xs
xsm
sm
md
lg

เคยเรียก “พ่อเอ” ไม่ได้ ชีวิตจริงยิ่งกว่าลิเก “แป้ง-พรภัสร์ชนก มิตรชัย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พรภัสร์ชนก มิตรชัย, ไชยา มิตรชัย
 
นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ “แป้ง-พรภัสร์ชนก มิตรชัย” ว่าที่นางเอกลิเกร้อยล้าน ที่เพิ่งได้รับการเปิดตัวว่าเป็นลูกสาว “ไชยา มิตรชัย” พระเอกลิเกดัง จนเป็นข่าวใหญ่ช็อกวงการเมื่อไม่นาน หลังต้องใช้ชีวิตแบบซ่อนเร้น บางเวลาต้องแลกกับความเจ็บปวดยามเห็นบรรดาสาวๆ ห้อมล้อมเอาใจผู้เป็นพ่อ หากแต่เธอก็เข้มแข็งพอที่จะไม่ปริปากบอกใคร จนเวลาล่วงเลยมากว่า 20 ปี ความจริงจึงปรากฏ ว่าเธอคือ “ลูกสาว” พระเอกไชยา ต่างหาก!!

ความเป็นลูกสาวพระเอกคนดังบวกกับความสวยน่ารัก กิริยาอ่อนหวานสุภาพทำให้ในเวลาเพียงไม่นานชื่อของ แป้ง-พรภัสร์ชนก มิตรชัย ดังทะลุฟ้า

ในวันสบายๆ “นางเอกลิเก” ที่เพิ่งแตกเนื้อสาวดังเปรี๊ยเปรี๊ยะ เจ้าของหุ่นอรชรอ้อนแอ้นที่พร้อมจะมาขโมยหัวใจหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ให้ได้ร้องซี๊ดดด! แซ่บซะจนเลือดกำเดาพุ่งกระฉูดจนแทบหมดตัวได้ทุกเมื่อคนนี้ ได้แบ่งเวลามาพูดคุยกับเราเพื่อมาอัปเดทชีวิตของเธอ รวมทั้งย้อนรำลึกเรื่องราวชีวิตจริงยิ่งกว่าลิเก ที่ต้องพบเจออุปสรรคขวากหนามบนทางเดินชีวิต ที่กว่าจะได้มาซึ่งความสุขสมหวังในแบบหมดเปลือกไม่มีกั๊ก

 
**** เปิดม่านชีวิตฉากแรก ของ แป้ง-พรภัสร์ชนก

แป้ง-พรภัสร์ชนก เริ่มต้นบอกเล่าเรื่องชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าลิเก ของเธอให้ฟังในฉบับย่นย่อว่า เป็นลูกสาวคนโตของ เอ-ไชยา มิตรชัย กับ หนูนา-กัญจน์ลดากรา เกิดที่จังหวัดอยุธยา โดยในช่วงแรกมีคุณยายเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด อยุจนเมื่ออายุ ได้ประมาณ 5 ขวบเธอย้ายมาอยู่บ้านพ่อเอ-ไชยา มิตรชัย ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง โดยมีแม่หนูนาเลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด

แป้ง จบการศึกษาชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนสตรีอ่างทอง ก่อนจะสอบติดคณะวิจิตรศิลป์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ไปเรียนจริงๆได้เพียง 3 เดือน ก็ย้ายมาเรียนนิเทศน์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

ชีวิตที่ดูน่าจะสุขสบายของลูกสาวพระเอกลิเกชื่อดังเจ้าของรางวัลพันล้านกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะด้วยอาชีพการเป็นศิลปินลิเกของผู้เป็นพ่อซึ่งต้องอาศัยแรงเชียร์แรงใจจากเหล่าแม่ยกและคนดู ซึ่งหากรู้ว่ามีครอบครัวก็จะทำมาหากินได้ยากลำบาก!!

