“อาชีพนักแสดง เป็นเหมือนศาสตร์อย่างหนึ่ง ถ้าทำได้แล้ว ต่อให้ไม่ได้ทำอีกเป็นเวลานาน แต่เมื่อกลับมาลองทำอีกครั้ง ยังไงก็ทำได้”
นาทีนี้ต้องบอกเลยว่า กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง นั้นสามารถทวง “บัลลังก์นางเอกเจ้าน้ำตา” ตลอดกาลของเธอกลับมาครองได้อีกครั้ง แม้จะห่างหายจากวงการบันเทิงไปนานกว่า 7 ปี เพื่อทำหน้าที่ดูแลครอบครัว เมื่อสบโอกาสเจอบทถูกใจ มีหรือนางเอกมากฝีมือคนนี้จะปฏิเสธ รีบตบปากรับคำกลับมาปล่อยของด้านการแสดงให้นางเอกรุ่นน้องในวงการได้เห็นอีกครั้ง ในละคร “น้ำเซาะทราย” ของค่ายดาราวิดีโอ ที่แซ่บตั้งแต่บทละครยันฝีไม้ลายมือการแสดงที่ยังคงแรงดีไม่มีตก กับบทนางเอกเจ้าน้ำตาทำคนดูอินบ่อน้ำตาแตกท่วมจอไปตามๆ กัน
++ เพราะคิดถึง...จึงกลับมา
วันนี้ในวัยใกล้เลข 4 ทว่า กบ-สุวนันท์ ยังคงสวยสะพรั่งใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย บอกว่า ไม่ได้รับงานละครมานานมาก กว่า 7 ปี เพราะทันทีที่เธอเข้าพิธีแต่งงานกับ บรู๊ค-ดนุพร ปุณณกันต์ เธอก็ผันตัวเองไปทำหน้าที่แม่บ้านที่แสนดีคอยดูแลเอาใจใส่คุณสามี และลูกๆ ทั้ง 2 คนของเธอ เมื่อเวลาเหมาะ ทุกอย่างลงตัว ประกอบกับเจอบทที่ชอบเธอจึงกลับมาแสดงละครอีกครั้งด้วยความคิดถึง
“กบรู้สึกว่ากบไม่ได้เล่นละครมานานพอมารับเล่นละครเรื่องน้ำเซาะทราย ตอนแรกที่ละครออกอากาศยอมรับเลยว่าตื่นเต้นมาก รอลุ้นว่าละครจะเป็นยังไง และเนื่องจากละครเรื่องนี้เป็นละครเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้ใหญ่หน่อย ตัวเราเองก็รอลุ้นว่ากระแสจะเป็นอย่างไร คนดูจะชอบมั้ย แต่เมื่อละครออนแอร์แล้วเสียงตอบรับดีมาก เราก็ดีใจ”
แต่กว่าจะได้หวนมารับงานแสดงอีกครั้งของ กบ-สุวนันท์ ไม่ใช่จู่ๆ มีบทมาเสนอ เธอตอบรับ จากนั้นเปิดกล้องแสดงเลย เพราะกว่าจะตกลงเรื่องเวลา เรื่องคิวกันได้ต้องผ่านการพูดคุยและวางแผนมาเป็นปีๆ
“ต้องบอกว่าการที่กบเลือกรับละครในช่วงนี้เป็นจังหวะที่พอดีมากกว่า สำหรับละครเรื่องน้ำเซาะทราย ได้มีการพูดคุยกันมาเป็นปีๆ แล้ว แต่เนื่องจากช่วงนั้นจังหวะในเรื่องของการเลี้ยงลูกยังไม่ลงตัว พอได้มีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง เราก็มานั่งคิดว่าจังหวะตอนนี้ลูกชายคนเล็กเริ่มจะโตสามารถไปโรงเรียนได้แล้ว ดังนั้นจึงมีเวลามากขึ้น ประกอบกับตัวกบเองได้มีการพูดคุยกับพี่หลุยส์-สยม สังวริบุตร ว่ากบสามารถถ่ายละครได้เฉพาะวันเสาร์กับวันอาทิตย์เท่านั้น และละครที่กบจะรับเล่นพี่หลุยส์ต้องเป็นผู้กำกับให้ด้วย เมื่อทุกอย่างลงตัวจึงรับเล่น ”
