Happy ending! คดีดังข้ามปี มหากาพย์ “กราบรถกู” น็อตยอมจ่ายให้คู่กรณี 1.8 แสนบาท เซ่นปมสั่งกราบมินิฯ วอนขอโอกาสจากสังคม หากมีรถใหม่จะตั้งชื่อว่า “สติ”
1.8 แสน ชดใช้ที่ไม่เคยจ่าย
“ผมรู้สึกผิดกับน้องบอย ผมรู้สึกผิดกับทุกๆ อย่าง เพราะฉะนั้นผมขอโทษ ผมฝากไปถึงน้องบอย ฝากไปถึงครอบครัวของน้องบอย ฝากไปถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องกับน้องบอย ผมอยากจะขอโทษพี่ๆ สื่อมวลชน ที่รบกวนหลายๆ ครั้ง ขอโทษครอบครัวที่ผมรัก ขอโทษเพื่อนๆ ขอโทษผู้ใหญ่ทุกๆ คนที่เขารักผม ที่เขาเอ็นดูผม ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษที่ผมมีสติไม่เพียงพอ ขอโทษโรงเรียน ขอโทษมหาวิทยาลัย ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงไปด้วย รวมไปถึงผมขอโทษเพื่อนๆ ที่จะต้องมาโดนอะไรแบบนี้ ขอโทษ ขออโหสิกรรมกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นนะครับ ผมรู้สึกผิดมากนะครับ ผมแย่มากแล้วครับ ผมขอปรับปรุงตัวนะครับ ผมขอปรับตัวใหม่ให้ดีขึ้น
ส่วนเรื่องค่าที่จะต้องรับผิดชอบน้องบอย ไม่ต้องห่วงผมยืนยันเหมือนเดิมว่าผมจะรับผิดชอบน้องบอย ค่ารักษาพยายามน้องบอยอย่างเต็มที่เต็มกำลังเท่าที่จะทำได้ ขอบคุณนะครับสำหรับทุกคำติ ทุกคำเตือน สิ่งที่เดินทางมาถึงผม ผมจะเอาคำเหล่านั้นไปแก้ไขตัวเองครับ ผมผิดจริงๆ ผมขอโทษจริงๆ ผมขอโทษนะครับทุกคน ผมอยากจะให้ทุกๆ คนอโหสิให้ผมด้วยนะครับ”
นี่คือคำขอโทษและคำสัญญาของ “น็อต - อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” อดีตพิธีกรวัยรุ่น ที่กล่าวต่อหน้าสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 หลังจากเหตุการณ์ที่เขาระเบิดอารมณ์ทำร้ายร่างกาย “บอย - กิตติศักดิ์ สิงโต” หนุ่มผู้ขี่จักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนท้ายรถมินิคูปเปอร์สุดรักของเขาเข้า อีกทั้งสั่งให้หนุ่มบอย ก้มกราบไปที่รถยนต์ของตนเอง จนทำให้เกิดวลีเด็ดที่ว่า “กราบรถกู”
เวลาผ่านไปเกือบ 7 เดือนแล้วสำหรับประเด็นดรามาครั้งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง นั่นก็เพราะถึงกำหนดนัดไกล่เกลี่ยค่าเสียหายระหว่างน็อตและคู่กรณีที่ถูกทำร้ายจนฟกช้ำไปทั้งหน้า แต่ก่อนจะถึงเวลาเข้าฟังคำไกล่เกลี่ย ทางด้านทนายความของหนุ่มบอยได้เปิดเผยว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้รับเงินชดเชยแม้แต่บาทเดียว!
สงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ทนายความของผู้เสียหาย ได้กล่าวกับสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยได้รับค่าชดเชยใดๆ ซึ่งในวันนี้ก็จะมีการพูดคุยเรื่องการรักษาจมูก ที่หลังจากได้รับการผ่าตัดถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับมาตรงดังเดิม และต้องทำการรักษาต่อ รวมถึงในส่วนของค่าสินไหมทดแทนที่ทำให้ขาดรายได้ระหว่างพักรักษาตัว เป็นจำนวนหลักแสนบาท วันนี้จะยื่นคำร้องต่อศาลรวม 2 ส่วน คือ การขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมและคำร้องขอชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
นั่นก็เท่ากับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาก่อนที่จะถึงวันนัดไกล่เกลี่ยคดีความ น็อตไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรกับผู้เสียหายเลย?!
