“แหม่มโพธิ์ดำ” เพจสายดาร์กปิ๋วซะแล้ว ถูกรีพอร์ทจนเฟซบุ๊กสั่งปิดเพจให้หยุดโพสต์ข้อความ ที่อ้างว่าถูกกลุ่มค้าสัตว์ป่ารายงาน ร้อนถึงแอดมินเพจที่โกรธจนตัวสั่น ลั่นแม้ท้อจนอยากปิดเพจถาวร แต่ฮึดสู้เดินหน้าเปิดเพจใหม่ช่วยเหลือสังคมต่อไป จะถูกสั่งปิดอีกกี่ครั้งก็จะเปิดเพจใหม่สู้ พร้อมยืนหยัดทวงความยุติธรรมให้แก่สังคม แม้จะมีหลายกลุ่มอำนาจมืดดำทมิฬคอยจ้องเล่นงานไม่ให้มีพื้นที่ได้ยืนหยัด
เชื่อว่าหลายคนคงอยากจะรู้ว่า ควีน แอดมินเพจ แหม่มโพธิ์ดำ คือใคร? ทำไมกล้าแกว่งเท้าหาเซี่ยน ต่อสู้ช่วยเหลือสังคม เรียกร้องความยุติธรรมให้ผู้ที่เดือดร้อนได้คลายความทุกข์ใจมาหลายต่อหลายเคส จนเป็นเพจที่ถูกอ้างอิงและถูกพูดถึงในการจุดประเด็นต่างๆ มากมาย แต่ทำไมเพจดีๆ ที่ชอบเหลือสังคมเช่นนี้กลับถูกรายงานให้ระงับการเผยแพร่ จนควีน แอดมินเพจถึงขั้นโพสต์ท้อใจไม่อยากที่จะทำงานช่วยเหลือสังคมอีกต่อไปแล้ว วันนี้ manager Live ต่อสายตรงข้ามทวีปหาควีน แอดมินเพจ เพื่อพูดคุยถึงประเด็นดังกล่าว พร้อมเปิดหมดใครคือ “ควีน”
++ ปิดแหม่มโพธิ์ดำ ผุดเพจใหม่ “แหม่ม โพธิ์สามต้น”
ควีน ขอชี้แจงก่อนเลย ควีนไม่ได้จะปิดเพจ แต่เพจ แหม่มโพธิ์ดำโดนปิดไปเอง จากการโดนรีพอร์ต ซึ่งจากที่ดูจากภาพและหลายๆ โพสต์ที่ถูกรีพอร์ตนั้นน่าจะมาจากการที่เราเน้นที่จะสู้กับ “ขบวนการค้าสัตว์ป่าเถื่อน” ที่กลุ่มนี้มีผู้ติดตามอยู่เป็นแสนคนซึ่งเป็นการรีพอร์ตกันไปมา อยู่หลายครั้งแล้ว บางครั้งเพจเราถูกปิดบ้าง หรือบางครั้งเพจเขาเป็นฝ่ายถูกปิดบ้างซึ่งที่ผ่านมาก็จะถูกปิดเพจประมาณไม่กี่วันก็สามารถกลับมาเปิดเพจได้เหมือนเดิม แต่ครั้งล่าสุด กลับกลายเป็นเพจ แหม่มโพธิ์ดำ เองที่ถูกปิดแบบถาวร
“บอกตามตรงเราเองก็เสียใจ เพราะอย่างน้อยเราก็ได้จุดกระแสสังคมให้หันกลับมามองเรื่องของสัตว์ป่าว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ควรที่จะนำมาเลี้ยง และถึงแม้เพจแหม่มโพธิ์ดำจะถูกปิดไปแต่อย่างน้อยก็ทำให้คนได้มองเห็นความสำคัญในเรื่องนี้กัน”
ยอมรับ “ท้อ” เพราะเพจแหม่มโพธิ์ดำ ไม่ใช่เพจดาร์กเหมือนชาวบ้านทั่วๆ ไปที่แข็งแรง กล้าแกร่ง แต่เพจเรามีความอ่อนแอ มีความเป็นมนุษย์เยอะกว่า วันแรกที่เพจถูกปิด ควีนเกิดความท้อไม่อยากที่จะทำเพจต่อไปแล้ว แต่เราก็รู้ว่าเราไม่สามารถหยุดทำเพจได้ เพราะยังมีโครงการซ่อมสนามเด็กเล่นให้กับโรงเรียนทั่วประเทศอยู่ ดังนั้นก่อนที่จะวางมือในการช่วยเหลือสังคมต่อไป ยังมีโรงเรียนที่จะต้องช่วยเหลืออยู่ในมือประมาณ 8-9 โรงเรียน ตอนนี้จึงไม่สามารถปิดเพจและสะบัดบ๊อบใส่ลูกเพจได้ เพราะสัญญาเอาไว้แล้วว่าจะช่วย