สำหรับการเลือกรับละครน้ำเซาะทราย เป็นละครเรื่องแรกในการคัมแบควงการบันเทิง นักแสดงมากฝีมือ บอกว่า เธอรู้สึกว่าด้วยวัยของเธอในขณะนี้สามารถเข้ากันได้พอดีกับบทบาทของตัวละครในเรื่อง รวมถึงตัวละครที่ส่งมาให้รับเล่นในลักษณะแบบนี้นั้นไม่ได้มีเยอะ เมื่อมีบทดีๆ ผ่านเข้ามา และทุกอย่างลงตัวจึงเลือกรับเล่น ประกอบกับตัวกบเองและตัวละครนั้นมีส่วนที่ใกล้เคียงกันอยู่บ้าง เธอจึงไม่ต้องปรับอะไรเยอะมาก เพียงแต่จะโฟกัสในเรื่องของอารมณ์ให้ดูเป็นผู้ใหญ่สมวัย ดูผ่านอะไรมามากขึ้น
อีกทั้งการได้กลับมาเล่นละครคู่กับคู่ขวัญสุดฟินอย่าง หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ อีกครั้งหลังจากไม่เจอกันนาน พอได้มาทำงานร่วมกันอีกยิ่งทำงานง่ายขึ้นเพราะจังหวะการเล่นละครเข้ากันได้ดี
++ เคาะสนิมการแสดง ประกอบร่างด้วยจิตวิญญาณ
เพราะว่างเว้นการเล่นละครไปนาน เมื่อกลับมาทำงาน กบ-สุวนันท์ เผยว่า ไม่ใช่ง่ายๆ เลยในช่วงแรก เพราะการแสดงต้องทำต่อเนื่องกัน ในช่วงวินาทีเดียวกันนั้นต้องพูดทั้งบท ดูบล็อกกิ้งว่าต้องมูฟจากตรงไหนไปตรงไหน รวมถึงต้องมีอารมณ์ร่วมด้วย โดยวันแรกที่เข้าฉาก ด้วยความตื่นเต้นมาก ส่งผลให้ทำไม่ได้เลยถูกสั่งคัทเป็น 10 กว่าเทก ไม่รู้จะทำยังไงดี รู้สึกยากและบทค่อนข้างยาว อีกทั้งตัวเราเองก็ไม่ได้เล่นละครมานานจึงพยายามรวบรวมสมาธิ ค่อยๆ ประกอบร่าง ใจเย็นๆ สู้ไปทีละส่วน
แต่เนื่องจากอาชีพนักแสดง เป็นเหมือนศาสตร์อย่างหนึ่ง คล้ายการขี่จักรยาน หรือ การขับรถ ถ้าทำได้แล้ว ต่อให้ไม่ได้ทำอีกเป็นเวลานาน เมื่อกลับมาลองทำอีกครั้ง ยังไงก็ทำได้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อกลับมารับเล่นละครอีกครั้ง แน่นอนว่ากบทำได้ เพียงแต่ต้องค่อยๆ เกลา ค่อยๆ หาหนทาง
จากความตั้งใจ ทุ่มเทในการทำงานมาแต่ไหนแต่ไรของนักแสดงมากฝีมือ ส่งผลให้ชื่อของ กบ-สุวนันท์ ถูกพูดถึงหนาหูอีกครั้งในโลกโซเชียลฯ ถึงฝีมือการแสดงซีนอารมณ์ที่กบสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้ทั้งสีหน้า แววตา ความเจ็บปวด ความเสียใจ ความโกรธ ผสมปนกันแล้วกลั่นออกมาในซีนเดียว ถึงขนาดหลายคนยกให้เป็น The Best scene ดรามากันเลยทีเดียว พร้อมคำชมเชยว่าฝีมือการแสดงของเธอยังคงแรงดีไม่มีตกเลย
“ต้องขอบคุณผู้กำกับและนักแสดงร่วมคนอื่นๆ ด้วย การทำงานมันไม่ได้มีแค่เราคนเดียว เราต้องทำงานกับทุกฝ่ายที่เกิดขึ้น ณ เวลานั้น แล้วผู้กำกับช่วยได้มากในเรื่องของการอธิบายอารมณ์ รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ก็ช่วยรับส่งอารมณ์กันเป็นอย่างดี”
สำหรับตัวกบเองคิดว่า เราโชคดีที่ไม่ได้รับงานละครมานาน ทำให้เราลืมเทคนิคการแสดงไป บางครั้งการที่เราทำงานเยอะ ถ่ายละครติดกันเป็นเวลานาน ร่างกายความรู้สึกจะทำงานแบบออร์โตเมติก คือทำให้เราชินกับตรงนั้น ส่งผลให้แสดงได้โดยที่ไม่ต้องมีอารมณ์อะไรเลย ไม่ต้องคิด ไม่ต้องนึก