แต่หลังจากที่การไกล่เกลี่ยกว่า 3 ชั่วโมงเสร็จสิ้นลง ทนายสงกานต์ได้เปิดเผยว่า อดีตพิธีกรได้รับสารภาพทั้งหมด พร้อมยอมชดเชยค่าเสียหายและเงินเยียวยาแก่บอย ที่ต้องเข้ารับการรักษาจมูกอีกครั้ง เป็นเงินจำนวน 180,000 บาท ซึ่งทนายของบอยกล่าวถึงน็อตว่า เมื่อเขากล้าทำแล้วกล้ารับก็ถือเป็นลูกผู้ชาย
สำหรับตัวอดีตพิธีกรหัวร้อน ได้โอกาสจากสังคมให้กับตน พร้อมฝากให้คนในสังคมใจเย็น เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ไม่อยากให้ทะเลาะกัน อยากให้คุยกันด้วยดี เพราะไม่อย่างนั้นมันจะยืดเยื้อและลุกลามไปมากกว่าเรื่องของคน 2 คน เขายังย้ำอีกว่า สติสำคัญที่สุด และหากมีรถคันใหม่จะตั้งชื่อว่า “สติ”
เมื่อการไกล่เกลี่ยจบลงด้วยดีและน็อตยินดีจะจ่ายค่าชดเชยให้ มหากาพย์ดรามากราบรถก็คงมาถึงตอนจบแล้ว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้เลยว่า ต้องไกล่เกลี่ยต่อหน้าศาลถึงจะยอมชดเชยหรือ?
ย้อนเหตุการณ์ ตำนาน “กราบรถกู”
แม้วันนี้เรื่องคดีความระหว่างอดีตพิธีกรหนุ่มกับบอย คู่กรณี ดูท่าจะจบลงด้วยดีแล้ว เกือบ 7 เดือนตั้งแต่วันที่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ ก็มีประเด็นให้ได้ตามต่อชนิดที่แทบไม่ได้พักหายใจกันเลยทีเดียว
4 พฤศจิกายน 2559 คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด ช่วงเย็นของวันนั้น ได้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกันระหว่างรถจักรยานยนต์ที่บอยเป็นเจ้าของและรถยนต์ยี่ห้อนิมิคูปเปอร์สีเหลือง ที่เป็นของ “น็อต เวคคลับ” พิธีกรวัยรุ่น โดยเจ้าของรถจักรยานยนต์ให้การว่า ตนเองถูกรถแท็กซี่ชน ก่อนที่จะเสียหลักไปชนท้ายรถมินิคูเปอร์ แต่ในตอนนั้นแท็กซี่ได้ขับหลบหนี ตนเองจึงขี่รถตามแต่ไม่ทัน จึงวนรถกลับมาในที่เกิดเหตุ
แต่พิธีกรวัยรุ่นเข้าใจผิด คิดว่าคู่กรณีชนแล้วหนี จึงปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อของอีกฝ่าย ด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก่อนจะลงมือทำร้ายเจ้าของจักรยานยนต์เข้าที่ใบหน้าหลายต่อหลายครั้ง และด้วยความที่รักรถคันนี้มาก น็อตจึงสั่งให้คู่กรณีก้มลง “กราบ” รถมินิคูปเปอร์สุดหวง ด้วยวลีที่ว่า “กราบรถกู” โดยที่ผู้บาดเจ็บไม่ได้ตอบโต้เลยแม้แต่น้อย โดยหารู้ไม่ว่าเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกไว้โดยผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
หลังจากนั้นทั้งสองได้เดินทางไปสถานีตำรวจในท้องที่เกิดเหตุ ได้มีการตกลง เจรจา และไกล่เกลี่ยกัน แต่หลังจากนั้นเพียง 2 วัน คลิปเหตุการณ์ทั้งหมดก็ถูกเผยแพร่ลงบนโลกโซเชียลฯ นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำอันขาดสติของพิธีกรหนุ่มผู้นี้อย่างหนัก ส่วนครอบครัวของบอยที่ได้เห็นคลิปแล้วก็ไม่อยากให้ยอมความ จึงพาผู้เสียหายมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในทันที
เมื่อกระแสด้านลบถาโถมไปยังน็อตขนาดนี้ มีหรือจะอยู่เฉย เขาเลยรีบรุดไปยัง สน. ยานนาวา พร้อมทนายในวันเดียวกัน เพื่อให้ข้อมูลจากทางฝั่งของตน เขากล่าวว่า ที่ทำไปทั้งหมดเพื่อปกป้องทรัพย์สินที่เสียหาย เกรงว่าอีกฝ่ายจะทำร้าย ขอสังคมอย่าตัดสินตนเพียงคลิปไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังได้แจ้งความกลับกับเจ้าของรถจักรยานยนต์ฐานขับรถโดยประมาทเพิ่มเติมอีกด้วย
ส่วนทางต้นสังกัดของน็อต คือบริษัทจีเอ็มเอ็ม ทีวี ก็ได้ออกประกาศแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด พร้อมลงโทษพิธีกรเลือดร้อน ด้วยการยกเลิกสัญญาการเป็นพิธีกร นักแสดง ในสังกัดของบริษัทฯ รวมไปถึงยุติการทำงานทุกประเภท พร้อมกับให้เหตุผลว่า ไม่สนับสนุนให้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ไม่เพียงแค่การลงโทษจากต้นสังกัดเท่านั้น คนในวงการบันเทิงด้วยกันออกมาตำหนิพฤติกรรมของพิธีกรผู้นี้ หลายคนยังเรียกร้องให้ผู้ใหญ่เรียกคืนรางวัลที่หนุ่มน็อตเคยได้กลับมา ทางด้านโลกโซเชียลฯ ก็มีการทำคลิปล้อเลียนเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ส่งผลกระทบถึงธุรกิจที่เขาเป็นหุ้นส่วนอีกด้วย จนต้องมีการแถลงข่าวอีกครั้งในวันที่ 14 เดือนเดียวกัน เพื่อขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งจะรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด และถอนแจ้งความหนุ่มคู่กรณี
ขอบคุณภาพประกอบ : อินสตาแกรม@sriritui_
เมื่อปัญหากดดันเข้ามาทุกทาง การหันหน้าเข้าวัดจึงเป็นทางออกเดียวที่ดูจะทำได้ น็อตจึงตัดสินใจเข้าพิธีบวช ณ วัดพระสิงห์ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน โดยที่มีท่าน ว.วชิรเมธี เป็นผู้ปลงผมให้ ซึ่งตำรวจเคยติติงไปว่า น็อตมีคดีติดตัวยังบวชไม่ได้ แต่ทางเลขาฯ ของท่าน ว.วชิรเมธี อ้างว่า น็อตไม่ได้ตั้งใจจะหลบหนี และจะให้น็อตสึกในวันที่ 6 ธันวาคม ก่อนที่จะไปพบพนักงานสอบสวนในวันถัดไป แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีการสึกอย่างที่เคยพูดไว้ ในตอนนั้นก็ได้เกิดวลีฮิตขึ้นมาอีกครั้งว่า “ไม่ว่างกำลังบวชอยู่”
ภายหลังสึกแล้ว น็อตเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม และใช้หลักทรัพย์ประกันตัว 10,000 บาท ก่อนเข้าพบตำรวจอีกในช่วงต้นเดือนมกราคม 2560
ดูเหมือนว่าชีวิตของน็อตหลังจากนั้นกลายเป็นฟ้าหลังฝน เพราะหลังจากที่สึกออกมา เขาก็ได้กลับไปดูแลธุรกิจร้านอาหารต่อ รวมทั้งเป็นวิทยากรให้แก่เด็กๆ ตามโรงเรียน ซึ่งก็ได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ และแฟนคลับอีกเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งถึงวันไกล่เกลี่ยแล้วดูเหมือนว่าคดีความจะจบลงด้วยดี ส่วนบอย คู่กรณีนั้น หลังเกิดเหตุก็ถูกดำเนินคดีเช่นกัน พร้อมทั้งเสียค่าปรับเป็นจำนวน 400 บาทไปก่อนหน้านี้แล้ว
จากคลิปเพียงไม่กี่นาที ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงให้กับอดีตพิธีกรหนุ่มผู้นี้ รวมถึงทุกคนในสังคมได้อย่างดีเลยว่า สติคือสิ่งสำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตร่วมกันผู้อื่นในสังคม...
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754