รวมถึง ยังมีเคสของคุณยายที่ขายตุ๊กตาที่ควีนเองนั้นได้ตบปากให้คำสัญญากับคุณยายเอาไว้ว่าจะช่วยคุณยายปลดหนี้ รวมถึงซ่อมแซมร้านอาหารเพื่อให้คุณยายสามารถเปิดร้านอาหารได้ เพื่อที่คุณยายจะได้ไม่ต้องเดินทางวันหนึ่ง 5-6 ชั่วโมงเพื่อไปขายตุ๊กตาถึงในเมือง ดังนั้นจึงลุกขึ้นมาเปิดเพจใหม่อีกครั้งในชื่อ “แหม่ม โพธิ์สามต้น”
ตอนนี้ที่เขว เพราะว่าถูกปิดเพจครั้งแรก เพราะยังไม่เคยถูกปิดมาก่อน ตั้งใจว่าจะทำต่อ แต่หากคราวหน้าถูกรีพอร์ทอีก คิดชื่อไว้แล้วว่าจะใช้ชื่อ แหม่ม โพไซดอน! ลองใช้ชื่อใหญ่ๆ ดูจะได้ไม่ถูกปิดเพจอีก
ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานี้ ควีนบอกว่า จริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะถูกกลุ่มค้าสัตว์ป่า รีพอร์ทจนเพจต้องปิด เพราะไปดูโพสต์ก่อนๆ ที่ถูกรีพอร์ทเป็นเรื่องไร้สาระมาก เพราะในโพสต์เหล่านั้นไม่มีภาพใคร หรืออะไรที่บ่งบอกว่าเป็นการเจาะจงมุ่งร้ายถึงใครเลย ซึ่ง ณ ตอนนี้ จริงอยู่ที่เพจแหม่มโพธิ์ดำถูกปิดไป แต่อยู่ในช่วงค้านการปิดเพจอยู่ คงต้องรอสักพักอาจจะ 1-3 อาทิตย์ ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร หากเพจ แหม่มโพธิ์ดำ สามารถกลับมาเปิดได้อีกครั้ง ยืนยันจะใช้เพจ แหม่มโพธิ์ดำ เป็นเพจหลักในการให้ความช่วยเหลือสังคม และจะใช้เพจ แหม่ม โพธิ์สามต้น ไว้โพสต์เรื่องอันตราย
++ เป็นผู้มีอิทธิพลในวงการ?
ถ้าถามว่าเพจแหม่มโพธิ์ดำ เป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ เพราะทันทีที่โพสต์เรื่องราวอะไรลงบนหน้าเพจ มักจะถูกสื่อต่างๆ และสังคมเกาะติดกระแสนั้นตามไปด้วยจนกลายเป็นประเด็นร้อน
ควีน แอดมินเพจ เผยว่า ถ้าถามตัวเอง คือ ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่บางคนอาจจะมองแบบนั้นก็เป็นได้ แต่ด้วยความที่ควีนไม่ได้อยู่เมืองไทย เราไม่เคยได้ดูทีวี ไม่ได้อ่านข่าวที่เขาเขียนพาดพิง หรือพูดถึง แต่สิ่งที่ทำให้ ควีนสามารถยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ อาจเป็นเพราะเราอยู่ไกล จึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันว่าเราเป็น “ผู้มีอิทธิพล” แต่สิ่งที่เราทำเป็นเหมือนฝ่ายซัปพอร์ทให้สื่อมากกว่า ลักษณะแบบน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า เพราะเราก็เข้าใจสื่อว่าสื่อไม่สามารถไปติดต่อโดยตรงกับเหยื่อ หรือคนที่ได้รับความเดือนร้อนได้รวดเร็ว
ดังนั้น เมื่อมีคนมาขอความช่วยเหลือ ควีนจะให้เขาเขียนเรื่องร้องทุกข์ ส่งหลักฐานมาให้ครบ พร้อมเบอร์ติดต่อ หรือหากคดีที่ไม่ได้อยู่ในกระแส ควีนจะเตรียมหลักฐานทุกอย่างเอาไว้แล้วส่งให้สื่อต่างๆ ช่วยนำเสนอ จากการทำงานของเราแบบนี้ถือเป็นการช่วยให้ “สื่อ” ทำงานง่ายขึ้น