แน่นอนละครเก่าๆ ที่ผ่านมา กบ-สุวนันท์ เล่าว่า เวลาทำงานเราทำเต็มที่ตลอดทุกครั้งและใส่อารมณ์แบบจัดเต็ม แต่ในบางทีเราเองอาจจะไม่รู้ตัว ดังนั้นเมื่อหยุดทำงานไป 7 ปี สิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้หายไปหมด เมื่อกลับมาทำใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันคือความสมจริง การที่เราเอาความรู้สึกตอนนี้ใส่ลงไปว่าตอนนี้รู้สึกแบบนี้ เห็นภาพแบบนี้ แล้วก็ทำมันออกไป ส่งผลให้ได้ความสมจริงมากขึ้น
ประกอบกับการเป็นคนทำอะไรด้วยความ “ตั้งใจขั้นขีดสุดในการทำงาน” ทุกครั้ง เฉกเช่นละครเรื่องน้ำเซาะทราย เมื่อเราใส่ความตั้งใจลงไปสุดๆ ทำเต็มที่ ใส่สุดพลังที่มี ภาพ อารมณ์ ความรู้สึกจึงถูกส่งออกมาอย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน
“ ดีใจมากที่คนดูชอบละคร และเอ่ยชม ใครชมเราก็ต้องดีใจทั้งนั้น ช่วยให้เราหายเหนื่อยในสิ่งที่เราทุ่มเท และตั้งใจทำลงไป แต่ก็อยากจะบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาเหล่านี้ กบทำด้วยตัวกบเองคนเดียวไม่ได้ ต้องรวมถึงนักแสดง ทีมงาน ผู้กำกับ มีส่วนร่วมมากที่จะทำให้มันเกิดขึ้น”
++ อย่าดูแต่ดูละคร ต้องสะท้อนดูตัวเองด้วย
เป็นอีกหนึ่งละครไทยที่สะท้อนสังคมปัจจุบันได้เป็นอย่างดี สำหรับละครน้ำเซาะทราย โดยกบมองว่า ในละครไม่มีใครผิดหรือถูกไปซะหมด เพราะทุกคนมีส่วนร่วมที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวคุณวรรณนรี (กบ-สุวนันท์) ที่จู้จี้ จุกจิก เจ้ากี้เจ้าการ เป็นครูตลอดเวลา หรือว่าจะเป็นคุณภีม (ศรราม) ที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ รวมถึงตัวพุดกรอง (เจี๊ยบ-โสภิตนภา) ที่ไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่รู้จักอดทน
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วทำให้เห็นได้เลยว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นองค์ประกอบทุกคนมีส่วนทั้งนั้น ฉะนั้นถ้าเราจะสะท้อนไปถึงสังคมในสมัยนี้ก็ต้องบอกว่า ไม่มีใครที่จะถูกไปหมด และไม่มีใครที่จะผิดหมดเช่นกัน เกิดอะไรขึ้นเราต้องย้อนกลับมาดูตัวเรา ว่าเราทำได้ดีมากน้อยแค่ไหนมีส่วนไหนที่เราต้องปรับปรุงตัวเราเองบ้าง ต้องมีการพูดคุยกัน
ดังนั้นในสังคมที่เกิดขึ้นทุกวันนี้นั้นมีอยู่แล้วว่า การที่ผู้ชายจะไปมีคนอื่นเพราะสาเหตุอะไร ตัวผู้หญิงเองก็ต้องกลับมามองตัวเราเองว่าเรามีอะไรบกพร่อง ควรแก้ไขตรงไหน อย่างไรดี เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นมาในสังคมตอนนี้ค่อนข้างเยอะ และผลกระทบที่เกิดขึ้นมานั้นจะตกไปอยู่ที่ลูก เพราะปัญหาที่เกิดทำให้ทุกคนนั้นจมอยู่แต่ในความทุกข์ ทำให้สังคมทั่วไปอยู่ในอารมณ์ อึนๆ เทาๆ หม่นๆ
ฉะนั้นแล้ว กบอยากให้คนที่ดูละครเรื่องนี้แล้วลองกลับไปดูครอบครัวของตัวเอง คนที่ยังไม่มีครอบครัวก็สามารถดูเป็นตัวอย่าง แม้กระทั่งคนที่มีแฟนก็ดูไว้เพราะผลกระทบเหล่านี้สามารถทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มาได้ หรือว่ายังเด็กอยู่สามารถดูไว้เป็นตัวอย่างเมื่อวันใดที่เรามีครอบครัวเราควรที่จะทำตัวอย่างไร น้ำเซาะทรายเป็นละครที่สะท้อนสังคมได้ดีมาก