สิ่งเหล่านี้นี่เอง จึงถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ ไชยา ตัดสินใจปกปิดชีวิตรักและครอบครัวของเขา ขณะที่ครอบครัวตั้งแต่ภรรยา“หนูนา”และลูกทั้งสองคือ “แป้ง” และ”แชมป์ (น้องชาย) ต้องใช้ชีวิตกันอย่างเงียบๆ เติบโตมาแบบไม่เป็นข่าวที่บ้านหลังเล็กในอำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง

แป้ง ยังเล่าย้อนถึงความหลังเมื่อครั้งเป็นเด็กให้ฟังว่า มีโอกาสได้ติดตามไปดูพ่อแสดงลิเกบ้างตามสถานที่ต่างๆบ่อยครั้ง แต่ไปถึงก็พยายามอยู่ห่างไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก เพราะไม่อยากให้ใครรู้ ยิ่งเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน เธอต้องฝึกตัวเองเรียกพ่อว่า “พี่เอ” เรียกน้องของพ่อ คือ แอน มิตรชัย ที่เป็นน้าๆ “พี่แอน” ซึ่งเธอก็บอกว่าไม่คิดอะไรมากนัก เพราะเวลาอยู่ด้วยก็มักจะเล่นกันอย่างนี้เสมออีกทั้งเป็นเรื่องปกติของศิลปิน

“แรกๆก็มีน้อยใจบ้างนะคะ แต่ไม่ได้เก็บมาคิดอะไรมากมาย เพราะที่ผ่านมาเราอยู่บ้านเดียวกันตลอด เพิ่งจะมาแยกกันตอนที่แป้งต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยอมรับว่าเราใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นช่วงระยะเวลาที่จะไปทำบุญ ไปวัดด้วยกันกับพ่อ-แม่ ถึงพ่อจะมีงานเยอะแต่พ่อไม่เคยทิ้งลูกๆเลยนะคะ

พ่อให้เวลาแป้งและน้องชายเสมอ แต่ด้วยความที่พ่อเป็นพระเอกลิเก ก็มีคนดูมากมาย มีทุกเพศ ทุกวัยแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่เข้ามา แป้งยอมรับว่าก็มีบ้างที่งอแง กล้วพ่อจะไม่รัก กลัวพ่อทิ้ง ตรงนี้แม่จะสอนเสมอให้อดทน และต้องเคารพคนดูของพ่อทุกคนเพราะเป็นผู้มีพระคุณ และทุกคนที่เข้ามาดู มาเกื้อกูลก็ด้วยความรักและความหวังดี แม่จะย้ำและบอกตลอดว่าถ้าหากพ่อไม่รักพวกเรา พ่อก็คงทิ้งพวกเราไปนานแล้ว ตรงนี้ก็เลยทำให้หนูมั่นใจในตัวพ่อมากขึ้น”

 
****ความจริงเปิดเผย “แป้งลูกพ่อไชยา”
 
นานกว่า 20 ปีของการใช้ชีวิตที่เปรียบเสมือนสายลมที่มองไม่เห็น หากแต่สามารถสัมผัสได้ของ “แป้ง” จนมาถึงวันที่ความจริงเริ่มถูกกล่าวถูกเปิดเผยโดย พระเอก“ไชยา มิตรชัย” ออกมาโพสต์ข้อความชี้แจงถึงกระแสข่าวที่เกิดขึ้นลงในเฟซ บุ๊ก Chaiya Mitchai โดยยอมรับมีลูกแล้วและระบุว่า

“เรื่องลูกที่เป็นข่าวอยู่ ขอตอบว่าใช่ครับ ลูกผมครับ ผมมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาสามัญทั่วไป ผมไม่ได้เปิดอะไรมาก เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายอะไรกับครอบครัว อยากอยู่กันตามปกติชนธรรมดา มีคนอยากเปิดเรื่องของผม แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ปิดอะไร แฟนคลับที่ใกล้ชิดติดตามกันมายาวนาน เขาก็ทราบเรื่องนี้ครับ ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือก็ทราบดี ผมก็บอกตามปกติ รวมถึงเพื่อนในวงการหลายคนก็รู้

