ทิ้งระยะการปล่อยซิงเกิ้ลไปนานนับปี วันนี้ “บอย - ตรัย ภูมิรัตน” ขอกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่อเพลงรัก กับบทเพลงใหม่ แถมยังเผยมาประสบการณ์กว่า 20 ปี ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง ในฐานะนักร้อง/นักแต่งเพลง จนถึงวันนี้ เขาได้ฝากผลงานไป 330 บทเพลงแล้ว!
ขอเปรียบความรักกับ “ดวงอาทิตย์”
“เธอนั้นเป็นเหมือนดวงอาทิตย์
ลบความมืดมดให้สว่าง เธอคือความรัก
เธอคือยามเช้าของชีวิต
อบอุ่นเหลือเกินเมื่อเคียงข้าง
ถ้าฉันมีเธอในชีวิต มันจะดีแค่ไหน
หัวใจของฉันมีความรัก ใช่หรือไม่
ชีวิตที่มีเธอ ตื่นได้เจอทุกวันคงสดใส...”
ท่อนฮุคสุดน่ารัก ที่ติดหูทันทีเมื่อได้ฟังตั้งแต่ครั้งแรกของเพลง “ดวงอาทิตย์” ผลงานล่าสุดผ่านเสียงร้องอันอบอุ่นของ “บอย - ตรัย ภูมิรัตน” หรืออีกชื่อที่แฟนเพลงเรียกกันติดปากคือ “บอยตรัย” เจ้าพ่อเพลงรักและรักแต่งเพลงชื่อดัง
หลังจากที่เว้นช่วงการเพลงไปอยู่นานนับปี ล่าสุดเขาได้ปล่อยซิงเกิ้ลน่ารักๆ ลำดับที่ 3 จากอัลบั้ม ขุนเขาแห่งหมี มาให้แฟนคลับได้ร้องตามกันแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ “ฮานาบิ” และ “เรื่องน่าเบื่อที่สวยงาม” ซิงเกิ้ลลำดับที่ 1 และ 2 ก็ถูกปล่อยออกมาให้ฟังเป็นน้ำจิ้มของอัลบั้มนี้มาสักพักใหญ่แล้ว
เนื้อหาในเพลงดวงอาทิตย์ บอกเล่าถึงความรักที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์คอยส่องแสงในช่วงเวลามืดมน และให้ความอบอุ่นเหมือนแสงแดดในยามเช้าที่ทำให้รู้สึกสดใส ซึ่งเพลงนี้ยังได้ “ก้อ - ณฐพล ศรีจอมขวัญ” เพื่อนรักและมือเบสแห่งวง Groove Riders มาช่วยในส่วนของพาร์ทดนตรี เมื่อนำมารวมกันจึงเกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว
“ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มนี้ ออกไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อนแล้วครับ มันไม่มีความถี่การปล่อยที่แน่นอน ซิงเกิ้ลที่ 2 ก็ออกเมื่อต้นปีที่แล้ว ส่วนดวงอาทิตย์เป็นซิงเกิ้ลที่ 3 ก็อาจจะมีอีกซิงเกิ้ลนึงแล้วกะว่าจะปล่อยอัลบั้มเต็มเลยครับ โดยเพลงดวงอาทิตย์เนี่ย เราชวนคุณก้อ กลับมาร่วมกันทำโปรดักชันของ theBOYKOR คุณก้อก็มาช่วยแต่งทำนองเพลงนี้ แล้วก็ช่วยเรียบเรียง ทำซาวนด์ย้อนยุคแบบนี้ครับ