ดังเช่นครอบครัวของกบ สิ่งสำคัญเลย คือ การพูดคุยกัน เพราะกบกับพี่บรู๊คมีอะไรจะคุยกันค่อนข้างเยอะ และเราก็พูดกันเสมอว่า “มีอะไรต้องบอกกัน” เพราะบางครั้งเราไม่สามารถเดาใจกับอีกฝ่ายหนึ่งได้ มีอะไรต้องพูด อย่าเก็บ เพราะมันจะสะสม ปัญหาที่เกิดขึ้นมาในเรื่องนั้นเกิดขึ้นมาจากการที่ตัวคุณภีมไม่พูดอะไรเลย เก็บสะสมมาเรื่อยๆ จนถึงจุดที่มีใครสักคนสาดของเข้ามาใส่ แล้วระเบิดออกมา ทำให้พร้อมที่จะไปทันที เหมือน “กองทรายโดนน้ำก็กระจายไป”
“ถ้าวันหนึ่งเป็นครอบครัวกบ และพี่บรู๊คเกิดไปมีคนใหม่จริงๆ เราต้องพอใจซึ่งกันและกันก่อน ไม่ต้องถึงขนาดรักกันดี จับมือกันแน่น แฮปปี้ เมื่อมีคนอื่นเข้ามาแล้วไปซะอย่างนั้น อันนี้ก็คงเป็นนิสัยส่วนตัว เราไปว่าอะไรเขาคงไม่ได้ อยากไปก็ เชิญ!! แต่กบคิดว่าหากพี่บรู๊คจะไปมีคนอื่นจริงๆ ก่อนอื่นเราต้องมาคุยกันก่อน เพราะอย่างที่บอกว่าเราสองคนมีอะไรจะเปิดใจคุยกัน เคลียร์ปัญหากันเลย แต่หากคุยกันแล้ว ปรับปรุงได้มั้ย ถ้าปรับปรุงไม่ได้ หลังจากนั้นเราค่อยว่ากัน”
++ ไม่คิดเสียดาย20 กว่าปีเลือกเป็น “นักแสดง”
เส้นทางการเป็นนักแสดงของ กบ-สุวนันท์ เริ่มจากการที่ภรรยาเพื่อนของคุณพ่อ (ภาวิต นักเขียนบทโทรทัศน์) เผอิญเห็นรูปของเธอจากการทำกิจกรรมตอนเรียนอยู่ ม.2 อายุเพียง 13 ปี ได้ชักชวนให้เธอมาลองเป็นนักแสดงดู
จากจุดเริ่มต้นในครั้งนั้นทำให้เธอโลดแล่นบนเส้นทางมายาสร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากว่า 20 ปี เริ่มต้นจากการแสดงละครพื้นบ้านจักรๆ วงศ์ๆ ต่อมาได้เริ่มแสดงละครเรื่องแรกคือ ผยอง ในปี พ.ศ. 2536 ตามมาด้วย ดาวพระศุกร์ ที่ถือได้ว่าสร้างชื่อเสียงให้กับ กบ-สุวนันท์ ถึงขนาดถูกขึ้นทำเนียบ “นางเอกยอดนิยม” คนใหม่ตั้งแต่นั้นมา รวมทั้ง สายโลหิต, ด้วยแรงอธิษฐาน, ทัดดาวบุษยา, ลูกตาลลอยแก้ว นางทาส ศิลมณี และเรือนซ่อนรัก เป็นต้น
เพราะรักในการเป็นนักแสดง แม้การเดินทางในเส้นทางสายนี้ของนางเอกตลอดกาลจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หลายครั้งหลายคราเธอต้องฟันฝ่าอุปสรรคกว่าจะเจอปลายทาง
จนวันนี้เมื่อเธอได้ลองคิดย้อนกลับไปถึงอดีตวัยเยาว์ เธอยังคงตอบด้วยเสียงหนักแน่นเช่นเคยว่า “ไม่เสียดาย” เลย ที่ยอมเหนื่อยทำงานตั้งแต่เด็ก ทำงานทุกวันตลอด 7 วัน ถ่ายละครตั้งแต่ 7 โมงเช้ายันตี 5 ไม่เคยได้ไปไหน ไม่เคยไปเที่ยวห้าง ไม่เคยไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ เลย แต่สิ่งที่เราเลือกทำนั้น “มันคุ้มค่ามาก” เพราะ “โอกาส” ที่เธอได้รับมานั้นไม่ใช่ทุกคนจะมี และไม่ได้ทุกคนจะทำได้ ฉะนั้นสิ่งที่ผ่านมาเธอรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดีมากในชีวิตเรา ไม่คิดเสียดายเวลาที่เราไม่ได้ใช้ในตอนนั้นเลย