“ผมแค่อยากอยู่กันสงบๆ ในตอนนี้ผมตอบคำถามแล้วนะครับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ผมขอมีพื้นที่ส่วนตัวไว้สักนิดครับ ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนทุกท่าน ส่วนเมื่อวานผมติดภารกิจถ่ายรายการทั้งวัน และไม่ได้รับโทรศัพท์ใครเลย ไม่ได้คิดว่าอยู่ดีๆ จะมีใครมาสนใจเรื่องนี้ เพราะจริงๆ เคยมีข่าวลงไปแล้วเรื่องไชยามีลูก 2 คน เคยลงหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้มีอะไร ก็เหมือนเขียนแซวๆ กัน ผมก็ไม่ได้คิดว่าคราวนี้จะมีคนสนใจขนาดนี้ พอเมื่อเช้าถึงได้ทราบจากพี่ตุ้ม ผจก.ว่านักข่าวโทร.มากันมาก ผมจึงขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจง ใช้เวลาเขียนบนรถ และกำลังมุ่งหน้าไปงานต่อ และถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่ๆ สื่อจนเกินไป ขอรบกวนพาดหัวข่าวว่า ไชยาตอบสื่อด้วยความสุขว่า ลูกผมเองครับ (ฉีกยิ้ม) หรือลูกสาวไชยา สวยปังมาก จะกราบขอบคุณอย่างมากครับ”

ข้อความสั้นๆ แต่มีความหมายชัดเจนที่ถูกเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียลนั้น ถือเป็น 'Talk of the town' และเป็นข่าวใหญ่ที่ช็อกความรู้สึกของผู้คนที่สนใจในแวดวงบันเทิงยิ่งนัก หากแต่กับ “แป้ง” ทันทีที่ทราบข่าวก็ถึงกับน้ำตาไหลด้วยความดีใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีวันนี้ให้ได้เห็น

“ดีใจมากค่ะ เพราะหนูไม่รู้เรื่องและไม่ได้คุยกับพ่อเลย พ่อเองก็ไม่ได้บอกว่าจะเปิดเผยเรื่องหนูกับสื่อ พอหนูรู้และมีข่าวออกไป หนูก็รีบโทรศัพท์บอกพ่อว่าหนูห่วงพ่อ ห่วงความรู้สึก และก็กลัวไปหมด กลัวคนจะว่าพ่อ ว่าครอบครัวเราโกหก ซึ่งพ่อก็บอกไม่เป็นไรทำใจไว้แล้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ก็เริ่มโล่งใจและมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เพื่อนโทรมาหาเต็มไปหมดเลย และเป็นอย่างที่เห็นคือหนูร้องไห้(น้ำตาคลอ) ตอนนั้นดีใจมาก หนูไม่ต้องเรียกพ่อว่าพี่แล้ว(ยิ้มทั้งน้ำตา)

 
**** ไม่สนแม่ยกซื้อตัว พ่อเอคือที่สุดของความภาคภูมิใจ
 
หลังเรื่องจริงถูกเปิดเผย กระแสดราม่าในโลกโซเชียลก็มีให้เห็นมากมาย หลายคอมเม้นต์แสดงความผิดหวัง ขณะที่หลายคอมเม้นต์ก็ต่อว่าให้เสียหาย แต่นั่นก็ไม่อาจบั่นทอนจิตใจคนในครอบครัวมิตรชัย ได้มากนัก เพราะกำลังใจจากแม่ยกและแฟนคลับที่มีให้ทั้ง เอ-ไชยา และ แป้ง-พรภัสร์ชนก กลับมีเพิ่มขึ้นอย่างท่วมท้น

“ทุกอย่างมันผิดคาดไปหมดเลยค่ะ ตอนแรกหนูทำใจว่าคนคงไม่ชอบและหมดเมตตาพวกเรา แต่มันไม่ใช่เลย ทุกอย่างตรงกันข้าม แม่ๆและแฟนคลับกลับให้กำลังใจเราพ่อลุกกันเยอะมากเยอะมาก จริงๆแล้วก่อนหน้าที่พ่อจะโพสต์ชี้แจง พวกแม่ยกของพ่อและแฟนคลับลิเกที่สนิทและตามดูกันมาจะรู้เรื่องแป้งกับพ่ออยู่แล้ว ยิ่งพอมีเรื่องทุกท่านก็เข้าใจและเมตตามากว่าเดิม ส่วนที่ไม่เคยดูก็มาดูและตามให้กำลังใจมากขึ้น

