xs
xsm
sm
md
lg

ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กับพระเครื่อง ยึดทางธรรมเหนี่ยวนำจิตใจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ไพโรจน์ วัฒนวโรดม
 
“ผมเริ่มหันมาศึกษาเรื่องพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ยิ่งเรียนรู้ก็ยิ่งศรัทธา ศึกษาต่อเนื่องไปเรื่อยจนถึงเรื่องราวของพระเครื่อง พระพุทธรูปในยุคสมัยต่างๆ ทั้งในเรื่องประวัติความเป็นมา ประวัติการสร้าง คุณค่าทางจิตใจ รวมทั้งผลพลอยได้ที่ตามมาคือคุณค่าทางพุทธคุณ” “ไพโรจน์ วัฒนวโรดม” บอกเล่าถึงความสุขของเขาด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
 
แม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์ แต่ใครจะรู้บ้างว่า อีกมุมหนึ่งของหนุ่มใหญ่อารมณ์ดีคนนี้ จะกล้าควักเงินปีละไม่ต่ำกว่า 8 หลัก เพื่อใช้ในการทำนุบำรุงพุทธศาสนาให้คงอยู่คู่ชาวพุทธสืบต่อไปโดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน เส้นทางบุญของ “ไพโรจน์” จึงน่าสนใจพอ ๆ กับชีวิตที่โลดแล่นอยู่ในขณะนี้

 
*** เปิดเส้นทางบุญ..ถนนสายใหม่แห่งชีวิตของ “ไพโรจน์”

ประตูบ้านหลังงามย่านถนนกาญจนาภิเษกของ “ไพโรจน์ วัฒนวโรดม” กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ เปิดให้ ผู้จัดการ Live จึงเข้าไปทำความรู้จักและล้วงลึกถึงวิธีการทำบุญ พร้อมเคล็ดลับความสุขในชีวิตของเขาอย่างเป็นกันเอง 

ไพโรจน์ ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวที่เราได้พบในวันนั้นย้อนเรื่องเรื่องราวชีวิตในเส้นทางบุญของเขาให้ฟัง ว่า แม้จะเริ่มต้นตั้งแต่เด็กที่มีโอกาสได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญในที่ต่างๆ แต่ได้มีโอกาสทำอย่างจริงจังด้วยเงินของตัวเองก็ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 นั่นเอง

“วิกฤตตอนนั้นผมโดนด้วยนะ ธุรกิจประสบปัญหามากขาดทุน ก็เครียดและเชื่อเลยว่าสูตรสำเร็จของคนเก่งมันต้องมีดวงและความเฮงมาผสมผสานด้วยนะ ก็คิดหาคำตอบ ขับรถผ่านวัดก็จะแวะเข้าไปทำบุญ กราบพระ สนทนาธรรมเรื่องการทำบุญเป็นอย่างไร การถือศีล-สวดมนต์เป็นอย่างไร ทำไมถือศีลสวดมนต์จึงได้บุญมากกว่า แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จนมาเจอพระครูสุตาลงกต เจ้าอาวาส วัดหนองโค้ง แม่ริม จ.เชียงใหม่ ท่านอธิบายว่า การถือศีล-สวดมนต์ เป็นการทำบุญโดยใช้เลือดเนื้อและใจของเราทั้งหมด ทำให้เราได้ทั้งสมาธิ สติ ปัญญากลับมา พอคลี่คลายตรงนี้แล้ว ผมก็เลยมีความสุขใจที่จะทำบุญเรื่อยมา”

ตลอดช่วงระยะเวลากว่า 1-2 ปีที่เข้าออกวัดเป็นว่าเล่นนั้น “ไพโรจน์” เริ่มกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง จากความเก่งและความแกร่งในตัว มาผสมความกับความกล้าได้-กล้าเสีย ทำให้ชีวิตเขาพลิกผันจากร้ายมาเป็นดีอีกครั้งหนึ่ง “ผมเชื่อว่าส่วนหนึ่งมาจากการสวดมนต์-นั่งสมาธิ ตรงนั้นช่วยให้ที่จิตใจเราสงบ ผมมีพลัง มีสมาธิมากพอที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง คือไปกู้เงินมาลงทุน และก็โชคดีได้ทำเลดี สร้างมาขายไป มีคนให้งานจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น” เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางตามที่ตั้งใจแล้ว “ไพโรจน์” ก็เริ่มเดินสายทำบุญของเขาต่อไป “