“กบเป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกว่าเป็นคนไม่ทิ้งโอกาส เมื่อมีใครหยิบยื่นโอกาสมาให้ก็พร้อมที่จะลองอยู่เสมอ เมื่อลองแล้วชอบก็ทำต่อ แต่หากไม่ชอบก็ไม่เป็นไร เมื่อได้ลองมาแสดงดูก็สนุกดี พอทำแล้วมีชื่อเสียง จึงทำต่อเนื่องมาเรื่อยๆ เท่านั้นเอง”
++ ถ้วยรางวัลไม่ต้อง! แค่คำชมก็สุขใจ
บางคนบอกว่า การจะ “เก่ง” ต้องได้ “รางวัล” สิ ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ กบ-สุวนันท์ บอกว่า คำว่ารางวัลสำหรับเธอในด้านการแสดง คือการที่ทุกคนลงรูปละครที่เธอแสดง แล้วใส่อีโมติคอลรูป “ปรบมือ” ใต้ภาพให้เรา แค่นี้กบถือว่านี่คือรางวัลด้านการแสดงของกบแล้ว หรืออาจเป็นการเขียนชื่นชมเรา บ้างเรียกเราว่า “แม่” อะไรอย่างนี้เรารู้สึกว่า เฮ้ย! งานที่เราทำมีเสียงตอบรับในด้านบวก แค่นี้เราก็ดีใจจะแย่แล้ว
ที่ผ่านมากบภูมิใจในตัวเองที่สุด เพราะเวลาที่ละครประสบความสำเร็จ มีคนชื่นชมเรา เวลาที่เราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ละครเรื่องนั้นๆ ประสบความสำเร็จ สามารถทำให้คนดูอินไปกับการแสดงของเราได้ ไม่ว่าจะเสียใจจนร้องไห้ตาม หรือมีความสุขแล้วหัวเราะตามเรา รวมถึงการที่คนดูทักเราเวลาเจอกัน เรารู้สึกดีและภูมิใจ
ยิ่งหลายคน ยกเราเป็น “แม่” จริงๆ เราก็ไม่อยากได้นะตำแหน่งนี้ ไม่ชอบเลย ทว่าจริงๆ ส่วนหนึ่งเราก็มีความภูมิใจ ว่าหลายๆ คนยกเราไว้บนหิ้ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่ามันดูแก่มาก แต่ก็สนุกๆ แฮปปี้ ถ้าเขาเหล่านั้นยกย่อง สรรเสริญ เยินยอเรา หรือพากันอวยเราจนไส้แตก ตามสมัยวัยรุ่นที่เดี๋ยวนี้เขาใช้กัน เราก็แฮปปี้อยู่แล้ว มีแต่เรื่องดีในทางบวกเข้าหาเรา เราก็ดีใจ
++ เธอคือ “ตำนาน” บทนางเอกเจ้าน้ำตา
ใช่เลย...นางเอกสมัยนี้กับนางเอกสมัยก่อนมีความแตกต่างกันอย่างมาก
สาวกบ เริ่มพูดคุยถึงบทบาทที่เธอได้รับมาตลอด 20 กว่าปี ในการเป็นนักแสดง นั่นคือ บทนางเอ๊กนางเอก..แสนดี เธอบอกว่า นางเอกสมัยนี้ เล่นดีก็ได้ เล่นร้ายก็ไม่ผิด ไม่เหมือนกับบทนางเอกในยุคที่เธอเป็น เพราะไม่สามารถเล่นบทร้ายได้เลย มีที่ทุกคนจดจำ ว่าลุคส์ของเธอนั้นเป็น นางเอ๊ก นางเอกที่ชัดมาก
“เวลากบทำอะไรหลายๆ อย่างเช่น กบไปทาแทททูที่สามารถล้างออกได้ ปรากฏว่าคนไม่ชอบพากันเขียนจดหมายมาด่าเราว่า ไม่เอานะ! คนที่สักแถวบ้านเขาเรียกว่าผู้หญิงไม่ดี หรือ กบจะหัวเราะก๊าก เสียงดังเกินตัวก็ไม่ได้ เพราะการหัวเราะเสียงดังแบบนั้นมันไม่ใช่นางเอก จะไปเสียงดัง หรือไปทำร้ายใคร ก็จะโดนห้าม ไม่ได้ ไม่ได้ อยู่ตลอด เพราะทุกคนติดภาพของการเป็นนางเอกของเรา”
