถูกสร้างมาเป็นจุดขาย ไม่สามารถสร้างมูลค่าได้ ทัศนคติอย่างนี้จะเกิดในประเทศที่มีรูปแบบเหมือนเมืองไทยในระบบการศึกษา"


ทว่าความจริงอีกด้าน แม้ "เครื่องแบบ" จะช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าในความหมายที่ไม่ค่อยดีนัก แต่เครื่องแบบก็แสดงถึงความเป็นระเบียบ สร้างวินัยในการอยู่ร่วมกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด เครื่องแบบก็ไม่สามารถตัดสิน "ความเป็นคน" ทั้งหมดของบุคคลนั้นๆ ได้เช่นกัน


ขอบคุณภาพ Social Hunter

 
กำลังโหลดความคิดเห็น