 
*** พลังศรัทธาไม่มีที่สิ้นสุด

ไม่เพียงแค่ทำบุญ สวดมนต์ ปฎิบัติธรรม นั่งสมาธิเท่านั้น ในแต่ละปี “ไพโรจน์” ยังทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อบูรณะวัด สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร เป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาและเพื่อให้ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสมาถือศีลสมาธิร่วมกันอีกด้วย ซึ่งแต่ละแห่งนั้น เขายอมรับว่าต้องใช้เงินจำนวนไม่ต่ำกว่า 7-8 หลักในการจัดสร้าง แต่นั่นต้องหมายถึงว่า ไม่มีผลกระทบต่อกระเป๋าเงินของเขา เพราะทุกครั้งที่ตัดสินใจจะทำอะไร เขาจะต้องดูงบประมาณของตัวเองให้แน่ใจว่า ตัวเองและครอบครัวต้องไม่เดือดร้อน

“ทำบุญทุกครั้ง ถ้าเดือดร้อนตัวเองและครอบครัวก็ไม่ได้บุญหรอกครับ สำหรับผมแล้วเสียงรอบข้างใครจะว่าอย่างไรผมไม่ทราบนะ เพราะไม่ได้ยิน ผมคิดว่าถ้าสิ่งที่ผมทำเป็นสิ่งที่ดีไม่มีกระทบใครผมก็จะทำ ผมแบ่งเงินเป็น 4 ส่วนคือส่วนแรกสำหรับออม ส่วนที่ 2 ไว้กินใช้ในครอบครัว ส่วนที่ 3 ทำบุญ และส่วนสุดท้ายคือซื้อของสะสมที่ผมชอบ”

สำหรับวัดแรกที่ “ไพโรจน์” ทำให้อย่างจริงจังคือ การสร้างเจดีย์ ที่ “วัดในไร่” หาดแม่รำพึง จังหวัดระยอง “ผมเลือกวัดนี้ เพราะผมเป็นคนฝั่งธนบุรี ผมรักและศรัทธาในพระเจ้าตากสินมหาราช และวัดนี้เป็นวัดที่พระเจ้าตากสินเคยเสด็จผ่านเลยตัดสินใจสร้างเจดีย์ที่นี่ถวายท่าน” วัดเทพพล พุทธมณฑลสาย 1 ก็เป็นอีกวัดที่เขาไปช่วยบูรณะมานาน 5 ปีแล้ว โดยเริ่มต้นจากการจัดการบูรณะสาธารณูปโภครอบวัด รวมถึงการบูรณะวิหารหลวงพ่อใหญ่ พระประจำวัดนี้ ศาลา โบสถ์ ศาลพระเจ้าตากสิน “วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น มีการบูรณะหลายครั้งจนถึงพระครูสิทธิธรรมโสภณ (สุเทพ ภูริปญฺโญ) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน และพระครูวินัยธร ยศดนัย อภิเสฏโฐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพพล ซึ่งท่านก็บูรณะวัดหลายอย่างแต่ก็มีบางส่วนที่ยังไม่ได้ทำก็เลยอาสาทำ เช่น วิหารหลวงพ่อใหญ่ วิหารหลวงพ่อปาน ซึ่งพอเสร็จได้เห็นชาวบ้านไปกราบไหว้พระที่นั่น แล้วมีความสุขมาก มันเป็นความสุขในแบบที่เราอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ครับ”

 
*** พระเครื่อง-พระพุทธรูป คุณค่าทางใจ
 
นอกเหนือจากการทุ่มเงินหลายหลักเพื่อทำนุบำรุงศาสนาแล้ว ไพโรจน์ ยังชื่นชอบการเช่าสะสมพระเครื่องและพระพุทธรูปอีกด้วย โดยพลังศรัทธา มุ่งมั่น และจริงจังของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ผู้นี้ ทำให้การสะสมพระดังล้ำค่าในตำนานในเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ห้องพระของเขาก็เต็มไปด้วยพระพุทธรูปยุคสมัยต่าง ๆ มากมาย เรียงลำดับยุคสมัยของพระพุทธรูป ตั้งแต่รุ่นแรก ๆ ไปจนถึงพระพุทธรูปหาชมได้ยาก และพระพุทธรูปสกุลช่างต่างๆ ในประเทศไทยที่ล้วนมีคุณค่าทางด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ

“อย่าถามว่าชอบองค์ไหนเป็นพิเศษ ผมตอบไม่ได้ เพราะเคารพศรัทธาทุกองค์เหมือนกัน พระของผมเช่ามาเพื่อสะสม เพราะผมยึดถือว่าเป็นสิ่งที่เราเคารพบูชา ไม่ได้เช่ามาเพื่อขายเก็งกำไรอะไร นอกเสียจากว่าได้องค์ใหม่ที่สวยกว่ามา องค์เก่าที่มีจึงปล่อยไปซึ่งพระบูชา องค์เก่าก็ไม่ได้นำไปจำหน่ายต่อ แต่ได้แจกจ่ายให้ไปกับวัดต่างๆรวมถึงเพื่อนที่ชอบกัน ผมมีพระเครื่องทุกแบบทุกประเภท โดยพระเครื่อง พระพุทธรูปทั้งหมดที่เช่ามารวมๆ แล้วก็มีอยู่หลายพันองค์ ทั้งในห้องพระและในตู้เซฟตอนนี้เต็มจนไม่มีเก็บ”

เมื่อถามเป็นมูลค่า หนุ่มใหญ่คนนี้รีบโบกมือห้ามไม่ให้นับหรือคิดถึงราคาค่างวดแต่อย่างใด นั่นเป็นเพราะเขาบอกว่าคิดเป็นมูลค่าไม่ได้นั่นเอง

 
*** ของแต่งบ้านเก่าแก่ถูกเงินถูกใจอีกหนึ่งความสุขสไตล์ “ไพโรจน์”

ใช่ว่าในชีวิตของ “ไพโรจน์” จะต้องคลุกคลีออยู่กับพุทธศาสนา วัดวาอารามเท่านั้น เพราะชีวิตด้านสุนทรีย์ของเขาก็ละเมียดละไมอยู่ไม่น้อย ใครที่ชอบช้อปปิ้งเฟอร์นิเจอร์เครื่องแต่งบ้าน อาจได้กระทบไหล่กับไพโรจน์ ตามตลาดของเก่าแถบยุโรปมาแล้วก็ได้ เพราะบรรดาเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขารักและชื่นชอบ “ผมทำอาชีพอสังหาฯ ดังนั้นของสะสมก็จะเป็นพวกโต๊ะ-เก้าอี้ ทั้งแนวยุโรปและจีน ซึ่งยุโรปก็เพื่อเข้าใจ lifestyle ประกอบการทำงาน”

หนุ่มใหญ่อารมณ์ดี บอกเล่าพร้อมพาเราเดินดูเฟอร์นิเจอร์ห้องต่างๆ ภายในบ้านซึ่งในส่วนฝีมือการออกแบบและตกแต่งบ้านเป็นของพี่หมวยหรือ คุณกัลยาณี อนุตรพร เพื่อนที่เป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน ชั้นนำที่ จบและทำงานในประเทศอังกฤษมากว่า 10 ปี และเคยทำงานในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ โดยแต่ละห้องก็ให้อารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป คือมีทั้งห้องที่เป็นสไตล์ยุโรปโบราณและห้องสไตล์จีน ที่เขาบอกว่าเป็นความชอบส่วนตัว เพราะตอนเด็กก็คิดอยากรวย อยากเป็นเหมือนเจ้าสัว เลยชอบของสะสมสไตล์นี้

แม้เจ้าตัวจะออกปากว่าไม่ใช่นักแต่งบ้านมืออาชีพหรือกูรูผู้เชี่ยวชาญเรื่องเฟอร์นิเจอร์ หากแต่ฝีมือการเลือกเฟอร์นิเจอร์แต่งบ้านทั้ง 3-4 หลังของ “ไพโรจน์” นั้น หากใครได้เห็นและทราบราคาเป็นต้องอึ้ง เพราะสวยหรูดูดีแต่ราคาถูกสุดๆ