เพราะเหตุนี้ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมนางเอกตลอดกาลอย่าง กบ-สุวนันท์ จึงไม่ค่อยมีข่าวในด้านลบออกมาสักเท่าไหร่ ด้วยเธอรู้และเข้าใจดีว่า ภาพลักษณ์ของตัวเธอนั้นเป็นที่จดจำของคนทั่วไป ดังนั้นจึงระมัดระวังในพฤติกรรมและการแสดงออกของตัวเองอย่างมากว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
ประกอบกับการคร่ำหวอดเป็นดั่งเจ้าแม่ในวงการบันเทิงมานาน จึงทำให้เธอได้ความรัก ความผูกพันจากแฟนคลับเป็นจำนวนมาก
“ด้วยความที่กบอยู่ในวงการนี้มานาน จะสังเกตุได้ว่านักแสดงสมัยก่อนมีน้อย มีไม่เยอะ แต่ละคนที่มีชื่อเสียงในตอนนั้นจะเป็นที่ผูกพันของคนในทุกๆ ระดับ ไม่ว่าจะคนจน คนรวย เด็กหรือผู้ใหญ่ คนท้องถิ่น หรือจะเป็นคนต่างจังหวัด ล้วนแต่เป็นความผูกพันกันมากกว่า
ถามว่าทุกวันนี้ทำไมถึงยังอยู่ได้ เพราะความผูกพัน เห็นเรามานาน คล้ายๆ กับเขารู้จักคนนี้มานาน อย่างเช่น พี่กบคะ หนูดูพี่มาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ทั้งหมดนี้คือความผูกพัน เพราะเมื่อเราสร้างความผูกพันของเรากับคนแล้ว ไม่ว่าจะมีใครเกิดขึ้นใหม่มาอีกนานแค่ไหน เยอะแค่ไหน หรือเราจะห่างหายไปนานแค่ไหน เราก็จะยังอยู่ในความทรงจำ และความผูกพันกันอยู่”
นอกจากนี้ กบยังบอกอีกว่า เธอโชคดีที่ได้มีโอกาสเติบโตในช่วงระยะเวลาที่คนผูกพันกันได้ และอยู่ในระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวนาน ดังนั้นหากจะยกให้เธอเป็นตำนานได้หรือไม่นั้น
ถ้าคำว่า “ตำนาน” วัดที่ระยะเวลาของการเป็นนักแสดง ตัวกบเองถือว่าตัวกบเองก็สามารถเป็น “ตำนาน” ของคำว่า “นางเอกสายน้ำตา หรือนางเอกสายดรามา” ได้
++ ยุคทองในวัยเยาว์ คือ ที่สุดของชีวิต
ทุกวันนี้กบมีความสุขในทุกเรื่องของชีวิต ถ้าถามว่าการประสบความสำเร็จเราตั้งเป้าไว้แค่ไหนในชีวิต กบบอกได้เลยว่า “กบประสบความสำเร็จตั้งแต่ยุคทองเมื่อ 15 ปีที่แล้ว” เพราะกบถือว่าในยุคนั้นกบประสบความสำเร็จสูงที่สุด
การที่เราได้รับการตอบรับที่ดี ได้รับความรักจากทุกคนที่เราไม่เคยได้รับจากใครเลย ได้รับความเอ็นดู ความเมตตาทุกอย่างที่ผ่านมา กบถือเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด
“การประสบความสำเร็จของแต่คนไม่เหมือนกัน เพราะบางคนได้รางวัลถึงจะถือเป็นการประสบความสำเร็จ บางคนต้องดังสุดๆ ถึงจะเรียกได้ว่าประความสำเร็จ บางคนต้องได้รับการยอมรับจากทุกคนถึงจะเรียกว่าการประสบความสำเร็จ”
กบถือว่าการได้รับทุกอย่างจากทุกคน คือการประสบความสำเร็จสำหรับกบแล้ว เมื่อมองจากปัจจุบัน ณ ตอนนี้ การที่กบได้รับคำชมมากมายขนาดนี้ คำติแทบจะมองไม่เห็น ถามว่าแบบนี้เรียกว่าประสบความสำเร็จมั้ย? เป็นใครก็ต้องพูดว่าประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น
ฉะนั้นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกบมันมีสิ่งมีค่าที่แทรกอยู่ในนั้นให้เราได้รับ และเราก็มีความสุขมากแล้วในทุกวันนี้