ส่วนฟีดแบ็กก็ดีมากเลยครับ ถ้าตามสไตล์ของบอยตรัยเนี่ย ปกติก็จะไปเรื่อยๆ แต่ว่าเพลงนี้ยอดวิวขึ้นเร็วมากครับ คงเพราะว่าได้อานิสงส์จาก “น้องจูนจูน - พัชชา พูนพิริยะ” มาเล่นมิวสิกวิดีโอให้มั้งครับ(หัวเราะ) ดูฟีดแบ็กคนก็ชอบกัน
สำหรับอัลบั้มนี้เป็นบอยตรัยคนเดียวครับ เป็นอัลบั้มชุดที่ 3 แล้ว ชุดที่ 2 เนี่ย วางไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผ่านมา 10 ปีก็อยากจะออกซักอัลบั้มนึงให้คนหายคิดถึง ว่าในช่วงเวลานี้มันจะแตกต่างจะเมื่อ 10 ปีก่อนยังไง ซึ่งอัลบั้มนี้ทั้งร้องและแต่งเพลงเอง เป็นโปรดิวเซอร์ด้วย”
สมาชิกวง Friday
ใครที่คิดถึงวง Friday นั้น หนุ่มบอยก็ได้อัปเดตความคืบหน้ามาว่า อยากกลับไปทำอยู่เหมือนกัน แต่เนื่องจากตอนนี้ตอนนี้สมาชิกในวงเพิ่งจะมีทายาทตัวน้อยกัน ช่วงนี้จึงอาจจะต้องพักไปก่อนสักระยะ แต่ในอนาคตจะมีการกลับมารวมตัวกันอีกอย่างแน่นอน
“Friday พักร้อนอยู่(หัวเราะ) สมาชิก 2 คนเพิ่งมีน้อง ได้ขวบเดียวเอง ตอนนี้เลยปล่อยให้ผมทำไรก็ได้อยู่(หัวเราะร่วน) ในอนาคตจะมีการมารวมกันอีกแน่นอน เดี๋ยวเสร็จจากบอยตรัย ก็อยากกลับไปทำ Friday อีกนะ ส่วนคอนเสิร์ตก็ยังมีเรื่อยๆ แต่ถ้าคอนเสิร์ตใหญ่เดี่ยว อยู่ในแผนก็ 2 ปี คือปีนี้จะออกอัลบั้มเต็มชุดใหม่ ก็อยู่ในแผนว่าจะต้องมีคอนเสิร์ตใหญ่ด้วย แต่ว่าไม่แน่ใจว่าปีนี้จะทำทันปีนี้หรือว่าปีหน้าครับ”
20 ปี กับบทบาท “นักร้อง/นักแต่งเพลง”
แม้จะห่างหายจากการปล่อยซิงเกิ้ลรวมถึงการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตไปอยู่พักใหญ่ แต่บทเพลงของนักร้องหนุ่มผู้นี้ ก็ไม่เคยเลือนหายไปจากเพลย์ลิสต์ของแฟนเพลงแม้แต่น้อย ทั้งผลงานเพลงที่ทำร่วมกับวง Friday และเพลงในอัลบั้มเดี่ยวของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น นิดนึงพอ,พื้นที่เล็กๆ,เผื่อว่าวันพรุ่งนี้,ส่งแค่นี้,ชั่วโมงต้องมนตร์ ฯลฯ เมื่อให้เขานับย้อนไปตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน นักร้องหุ่นหมีตอบกลับมาด้วยเสียงนุ่มๆว่า “ทำเพลงมากว่า 20 ปีแล้ว”
“ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่เข้ามาเส้นทางนี้หรอ...(สูดหายใจและคิดอยู่นาน)นานละฮะ ประมาณ 20 ปีได้ เข้ามาครั้งแรกเป็นวง Friday นะครับ ที่ค่าย Music Bugs ปี 40 เป็นอัลบั้มแรก แล้วก็หลังจากนั้นก็ไปเป็นนักแต่งเพลงที่ Bekery Music ครับ แล้วก็พอ Bekery Music ปิดตัว ก็มาทำ 2 day ago kids ต่อมาก็ทำอัลบั้มเองคือ Friday ชุด Magic Moment กลับไปอยู่ LOVEiS แล้วก็มาอยู่ SPICY DISc ครับ