ถึงตอนนี้หนูโล่งใจขึ้นมากนะคะ ตื่นเต้น หลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาทำให้หนูตั้งตัวแทบไม่ทัน ไม่คิดว่าคนดูจะเมตตา รวมทั้งพี่ๆ สื่อมวลชนจะให้ความสนใจขนาดนี้ด้วย ทุกวันนี้เพื่อนๆ ยังถามเลยว่าจริงเหรอ สิ่งที่ได้รับในวันนี้หนูว่าเป้นของขวัญชิ้นสำคัญ หนูมีความสุขและภูมิใจในตัวพ่อที่ผ่านมาพ่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้แป้งมาตลอด”

แป้งยังบอกเล่าสิ่งที่ภาคภูมิใจในตัวของพ่อให้ฟังว่า อย่างที่รู้กันว่าพระเอกลิเกเนื้อหอมแห่งยุคที่ผ่านมาไม่มีใครเกินไชยา มิตรชัย แม่ยกคนดูมากมาย แต่พ่อของเธอก็ไม่เคยทำให้ครอบครัวผิดหวัง

“พ่อไม่เคยมีข่าวเจ้าชู้ให้แม่และลูกๆต้องเสียใจ มีเรื่องหนึ่งที่แป้งแอบรู้คือ ตอนพ่อเล่นลิเกสมัยก่อน มีแม่ยกคนหนึ่งเข้ามา ซื้อแหวนเพชร ราคา 7 แสนบาทมาให้พ่อ แล้วบอกว่าจะซื้อบ้านให้ แต่ต้องลงชื่อร่วมกันนะ แล้วให้ย้ายมาอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นพ่อปฏิเสธ คืนแหวนเพชรไปแล้วบอกหาเงินเองได้มากกว่านี้อีก ตรงนี้แป้งซาบซึ้งและรู้ได้เลยว่าพ่อจะไม่มีวันทิ้งแป้งและแม่อย่างแน่นอน”

 
****จุดเริ่มต้นนางเอกลิเก

ภาพความสำเร็จของเหล่าทายาทศิลปินชื่อดังในสังคมไทย มักเป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกันเองว่าอยู่บนก้าวย่างอันสุขสบายไร้ขวากหนามมีพ่อ-แม่ปูทางไว้ให้ ทั้งที่ความจริงแล้ว กว่าที่คนเหล่านี้จะได้มาซึ่งชื่อเสียงและการยอมรับนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะในทุกย่างก้าวต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง อาจจะมากกว่าคนทั่วไปเสียด้วยซ้ำ

“แป้ง” เล่าว่า ถึงจะเป็นลูกสาวไชยา การเข้าวงการของเธอก็ไม่ต่างอะไรไปจากนางเอกคนอื่นๆ ที่ต้องผ่านบททดสอบมากมาย “ตั้งแต่เด็กไม่เคยคิดฝันอยากเป็นลิเก และพ่อกับแม่ก็ไม่เคยบังคับให้ลูกต้องเล่นหรือต้องฝึกเล่นลิเกเลย และส่วนตัวแล้ว แป้งเป็นคนชอบวาดเขียน วาดรูป เคยฝันอยากเป็นศิลปินเขียนภาพมาตั้งแต่เด็ก พอสอบติดคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ก็ดีใจ เก็บเสื้อผ้าไปอยู่หอที่เชียงใหม่ทันที วันแรกที่ไปพ่อกับแม่ไปส่งที่นั่นด้วย คือเค้าก็เป็นห่วงว่า เป็นผู้หญิงต้องไปอยู่คนเดียว ที่สำคัญคือตั้งแต่แป้งเด็กพวกเราไม่เคยอยู่ห่างกัน แรกๆก็โทรเช็คโทรรายงานตัวตลอด ไปเรียนได้ 3 เดือน หนูก็เริ่มรู้สึกเหงาคิดถึงพ่อกับแม่มากนะคะ ตอนนั้นหนูว่าพ่อเองก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน พอดีเป็นจังหวะที่พี่แอน (แอน มิตรชัย) ต้องทำงานที่ต่างประเทศ คณะลิเกของพ่อไม่มีนางเอก พ่อเลยโทรมาบอกให้แป้งไปช่วย ตอนนั้นไม่รีรอเลยค่ะ ตอบตกลงจะไปช่วยพ่อทันที ทั้งที่ตอนนั้นแป้งก็เล่นลิเกไม่เป็นหรอกค่ะ พ่อก็สอน เป็นศิลปะที่ยากมาก ยากกว่าร้องเพลงเยอะ (ลากเสียง) 
 