++ ชีวิตดี๊ดีครอบครัวสุขสันต์แฮปปี้ถ้วนหน้า
“เมื่อวานเพิ่งคุยกับพี่บรู๊ค เราดูโฆษณาตัวหนึ่งที่หลานจะไปเที่ยวขับรถไปแล้วคิดถึงคุณปู่จึงย้อนไปรับ จากนั้นคิดถึงคุณตาก็ย้อนรถไปรับคุณตาอีก และพูดว่าทริปนี้เราต้องไปด้วยกัน กบก็หันไปถามพี่บรู๊คเรามีลูกช้าไปเน๊อะ? พี่ลองคิดดูสิถ้าเราเป็นคุณปู่คุณย่าแล้วเรามีหลาน เวลาเราไปเที่ยวแล้วหลานเราไปด้วย มันคงจะดี มีความสุข แต่เราทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะเรามีลูกช้าไป จริงๆ เราควรที่จะมีลูกให้เร็วกว่านี้”
ตอนนี้เมื่อเรามองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่ามันช้าไป แต่ในเวลานั้นเวลาที่กบเลือกคือ เวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว ฉะนั้นกบถือว่าทุกอย่างลงตัว
การเป็นนักแสดงผู้หญิงคนนี้ก็ทำได้ เมื่อต้องมาทำหน้าที่เป็นภรรยา กบ-สุวนันท์ ก็มิเคยบกพร่องแต่อย่างใด โดยเธอเล่าว่า คู่ของเธอนั้นเป็นคู่ที่อยู่กันง่ายๆ อยู่กันด้วยความเข้าใจ เราเป็นแฟนกันมาตั้งแต่กบอายุ 19 ปี จนตอนนี้กบ 39 ปี กว่า 20 ปีที่เรารู้จักกันมา ดังนั้นระหว่างกบกับพี่บรู๊ค เราอยู่กันแบบความผูกพัน การรู้อกรู้ใจกัน สามารถยืนพิงกันได้ เราอยู่กันมาแบบนี้ ดังนั้นกบไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ “ภรรยา” แบบเฟอร์เพค ชนิดที่กับข้าวพร้อมจานเสิร์ฟแบบนี้ไม่ใช่กบ แต่กบจะค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันจนรู้แต่ละคนเป็นเช่นไหน และเราก็ปรับตัวจนสามารถเข้ากันได้ไปเอง
ทุกวันนี้เราจะคุยกันประมาณว่า พี่บรู๊คอยากได้แบบนี้กบโอเคมั้ย? เหมือนกันกับกบก็จะถามว่าพี่บรู๊คกลับว่าพี่โอเคหรือเปล่า? อยากได้อะไรจากกบหรือไม่?
ซึ่งเราทั้งคู่จะดูแลซึ่งกันและกันประมาณหนึ่ง เพราะพี่บรู๊คมีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง กบก็จะไม่ก้าวก่าย จะเป็นการให้กำลังใจ ไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ มีปัญหาอะไรคุย ช่วยเหลืออะไรช่วย และเติมความผูกพันของเราไปเรื่อยๆ แบบนี้
สำหรับบทบาทของความเป็น “แม่” ที่สาวกบนั้นใฝ่ฝันมาตลอดว่าอยากมีอาชีพเป็นแม่ และอยากมีลูกหลายๆ คน เพราะเธอนั้นเป็นคนรักเด็ก หลังจากแต่งงานมีครอบครัวกบก็ได้ทำหน้าที่ของการเป็นแม่ที่ด้วยการมีลูกสาวสุดน่ารัก น้องณดา-ปุณณดา วัย 6 ขวบ และ ลูกชายสุดหล่อ น้องณดล-ปุณณดล วัย 2 ขวบครึ่ง
โดย น้องณดา จะเหมือนคุณพ่อ นิสัยจะใจเย็น เป็นคนตรงๆ เซนต์ซิทีฟ เห็นอกเห็นใจคนอื่น เวลาดื้อจะดื้อเงียบ ส่วน น้องณดล จะเหมือนแม่ นิสัยเป็นคนตรงๆ อยากได้อะไรต้องเอาให้ได้ มีความตั้งอกตั้งใจสูงมาก ถ้าจะดื้อ จะไม่ทำอะไรจะชัดเจนเลยว่า “ฉันไม่ทำ” แต่เป็นเด็กน่ารัก มีเสน่ห์ เฮฮา ฉลาด รู้จักว่าอะไรควรทำตอนไหน