ไพโรจน์ เล่าให้ฟังว่า ทุกปีเขาจะหาวันหยุดให้ตัวเองและครอบครัวเพื่อไปทัวร์ยุโรป ซึ่งทุกครั้งเขาจะต้องแวะเวียนไปตลาดของเก่าเพื่อลุยโกดังหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ชิ้นงาม มาตกแต่งบ้านและจากประสบการณ์ที่คลุกคลีกับฟอร์นิเจอร์เก่ามานาน ทำให้เขาพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ของถูกและดีก็มีถมไป
“จริงๆ แล้วชอบเฟอร์นิเจอร์ทั้งใหม่และเก่า ขอแค่ดีไซน์เรียบง่าย คุณภาพดีก็เพียงพอแล้ว งานสมัยใหม่ดีไซน์ทันสมัย แต่วัสดุที่ใช้ไม่คลาสสิกเลย ผมติดใจของโบราณมากกว่า เสน่ห์ของเก่าอยู่ที่ช่างสมัยก่อนเขาออกแบบดีไซน์ละเอียดมีลูกเล่น ไม่เชย วัสดุดี ฝีมือประณีต เสน่ห์ของเก่าที่ผมหาซื้อตรงนี้คือทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น ได้ลุ้นว่าที่เราเลือกมาจะดีมั๊ย แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ผิดหวังเอามาทำใหม่ก็ดีและสวยถูกใจ ที่สำคัญคือเอามาวางก็ลงตัวเข้ากันได้หมด ตรงนี้ก็เป็นความสุขนะครับ เหนื่อยกลับมาบ้านได้เห็นของสะสมเหล่านี้ก็รู้สึกมีความสุข”

 
*** บทเรียนชีวิตสอนให้แกร่ง

แม้ว่า “ไพโรจน์” จะปล่อยวางสิ่งรอบกายและมีความสุขกับชีวิตที่เรียบง่าย หากแต่ในความเป็นจริงเขายังต้องทำงานและรับผิดชอบโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่หลายโครงการ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละแห่งก็ย่อมมีปัญหาไม่มากก็น้อย และทุกครั้งที่เกิดปัญหาเหล่านี้ เขาก็เลือกที่จะรีบกำจัดมันออกไป โดยไม่เก็บมาคิดให้ฟุ้งซ่านและบั่นทอนจิตใจ

“โชคดีที่ก่อนหน้านั้นผมเคยทำงานในองค์กรใหญ่อย่าง SCG , พร็อพเพอร์ตี้เพอร์เฟค ทำให้เจอปัญหาหนักๆมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ปัญหาและความเครียดมันมีทุกที่ จะใหญ่หรือเล็กมันกำหนดอยู่ที่ใจ ดังนั้น ทุกครั้งที่ปัญหาผมย้อนกลับมาดูที่ใจ มองให้รู้ว่าเป็นปัญหา ไม่ใช่อยู่กับปัญหา แยกได้อย่างนี้ก็จะไม่เครียด ทุกวันหลังเลิกงานได้มานั่งเล่นภายในบ้านแล้ว ผมจะมานั่งสมาธิที่ห้องพระของผม เพราะให้ความรู้สึกสุข สงบและมีพลังในการทำงานวันต่อไป”

การอ่านปรัชญาจีนและเขียนพวกบทความ ประเภทแนวคิดการทำงาน กำลังใจ มุมมองการใช้ชีวิตต่างๆ ลงใน facebook และ Group line ของเขา เป็นอีกกิจกรรมที่เขาชื่นชอบ เพราะนอกจากเป็นการผ่อนคลายอีกทางหนึ่งแล้ว ยังช่วยเป็นกำลังใจให้ทั้งลูกน้องในที่ทำงาน และลูกชายคนเดียวของเขาที่กำลังเรียนปริญญาตรีที่ University of BATH อีกด้วย

และด้วยเวลาที่มีจำกัด...ก่อนจากกัน แจ้-ไพโรจน์ คนนี้ ยังฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ว่า อยากให้ใส่ใจเรื่องการทำบุญ หรือช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องมีเงิน แค่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการจิตอาสา หรือมูลนิธิต่างๆ ที่ช่วยเหลือสังคมก็พอแล้ว ได้บุญแล้ว “ถ้าเด็กๆ ได้ทำตรงนี้ ผมเชื่อว่าเขาจะได้รู้สึกถึงความอิ่มใจ ได้ทราบคำที่ว่า “ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งตัดใบยิ่งผลิดอก” แต่ไม่ว่าทำอะไรอย่าหวังผลตอบแทน ให้ทำด้วยใจอย่างแท้จริงครับ”

เรื่องโดย : ผู้จัดการ Live
สัมภาษณ์โดย : วรกัญญา สมพลวัฒนา
ภาพโดย : จิรโชค พันทวี
ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กับ ภรรยาคูู่ชีวิต



มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram

"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!


และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754



กำลังโหลดความคิดเห็น