แป้งเริ่มต้นฝึกลิเกโดยมี “ไชยา” เป็นครูฝึกคนสำคัญ เรียนร้อง-รำตั้งแต่เช้าจนมืด ต้องออกกำลังกายให้มีพลังเวลาร้องเสียงจะได้ไม่สั่นและไม่สะดุด มือต้องให้อ่อนช้อย ใช้วิธีดัดมือกันในน้ำอุ่น ฝึกกันอย่างหนักและจริงจังนาน 3-4 เดือนแล้วออกเล่นเลย คนดูแฟนคลับของพ่อก็คอยให้กำลังใจ

“แรกๆที่ออกไปแสดงก็ตื่นเต้นและกังวล แต่ก็โชคดีที่ตอนเด็กก็มีหลายครั้งที่ได้มีโอกาสตามไปดูพ่อแสดงลิเก เวลาดูเหมือนต้องมนต์สะกด ทุกอย่างบนเวทีสวยงามมาก การร้องการรำทำให้ซึมซับไม่รู้เบื่อ ตรงนั้นถือเป็นประสบการณ์ที่ดีนะคะ ทำให้หนูรู้สึกคุ้นเคยและชินเวที ได้ดื่มด่ำกับงานศิลปะแขนงนี้โดยไม่รู้ตัว กลับมาบ้านก็แอบร้องแอบรำหน้ากระจก มีความสุขคนเดียว(หัวเราะ) พอมาเล่นลิเกจริงๆก็ติดใจที่ได้แต่งตัวสวยๆ ได้ยินเสียงปรบมือและรอยยิ้มที่มีความสุขของผู้ชมตรงนั้น แล้วความฝันที่อยากจะเป็นจิตกรก็เลือนหายไป ยอมรับเลยค่ะว่าลมหายใจของแป้งตรงนี้กลายเป็นคนกล่อมโลกตามแบบพ่อไปแล้วค่ะ”

 
***ว่าที่นางเอกร้อยล้าน
 
แม้จะไม่ได้ถูกฝึกให้เป็นนางเอกลิเก แต่ลิเกคือชีวิตของแป้ง...แป้งเริ่มเล่นลิเกเมื่อตอนเป็นนักศึกษาปี 1 จากวันแรกที่เล่นลิเกมาจนถึงวันนี้ก็ 5 ปีพอดิบพอดี และเมื่อมีเวลาว่างเอก็เชิญชวนให้เราไปดูผลงานการแสดงของเธออย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของงานศิลปะวัฒนธรรมโบราณ สะท้อนรากเหง้าของตระกูลลิเกดังแห่งจังหวัดอ่างทองที่มากทั้งฝีมือการฟ้อนรำ ทำเพลง ความอ่อนช้อยแต่ทรงพลัง ยามเมื่อสิ้นเสียงระนาดที่รัวรับบทกลอนจากเสียงหวานของนางเอกลิเกหน้าใส แป้ง บรรดาแฟนคลับก็ทยอยกันมอบพวงมาลัยและดอกไม้หน้าเวทีกันมากมาย

“เงินที่ติดมากับพวงมาลัยและช่อดอกไม้รางวัลที่มอบให้ เป็นน้ำใจจากแฟนคลับที่รักและเอ็นดูน้องแป้งค่ะ” “ตุ้ย”พี่เลี้ยงคนสำคัญของน้องแป้งกระซิบบอกเราเบาๆ เมื่อยามที่เราตกใจที่ได้เห็น ธนบัตรใบละ 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท ถูกนำมาเย็บติดๆกันและนำมาคล้องคอให้นางเอกสาวที่หน้าเวที