“กบเป็นแม่ที่ดุมาก และเป็นคนที่ระเบียบวินัยจัด ลูกๆ ต้องอยู่ในกรอบ แต่ในอีกมุมหนึ่งก็จะเป็นแม่ที่เวลาสนุกก็จะสนุกมาก ชอบเที่ยว เฮฮา ถ้าใจดีก็ใจดีขีดสุดเลย ดังนั้นในการเลี้ยงลูกจะใช้ทั้งความดุและความใจดีทั้ง 2 อย่างให้บาลานซ์กัน โดยในบางช่วงก็ต้องปล่อยลูกๆ ให้ได้ทำอะไรตามใจตัวเองบ้าง ทว่าในบางครั้งด้วยความที่ลูกทั้ง 2 ยังเป็นเด็กกบก็ต้องตบๆ ให้เข้าที่เข้าทางบ้าง ต้องฝึกลูกให้มีระเบียบวินัย เพราะถ้าไม่ฝึกช่วงลูกเล็กๆ อย่างนี้ ก็จะยากแล้วหากต้องไปฝึกช่วงที่ลูกโตแล้ว”
เพราะฉะนั้นลูกทั้ง 2 คนจะรักแม่มาก เพราะเวลาแม่ดีกบก็จะดีมาก สนุกสนาน เฮฮา แต่เวลาดุลูกเขาก็จะรู้ว่าแม่ดุ เสียใจกันแต่ก็เชื่อฟัง ส่วนหนึ่งในการสอนลูกของกบ คือกบจะอธิบายให้ลูกเข้าใจว่าการที่แม่ดุในเรื่องแบบนี้ เพราะอะไร
++ ลูกไม้ใต้ต้นที่พ่อและแม่สุดภูมิใจ
นอกจากความน่ารัก เป็นเด็กเลี้ยงง่ายแล้ว ความสวยหล่อของลูกบ้านนี้ก็ไม่ธรรมดาถูกขึ้นธรรมเนียบให้เป็นซุปตาร์ฟันน้ำนมมีแฟนคลับมากมายคอยติดตาม น้องณดาและน้องณดล ยังเป็นลูกไม้ใต้ต้นเดินตามรอยของแม่กบและพ่อบรู๊คในการเป็นนักแสดงอีกด้วย
“ตอนนี้เรียกได้ว่าลูกๆ ได้แจ้งเกิดกันด้วยการชิมลางแสดงละครกันแล้ว พอดีพี่ลอร์ด-สยม สังวริบุตร ได้พูดจองตัวลูกของกบไว้ตั้งแต่กบท้องแล้วว่าอยากให้มาเล่นละคร ดังนั้นเมื่อมีโอกาสให้น้องณดาลองเล่นละครเทิดพระเกียรติ ชุด “ใต้ร่มพระบารมี” ตอน จากฟากฟ้าสุราลัยดูซึ่งตัวกบเองก็ไม่ได้ปิดกันโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น กบอยากให้ลูกได้ลอง ส่วนลูกชายน้องณดลยังเล็กอยู่ 2 ขวบกว่า เลยให้ลูกลองแสดงเรื่อง โซ่เสน่หา รับบทนิดๆ หน่อยๆ ดูก่อน”
การเลือกรับงานให้ลูกทั้งคู่ คุณแม่สุดเนี๊ยบ บอกว่า งานที่เธอเลือกให้ลูกทำนั้นต้องเป็นงานที่ลูกทำได้ หากเขาทำไม่ได้ ยากเกินไป ก็จะไม่รับ เพราะงานที่รับมานั้นไม่ใช่เราเป็นทำแต่อยู่ที่ลูก ถ้างานยากเกินไป ลูกเราไม่แฮปปี้ เด็กเขาก็จะไม่ทำ ส่งผลให้งานเขาเสียหาย ดังนั้นเราเลี้ยงลูกเรามาเองเราย่อมรู้ว่าอะไรที่ลูกเราทำได้ อะไรที่ลูกเราทำไม่ได้ ส่วนใหญ่กบจะลองให้ลูกได้ลองทำอะไรใหม่ๆ มีอะไรเข้ามาก็จะลองให้ทำดู และจากนั้นเราค่อยประเมินว่าลูกจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร งานหน้าค่อยเอาไปประเมินต่อ
สุดท้ายนี้เชื่อได้เลยว่าผู้หญิงหลายคนต้องแอบอิจฉาโชคชะตาของ กบ-สุวนันท์ คงยิ่ง เป็นแน่ เพราะนอกจากจะประสบความสำเร็จด้านการเป็นนักแสดงแล้ว เธอยังมีชีวิตครอบครัวที่ดีได้แต่งงานมีลูกที่น่ารัก โดยสาวกบบอกว่าหากมีละครเรื่องใหม่ติดต่อเข้ามาแล้วบทถูกใจเธอก็พร้อมรับเล่นแน่นอน...
เรื่องโดย : ผู้จัดการ Live
สัมภาษณ์โดย : นับดาว รัตนสูรย์
ภาพโดย : กัมพล เสนสอน, ภาพประกอบเพิ่มเติม : ดาราวิดีโอ, IG @kob_nada_nadon
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754