ไลฟ์สดทำพิษ! หลังสุวรรณภูมิปล่อยแก๊งเทรด FOREX เข้าไปเฟซบุ๊กไลฟ์รับเพื่อนแทบจะถึงประตูเครื่องบินแบบชิลชิล เพียงแค่ยืมบัตรมาจากคนใน ด้าน ผอ. สุวรรณภูมิ ย้ำ ความปลอดภัยมาก่อนอยู่แล้ว พร้อมสั่งเด้งตำรวจเจ้าของบัตรผ่าน!
แฉเบื้องหลังไลฟ์อภิสิทธิ์ชน คือกลุ่มโกงหุ้นรายใหญ่!!
เฟซบุ๊กไลฟ์โชว์พาวอยู่ดีๆ กลับกลายเป็นการไลฟ์ฆ่าตัวตายไปเสียได้ หลังจากที่ยูทิวบ์แชลแนล “The Purge Forex” เผยแพร่คลิปวิดีโอในชื่อ "มาตรการสนามบินสุวรรณภูมิอยู่ตรงไหน?" มีความยาวเกือบ 49 นาที ปรากฏภาพชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์อย่างอารมณ์ดี ในขณะที่เขาเดินเข้าไปรับกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาจากประเทศจีน ภายในอาคารผู้โดยสารขาเข้า ประตู F5 “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” ประจำท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ที่รับชมคลิป วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากนั่นก็คือ ชายคนนี้เข้าไปแทบจะถึงประตูเครื่องบิน โดยผ่านช่องทางพิเศษสำหรับผ่านเข้า-ออก ที่มีไว้สำหรับพนักงานและผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งจากในคลิปจะเห็นได้ว่า เขาไม่มีตั๋วเที่ยวบินหรือติดบัตรอนุญาตให้เข้าพื้นที่แต่อย่างใด!
ผู้โพสต์คลิปตั้งคำถามทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า มีบุคคลที่ไม่มีตั๋วเที่ยวบินสามารถเข้าไปข้างในภายในตัวอาคารได้อย่างไร ความปลอดภัยอยู่ที่ไหนหากเป็นคนร้ายจะทำยังไง
ภายหลังจากที่คลิปเฟซบุ๊กไลฟ์เจ้าปัญหานี้เผยแพร่ออกไปบนโลกโซเชียลฯ ก็เกิดคำถามตามมามากมาย ถึงมาตรการความปลอดภัยของสนามบินระดับนานาชาติอย่างสนามบินสุวรรณภูมิ ว่าเพราะเหตุใดจึงปล่อยในคนนอกที่ไม่ได้รับการอนุญาต เข้าไปจนเกือบจะถึงหน้าประตูเครื่องเช่นนี้ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า หรือจะเป็นการใช้อภิสิทธิ์ชนในการเข้านอกออกในสนามบินได้ โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งนั้น
ความคิดเห็นบนโลกโซเชียลฯ ที่มีต่อเหตุการณ์นี้
ล่าสุด เพจสายดาร์กอย่าง “แหม่มโพธิ์ดำ” และ “The Purge Forex : เทรดเกรียน เซียนล้าง” ก็ได้ออกมาแฉว่า ชายคนดังกล่าวที่อยู่ในคลิปเฟซบุ๊กไลฟ์ เข้าไปถึงพื้นที่หวงห้ามเพื่อเซอร์ไพรส์และแสดงความยินดีกับ วรวัฒน์ นาคแนวดี อาจารย์สอนลงทุนตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศชื่อว่า “ฟอเรกซ์” (FOREX) หลังไปรับรางวัลในงาน China Forex Expo 2017 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และที่เขาเข้าไปถึง โซนปลอดคนภายนอกได้นั้น มาจากการที่เขายืมบัตรของข้าราชการตำรวจ สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว
เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะเพจสายดาร์กยังได้โพสต์ ข้อความลงในแฟนเพจ ว่ามีการเตรียมการลากไส้แก๊งเทรด FOREX ยกใหญ่ เนื่องจากได้รับข้อมูลมาว่า แก๊งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการโกงเล่นหุ้น ที่มีการหลอกให้ร่วมลงทุนจนมีผู้เสียหายรวม 40,000 คนทั่วประเทศ มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท และซึ่งผู้เสียหายได้รวมตัวกันเข้าร้องเรียนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หูยย สรุปไอ้ขี้เบ่งเข้าสุวรรณภูมิไปไลฟ์สดรับอาจารย์ที่เพิ่งไปรับรางวัลโคตรเซียน FOREX จีนเก๊สองปีซ้อน มันยืมบัตรตำรวจท่องเที่ยวเข้าไปหน้าประตูเครื่องบินจ้า สายรายงานว่า ตร.ท่องเที่ยวเจ้าของบัตรคนนั้น ถูกสั่งย้ายไปช่วยราชการและตั้งกรรมการสอบแล้ว อสกข แหม่ ใครได้พื้นที่เพจตูโปรโมตนี่บันเทิงทุกตัว ติดตามรับชมความชิบหายของกระบวนการโกงเงินเล่นหุ้นได้ที่นี่ คน_ๆ กฎหมายแตะไม่ได้ ต้องเจอตู เจ้าพ่อการเงินเมืองไทยหลายคนกำลังเขียนบทความให้ควีนอยู่ เผ็ชไม่เผ็ชเดี๋ยวรู้เลย วะฮะฮ่าๆๆ”
สำหรับเรื่องของคดีความของขบวนการโกงหุ้นครั้งใหญ่นี้ คงต้องเป็นหน้าที่ของดีเอสไอเข้ามาจัดการ แต่เรื่องของการปล่อยให้มีบุคคลภายนอก เข้าไปไลฟ์กันสดๆ ถึงประตูต้อนรับผู้โดยสารขาเข้านั้น ทาง ทอท.ได้สั่งลงดาบตำรวจท่องเที่ยวเป็นเจ้าของบัตร ให้ไปช่วยปฏิบัติราชการในส่วนอื่นชั่วคราวเป็นเวลา 30 วัน ก่อนที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป
"สุวรรณภูมิ" คนเส้นใหญ่ เหนือความปลอดภัย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ทำให้เรื่องของการรักษาความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง จน ผอ.รวมถึงผู้มีตำแหน่งระดับสูงในท่าอากาศยานนานาชาติแห่งนี้ต่างพากันออกมายืนยันว่า สุวรรณภูมิมีมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากลแน่นอน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศิโรตม์ ดวงรัตน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า
ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีมาตรการการรักษาความปลอดภัยที่รัดกุมซึ่งกำหนดให้ผู้ที่ผ่านเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม จะต้องมีบัตรรักษาความปลอดภัยที่ท่าอากาศยานออกให้ และต้องผ่านเข้า - ออกตามช่องทางที่กำหนดเท่านั้น อีกทั้งต้องผ่านการตรวจค้นและปฏิบัติตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่หวงห้าม พร้อมทั้งให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วย
สำหรับกรณีที่มีบุคคลภายนอกเข้าไปไลฟ์สดได้ถึงสถานที่หวงห้ามนี้ ได้มีการตรวจสอบแล้วว่า บัตรที่ใช้ผ่านเข้าไป เป็นประเภทที่ไม่มีภาพถ่ายผู้ถือบัตร ซึ่งการใช้บัตรประเภทนี้ต้องมีผู้พาเข้าไปในพื้นที่หวงห้าม
สุดท้าย เฮดใหญ่สุวรรณภูมิ ยืนยันว่าให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยภายในท่าอากาศยานอย่างเคร่งครัดให้เป็นไปตามกฎหมายและมาตรฐานสากล และจะยกเลิกการใช้บัตรรักษาความปลอดภัยแบบไม่มีรูปถ่าย ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2560 เป็นต้นไป
สอดคล้องกับกรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ท่าอากาศยานไทย ออกมาชี้แจงเช่นกัน พร้อมยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะไม่ส่งผลเสียต่อการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยในสนามบิน ที่องค์การการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ ICAO จะเข้ามาตรวจสอบสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้
แม้เหตุการณ์นี้จะมีการลงโทษตำรวจท่องเที่ยวเจ้าของบัตรผ่าน ที่ให้ชายหนุ่มเข้าไปไลฟ์สดถึงประตูเครื่องบิน ด้วยการเด้งให้ไปช่วยราชการที่อื่น รวมทั้งการจะยกเลิกบัตรผ่านที่ไม่มีรูปถ่าย แต่นั่นก็ดูคล้ายจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ยังมีหลายต่อหลายเหตุการณ์ที่ “คนใน” รวมถึง “ผู้มีอิทธิพล” อยู่ในกระบวนการกระทำผิดครั้งนี้
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านไปไม่นาน ช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาหากยังจำกันได้ กับกรณีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านตรวจอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตรวจค้นกระเป๋าต้องสงสัยและตรวจยึด “นอแรด” ครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มูลค่ากว่า 173 ล้านบาท
ที่สำคัญ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ นอกจากหญิงสาวที่ลักลอบนำนอแรดเข้ามาแล้ว ยังมีนายตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ 2 นาย ที่มีลักษณะเดินประกบกระเป๋าสัมภาระที่ใช้ขนนอแรดและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงยุติธรรมเข้ามาพัวพันด้วย
ในภายหลังจึงเด้งตำรวจ 2 นาย ให้ไปปฏิบัติหน้าที่สถานที่อื่นก่อน แต่จากการสอบสวนเบื้องต้นในขณะนั้น ไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว แต่จะมีการตรวจสอบในประเด็นอื่น เพื่อให้เกิดความชัดเจน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยยังตัดขาดปัญหาการใช้อำนาจของอภิสิทธิ์ชนยังไม่หมดไปเสียที รวมถึงเรื่องที่คนในเพียง 0.01% ที่ทำให้มาตรฐานความปลอดภัยของหน่วยงาน ถูกสั่นคลอนครั้งแล้วครั้งเล่า อดหวั่นใจไม่ได้เลยว่า ในอนาคต หากยังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ย่อมส่งผลกระทบต่อการประเมินมาตรฐานความปลอดภัยในสนามบินแน่นอน
ขอบคุณข้อมูล : เฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ”,“The Purge Forex : เทรดเกรียน เซียนล้าง” และ “AOT Official”
มาตามติด Facebook Fanpage และ Instagram
"MGR Online Live" และ "@manager_live" กันได้ที่นี่!!
และสามารถส่งข่าวสารมาได้ที่: manageronlinelive@gmail.com
หรือ Fax 0-2629-4754