“เงินรางวัลที่ได้สำหรับแป้งแล้ว แป้งมองว่าเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่งที่สร้างความจดจำและทำให้เรายังประทับใจแม่ๆ แต่สิ่งเหล่านี้ยังไม่ซึ้งใจเท่ากับการได้รู้จักตัวตนของแม่ๆ ที่มอบความรัก และความเมตตาให้พวกเรา แม่ๆหลายท่านรักและดูแลแป้งประหนึ่งลูกหลานแท้ๆ แม้แต่หลักการดำเนินชีวิตของเราทุกวันนี้ ก็มาจากคำสอนของท่านแทบทั้งสิ้น ตรงนี้มากกว่าที่ทำให้เราจดจำกันได้ยาวนาน และแม้ว่าเราจะไม่ได้ได้หวังสิ่งใดจากพวกเขา แต่เมื่อเขาให้หรือช่วยเหลือเราแล้ว เราก็ควรตอบแทนบุญคุณในยามที่มีโอกาส เพราะถ้าไม่มีพวกเขา ทั้งแม่ยกและคนดู คณะลิเกก็อยู่ไม่ได้”

นางเอกลิเกสาวสวย ยังบอกอีกว่า เบื้องหน้าเวทีที่ดูสดสวยสดใส และมีความสุข หากแต่เบื้องหลังก็ไม่ได้สุขอย่างที่คิดเลยค่ะเพราะทุกคนต้องทำงานหนักมากกว่าจะออกมาเล่นเป็นเรื่องราวที่สนุกสนานให้คนได้ดูกัน แป้งเองก็ยังโดนดุอยู่บ่อยๆ

"ด้านหลังเวทีเป็นสิ่งที่เครียดมาก เพราะพ่อเป็นคนเป๊ะ ทุกอย่างต้องดี เรียบร้อยและต้องรวดเร็ว มีครั้งหนึ่งจำได้แม่นเลย แป้งถูกพ่อว่าจนร้องไห้ คือเจ้าภาพจ้างไปเล่นงานที่ชลบุรี 5 คืน คืนที่ 5 ก็เริ่มล้า ที่หลังเวทีก่อนการแสดงทุกวัน พ่อจะเป็นคนให้เรื่องและบอกให้ทุกคนไปซ้อมตามบท เมื่อถึงเวลาเล่นไม่มีคนรันคิวเพราะทุกคนจะต้องรู้ว่าจะใครจะออกฉากไหนบ้างก็ต้องเตรียมตัว วันนั้นมีอยู่ฉากที่แป้งงงๆ ไม่รู้ว่าต้องอกเลย พ่ออยู่หน้าเวทีแล้ว แป้งออกไปช้า พอแสดงเสร็จฉากนั้น เข้ามาหลังเวที พ่อก็ต่อว่าเสียงดังมาก (ลากเสียง) หนูก็รู้สึกผิดที่ไม่เตรียมตัวที่ดี ก็น้อยใจที่ถูกว่า ขากลับนั่งร้องไห้มาตลอดทาง" 

*** เรียนไป เล่นลิเกไป

หลังจากตัดสินใจใช้มาเดินบนเส้นทางสายอาชีพด้วยการเป็นนางเอกลิเกเคียงข้าง “พ่อ” ต้องออกเดินสายทำงานในสถานที่ต่างๆ อีกทั้งยังต้องแบ่งเวลาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตอีกนั้น ดูเหมือนจะหนักเกินตัวของเด็กสาววัยเพียง 24 ปี ทำให้เราอดถามถึงเวลาการแบ่งเวลาของเธอไม่ได้ ซึ่งเธอก็ยืนยันว่า การทำงานไม่กระทบผลการเรียนแน่นอน และแม้จะรักลิเกมากแค่ไหนเธอก็ไม่มีวันที่ทิ้งการเรียน

“พ่อบอกหนูเสมอว่า ต่อให้มีอาชีพ มีรายได้มากแค่ไหน เรื่องการเรียนห้ามทิ้งเด็ดขาด ให้ศึกษาหาความรู้มากๆ จะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อ ตอนจะตัดสินใจยื่นใบลาออกจากคณะวิจตรศิลป์ ม.เชียงใหม่ก็รู้สึกเสียดาย เพราะตอนนั้นหนูได้รับเลือกให้เป็นนางแก้วของมหาวิทยาลัยด้วย แต่ต้องตัดใจ เพราะลิเกคือชีวิตของพวกเรา พอออกจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แป้งมาสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตค่ะ ตอนนี้อยู่ปี 4 แล้ว อีก 1 ปีก็จะได้รับปริญญาค่ะ ส่วนเรื่องจะเรียนต่อปริญญาโทหรือไม่แป้งคงต้องตัดใจอีกครั้งค่ะ”