ตอนแรกเริ่มที่วง Friday ครับ ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แต่งเพลงจริงจัง ไม่สิ ไม่เคยแต่เพลงเลยดีกว่า ตอนนั้นทำเดโมแล้ว “พี่เอก - ธเนศ วรากุลนุเคราะห์” เจ้าของค่ายเขาสนใจ ถามเราว่าอยากทำอัลบั้มมั้ย ก็เลยเริ่มทำ แต่ว่าเขาก็จะหาคนมาแต่งเพลงให้
เราก็รู้สึกแบบ..ร้องเพลงที่คนอื่นแต่งแล้วไม่อิน ก็เลยขอพี่เอกว่า ขอค่อยๆ แต่งเพลงไปเรื่อยๆ ก็เลยกลายเป็นแต่งเพลง Friday ทั้งชุด เลยรู้สึกว่าชอบแต่งเพลง หลังจากนั้นก็เลย พอเพื่อนมีใครออกอัลบั้มก็ แบ่งมาให้แต่งเพลง ก็ทำมาเรื่อยๆ จนกลายเป็นอาชีพนักแต่งเพลงครับ บางเพลงก็แต่งเนื้ออยากเดียว บางเพลงก็แต่งทำนอง บางเพลงก็แต่งทั้งเนื้อทั้งทำนอง ทั้งหมดก็ประมาณ 330 เพลง ประมาณนี้ครับ”
เมื่อถามถึงความเป็นบอยตรัย ในบทเพลงที่นักร้องนักแต่งเพลงผู้นี้ใส่เข้าไปในแต่ละบทเพลงที่ตนเองเขียนขึ้น เขาให้คำตอบกลับมาว่า “แอบรัก” คือสไตล์ของบอยตรัยที่มักจะเลือกหยิบมาใส่ในเพลงที่แต่งขึ้นเสมอ
“ถ้าให้ประเมินตัวเอง ก็น่าจะเป็นเพลงที่เหมือนกับพูดกับตัวเอง เพลงที่แบบ...ถ้าเป็นเพลงรักก็อาจจะแอบรัก หรือไม่กล้าบอกกับเค้าตรงๆ มาพูดกับตัวเองคนเดียว เรารู้สึกอย่างนี้แหละ เพลงสไตล์บอยตรัยนะ ส่วนแรงบันดาลใจใน 330 กว่าเพลง มาจากเรื่องที่เราประทับใจในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องของตัวเองด้วย บางทีมันก็เป็นเรื่องของคนอื่นที่เราประทับใจ ที่มันแบบ...คาใจเรา เราอยากรู้เรื่องนี้ หรือแบบบางครั้งก็เป็นเรื่องของเราแต่อาจจะปรับมุมในการเล่า เพื่อให้มันกลายเป็นเพลงครับ แต่ว่าส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องทีเกิดขึ้น แล้วเราก็รู้สึกว่ามันไม่ลืม ตื่นมาก็ยังคิดเรื่องนี้อยู่ ก็อยากจะทำให้มันเป็นเพลงครับ
“ถ้าจะให้ผมเลือกว่าชอบอะไรมากกว่า ระหว่างเป็นนักร้องกับนักแต่งเพลง ผมชอบเป็นนักร้องนักแต่งเพลงครับ ชอบทั้ง 2 อย่าง คือเราไม่ได้เป็นนักร้องที่ร้องเก่ง ไม่ได้ร้องเพลงเก่งขนาดนั้น แต่เราอยากร้องเพลงที่เราแต่ง ถ้าให้เลือกคืออยากเป็นนักร้องนักแต่งเพลง คือแบบสามารถได้ร้องเพลงที่เราเขียนได้ด้วยครับ”
ชีวิตนอกห้องอัด “กุนบ้อ” ของ “น้องชื่นใจ”