++ วิธีการช่วยเหลือในแต่ละเคส
อยากช่วยก็ช่วย แค่นั้นเอง ด้วยความที่เพจ แหม่มโพธิ์ดำ เป็นเพจเพื่อสังคมทุกอย่างที่ทำใช้ “ใจทำ” ฉะนั้นเคสไหนถ้าควีนไม่อิน เวลาไปทำก็ทำได้ไม่สุด ดังนั้นแต่ละเคสที่เลือกทำควีนใช้ “ใจเลือก” เอาว่าเราดูแล้วเคสนี้พอที่จะดันได้ พอที่จะไปได้ เราก็ทำ แค่นั้นเอง
แต่หากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐ ต้องมีใบแจ้งความ ถ้าเกิดการทำร้ายร่างกายต้องมีใบรับรองแพทย์ ต้องมีภาพ หรือคลิป มาประกอบด้วย ไม่ใช่แค่ข้อความ เพราะถ้าหากมีแค่ข้อความ ต่อให้เคสนั้นน่าสงสารแค่ไหนควีนก็ต้องพิจารณาให้ดี เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งที่คุณมาเล่าให้เราฟังนั้น มันคือเรื่องจริง หรือเรื่องโกหก ฉะนั้นจะต้องมีหลักฐานมีข้อมูลที่จะซัปพอร์ตว่าคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เราต้องรอบคอบเพราะทุกวันนี้ต้องเข้าใจว่าทุกคนมักจะเล่าว่าตัวเอง “ถูก” ไว้ก่อน
ดังนั้น เพจแหม่มโพธิ์ดำ คือ เพจช่วยเหลือสังคม เพราะก่อนที่จะมาทำเพจ ควีนเป็นจิตอาสา ไม่ใช่แนวบู๊ ดังนั้นเมื่อมาทำเพจเอง ควีนก็อยากที่จะช่วยคนและดูเกี่ยวกับคดีไปด้วย และพร้อมที่จะช่วยคนที่เขามีปัญหาในชีวิต จริงๆ
ที่ผ่านมาเพจแหม่มโพธิ์ดำ จะไม่ช่วยคนที่ป่วยเป็นหลัก แต่ควีนจะเน้นคนที่ได้รับผลกระทบจากคดีอาชญากรรมทั้งหลาย อย่างเช่น โดนทำร้ายมาบาดเจ็บสาหัส ที่เขาไม่สามารถจะหาเงินมารักษาตัวองได้ ดังเช่น 30 บาท (ไม่) คุ้มครอง แบบนี้เป็นต้น อย่างล่าสุด เคสคุณลุงที่โดนขโมยเครื่องปั๊มกุญแจ ควีนมองว่าแบบนี้เป็นความโชคร้ายของชีวิต ซึ่งเป็น “คดีอาชญากรรม” แบบหนึ่งที่ไม่ใช่คดีรุนแรงที่ถูกทำร้ายแบบรุนแรงก็ได้ และควีนก็ไม่ใช่ประเภทที่เห็นคนป่วยแล้วเราจะเข้าไปช่วย เพราะเราไม่ใช่...สังคมสงเคราะห์
++ เบื้องหลังการทำงาน บอกเลยจัดหนักจัดเต็ม
แอดมินเพจได้แชร์กระบวนการทำงานในแต่ละเคสให้ฟังว่า การทำเพจแบบนี้ไม่ได้สนุกเลย แต่ทุกเคสที่ผ่านมาเป็นการทำงานที่เหนื่อยมาก และมาพร้อม “ความรับผิดชอบ” เพราะทุกครั้งก่อนที่ควีนจะโพสต์ข้อความอะไรลงไปในเพจ ควีนต้องคิดแล้วว่าเรื่องราวที่ควีนเขียนไปนั้นจะไปทำร้ายใคร หรือว่าจะไปทำให้ใครเสียหายหรือไม่
เพราะบางครั้งควีนจำเป็นต้อง “ทำ” บางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้เกิดกระแสขึ้นมาเพื่อที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนจริงๆ อย่างเช่น เหยื่อของผู้ก่ออาชญากรรม แต่เราก็พยายามทำให้อยู่ในกรอบ ไม่ไป “พัง” ชีวิตใครต่อให้คนนั้นจะเป็นอาชญากรก็ตาม เราต้องมีลิมิท