ความเป็นเด็กสาวรุ่นใหม่ แต่ต้องมารับหน้าที่สานต่องานลิเกของครอบครัว นางเอกสาวสวยยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าสดใสว่า “ทุกวันนี้ภูมิใจที่ได้เกิดในครอบครัวคนลิเก มีสายเลือดลิเกอยู่ในตัว อย่างที่บอกแป้งมีความสุขที่ได้เล่นลิเก ได้ร้องบทกลอนขับกล่อมแฟนคลับและคนดู หลายคนอาจจะมองว่าลิเกต่ำต้อย แต่แป้งไม่คิดอย่างนั้น แป้งมองว่านี่คือมรดกล้ำค่าที่บรรพบุรุษรุ่นปู่ ย่า ตา ยาย ส่งต่อมาให้พวกเราลุกหลาน ดังนั้นแป้งก็ดีใจที่จะได้สานต่องานลิเกตรงนี้ และสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ลิเกอาจจะยากเมื่อเทียบกับเล่นเอ็มวี หรือร้องเพลง แต่ก็ไม่ได้หนักหรือเหนื่อยอะไรมากมาย ตอนนี้ยังมีแรงก็อยากรีบทำงานและรีบเรียนให้จบค่ะ"

 
เมื่อให้เธอวิเคราะห์วงการลิเกไทยในอนาคต ว่า จะล้มหายตายไปจากสังคมไทยมั้ย หญิงสาวตอบด้วยความมั่นใจว่า “ลิเกไม่หายไปไหนหรอกนะคะ แป้งเป็นเด็กรุ่นใหม่แต่ก็ยังรักลิเก ปัญหาของลิเกอาจจะอยู่ตรงที่ไม่มีสื่อให้ออกมากนัก คนนอกอาจจะมองว่าลิเกซบเซาเหลือเกิน แต่ต่างจังหวัดเขาไม่หายนะ ยังมีการว่าจ้างไปแสดงตามวาระต่างๆ ทั้งงานบุญ วันเกิด งานบวช งานศพ ก็ยังมีจ้างอย่างต่อเนื่อง"

สัมภาษณ์โดย ผู้จัดการ Lite
เรื่อง: วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพโดย: พงษ์ฤทธิ์ฑา ขวัญเนตร

 
ชื่อ-สกุล พรภัสร์ชนก มิตรชัย
ชื่อเล่น แป้ง
วันเดือนปีเกิด 4 ตุลาคม 2536
ส่วนสูง 164 ซม.
น้ำหนัก 42 กิโลกรัม
ตา น้ำตาล
ผม ดำ
ศิลปินคนโปรด ไชยา มิตรชัย
สีที่ชอบ ชมพู, ขาว
อาหารจานโปรดน้ำพริกอ่อง, ส้มตำ
งานอดิเรก วาดภาพ
การศึกษา คณะนิเทศศาสตร์ ภาควิชาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต

 
ผลงานที่ผ่านมา
- การประกวดยูทิป 5
- นางเอกบันทึกกกรรมตอนลิเกลืมตาย
- ถ่ายแบบ นิตยสารต่างๆ
- เป็นนางเอกละครเวทีของมหาวิทยาลัยรังสิต
- เอ็มวีเพลงใหม่ล่าสุด “หิ่งห้อย” หลวงไก่ อาร์สยาม
- นางเอกละครเรื่องนางฟ้ารำวง (ทางช่อง IPM)
- ซีรีส์วัยรุ่น Feeling วัยจิ้นฟินเวอร์ รับบท ข้าวฟ่าง (ทางช่อง ไบรต์ทีวี)
- ล่าสุดละครเรื่อง นางฟ้าอสูร ของ เปี๊ยก-พิศาล อัครเศรณี โดยเล่นคู่กับนักร้องลูกทุ่งคนดัง ก้อง ห้วยไร่




มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น