จากมิวสิกวิดีโอเพลงดวงอาทิตย์ ที่ได้เห็น จูนจูน นักแสดงวัยรุ่นชื่อดัง มาร่วมแสดงเป็นนางเอก MV ตอนโตแล้ว ยังปรากฏสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มอีกคนที่มาร่วมแสดงเป็นนางเอกในวัยเด็กด้วย ซึ่งเธอคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น “น้องชื่นใจ - ด.ญ.ชื่นใจ ภูมิรัตน” ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนวัย 3 ขวบ 11 เดือนของหนุ่มบอย มาเสริมทัพความน่ารักให้กับ MV เพลงนี้มากขึ้นไปอีก
ลูกสาวตัวน้อยร่วมแสดง MV “ดวงอาทิตย์”
ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงขอเจาะลึกไปถึงชีวิตส่วนตัวนอกห้องอัดของนักร้องนักแต่งเพลงผู้นี้ ทำให้ทราบว่า นอกจากฝีมือการแต่งเพลงระดับแถวหน้าของประเทศแล้ว เขายังทำหน้าที่เป็น “กุนบ้อ”(คำที่น้องชื่นใจใช้เรียกพ่อบอยในตอนที่ยังพูดคำว่า “คุณพ่อ” ไม่ชัด) ที่น่ารักของน้องชื่นใจ ได้อย่างดีเยี่ยมไม่แพ้กัน
“เวลาว่างหลังจากทำงานส่วนใหญ่ก็จะเลี้ยงลูกครับ(หัวเราะ) จริงๆ คือเที่ยวกับลูกมากกว่า จะหาเวลาทำกิจกรรมกับลูกครับ อย่างไปเที่ยว ไปพิพิธภัณฑ์ ไปห้องสมุด หากิจกรรมที่สามารถทำร่วมกันทั้งครอบครัวได้” ซึ่งแต่ละทริปของครอบครัวภูมิรัตน ได้พาน้องชื่นใจไปเยือนมาแล้วหลายประเทศ ทั้งในเมืองไทย เอเชีย และยุโรป
“สำหรับทริปที่ประทับใจ...(คิดอยู่สักพัก) แต่ละทริปมันก็จะแตกต่างกันนะฮะ ก็จะเปรียบเทียบกันยาก แต่ว่าถ้าชอบสุดก็น่าจะเป็นเกาะนาโอชิมา เป็นเกาะศิลปะที่ประเทศญี่ปุ่นครับ ตอนที่ไปเป็นช่วงที่ชื่นใจประมาณ 2 ขวบ เกือบ 3 ขวบ ก็ระหกระเหินเหมือนกันกว่าจะไปถึง เพราะมันก็ต้องนั่งเครื่องบินไป แล้วก็ไปต่อเรือ ต่อรถ กว่าจะไปถึงแถวนั้น ซึ่งลูกให้ความร่วมมือดี
ที่เราเลือกเกาะนาโอชิมาเพราะว่าพ่อจบสถาปัตย์ ก็อยากจะไปดูงานของสถาปนิกที่ชื่อ ทาดาโอะ อันโดะ ซึ่งเขาไปสร้างพิพิธภัณฑ์ที่เกาะห่างไกลความเจริญมากๆ ไปสร้างงานของเขาไว้ในหลายๆ แห่ง แต่ว่าพอรู้ว่ามันเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะก็เลยคิดว่าชื่นใจก็น่าจะไปดูได้”
เมื่อถามถึงความโดดเด่นที่แสดงออกมาของลูกสาวตัวน้อย ว่ามีแววจะเดินตามเส้นทางสาวดนตรีเหมือนพ่อบ้างไหม นักร้องเสียงนุ่มตอบพร้อมรอยยิ้มว่า ไม่ได้บังคับว่าลูกจะต้องเป็นเหมือนตนเอง แต่ขอให้ดูแลตัวเองได้ ดูแลตัวเองเป็น แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว...