หลายครั้งที่ “ท้อ” เพราะหน้าเพจเราโพสต์อยู่คนเดียว แต่ว่าเรามีทีมงานที่คอยช่วยเหลือในเรื่องการทำงานอยู่หลายคนทั้งคนที่ตอบอินบ็อกซ์ คนที่เป็นจิตอาสาลงพื้นที่ เรามีทีมค่อนข้างเยอะนับๆ แล้วเป็นร้อยชีวิตได้ แต่การที่ต้องมาเขียนหน้าเพจคนเดียวตลอด และต้องมารับมือกับคนเป็นล้านในการตอบโต้กันบนหน้าแฟนเพจ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเพจเราไม่เหมือนเพจทั่วๆ ไป เพราะควีนพยายามพูดคุยกับลูกเพจตลอด เพื่อให้ลูกเพจรู้สึกว่าสามารถเข้าถึงเราได้ ซึ่งการที่จะทำให้ลูกเพจรู้สึกถึงการเข้าถึงได้นั้น ต้องใช้พลังเยอะ
++ ไม่เคยงุบงิบเงินบริจาค ใครข้องใจตรวจสอบได้
ที่ผ่านมาเคสซ่อมสนามเด็กเล่นให้โรงเรียนทั่วประเทศถือเป็นเคสที่เหนื่อยที่สุดตั้งแต่ทำเพจมา เพราะมีโรงเรียนที่ได้รับความเดือนร้อนเยอะมาก และเราต้องบริหารเรื่องเงิน ซึ่งลักษณะการทำงานเพื่อหาเงินนั้นเราไม่ได้ระดมทุนแต่เราใช้วิธีขายของ ซึ่งเราก็ไม่ได้ขายบ่อย
ดังนั้นการที่เราจะใช้เงินของคนอื่นเราก็ต้องคิดให้ดีว่าแต่ละบาทนั้นสามารถไปถึงคนที่เดือดร้อนจริงๆ ซึ่งเราต้องมานั่งนึกเหมือนเป็นวิศวกรว่า อันไหนซ่อมได้ อันไหนซ่อมไม่ได้ อันนี้ต้องขัดสียังไง เป็นต้น ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เราเหนื่อยกาย แต่ก็ไม่เท่ากับการเหนื่อยใจ เพราะมีบางคนเข้าใจว่าเราขายของเป็นล่ำเป็นสัน ต้องมีเงินเข้ามามาก
ต้องบอกว่าเรามีเงินอยู่แล้วจากลูกเพจเวลามาซื้อโฆษณา ซึ่งเราก็จะแจ้งลูกเพจว่า เราขายพวงกุญแจ 300 อัน ให้โอนเงินเข้าบัญชีนี้ไปเลย ซึ่งเป็นบัญชีของผู้ที่เดือดร้อนโดยตรงเลย ที่ผ่านมาเราชัดเจนและพร้อมให้ตรวจสอบหากใครสงสัยในเรื่องเงินได้ เพราะเรารู้ดีว่าการทำเพจแบบนี้ เรื่องเงินนั้นทำพังมาไม่รู้กี่เพจต่อกี่เพจแล้ว ดังนั้นเราจึงยึดหลัก “ใช้เงินให้เยอะกว่าเงินที่เข้ามา” แค่นี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
++ กว่าจะเป็นเพจดาร์กที่ทุกคนรู้จัก
เริ่มทำมาจาก เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 เปิดมาวันแรกเมื่อวันที่ 28 ม.ค. จากนั้นย้ายมาทำเพจ แหม่มโพธิ์ดำ กลางเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา
แต่เพราะวิธีการทำเพจของเราไม่ค่อยเหมือนกับเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 ที่เป็นเพจดาร์ก สายโหด ใครเลวร้ายไม่ได้รับความเป็นธรรมในสังคม ก็เข้าช่วยเหลือในสไตล์ดุดัน แต่สำหรับควีนใช้เหตุผลค่อนข้างเยอะ และเวิ่นเว้อ อีกทั้งชอบพูด ชอบคุย แฝงไปด้วยความตลก ที่แตกต่างกับเพจสายดาร์กทั่วๆ ไป