“ตอนนี้ที่เด่นคือเขามีความเป็นตัวของตัวเองมาก มากๆ(ย้ำเสียงหนักแน่น) แล้วเขาก็จะชอบเล่นสมมติ บางทีก็ชอบเซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ แต่ที่โดดเด่นมากคือเรื่องภาษา ชื่นใจจะชอบใช้คำศัพท์ที่แปลกๆ และสามารถจับคำศัพท์ที่ไม่ค่อยใช้ในเวลาปกติ คือเขาชอบพูดอะไรที่ทำให้เราเซอร์ไพรส์ ยกตัวอย่าง “พ่อนี่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวเลยนะ”(ดัดเสียงแบบเด็กผู้หญิง) ภาษาแบบนี้(หัวเราะ) ภาษาแปลกๆ เหมือนผู้ใหญ่พูดกัน
เหมือนเขารู้ว่าทำอย่างนี้แล้วคนหัวเราะ เขาชอบเล่นมุกครับ มันก็ไม่ใช่ศาสตร์ที่ประหลาดอะไร แต่ก็รู้สึกว่าเขาเคยพูดว่า “ชอบทำให้คนหัวเราะ” ผมก็เลยคิดว่า เด็ก 3 ขวบ ทำไมถึงพูดแบบนี้(หัวเราะ) ส่วนเรื่องนิสัยส่วนตัว เหมือนทั้งพ่อทั้งแม่ปนๆ กัน จะมีความอ้อนเหมือนพ่อ แต่ว่าก็จะห้าวเหมือนแม่ แม่จะมีความเฉียบขาดบางอย่าง(หัวเราะร่วน)”
แม่ตุ๊กตา , น้องชื่นใจ และกุนบ้อบอย
ส่วนอนาคตของชื่นใจ ผมไม่ได้วางเป้าหมายว่าอนาคตอยากจะให้เป็นอะไรนะ แต่ว่าเราวางเป้าหมายในปัจจุบันว่าจะปูพื้นฐานให้เขาดูแลตัวเองได้ พูดตรงๆ คือ พ่อแม่ไม่ได้มีหลักประกันหรือว่าหลักทรัพย์อะไรที่จะทำให้เขาปลอดภัยไปถึงอนาคต เพราะว่าเราอาจจะมีลูกคนเดียวด้วย อาจจะนะไม่รู้เหมือนกัน ก็เลยคิดว่าเขาต้องดูแลตัวเองให้ได้ วันนึงต้องรู้ว่าเขาชอบอะไร รู้ความรู้สึกตัวเองว่าตัวเองอยากได้อะไร แล้วทำยังไงให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นได้ คือดูแลตัวเองให้เป็นครับ”
แม้ในตอนนี้กุนบ้อบอยจะไม่ได้ขีดเส้นให้ลูกสาวตัวน้อยเดินตามในวงการเพลงและบันเทิงแบบตน แต่ผลงานการได้การลองชิมลางเรื่องการแสดงใน MV ของพ่อไปบ้างแล้วนั้น เชื่อได้เลยว่า ในอนาคต ต้องได้เห็นศิลปินลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นอีกคนอย่างแน่นอน...
“เพลงรักหัวใจใหญ่” จับนักร้องบิ๊กไซส์มาเจอกัน!
นอกจากเพลง “ดวงอาทิตย์” ที่ปล่อยออกมาให้คอเพลงรักตามสไตล์บอยตรัยได้หายคิดถึงกันแล้ว แฟนๆ หลายคนที่รอคอยคอนเสิร์ตคงได้ร้องเฮสุดเสียง เพราะตัวเขากำลังจะมีคอนเสิร์ตสุดพิเศษร่วมกับเจ้าพ่อเพลงรักไซส์สูสีกัน “ป๊อบ - ปองกูล สืบซึ้ง” ซึ่งหนุ่มบอยกล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่จะได้ร่วมประชันบทเพลงกับป๊อบบนเวทีคอนเสิร์ต ที่บอกได้เลยว่า ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เป็นคอนเสิร์ตแรกล่ะมั้งครับที่ประชันกับป๊อบ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยร้องเวทีเดียวกันเลย ไม่เคยแจมกันเลยบนเวที แต่ว่าก็เคยแต่งเพลงให้ป๊อบครับ ในอัลบั้มตั้งแต่สมัย Calories blah blah แล้ว ก็เพิ่งแต่งให้ป๊อบแบบเดี่ยวๆ ซึ่งกำลังจะออกเร็วๆ นี้ครับ ผมหวังว่าจะได้ยินป๊อบร้องเพลงของบอยตรัยนะ อยากจะชวนเขามาร้องซักเพลงหนึ่ง หรือว่าป๊อบอยากจะเอาเพลงตัวเองให้บอยตรัยร้องด้วยมั้ย มาแลกกันมั้ย อาจจะเป็นไปได้ หรือว่ามีซักเพลงมั้ยที่ร้องด้วยกันเลย
2 เจ้าพ่อเพลงรัก กับคอนเสิร์ต “GSB 2 TONE CONCERT”
ถ้าให้จินตนาการสิ่งที่จะเกิดขึ้นบนเวทีก็คือ น่าจะไม่ไหวเรื่องของฝีปาก(หัวเราะร่วน) ก็คงจะยอมให้ป๊อบจิกกัดอะไรไปตามสไตล์เค้าแหละฮะ แต่เราเป็นสายมอบตัวอยู่แล้ว นุ่มๆ เย็นๆ ไป ก็ให้เขาแกล้ง ชอบให้แกล้งฮะ(ยิ้ม) แต่ว่ามันน่าจะมีความเข้ากันได้บางอย่าง คืออาจจะแนวเพลงหรืออะไร ที่เป็นเพลงรักแบบน้อยเนื้อต่ำใจอะไรแบบนี้ เราก็เป็นเพลงแนวๆ เดียวกัน”
สำหรับคอนเสิร์ตในครั้งนี้มีชื่อว่า “GSB 2 TONE CONCERT” ได้นำศิลปินต่างสไตล์มาเจอกันบนเวทีถึง 7 คอนเสิร์ตสุดพรีเมียม และมีจำนวนผู้ชมประมาณ 450 ที่นั่งเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้การดูแลของ พีธ-พีราวัชร์ อัศววชิรวิท หรือ พีธ-พีระ ศิลปินและ Music Creator โดยตอนแรกเริ่มที่ พีธ-พีระ และ บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ตอนที่สองจะเป็น เบน - ชลาทิศ กับ วงB5 ส่วนตอนที่สามก็คือตอนของ บอย - ตรัย และ ป๊อบ - ปองกูล ในชื่อ “Big Love เพลงรักหัวใจใหญ่”
“ผมกับป๊อบมีสิ่งที่เหมือนกัน ก็คงจะเป็นความโรแมนติกของบทเพลง จะเป็นเพลงรักซะส่วนใหญ่ ผมก็จะเลือกเพลงที่ผมแต่งให้ตัวเองและแต่งให้ Friday รวมทั้งเพลงพิเศษที่แต่งให้ศิลปินคนอื่น อาจจะขออนุญาตนำกลับมาขับร้องเองด้วยครับ ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้นอกจากผมกับป๊อบมาเจอกันครั้งแรกแล้ว จะมีความพิเศษอีกอย่างก็คงจะเป็นจำนวนผู้ชม 450 ที่นั่ง มันก็จะเป็นขนาดที่เห็นหน้าเห็นตากัน แล้วเป็นฮอลล์ใหม่ด้วย ก็อยากจะไปเห็นเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่ว่าสิ่งที่น่าจับตารอก็คือ จะเป็นคอนเสิร์ตแรกที่ไว้ออกแบบเวทีมาให้รองรับน้ำหนักของผมกับป๊อบ ให้ขึ้นมายืนด้วยกันได้ครับ(หัวเราะ)