ก่อนที่เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ V.4 จะปิดตัวลง ควีนมองว่ามันน่าเสียดาย เพราะการทำเพจแบบนี้สามารถช่วยสังคมได้มากมาย พอมีคนมาชวนทำเพจ แหม่มโพธิ์ดำ ก็ไปทำ โดยไม่มีเหตุผล เพราะตอนนั้นทำอะไรไม่เป็น รู้แค่ว่าอยากช่วยคน อยากทำให้คนที่ไม่มีสิทธิ์ มีเสียงในสังคมมีพื้นที่ในการชี้แจงความจริง และสามารถทำให้คดีต่างๆ เดินต่อไปได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ละเมิดสิทธิ์ของใครเกินไปนัก
++ นี่แหละตัวตน...ควีน
หลายคนคงอยากรู้ว่า ควีน แอดมินเพจชื่อดังคนนี้เป็นใคร มาจากไหนกันแน่ ทันทีที่แอบถาม ควีน รีบตอบเสียงสูงว่า อันนี้บอกไม่ได้ บอกได้แค่เพียงว่า
ควีน อายุ 25 ปี เป็นสาวสวยสะพรั่ง ไม่โสด แต่งงานมีสามีเป็นชาวอเมริกัน เชื้อสายจีน อาศัยอยู่ต่างประเทศที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นานๆ กลับมาเมืองไทยที มีชีวิตครอบครัวที่ดี การเงินไม่มีปัญหา และคนในครอบครัวให้การสนับสนุนทั้งด้านการเงิน และด้านเวลาในการทำเพจ ปัจจุบันมีธุรกิจของตัวองเป็นนักลงทุน เล่นหุ้น ซึ่งเธอบอกว่ามีคนทำให้อยู่แล้ว ไม่ต้องออกไปทำงานข้างนอก (อันนี้คือข้อมูลจริง)
ในส่วนของการศึกษา ควีนบอกว่าเธอเรียนจบด้านการตลาดมา จึงนำหลักการที่ได้ร่ำเรียนมาประยุกต์ใช้กับการจัดการบริหารเพจเกือบ 100 % ทั้งการเงิน การตลาด มีเดีย มาใช้แบบเต็มๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการขายของช่วยเหลือคน จำนวนของที่ขาย สินค้า ลิมิเต็ดเอดิชัน รวมถึงเรื่องระยะเวลา การให้คนเฝ้ารอ ทุกๆ อย่าง คือ การตลาดหมดเลย
โดยที่ก่อนหน้านี้เคยทำงานเกี่ยวกับมีเดียมาก่อน และรู้จักกับคนในวงการบันเทิงเยอะพอสมควร ทำให้เชี่ยวชาญในเรื่องของระบบการทำงาน ทำให้การสร้างเพจของควีน มีการร่วมมือกันและเข้าถึงผู้คนได้อย่างรวดเร็ว
พร้อมกับฝากถึงนักเลงคีบอร์ดทั้งหลายว่า เวลาคุณมองเพจดาร์ก ที่ดูเหมือนว่าเขาใช้คำพูดหยาบคาย หรือคำพูดที่รุนแรงในการตัดสินปัญหา แต่คุณอย่าไปเลียนแบบเพราะเขาเป็น “เงา” และพวกเขาเหล่านั้นมีจุดมุ่งหมายให้เหยื่อได้รับความยุติธรรม แต่ถ้าคุณเอาเฟซบุ๊กจริงของคุณไปโพสต์ตอบโต้บนโลกออนไลน์ด้วยถ้อยคำไม่สุภาพแบบนั้น ถือว่าคุณไปหมิ่นประมาทเขา ควีนขอให้คุณระวังในจุดนี้ด้วย เพราะหลายๆ คนที่เห็นในเวลานี้มักจะโพสต์คำรุนแรง ควีนไม่แนะนำเลย เพราะชีวิตจริง กับ โลกออนไลน์ต้องแยกกันให้ได้ ที่สำคัญคุณต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป.
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754