สุดท้ายผมขอฝากคอนเสิร์ตครั้งนี้ไว้ด้วย เป็นคอนเสิร์ตที่เราไม่เคยมีโอกาสอย่างนี้นะ แล้วก็คิดว่าน่าจะเป็นความพิเศษจริงๆ ลองจินตนาการถึงภาพคน 2 คน ร่างใหญ่ ยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีเดียวกัน คอนเสิร์ตนี้คือ Big Love เพลงรักหัวใจใหญ่ ก็จะเตรียมขนเพลงรักที่เราชอบและคิดว่าทุกคนชอบ ซึ่งของป๊อบก็รู้อยู่แล้วว่ามีแต่เพลงเพราะๆ ทั้งนั้น ทางผมก็จะเตรียมเพลงที่พิเศษๆ นอกจากของตัวเองแล้ว อาจจะเตรียมเพลงที่แต่งให้คนอื่นไปร้องด้วย ส่วนฝีปากก็น่าจะยอมดีกว่า ผมอะไรก็ได้ ใช้ความอ่อนแอเป็นอาวุธ(หัวเราะ)”
“GSB 2 TONE CONCERT” ตอน Big Love เพลงรักหัวใจใหญ่ จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 2 กรกฎาคมนี้ ณ STUDIO MONO29 (สตูดิโอ โมโนทเวนตี้ไนน์) ถนนชัยพฤกษ์ การประชันกันบนเวทีของเจ้าพ่อเพลงรักทั้ง 2 ในครั้งนี้ นอกจากจะได้ฟินกับบทเพลงรักเพราะๆ แล้ว รายได้ส่วนหนึ่งจากคอนเสิร์ตจะถูกนำไปมอบเพื่อการกุศล เรียกได้ว่าจะได้อิ่มทั้งเพลงรัก อิ่มทั้งบุญพร้อมกันในงานเดียว
บทเพลงที่ “หมีบอย” ชอบที่สุด “ถ้าให้ผมเลือกเพลงที่ชอบที่สุดของตัวเอง ก็คงจะเป็น พื้นที่เล็กๆ กับ ฮานาบิครับ ชอบมาก ผมชอบเพลงที่มันสามารถบอกความจริงอะไรได้ อย่างเพลงฮานาบิหรือเทศกาลชมดอกไม้ไฟของชาวญี่ปุ่น จะเป็นการพูดถึงชีวิตหลังเวทีของศิลปินแต่ละคน ก่อนจะขึ้นไปร้องเพลง ผมอยากจะเล่าให้เห็นภาพว่าเรื่องมันเป็นยังไง แล้วเอาไปผนวกกับดอกไม้ไฟ ก็คือศิลปินทุกคนมีเพลงที่อยากขึ้นไปร้อง ไปอวดคนฟัง เหมือนกับการจุดดอกไม้ไฟ จุดขึ้นไปร่วมกันแสดงเทศกาลดอกไม้ไฟ ให้มันสว่างสวยอยู่บนท้องฟ้าในครั้งเดียวที่ทำได้ ซึ่งจะเป็นช่วงที่สวยที่สุดของการชมดอกไม้ไฟ ส่วนเพลงพื้นที่เล็กๆ มันเหมือนได้พูดความจริงอะไรบางอย่าง คือผมจะชอบเรื่องที่เป็นโลกของความเป็นเด็ก เป็นโลกที่มันไม่ตึงและไม่หย่อนจนเกินไป ผมจะชอบยกตัวอย่างเปรียบกับการเหยาะซอสแม็กกี้บนไข่ดาว คือเรากินไข่ดาว ถ้ามันมีแม็กกี้นิดนึง ไข่ดาวมันก็อร่อยขึ้น เหมือนกับชีวิตที่ถ้ามันตึงเกินไป มันก็ไม่สมดุล มันก็ควรจะมีพื้นที่เล็กๆ พื้นที่ที่ทำให้เราได้รีแล็กซ์บ้าง มันอาจจะเป็นงานอดิเรกหรือเป็นสิ่งที่ทำให้เราชุ่มฉ่ำใจ สำหรับในเพลงนี้ก็คือการอ่านการ์ตูนหรือการได้ทำอะไรเป็นเด็กบ้าง อะไรแบบนี้ครับ(ยิ้ม)
|